A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
change นายกคนดี ที่หลายคนปรารถนา



"การเมืองเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็น"
มีใครคนหนึ่งเคยบอกไว้ ซึ่งคนๆนั้น ปัจจุบันดูจะอินจัด
กับการสังกงสังกัดกลุ่มสีเสื้อทางการเมือง
จนระยะหลังๆ ผู้เขียนกับเขาต้องบอกตามประสาว่าเราเข้ากันไม่ได้
(แต่ไม่ได้หมายความว่า หนี้ที่ค้างเราจะต้องเลิกตามไปด้วย)
หลายคนจัดหมวดของการพูดคุยสัพเพเหระทางการเมือง
เป็นเรื่องต้องห้ามกลางวงเหล้า เพราะอาจทำให้รสชาติเหล้าดีๆในขวด
มีรสชาติที่หม่นลง และคนในวงที่ร้อยพ่อพันแม่
ต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างตามสภาพแวดล้อมและประสบการณ์
เรื่องอย่างนี้ ปานประหนึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม อันมีวาระคล้ายคลึงกันกับ
ข้อต้องห้ามกลางวงเหล้า อย่าง ความเชื ่อ ศาสนา และบุพการี
ของอย่างนี้ มันพูดเล่นกันได้สักทีไหนละ


แม้แต่ห้องราชดำเนินในพันทิป ที่งดการให้บริการ
ด้วยเรตติ้งของการเข้าใช้บริการที่ดี แต่การปะทะสังสรรค์ที่เลว(ร้าย)
ขณะที่เหตุการณ์ทางการเมือง ในเรื่องของการสลายม็อบยังคงดำเนินอยู่
อย่างต่อเนื่อง รุนแรง และบานปลาย ขยายวงกว้างควบคู่กับการขยายวันหยุดยาว
ทำให้การเมืองอันเป็นเรื่องของรัฐสภา กลายเป็นสิ่งที่ประชาชนตาดำๆอย่างเรา
อยู่ได้ใกล้ เอื้อมก็ถึงและเผลอไปสัมผัสก็มีสิทธิ์ที่จะเจ็บตัวได้ง่าย
รวมถึงบางทีก็อาจจะตายโดยไม่รู้ตัว
ผู้เขียนยังเคยจดจำคำพูด ของอ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ในงานสัมมนาแห่งหนึ่ง
ที่รู้จักชื่อเสียงของท่านดี ดีเสียยิ่งกว่าการมารับรู้อีกทีว่าเป็นลุงของน้องพลับเขา
ที่เคยบอกว่า "การเมือง เป็นเรื่องของการทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้"
ได้ยินที่แรก ออกฤทธิ์งงๆ ว่าจะชูจักกะเร้ถาม
จนกระทั่งมาเข้าใจพอสมพอควร จากการดูซ้ำในซีรีย์ญีปุ่นที่ชื่อว่า change
ที่มีเรียกชื่นชมหนาหู และเป็นจุดดึงดูดผู้คน ให้หันมาสนใจซีรีย์ญีปุ่นอยู่พอสมพอควร



change เป็นซีรีย์การเมืองสายคอเมดี้
ที่เป็นแนวถนัดนักแล ผ่านการอำนวยการสร้างของค่ายฟูจิทีวีเขา
เป็นภารกิจระดับชาติ ที่ดันมากลายเป็นภาระหนักระดับบุคคล
ของครูประถมผมหยิกหยอยในเขตนากาโนะ
ที่ชื่อ อาซากุระ เคตะ (เล่นโดย ทาคุยะ)
ที่ตกดึก ก็นั่งไล่นับดาวอันเป็นความสุขเล็กๆ ของส่วนตัว
แต่ดันไปมีพ่อ ที่เป็นนักการเมืองมีชื่อในเขตท้องที่ฟุกุโอกะ
ในกลุ่มก๊วนสังกัดของทางพรรคญีปุ่นก้าวหน้า
ที่เสียชีวิตจากการโดยสารเครืองบินเพื่อไปดูงานยังประเทศเวียดนาม
เป็นความสูญเสียที่ทางพรรคนั่น ไร้ทางเลือกและต้องรักษาเก้าอี้อย่างหมดหน้าตัก
จะส่งพี่ชายก็ดันมาตายพร้อมกับบิดาในการโดยสารเที่ยวบินเดียวกัน
เกือบทำท่าว่า จะส่งแม่ของเคตะเข้าประชัน นั้นเลยเป็นสาเหตุให้เคตะ
จำต้องยอมรับการเข้าเป็นสมาชิกพรรค เพื่อทำการลงแข่งขันในนามของพรรค
(อ.สุวินัย เคยเล่าว่าสายตระกูลทางการเมือง เป็นพันธกิจเพื่อส่วนรวม
ที่สังคมทางโน้น เขาให้การยอมรับนับถือและง่ายต่อการเข้าถึงในแง่การประชาสัมพันธ์)
ที่เขาเองก็ไม่ได้ปลื้ม เนื่องจากรับรู้เล่ห์กลอุบายของพ่อที่ไปพัวพันกับเรื่องใต้โต๊ะ
ส่วนทางพรรคเองก็ใจปล้ำ โดยทางเลขานุการพรรคโคบายาชิ โชอิชิ
(เล่นโดย เทราโอะ อากิระ) อุตสาห์ลงทุนส่งเลขานุการสาวส่วนตัว มิยามะ ริกะ
(เล่นโดย ฟุกาซึ เอริ) มาเกลี่ยกล่อมถึงหัวบันไดโรงเรียน
เพื่อให้คุณครูเคตะ ยอมรับความเป็นภารกิจทางสายเลือด
ที่จะมีผลถึงคะแนนนิยมในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะมาถึง
ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นย่างก้าวที่สำคัญสำหรับตัวริกะ
ในการที่จะได้รับการสนับสนุนจากทางพรรค เพื่อเป็นการปูทางในอนาคตสำหรับตัวเอง
ที่จะได้โลดแล่นในเวทีการเมือง อันเป็นความฝันอันสูงสุดสำหรับเธอ




