|
change นายกคนดี ที่หลายคนปรารถนา
"การเมืองเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็น" มีใครคนหนึ่งเคยบอกไว้ ซึ่งคนๆนั้น ปัจจุบันดูจะอินจัด กับการสังกงสังกัดกลุ่มสีเสื้อทางการเมือง จนระยะหลังๆ ผู้เขียนกับเขาต้องบอกตามประสาว่าเราเข้ากันไม่ได้ (แต่ไม่ได้หมายความว่า หนี้ที่ค้างเราจะต้องเลิกตามไปด้วย) หลายคนจัดหมวดของการพูดคุยสัพเพเหระทางการเมือง เป็นเรื่องต้องห้ามกลางวงเหล้า เพราะอาจทำให้รสชาติเหล้าดีๆในขวด มีรสชาติที่หม่นลง และคนในวงที่ร้อยพ่อพันแม่ ต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างตามสภาพแวดล้อมและประสบการณ์ เรื่องอย่างนี้ ปานประหนึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม อันมีวาระคล้ายคลึงกันกับ ข้อต้องห้ามกลางวงเหล้า อย่าง ความเชื ่อ ศาสนา และบุพการี ของอย่างนี้ มันพูดเล่นกันได้สักทีไหนละ
แม้แต่ห้องราชดำเนินในพันทิป ที่งดการให้บริการ ด้วยเรตติ้งของการเข้าใช้บริการที่ดี แต่การปะทะสังสรรค์ที่เลว(ร้าย) ขณะที่เหตุการณ์ทางการเมือง ในเรื่องของการสลายม็อบยังคงดำเนินอยู่ อย่างต่อเนื่อง รุนแรง และบานปลาย ขยายวงกว้างควบคู่กับการขยายวันหยุดยาว ทำให้การเมืองอันเป็นเรื่องของรัฐสภา กลายเป็นสิ่งที่ประชาชนตาดำๆอย่างเรา อยู่ได้ใกล้ เอื้อมก็ถึงและเผลอไปสัมผัสก็มีสิทธิ์ที่จะเจ็บตัวได้ง่าย รวมถึงบางทีก็อาจจะตายโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนยังเคยจดจำคำพูด ของอ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ในงานสัมมนาแห่งหนึ่ง ที่รู้จักชื่อเสียงของท่านดี ดีเสียยิ่งกว่าการมารับรู้อีกทีว่าเป็นลุงของน้องพลับเขา ที่เคยบอกว่า "การเมือง เป็นเรื่องของการทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้" ได้ยินที่แรก ออกฤทธิ์งงๆ ว่าจะชูจักกะเร้ถาม จนกระทั่งมาเข้าใจพอสมพอควร จากการดูซ้ำในซีรีย์ญีปุ่นที่ชื่อว่า change ที่มีเรียกชื่นชมหนาหู และเป็นจุดดึงดูดผู้คน ให้หันมาสนใจซีรีย์ญีปุ่นอยู่พอสมพอควร
change เป็นซีรีย์การเมืองสายคอเมดี้ ที่เป็นแนวถนัดนักแล ผ่านการอำนวยการสร้างของค่ายฟูจิทีวีเขา เป็นภารกิจระดับชาติ ที่ดันมากลายเป็นภาระหนักระดับบุคคล ของครูประถมผมหยิกหยอยในเขตนากาโนะ ที่ชื่อ อาซากุระ เคตะ (เล่นโดย ทาคุยะ) ที่ตกดึก ก็นั่งไล่นับดาวอันเป็นความสุขเล็กๆ ของส่วนตัว แต่ดันไปมีพ่อ ที่เป็นนักการเมืองมีชื่อในเขตท้องที่ฟุกุโอกะ ในกลุ่มก๊วนสังกัดของทางพรรคญีปุ่นก้าวหน้า ที่เสียชีวิตจากการโดยสารเครืองบินเพื่อไปดูงานยังประเทศเวียดนาม เป็นความสูญเสียที่ทางพรรคนั่น ไร้ทางเลือกและต้องรักษาเก้าอี้อย่างหมดหน้าตัก จะส่งพี่ชายก็ดันมาตายพร้อมกับบิดาในการโดยสารเที่ยวบินเดียวกัน เกือบทำท่าว่า จะส่งแม่ของเคตะเข้าประชัน นั้นเลยเป็นสาเหตุให้เคตะ จำต้องยอมรับการเข้าเป็นสมาชิกพรรค เพื่อทำการลงแข่งขันในนามของพรรค (อ.