ความที่เขาไม่เคยมีความใฝ่ฝันทางการเมืองเยี่ยงเดียวกันกับเธอ
การลงสมัครเลือกตั้งซ่อม จึงต้องได้นักการวางแผนยุทธศาสตร์มืออาชีพ
นิราซาวา คาซึโตชิ (เล่นโดย อาเบะ ฮิโรชิ) เป็นการว่าจ้าง
เพื่อรักษาเสถียรภาพในคะแนนเสียงของพรรคที่มีอยู่เดิม
ขณะที่นายกคนปัจจุบัน ก็ถูกกดดันจากทางพรรคร่วมให้ต้องชิงประกาศลาออก
เพื่อรักษาภาพพจน์โดยรวม ของความเป็นรัฐบาลพรรคร่วมในชุดปัจจุบัน
ที่มีคะแนนตกต่ำในสายตาของประชาชนและสื่อมวลชนลงไปทุกที
เลขานุการพรรคโคบายาชิ จึงมีแผนที่จะใช้ตัวเลือกอย่าง อาซากุระ เคตะ
ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งซ่อมอย่างฉิ่วเฉียว ให้ดำรงตำแหน่งนายกหุ่นเชิด
ด้วยความที่เป็นคนหนุ่ม หน่วยก้านดี มือสะอาดและไม่เท่าทันเล่ห์กลทางการเมือง
จึงได้ปรึกษากับหัวหน้าพรรคร่วมท่านอื่นๆ ในท่ามกลางสูญญากาศทางการเมือง
ที่รอการเลือกตั้งใหม่ มารวมคะแนนโหวตจากสมาชิกพรรคร่วม
จากการประชุมสภา เพื่อกำหนดวาระการคัดเลือกนายกฯฝ่ายบริหารคนใหม่
จึงเป็นการชูภาพคนหนุ่ม และลดแรงเสียดทานที่ตกวูบจากข่าวฉาวของนายกคนก่อน
เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพรรคร่วมและเรียกคะแนนเสียงจากกลุ่มคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่
ที่เบื่อหน่ายกับการเลือกตั้งในทุกๆสมัย อันจะส่งผลดีให้กับทางพรรค
แล้วค่อยเขี่ยนายกฯรักษาการณ์ อย่างเคตะทิ้ง เมื่อถึงช่วงของการเลือกตั้งใหญ่
แต่กลับกลายเป็นว่า นายกฯเคตะได้กุมหัวใจของประชาชนชาวญีปุ่น
ด้วยการบริหารประเทศที่ข้ามผ่านผลประโยชน์ของพรรคมากไปกว่าผลประโยชน์
ของประชาชน เท่ากับเป็นการหักหน้าพรรคร่วมโดยเฉพาะเลขานุการโคบายาชิ
ผู้ที่ได้วางแผนชูเคตะเป็นนายกหุ่นเชิด จึงมีปฎิบัติการเอาคืน
โดยการสอยนายกเคตะผ่านสภา ด้วยการล็อปบี้กลุ่มสส.ไม่ให้ลงคะแนนเสียง
รับร่างแผนนโยบายสาธารณสุข ที่นายกฯเคตะพยายามปั้นมากับมือ
ถึงขั้นต้องไปก้มหัวขอคะแนนเสียงจากกลุ่มฝ่ายค้าน
ก่อนที่ในท้ายที่สุด นายกฯต้องใช้เครื่องมือที่เป็นอาญาสิทธิ์เฉพาะตำแหน่งนายก
ด้วยการประกาศยุบสภา โดยให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่
อันเป็นการมอบอำนาจคืนกลับให้แก่ประชาชน
ก็อย่างที่ซีรีย์เขาบอก

Election is a fight under legitimacy
(การเลือกตั้งเป็นการต่อสู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย)



เป็นซีรีย์ที่หวนกลับมาดูซ้ำอีกครั้ง
หาได้ด้วยความดีจากฝีมือการสร้างแต่เพียงประการเดียว
หากเพราะด้วยสถานการณ์บ้านเมืองของผู้เขียนมันพาไป
จึงมีเหตุให้ ผู้เขียนโหยหาผู้นำแบบอุดมคติอย่างนายกฯเคตะ
ที่แม้จะดีสักเพียงใด แต่ด้วยโครงสร้างของกลุ่มผลประโยชน์รวมกัน
โดยอาศัยอำนาจผ่านการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่
ระดับที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ปถุชนผู้ถูกเลือก ให้มีฉายาปานเสือ สิงห์ กระทิงแรด
ที่แม้นายกฯรูปหล่ออย่างเคตะ มาเจอะสถานการณ์ที่อ้างความเป็นผู้ก่อการร้าย
ในเมืองไทยเข้า แบบที่นายกมาร์คที่หล่อไม่แพ้กันกำลังเผชิญ
ก็พอเชื่อได้เลยว่า นายกฯเคตะก็เหอะ มีสิทธิ์ที่จะเดินไม่ออกไปไม่เป็น
เพราะความจริงใจในการแก้ปัญหาเพียงประการเดียว
ไม่อาจจะเป็นตัวแปร ในการแก้ปัญหาบ้านเมืองแบบไทยๆ
ที่จำต้องเกี่ยะเซียะกลุ่มนั้น จัดสรรโควต้ารมต.ด้วยสูตรคณิตศาสตร์รายหัวสส.
อีกทั้งการต่อรองเก้าอี้ระหว่างมุ้ง และสร้างภาวะถ่วงดุลทางอำนาจระหว่างก๊ก
ไหนจะต้องมุดเข้าบ้านที่มีเสาเยอะๆ เพื่อปรับโผโยกย้ายประจำปี
ต้องมาวิเคราะห์ข้อมูลจากพวกกลุ่มชะเลียแข้งชะเลียขา
มั่นอัพ facebook hi5 และ twitter ส่วนตัว เพื่อรักษาฐานแฟนคลับ
จัดสรรเงินงบประมาณประจำปี ที่เกินดุลก็เจ็บตัว ขาดดุลก็เสียหน้า
ดูอย่างนายกฯเคตะสิ ทำงานหนักจนเป็นลมล้มพับ
แต่พอมาเป็นนายกฯไทย กลับเสริมปฎิกิริยาเร่งให้หน้าเหี่ยวย่นและผมหงอกเร็ว
โอ๊ย!นายกไทยทำไมมันยุ่งยากช่างนี้น้อ



ถึงกระนั้น ต้องซูฮกต่อผู้เขียนบทอย่าง ฟูกูดะ ยาสุชิ
ว่าไอ้หมอนี้ ถ้าไม่เคยเป็นอาจารย์ทางรัฐศาสตร์หรือเลขาฯตามก้นนายกฯต๊อยๆ
ก็ต้องถือว่า เป็นบุคคลที่สามารถเอาทรัพยากรในโครงสร้างทางการเมือง
และกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยหมวดทางรัฐสภาและระบบการเลือกตั้ง
มาปะติดปะต่อเชื่อมโยง ลดทอนในความซับซ้อนที่อาจหนักกระบาลว่าด้วย
ข้อบัญญัติของการเป็นสส.ในสมัยแรก อีกทั้งยัดใส่ความเป็นคอเมดี้
ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีได้ สำหรับซีรีย์สูตรทีว่าด้วยเรื่องของการเมือง
ที่ใครพอได้ยินชื่อ ก็อาจมีสภาพพยาธิที่เหม็นเบื่อคลุกฟุ้งไปด้วย
ศึกการแย่งชิงอำนาจและเอาผลประโยชน์เข้าเฉพาะตน
ไปขุดไปคุ้ย ถึงพอรู้ว่าผู้เขียนบทคนนี้เป็นยอดฝีมือ
ที่เคยสร้างงานประทับใจบ้างและไม่บ้างสำหรับผู้เขียนเอง อย่าง
Hero และ Kyumei Byoto 24 Ji ทั้งสามภาค
และเคยดัดเเปลงบท อย่างกาลิเลโอทั้งซีรีย์และหนังใหญ่
ให้ผู้เขียนได้เคยคุยฟุ้งโขมงโฉงแฉง