สุวินัย เคยเล่าว่าสายตระกูลทางการเมือง เป็นพันธกิจเพื่อส่วนรวม ที่สังคมทางโน้น เขาให้การยอมรับนับถือและง่ายต่อการเข้าถึงในแง่การประชาสัมพันธ์) ที่เขาเองก็ไม่ได้ปลื้ม เนื่องจากรับรู้เล่ห์กลอุบายของพ่อที่ไปพัวพันกับเรื่องใต้โต๊ะ ส่วนทางพรรคเองก็ใจปล้ำ โดยทางเลขานุการพรรคโคบายาชิ โชอิชิ (เล่นโดย เทราโอะ อากิระ) อุตสาห์ลงทุนส่งเลขานุการสาวส่วนตัว มิยามะ ริกะ (เล่นโดย ฟุกาซึ เอริ) มาเกลี่ยกล่อมถึงหัวบันไดโรงเรียน เพื่อให้คุณครูเคตะ ยอมรับความเป็นภารกิจทางสายเลือด ที่จะมีผลถึงคะแนนนิยมในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะมาถึง ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นย่างก้าวที่สำคัญสำหรับตัวริกะ ในการที่จะได้รับการสนับสนุนจากทางพรรค เพื่อเป็นการปูทางในอนาคตสำหรับตัวเอง ที่จะได้โลดแล่นในเวทีการเมือง อันเป็นความฝันอันสูงสุดสำหรับเธอ
ความที่เขาไม่เคยมีความใฝ่ฝันทางการเมืองเยี่ยงเดียวกันกับเธอ การลงสมัครเลือกตั้งซ่อม จึงต้องได้นักการวางแผนยุทธศาสตร์มืออาชีพ นิราซาวา คาซึโตชิ (เล่นโดย อาเบะ ฮิโรชิ) เป็นการว่าจ้าง เพื่อรักษาเสถียรภาพในคะแนนเสียงของพรรคที่มีอยู่เดิม ขณะที่นายกคนปัจจุบัน ก็ถูกกดดันจากทางพรรคร่วมให้ต้องชิงประกาศลาออก เพื่อรักษาภาพพจน์โดยรวม ของความเป็นรัฐบาลพรรคร่วมในชุดปัจจุบัน ที่มีคะแนนตกต่ำในสายตาของประชาชนและสื่อมวลชนลงไปทุกที เลขานุการพรรคโคบายาชิ จึงมีแผนที่จะใช้ตัวเลือกอย่าง อาซากุระ เคตะ ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งซ่อมอย่างฉิ่วเฉียว ให้ดำรงตำแหน่งนายกหุ่นเชิด ด้วยความที่เป็นคนหนุ่ม หน่วยก้านดี มือสะอาดและไม่เท่าทันเล่ห์กลทางการเมือง จึงได้ปรึกษากับหัวหน้าพรรคร่วมท่านอื่นๆ ในท่ามกลางสูญญากาศทางการเมือง ที่รอการเลือกตั้งใหม่ มารวมคะแนนโหวตจากสมาชิกพรรคร่วม จากการประชุมสภา เพื่อกำหนดวาระการคัดเลือกนายกฯฝ่ายบริหารคนใหม่ จึงเป็นการชูภาพคนหนุ่ม และลดแรงเสียดทานที่ตกวูบจากข่าวฉาวของนายกคนก่อน เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพรรคร่วมและเรียกคะแนนเสียงจากกลุ่มคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่เบื่อหน่ายกับการเลือกตั้งในทุกๆสมัย อันจะส่งผลดีให้กับทางพรรค แล้วค่อยเขี่ยนายกฯรักษาการณ์ อย่างเคตะทิ้ง เมื่อถึงช่วงของการเลือกตั้งใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่า นายกฯเคตะได้กุมหัวใจของประชาชนชาวญีปุ่น ด้วยการบริหารประเทศที่ข้ามผ่านผลประโยชน์ของพรรคมากไปกว่าผลประโยชน์ ของประชาชน เท่ากับเป็นการหักหน้าพรรคร่วมโดยเฉพาะเลขานุการโคบายาชิ ผู้ที่ได้วางแผนชูเคตะเป็นนายกหุ่นเชิด จึงมีปฎิบัติการเอาคืน โดยการสอยนายกเคตะผ่านสภา ด้วยการล็อปบี้กลุ่มสส.