ส่วนผู้กำกับโดยเฉพาะ ซาวาดะ เคนซากุ ที่กำกับร่วมเรื่องนี้
ความจริงเจ้าหมอนี้ติดตามฝีมือมาตั้งแต่ ซีรีย์เรื่อง Beach Boys
Pride ,Hero,Galileo การได้มากำกับในซีรีย์เรื่อง change
เท่ากับเป็นหลักประกันได้ประการหนึ่ง
ว่าอย่างน้อยๆ คงทำได้สนุกและประทับใจไม่แพ้กับเรื่องก่อนๆ
ที่เคยได้โชว์ฝีมือกันมาแล้ว พอๆกับที่เบาใจกับฝีมือ
ของผู้กำกับร่วมอีกท่านอย่าง ฮิโรโนะ ชิน ที่เคยฝากฝีมือร่วม
เป็นร่วมตายกับป๋ายะ ทั้งใน Engine ,Hero และล่าสุด Tsuki no Koibito
และด้วยทรัพยากรในเรื่องราวที่อุดมจนล้นเปี่ยม
ก็เป็นเหตุให้บางช่วงบางตอน มีความยาวมากกว่าค่าเฉลี่ยต่อตอน
เมื่อเทียบกับซีรีย์เรื่องทั่วๆไป แต่อย่างว่าพอเป็นซีรีย์ที่รู้สึกสนุกตาม
ความยาวของเรื่อง ก็กลายเป็นเรื่องที่ผกผันจนดูสั้นลง
อย่างที่คนดูอย่างผู้เขียนไม่ได้รู้สึก ผิดกับบางเรื่องที่แสนน่าเบื่อ
ที่แม้จะถูกหั่นจนสั้น ก็ยังรู้สึกยาวนานแบบแฝงความทรมานตามไปด้วย




ตัวละครโดยรวม ก็แสดงไปตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย
ตามลักษณะบุคลิกภาพ ตัวตนและขอบเขตความรับผิดชอบ
ที่นอกจากในฐานะตัวละครที่ต้องสวมวิญญาณทางตำแหน่งหน้าที่ระดับชาติแล้ว
การใส่ความชัดเจนในพฤติกรรมของตัวละครนั้น ก็เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูด
ให้ผู้เขียนรู้สึกอยากติดตามและภาวนาให้เกิดการรวมกลุ่มรวมก๊วน
ที่เข้าสูตรสมาชิกทีไร เป็นต้องสร้างความอลหม่านชุลมุนครื้นเครง
เพราะซีรีย์เรื่องนี้เขาใช้ตัวละครคุ้มค่า เพราะตอนแรกนึกว่า
หลังจากที่นายเคตะชนะการเลือกตั้งซ่อมเสร็จแล้ว
เราจะไม่ได้เจอตัวละครอย่าง ลุงอาเบะในบทนักวางแผนคาซึโตชิ
หรือเด็กสาวคิดไม่ซื่อกับว่าที่นายก อย่าง ฮิคารุ ทีมงานฝ่ายรณรงค์หาเสียง
สุดท้ายเขาก็ลากให้ไปช่วยลดทอน อาการหนักๆจากความเหลี่ยมเล่ห์
ของพวกนักการเมืองระดับชาติ เพราะขืนแบกลากแบกถูโดยนายกเคตะท่านเดียว
แม้พี่ท่านจะเอาตัวรอดมาได้ แต่คนดูอย่างพวกผมจะตายเสียก่อน
เพราะต้องมาเจอปรมาจารย์เหล่านักแสดงที่อายุมีเลขหกเลขเจ็ดนำหน้า
ที่ต่อให้ปีกกล้า ก็ยังต้องเก็บอาการขาสั่น
ยกตัวอย่างแค่ ลุงอากิระที่แสดงเป็นเลขาฯจอมวางแผนโคบายาชิ
ลุงอัตซึโอะ หัวหน้าพรรคร่วมผู้กลับใจ
เพราะคนกลุ่มนี้ เขาไม่ต้องสำแดงอะไรกันมาก
ขอเพียงแค่เกร็งมาด ลับ-ลวง-พรางทางสายตาและคำพูด
และแบกสังขารให้ยืนระยะไปถึงสิบตอน เพราะความอาวุโสโดยส่วนตัว
ก็สร้างความยำเกรงให้กับผู้น้อยอย่างผู้เขียน ไม่กล้าเหน็บแหนมโดยปริยาย
เดี๋ยวเหามันจะกินหัว เสียดายก็ตรงน้าเอริ ที่บทดูจะไม่ต่างจากที่เคยเล่น
เป็นเจ๊ช่างพูดที่หาสถานีจอดป้ายหน้าไม่เจอ อย่างใน Slow Dance
ส่วนการแสดงของป๋ายะ ที่ถึงจะได้รางวัลนักแสดงนำชาย TDAA ครั้งที่ ๕๗
จากครูประถมต๊อกต๋อย ที่ไร้พิษสงในสภามาเป็นผู้คุมเกมทางการเมือง
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพราะบทมันมีช่วงเวลาให้เค้นอารมณ์กันสักมากมาย
ทั้งการประกาศหาเสียง หรือฉากลากยาวเป็นช็อตเดียวในการประกาศยุบสภา
คนญี่ปุ่นมาเจอฉากนี้เข้าก็ คงสุโค้ยย์เน่โอ้โห้เฮะ เรียกเรตติ้งมาได้ตั้งเยอะ
ว่าเขาคนนั้นทำได้อย่างไร ที่เล่นช็อตเดียวแบบไม่มีโฆษณาคั่น
แต่เมื่อปรากฎการณ์นี้มาเกิดขึ้นในเมืองไทย ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร
เพราะในทุกเช้าของวันอาทิตย์ เราก็เห็นนายกฯไทยหน้าหลายทรง
พาเหรดกันขึ้นกล้องท่องสคริปต์จากอำนวยบทการผลิตจากสำนักนายกฯ
มานั่งสาธยายร่ายฝีมือทั้งหมดทั้งปวงภายในหนึ่งสัปดาห์
มันมีมาตั้งแต่นายกหน้าเหลี่ยม นายกพ่อครัว นายกหน้าเจื่อย
ยันมาจนนายกหน้าหล่อ ที่จ้อมาเป็นชั่วโมงแบบที่หลับมาหนึ่งตื่น
ก็ยังจ้อไม่เลิก จนต้องหันมาเปลี่ยนเป็นการ์ตูนจากสถานีต่างช่องแทน