ไม่ให้ลงคะแนนเสียง รับร่างแผนนโยบายสาธารณสุข ที่นายกฯเคตะพยายามปั้นมากับมือ ถึงขั้นต้องไปก้มหัวขอคะแนนเสียงจากกลุ่มฝ่ายค้าน ก่อนที่ในท้ายที่สุด นายกฯต้องใช้เครื่องมือที่เป็นอาญาสิทธิ์เฉพาะตำแหน่งนายก ด้วยการประกาศยุบสภา โดยให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ อันเป็นการมอบอำนาจคืนกลับให้แก่ประชาชน ก็อย่างที่ซีรีย์เขาบอก
Election is a fight under legitimacy (การเลือกตั้งเป็นการต่อสู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย)
เป็นซีรีย์ที่หวนกลับมาดูซ้ำอีกครั้ง หาได้ด้วยความดีจากฝีมือการสร้างแต่เพียงประการเดียว หากเพราะด้วยสถานการณ์บ้านเมืองของผู้เขียนมันพาไป จึงมีเหตุให้ ผู้เขียนโหยหาผู้นำแบบอุดมคติอย่างนายกฯเคตะ ที่แม้จะดีสักเพียงใด แต่ด้วยโครงสร้างของกลุ่มผลประโยชน์รวมกัน โดยอาศัยอำนาจผ่านการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ระดับที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ปถุชนผู้ถูกเลือก ให้มีฉายาปานเสือ สิงห์ กระทิงแรด ที่แม้นายกฯรูปหล่ออย่างเคตะ มาเจอะสถานการณ์ที่อ้างความเป็นผู้ก่อการร้าย ในเมืองไทยเข้า แบบที่นายกมาร์คที่หล่อไม่แพ้กันกำลังเผชิญ ก็พอเชื่อได้เลยว่า นายกฯเคตะก็เหอะ มีสิทธิ์ที่จะเดินไม่ออกไปไม่เป็น เพราะความจริงใจในการแก้ปัญหาเพียงประการเดียว ไม่อาจจะเป็นตัวแปร ในการแก้ปัญหาบ้านเมืองแบบไทยๆ ที่จำต้องเกี่ยะเซียะกลุ่มนั้น จัดสรรโควต้ารมต.ด้วยสูตรคณิตศาสตร์รายหัวสส. อีกทั้งการต่อรองเก้าอี้ระหว่างมุ้ง และสร้างภาวะถ่วงดุลทางอำนาจระหว่างก๊ก ไหนจะต้องมุดเข้าบ้านที่มีเสาเยอะๆ เพื่อปรับโผโยกย้ายประจำปี ต้องมาวิเคราะห์ข้อมูลจากพวกกลุ่มชะเลียแข้งชะเลียขา มั่นอัพ facebook hi5 และ twitter ส่วนตัว เพื่อรักษาฐานแฟนคลับ จัดสรรเงินงบประมาณประจำปี ที่เกินดุลก็เจ็บตัว ขาดดุลก็เสียหน้า ดูอย่างนายกฯเคตะสิ ทำงานหนักจนเป็นลมล้มพับ แต่พอมาเป็นนายกฯไทย กลับเสริมปฎิกิริยาเร่งให้หน้าเหี่ยวย่นและผมหงอกเร็ว โอ๊ย!นายกไทยทำไมมันยุ่งยากช่างนี้น้อ
ถึงกระนั้น ต้องซูฮกต่อผู้เขียนบทอย่าง ฟูกูดะ ยาสุชิ ว่าไอ้หมอนี้ ถ้าไม่เคยเป็นอาจารย์ทางรัฐศาสตร์หรือเลขาฯตามก้นนายกฯต๊อยๆ ก็ต้องถือว่า เป็นบุคคลที่สามารถเอาทรัพยากรในโครงสร้างทางการเมือง และกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยหมวดทางรัฐสภาและระบบการเลือกตั้ง มาปะติดปะต่อเชื่อมโยง ลดทอนในความซับซ้อนที่อาจหนักกระบาลว่าด้วย ข้อบัญญัติของการเป็นสส.ในสมัยแรก อีกทั้งยัดใส่ความเป็นคอเมดี้ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีได้ สำหรับซีรีย์สูตรทีว่าด้วยเรื่องของการเมือง ที่ใครพอได้ยินชื่อ ก็อาจมีสภาพพยาธิที่เหม็นเบื่อคลุกฟุ้งไปด้วย ศึกการแย่งชิงอำนาจและเอาผลประโยชน์เข้าเฉพาะตน ไปขุดไปคุ้ย ถึงพอรู้ว่าผู้เขียนบทคนนี้เป็นยอดฝีมือ ที่เคยสร้างงานประทับใจบ้างและไม่บ้างสำหรับผู้เขียนเอง อย่าง Hero และ Kyumei Byoto 24 Ji ทั้งสามภาค และเคยดัดเเปลงบท อย่างกาลิเลโอทั้งซีรีย์และหนังใหญ่ ให้ผู้เขียนได้เคยคุยฟุ้งโขมงโฉงแฉง