ความชอบโดยส่วนตัว ทีมีให้ต่อซีรีย์เรื่องนี้
เพราะโดยปกติแล้ว ผู้เขียนมักจะไปเจอบรรดาเล่ห์เหลี่ยม ชิงไวชิงพริบ
จากหนังตะวันตกที่หนักไปทางแนวขึ้นโรงขึ้นศาล
หรือไม่ก็ความชั่วร้ายหลังฉากจากม่านทางการเมือง
ที่มีระบอบที่ประธานาธิบดีเขาเป็นผู้นำ เวลามาเจอสายสกุลเอเชียตะวันออก
อย่างประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้ระบบการปกครองผ่านการเลือกตั้งแบบผสม
(Mixed Electoral System) ผู้เขียนว่าอย่างน้อยๆ ซีรีย์เรื่องนี้
ในการรับรู้ด้วยสายตาแบบคนไทย น่าจะซึมซาบได้ง่ายกว่าชาติไหนๆ
เพราะอย่างไรเสียก็เป็นระบบการเลือกตั้งที่พี่ไทยเราก็ร่วมหัวจมท้าย
ใช้มาในแบบใกล้เคียงกัน ที่มีการจัดสรรผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้ง
และระบบสัดส่วนจากบัญชีรายชื่อของพรรค แบ่งแยกคะแนนสองส่วน
อย่างอิสระเพื่อสะท้อนสัดส่วนของคะแนนที่แท้จริง
แต่จะต่างไปนิด ตรงที่ญีปุ่นเห็นเขาเรียกว่า "ทีมผู้สมัครหาเสียง"
แต่ไงมาเป็นแบบไทยๆ มันกลับกลายเป็น "หัวคะแนน"
แล้วประเภทอามิสสินจ้าง สัญญาว่าจะให้ และซื้อสงซื้อเสียง
ไม่ยักกะเห็นมันเล็ดลอดออกมาสักตอนหนึ่งเลย
ถึงกระนั้น กระบวนการทั้งหมดในความเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง
เขาก็แก้กันในทางรัฐสภา จะซาวด์เสียง แก้ญัตติ โนโหวต
หรือวอล์กเอาท์ เล่นล็อบบี้กันอย่างไรก็สุดแท้แต่
ก็เป็นกระบวนการที่ทุกคนยอมรับและเป็นไปตามครรลอง
ของระเบียบวาระในที่ประชุม ไม่เห็นมีการตั้งม็อบ
ล้อมพื้นที่สาธารณะ แล้วมาขึงป้ายผ้ามาเป็นอารยะขัดขืน
ให้ขัดอกขัดใจประชาชนคนใช้ถนน ที่แม้สังเกตจากในซีรีย์
จะเห็นอาการเบื่อๆของคนประชาชีตาตี๋ดำๆ
แต่นั้นก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากพฤติกรรมภาพรวมของนักการเมือง
ไม่เห็นเขาโทษระบบวิธีทางการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเอาเสียเลย





การเอามาโม้ซ้ำอีกครั้ง ในวาระหน้าสิ่วหน้าขวานของสยามประเทศ
ถือเป็นการชม ที่ต้องถอนหายใจยาวๆไปหลายช่วง
เพราะถึงแม้ในแง่อุดมการณ์ต่างความคิดและผลประโยชน์ระหว่างกลุ่ม
ที่ทำให้ นักการเมืองผู้ทรงเกียรติ์ในสภา
เมื่อได้สัมผัสกับอำนาจ ยศ ชื่อเสียงและเงินตรา
ก็ยิ่งสร้างระยะของการถอยห่างจากเจตนาแต่เริ่ม อันเป็นย่างก้าวแรกๆ
ตามความมุ่งประสงค์ของบุคคลที่เข้าทำงานทางการเมือง เวลาเห็นป๋ายะ
ในแง่ตัวบุคคลไปคัดง้างกับโครงสร้างกลุ่มผลประโยชน์ร่วมในสภา
แล้วสามารถโน้มน้าวตัวบุคคลหลัก ที่กุมกลุ่มอำนาจส่วนหนึ่งในสภาได้
ไอ้คนดูอย่างเราก็ดันยินดีปรีดี แต่พอถอดแผ่นแล้วเปลี่ยนช่องเท่านั้นแหละ
ถึงได้รับรู้ความเป็นมายาคติอีกด้าน ว่าประชาธิปไตยไทยมันต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร
โดยเฉพาะผลประโยชน์ของชาติ ที่สะกดง่ายแต่ปฏิบัติยากชะมัดในสายตาเราๆ
เอ๊!นี้เรากำลังโม้ซีรีย์อยู่นะเนี่ย ไงเตลิดไปไกลนักแล
แต่อย่างไรเสีย นี้ไม่ใช่บทความที่เป็นปรปักษ์กับนักการเมือง
เพียงแต่ว่า เมื่อได้เห็นปณิธานอันแรงกล้าของนายกฯเคตะ
ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามอุดมคติของผู้เลือกตั้ง ที่ปรารถนาจากบุคคลประเภทนี้
เข้ามาบริหารประเทศ จึงอยากชวนนายเคตะลองมาเปลี่ยนสัญชาติ
ฝึกปรือภาษาไทยเสียให้คล่อง สอนให้ท่องจำรัฐธรรมนูญปี ๕๐
ซึ่งถ้ากระบวนการทั้งหมดทั้งปวงยุ่งยากเช่นนี้แล้ว
สู้ให้คนไทยสักคน ปฏิบัติเียี่ยงนายเคตะ
แล้วเปิดโอกาสให้ได้ก้าวเท้าเข้าสู่เวทีการเมืองไทย ยังดูง่ายกว่าซะอีก



ความจริงสำหรับเรื่องนี้ ก็ได้แอบจดแอบแล็คเชอร์
เป็นการส่วนตัว ด้วยศัพท์แสงคำคมมันช่างพรั่งพรูเสียตั้งมากมาย
แต่ขอเอาประเภทที่คัดแบบโดนๆ ที่เหมือนว่าจะตบหน้าสำนึกทางประชาธิปไตย
แต่ทว่า เมื่อแอบไปพลิกหนังสือวิชาสปช.ของหลานๆ
มันก็ปรากฎจริงดั่งที่เป็นอยู่ ไม่ต่างกันประเทศซีรีย์เมืองยุ่นเขา
ไม่ใครก็ใครนี้แหละ ที่เป็นฝ่ายลอกเขามาอีกที
แต่ความเปลี่ยนแปลงของบ้านโน้น ของเขาถึงขั้นสลับขั้ว
ที่ฝ่ายแค้นตลอดพรรษา ได้กลับมาจัดตั้งเป็นรัฐบาลผสม
แต่บ้านเรา จากเดิมที่เคยเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ถูกครหา
ว่าจัดตั้งรัฐบาลที่ค่ายทหาร
เออ..บ้านนี้เมืองนี้ก็มีอะไรให้พอได้เทียบกับเขาได้เหมือนกันนะเออ




the principle of the sovereignty of people.
(หลักการพื้นฐานของอำนาจอธิปไตยจากปวงชน)

truth is,you might think that it's difficult.
(ความจริงก็คือ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก)

but it's on this grade school social studies book
(แต่จริงแล้วๆ มันถูกสอนอยู่ในหนังสือวิชาสังคมระดับประถม)

They often say Politics will change with your vote
(พวกเขากล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า
"การเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของคุณ")

But l've never felt that politics has changed because of my vote
(แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกได้เลยว่า การเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้
ด้วยการหย่อนบัตรลงคะแนนของผม(คิดเหมือนกันเลย ป๋าเอ้ย)) ........




อวยข้อมูลจาก

-dramawiki


Create Date : 17 พฤษภาคม 2553
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 20:41:33 น. 22 comments
Counter : 1636 Pageviews.

 
ฮัลโหลหายไปนานมากๆๆ ไม่รู้ จขบ ยังจำมารีอองได้อ่ะป่าว แวะมาอ่าน+ทักทายค่ะ ดู change รอบแล้วเหรอ ตอนนี้ไม่มีเวลาดูซี่รี่ส์เลยสุดจะคิดถึง


โดย: มารีออง IP: 61.90.88.167 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:00:49 น.  