ส่วนผู้กำกับโดยเฉพาะ ซาวาดะ เคนซากุ ที่กำกับร่วมเรื่องนี้ ความจริงเจ้าหมอนี้ติดตามฝีมือมาตั้งแต่ ซีรีย์เรื่อง Beach Boys Pride ,Hero,Galileo การได้มากำกับในซีรีย์เรื่อง change เท่ากับเป็นหลักประกันได้ประการหนึ่ง ว่าอย่างน้อยๆ คงทำได้สนุกและประทับใจไม่แพ้กับเรื่องก่อนๆ ที่เคยได้โชว์ฝีมือกันมาแล้ว พอๆกับที่เบาใจกับฝีมือ ของผู้กำกับร่วมอีกท่านอย่าง ฮิโรโนะ ชิน ที่เคยฝากฝีมือร่วม เป็นร่วมตายกับป๋ายะ ทั้งใน Engine ,Hero และล่าสุด Tsuki no Koibito และด้วยทรัพยากรในเรื่องราวที่อุดมจนล้นเปี่ยม ก็เป็นเหตุให้บางช่วงบางตอน มีความยาวมากกว่าค่าเฉลี่ยต่อตอน เมื่อเทียบกับซีรีย์เรื่องทั่วๆไป แต่อย่างว่าพอเป็นซีรีย์ที่รู้สึกสนุกตาม ความยาวของเรื่อง ก็กลายเป็นเรื่องที่ผกผันจนดูสั้นลง อย่างที่คนดูอย่างผู้เขียนไม่ได้รู้สึก ผิดกับบางเรื่องที่แสนน่าเบื่อ ที่แม้จะถูกหั่นจนสั้น ก็ยังรู้สึกยาวนานแบบแฝงความทรมานตามไปด้วย
ตัวละครโดยรวม ก็แสดงไปตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย ตามลักษณะบุคลิกภาพ ตัวตนและขอบเขตความรับผิดชอบ ที่นอกจากในฐานะตัวละครที่ต้องสวมวิญญาณทางตำแหน่งหน้าที่ระดับชาติแล้ว การใส่ความชัดเจนในพฤติกรรมของตัวละครนั้น ก็เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูด ให้ผู้เขียนรู้สึกอยากติดตามและภาวนาให้เกิดการรวมกลุ่มรวมก๊วน ที่เข้าสูตรสมาชิกทีไร เป็นต้องสร้างความอลหม่านชุลมุนครื้นเครง เพราะซีรีย์เรื่องนี้เขาใช้ตัวละครคุ้มค่า เพราะตอนแรกนึกว่า หลังจากที่นายเคตะชนะการเลือกตั้งซ่อมเสร็จแล้ว เราจะไม่ได้เจอตัวละครอย่าง ลุงอาเบะในบทนักวางแผนคาซึโตชิ หรือเด็กสาวคิดไม่ซื่อกับว่าที่นายก อย่าง ฮิคารุ ทีมงานฝ่ายรณรงค์หาเสียง สุดท้ายเขาก็ลากให้ไปช่วยลดทอน อาการหนักๆจากความเหลี่ยมเล่ห์ ของพวกนักการเมืองระดับชาติ เพราะขืนแบกลากแบกถูโดยนายกเคตะท่านเดียว แม้พี่ท่านจะเอาตัวรอดมาได้ แต่คนดูอย่างพวกผมจะตายเสียก่อน เพราะต้องมาเจอปรมาจารย์เหล่านักแสดงที่อายุมีเลขหกเลขเจ็ดนำหน้า ที่ต่อให้ปีกกล้า ก็ยังต้องเก็บอาการขาสั่น ยกตัวอย่างแค่ ลุงอากิระที่แสดงเป็นเลขาฯจอมวางแผนโคบายาชิ ลุงอัตซึโอะ หัวหน้าพรรคร่วมผู้กลับใจ เพราะคนกลุ่มนี้ เขาไม่ต้องสำแดงอะไรกันมาก ขอเพียงแค่เกร็งมาด ลับ-ลวง-พรางทางสายตาและคำพูด และแบกสังขารให้ยืนระยะไปถึงสิบตอน เพราะความอาวุโสโดยส่วนตัว