 
ว้าว!คราวนี้จขบ.เขียนซีรีส์ในดวงใจระดับต้นๆของตัวเองเลย
ชอบเรื่องนี้มาก ที่ทำให้การเมืองเรื่องหนักๆเป็นเรื่องไม่ซีเรียส
สนุกน่าติดตาม และให้มุมมอง แฝงข้อคิดและคติสอนใจ
ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองได้อย่างดี
และได้เห็นเล่ห์เหลี่ยมของพวกนักการเมืองเขี้ยวลากดินว่าไม่แตกต่างจากบ้านเราเลย
โดยเฉพาะคัมบายาชินี้เขี้ยวลากดินตัวพ่อเลยจริงๆ
แล้วตาลุงเทราโอะ อากิระก็แสดงได้ดี๊ ดี ดูแล้วเกลียดขี้หน้าแกจัง
ส่วนเลขานุการสาวคนเก่งมิยามะ ริกะ ก็เป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ
ซึ่งฟุกาซึ เอริแสดงบทนี้ได้ดีเชียวเสียแต่ว่าไม่สวย
(ถ้าเอาทาคาโกะ มัตสึ มาแสดงล่ะก็แจ่มเลย)
ส่วนนักวางแผนการเลือกตั้งมืออาชีพที่อาเบะ ฮิโรชิแสดง ก็เป็นสีสันดีจัง
เข้าขากันได้ดีกับมิยาโมโต้ ฮิคารุ ลูกสาวหัวหน้ากลุ่มผู้สนับสนุนท่านเคตะ
อยู่ในบ้านด้วยกันแล้วเฮฮา น่ารักดี
อยากให้นักการเมืองบ้านเราคิดอย่างนี้บ้างจังคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชน
มากกว่าผลประโยชน์ของพรรคการเมือง
แล้วอีกนานไหมกว่าบ้านเราจะมีนายกในอุดมคติอย่างท่านนายกอะซากุระ เคตะ
ส่วนฉากกล่าวสุนทรพจน์ลากยาวช็อตเดียว 22 นาที 35 วินาที ป๋ายะสุดยอด
ชอบป๋ายะผมสั้นแบบนี้จัง "เจ้าชายรัฐสภา" เหมาะสมๆ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.65.128 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:05:35 น.  

 
ก็เขียนด้วยความรันทดใจในบ้านเมืองเล็กๆ
(แล้วก็ได้หยุดงานอีกวันดั่งใจหมายแหละท่านะมะนาวฯ)
พอหยุดเยอะ มันก็ทำให้สมองฝ่อ
ชีวิตชีวาในการใช้ชีวิตก็ไม่ค่อยจะมี
เจอสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้
มันก็เลยพรั่งพรูสักเล็กน้อย
โดยครั้งนี้ค่อนข้างใส่ความรู้สึกตัวเองเยอะไปหน่อย
ผักบุ้งเลยกระจาย
แต่ใครบางคนรับประทานอาหารมื้อที่ห้า
ก็ไม่ริเผาผลาญแคลอรี สร้างผลให้ผุ้เขียน
มีอะไรให้อ่านเล่นๆบ้างเหรอ
วันนี้เลยเป็นวันอ่านหนังสือค่อนข้างเยอะ
ไปแว้บอ่านการเลือกตั้งญี่ปุ่น
ก็เลยเก็บมาร่ายประกอบ เพื่อเสริมหน้ากระดาษเสียนิดหน่อย
คงไม่หนักหนาเท่าไรน้อท่าน

ดูเหมือนท่านมะนาวฯรึเปล่า
ที่เล่าว่า ตามดูซีรีย์เรื่องนี้จากคอลัมภ์ของ
ต่อพงษ์ ส่วนผู้เขียนจำได้ว่ามาจากการฟังวิทยุ
ตอนแรกยังนึกอคติ ว่าเอาการเมืองนี้นะ
มาทำเป็นซีรีย์ คงเป็นรักกุ๊กกิ๊กแบบคนหนุมคนสาว
แล้วเอาการเมืองมาเล่าเป็นโครง
แต่ที่ไหนได้เจ้ายาสุชิ นี้มันแม่นในเรื่องข้อมูล
การดำเนินงานปฏิบัติทางการเมือง
แล้วมีช่องว่างช่องโหว่ เพื่อใช้ในการสร้าง
ซีรีย์ที่ติดสูตรลูกถนัด ของค่ายฟูจิทีวีเขา
อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุดที่เคยดู
แต่เปนเรื่องที่ฉลาดในการใช้ทรัพยากรทางการเมือง
ผิดกับ buzzer beat ที่มีทรัพยากรทางการกีฬาดีๆ
แต่กลับไม่นำมาใช้อย่างพอเหมาะพอควร
เลยกลายเป็นซีรีย์แนวรักๆแบบจัดแจ้งไปสักหน่อย
แล้วเรื่องนี้มาเกี่ยวอะไรหว่า

ความจริงซีรีย์เรื่องนี้ดูเข้ากับเมืองไทย
มากกว่าประเทศผู้ผลิตนะท่าน
หลายสถานการณ์มันเข้ากับเมืองไทยชัดๆ
ไม่แค่นายกรูปหล่อ แต่เลขานุการเขาก็เข้าใจไปเทียบกับคุณคนนั้นอะน้อ
รู้ใช่ไหมว่าใครเอ่ย?