ก็สร้างความยำเกรงให้กับผู้น้อยอย่างผู้เขียน ไม่กล้าเหน็บแหนมโดยปริยาย เดี๋ยวเหามันจะกินหัว เสียดายก็ตรงน้าเอริ ที่บทดูจะไม่ต่างจากที่เคยเล่น เป็นเจ๊ช่างพูดที่หาสถานีจอดป้ายหน้าไม่เจอ อย่างใน Slow Dance ส่วนการแสดงของป๋ายะ ที่ถึงจะได้รางวัลนักแสดงนำชาย TDAA ครั้งที่ ๕๗ จากครูประถมต๊อกต๋อย ที่ไร้พิษสงในสภามาเป็นผู้คุมเกมทางการเมือง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพราะบทมันมีช่วงเวลาให้เค้นอารมณ์กันสักมากมาย ทั้งการประกาศหาเสียง หรือฉากลากยาวเป็นช็อตเดียวในการประกาศยุบสภา คนญี่ปุ่นมาเจอฉากนี้เข้าก็ คงสุโค้ยย์เน่โอ้โห้เฮะ เรียกเรตติ้งมาได้ตั้งเยอะ ว่าเขาคนนั้นทำได้อย่างไร ที่เล่นช็อตเดียวแบบไม่มีโฆษณาคั่น แต่เมื่อปรากฎการณ์นี้มาเกิดขึ้นในเมืองไทย ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะในทุกเช้าของวันอาทิตย์ เราก็เห็นนายกฯไทยหน้าหลายทรง พาเหรดกันขึ้นกล้องท่องสคริปต์จากอำนวยบทการผลิตจากสำนักนายกฯ มานั่งสาธยายร่ายฝีมือทั้งหมดทั้งปวงภายในหนึ่งสัปดาห์ มันมีมาตั้งแต่นายกหน้าเหลี่ยม นายกพ่อครัว นายกหน้าเจื่อย ยันมาจนนายกหน้าหล่อ ที่จ้อมาเป็นชั่วโมงแบบที่หลับมาหนึ่งตื่น ก็ยังจ้อไม่เลิก จนต้องหันมาเปลี่ยนเป็นการ์ตูนจากสถานีต่างช่องแทน
ความชอบโดยส่วนตัว ทีมีให้ต่อซีรีย์เรื่องนี้ เพราะโดยปกติแล้ว ผู้เขียนมักจะไปเจอบรรดาเล่ห์เหลี่ยม ชิงไวชิงพริบ จากหนังตะวันตกที่หนักไปทางแนวขึ้นโรงขึ้นศาล หรือไม่ก็ความชั่วร้ายหลังฉากจากม่านทางการเมือง ที่มีระบอบที่ประธานาธิบดีเขาเป็นผู้นำ เวลามาเจอสายสกุลเอเชียตะวันออก อย่างประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้ระบบการปกครองผ่านการเลือกตั้งแบบผสม (Mixed Electoral System) ผู้เขียนว่าอย่างน้อยๆ ซีรีย์เรื่องนี้ ในการรับรู้ด้วยสายตาแบบคนไทย น่าจะซึมซาบได้ง่ายกว่าชาติไหนๆ เพราะอย่างไรเสียก็เป็นระบบการเลือกตั้งที่พี่ไทยเราก็ร่วมหัวจมท้าย ใช้มาในแบบใกล้เคียงกัน ที่มีการจัดสรรผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้ง และระบบสัดส่วนจากบัญชีรายชื่อของพรรค แบ่งแยกคะแนนสองส่วน อย่างอิสระเพื่อสะท้อนสัดส่วนของคะแนนที่แท้จริง แต่จะต่างไปนิด ตรงที่ญีปุ่นเห็นเขาเรียกว่า "ทีมผู้สมัครหาเสียง" แต่ไงมาเป็นแบบไทยๆ มันกลับกลายเป็น "หัวคะแนน" แล้วประเภทอามิสสินจ้าง สัญญาว่าจะให้ และซื้อสงซื้อเสียง ไม่ยักกะเห็นมันเล็ดลอดออกมาสักตอนหนึ่งเลย ถึงกระนั้น กระบวนการทั้งหมดในความเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง เขาก็แก้กันในทางรัฐสภา จะซาวด์เสียง แก้ญัตติ โนโหวต หรือวอล์กเอาท์ เล่นล็อบบี้กันอย่างไรก็สุดแท้แต่ ก็เป็นกระบวนการที่ทุกคนยอมรับและเป็นไปตามครรลอง ของระเบียบวาระในที่ประชุม ไม่เห็นมีการตั้งม็อบ ล้อมพื้นที่สาธารณะ แล้วมาขึงป้ายผ้ามาเป็นอารยะขัดขืน ให้ขัดอกขัดใจประชาชนคนใช้ถนน ที่แม้สังเกตจากในซีรีย์ จะเห็นอาการเบื่อๆของคนประชาชีตาตี๋ดำๆ แต่นั้นก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากพฤติกรรมภาพรวมของนักการเมือง ไม่เห็นเขาโทษระบบวิธีทางการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเอาเสียเลย
การเอามาโม้ซ้ำอีกครั้ง ในวาระหน้าสิ่วหน้าขวานของสยามประเทศ ถือเป็นการชม ที่ต้องถอนหายใจยาวๆไปหลายช่วง เพราะถึงแม้ในแง่อุดมการณ์ต่างความคิดและผลประโยชน์ระหว่างกลุ่ม ที่ทำให้ นักการเมืองผู้ทรงเกียรติ์ในสภา เมื่อได้สัมผัสกับอำนาจ ยศ ชื่อเสียงและเงินตรา ก็ยิ่งสร้างระยะของการถอยห่างจากเจตนาแต่เริ่ม อันเป็นย่างก้าวแรกๆ ตามความมุ่งประสงค์ของบุคคลที่เข้าทำงานทางการเมือง เวลาเห็นป๋ายะ ในแง่ตัวบุคคลไปคัดง้างกับโครงสร้างกลุ่มผลประโยชน์ร่วมในสภา แล้วสามารถโน้มน้าวตัวบุคคลหลัก ที่กุมกลุ่มอำนาจส่วนหนึ่งในสภาได้ ไอ้คนดูอย่างเราก็ดันยินดีปรีดี แต่พอถอดแผ่นแล้วเปลี่ยนช่องเท่านั้นแหละ ถึงได้รับรู้ความเป็นมายาคติอีกด้าน ว่าประชาธิปไตยไทยมันต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร โดยเฉพาะผลประโยชน์ของชาติ ที่สะกดง่ายแต่ปฏิบัติยากชะมัดในสายตาเราๆ เอ๊!นี้เรากำลังโม้ซีรีย์อยู่นะเนี่ย ไงเตลิดไปไกลนักแล แต่อย่างไรเสีย นี้ไม่ใช่บทความที่เป็นปรปักษ์กับนักการเมือง เพียงแต่ว่า เมื่อได้เห็นปณิธานอันแรงกล้าของนายกฯเคตะ ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามอุดมคติของผู้เลือกตั้ง ที่ปรารถนาจากบุคคลประเภทนี้ เข้ามาบริหารประเทศ จึงอยากชวนนายเคตะลองมาเปลี่ยนสัญชาติ ฝึกปรือภาษาไทยเสียให้คล่อง สอนให้ท่องจำรัฐธรรมนูญปี ๕๐ ซึ่งถ้ากระบวนการทั้งหมดทั้งปวงยุ่งยากเช่นนี้แล้ว สู้ให้คนไทยสักคน ปฏิบัติเียี่ยงนายเคตะ แล้วเปิดโอกาสให้ได้ก้าวเท้าเข้าสู่เวทีการเมืองไทย ยังดูง่ายกว่าซะอีก
ความจริงสำหรับเรื่องนี้ ก็ได้แอบจดแอบแล็คเชอร์ เป็นการส่วนตัว ด้วยศัพท์แสงคำคมมันช่างพรั่งพรูเสียตั้งมากมาย แต่ขอเอาประเภทที่คัดแบบโดนๆ ที่เหมือนว่าจะตบหน้าสำนึกทางประชาธิปไตย แต่ทว่า เมื่อแอบไปพลิกหนังสือวิชาสปช.ของหลานๆ มันก็ปรากฎจริงดั่งที่เป็นอยู่ ไม่ต่างกันประเทศซีรีย์เมืองยุ่นเขา ไม่ใครก็ใครนี้แหละ ที่เป็นฝ่ายลอกเขามาอีกที แต่ความเปลี่ยนแปลงของบ้านโน้น ของเขาถึงขั้นสลับขั้ว ที่ฝ่ายแค้นตลอดพรรษา ได้กลับมาจัดตั้งเป็นรัฐบาลผสม แต่บ้านเรา จากเดิมที่เคยเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ถูกครหา ว่าจัดตั้งรัฐบาลที่ค่ายทหาร เออ..บ้านนี้เมืองนี้ก็มีอะไรให้พอได้เทียบกับเขาได้เหมือนกันนะเออ
the principle of the sovereignty of people. (หลักการพื้นฐานของอำนาจอธิปไตยจากปวงชน)
truth is,you might think that it's difficult. (ความจริงก็คือ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก)
but it's on this grade school social studies book (แต่จริงแล้วๆ มันถูกสอนอยู่ในหนังสือวิชาสังคมระดับประถม)
They often say Politics will change with your vote (พวกเขากล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า "การเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของคุณ")
But l've never felt that politics has changed because of my vote (แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกได้เลยว่า การเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการหย่อนบัตรลงคะแนนของผม(คิดเหมือนกันเลย ป๋าเอ้ย)) ........
อวยข้อมูลจาก
-dramawiki
Create Date : 17 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 20:41:33 น. |
|
22 comments
|
Counter : 1636 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มารีออง IP: 61.90.88.167 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:00:49 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.65.128 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:05:35 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:02:07 น. |
|
|
|
โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:05:47 น. |
|
|
|
โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:12:46 น. |
|
|
|
โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:16:16 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:13:44 น. |
|
|
|
โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:23:38 น. |
|
|
|
โดย: วรินทร์รตา วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:20:14 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.27.202 วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:39:37 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.48.124 วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:47:01 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.48.124 วันที่: 20 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:21:51 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.174.55.201 วันที่: 21 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:30:22 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.48.89 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:22:49 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.20.51 วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:30:13 น. |
|
|
|
| |
|
|