แต่จำได้ถึงขั้นจับเวลา
อันนี้ยอมแพ้เลยอะท่าน
แต่เชื่อไหม ตอนที่เห็นฉากนี้
ผู้เขียนแอบไปเข้าห้องน้ำพักใหญ่
เพราะบทที่พูด คือ สถานการณ์ที่ไอ้เราก็
จำได้ขึ้นใจ
ซึ่งการเอามาพูดซ้ำ ก็โอเคนะ
แต่ความปวดส่วนตัว มันไม่เข้าใครออกใครนะท่าน

แต่พากย์ไทย ในช่องไทยพีบีเอส
ไม่เข้ากับท่านเคตะเลย ดูเจ้าขุนอย่างไรไม่รู้


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:58:00 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณมะนาว ว่า ฟุกาซึ เอริ ไม่สวย แต่ prysang ชอบเธอ เพราะเธอน่ารัก ทุกเรื่องเลยที่แสดง ยังร่ำ ๆ ว่าอยากจะดู dance drill ( จำถูกมั้ยเนี่ย ) ดูรอบสอง และทำบล็อกรอบสอง ด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า Mr.Chanpanakit ชอบเรื่องนี้จริงๆ สถานการณ์บ้านเมืองเรานี้ ตอนแรกก็ยังแบบว่า ติดตามดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แต่ตอนนี้ชักติดเป็นความกังวล ต้องโทรเช็คเพื่อนฝูงอยู่ไหนกัน เพราะลุกลามและรุนแรงมากขึ้นทุกที

มีหนังสือ ลับ ลวง พราง อยู่บนโต๊ะมาสักเดือนนึงแล้ว ยังไม่ได้เปิดอ่านเลย


โดย: prysang วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:02:07 น.  

 
ซีรีย์เรื่องนี้ทำขึ้นมาในช่วงที่มีกระแส candidate ประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกา และ ต้องบอกว่าโหนกระแสกันพอสมควรสำหรับชื่อเรื่องที่ก็ไม่อาจบอกได้ว่ามาจากแคมเปญของท่านโอบามาคือ CHANGE

ละครเรื่องนี้มีกุศโลบายที่อยากให้คนญี่ปุ่นได้รับรู้เรื่องการเมืองมากยิ่งขึ้น และ ต้องการให้ประชาชนฉุกใจคิดถึงสิทธิและหน้าที่ของตัวเองโดยแฝงเรื่องราวทางการเมืองง่าย ๆ ลงในละครให้คนได้ชมกัน

ละครเรื่องนี้มีเหตุคลุกคลักอยู่มากตั้งแต่เรื่องบทที่กว่าจะออกมาก็ช้าเชื่อง รวมถึงเวลาฉายที่ล้าช้าไปมาก เรตติ้งเปิดตัวจึงกลายเป็นที่สองรองจาก Gokusen 3 ไปเสียฉิบ แต่อย่างไรก็ตามละครเรื่องนี้ได้สร้างปรากฎการณ์มากมายทั้งทางการเมือง และ ทางความคิดผู้คน

อาซากุระ เคย์ตะ ได้รับการเปรียบเทียบกับนายกฯฟุคุดะ ลงในหนังสือพิมพ์ Wall Street พาดหัวว่า Fukuda lowkey's style frustrate japan จนสุดท้ายนายกฯฟุคุดะก็มีอันต้องลาออกไปจริง ๆ นอกจากนั้นละครเรื่อง CHANGE ยังได้รับความสนใจจากบุคคลระดับรัฐมนตรีที่ได้กล่าวออกโทรทัศน์ว่า "ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะทบทวนว่าเราก้าวมาในวงการเมืองเพื่ออะไร"

นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่า CHANGE นั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการเมืองญี่ปุ่น ในการเลือกคนหนุ่มสาวเข้ามาทำงานในวงการเมือง

สุดท้าย CHANGE ลาจอไปด้วยเรตติ้ง 20 นิด ๆ แต่ทิ้ง effect น่าติดตามให้กับประเทศญี่ปุ่นไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะ speech สุดท้ายกับบท 15 หน้า one cut 22 นาที 30 วินาที และ เรตติ้ง 27 % ณ เวลาที่ฉายฉากนั้น


โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:05:47 น.  

 
รัฐธรรมนูญประเทศไทยมี 309 มาตรา มากกว่าประเทศใดโลกนี้ไม่รู้กี่มาตรา รับรองว่าแม้แต่คนร่างก็จำไม่ได้ว่าแต่ละมาตราเกี่ยวกับอะไรบ้าง

รัฐธรรมนูญไทยนั้นจริง ๆ แล้วเป็นเรื่องใกล้ตัวหาใช่เฉพาะ ส.ส. ที่ต้องรู้ไม่ คนที่ปกครองประเทศนั่นแหละต้องรู้ และก็ไม่ใช่ใครที่ไหนในระบอบประชาธิปไตย(ไม่ว่าจะครึ่งใบหรือเต็มใบก็ตาม)จะต้องทราบ แต่ ณ วันนี้เวลานี้ มีคนซักกี่คนที่เข้าในสิ่งที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้

อยากให้ข้อสังเกตซักนิดตามประสาคนเรียนกฎหมายว่า .... รัฐธรรมนูญไทยนั้นมีเรื่องดีหลายประการ แต่ ซุกซ่อนกลไกน่ากลัวหลายอย่างไว้เช่นกัน เพียงแต่ "ใคร" เท่านั้นจะรู้เท่าทัน การแก้ไม่แก้แต่ละครั้งล้วนมีนัยยะที่บางทีประชาชนมองไม่เห็นและไม่เข้าใจ

และการยอมรับอะไรที่ตนเองไม่เข้าใจนั้นแหละ .... วันหนึ่งสิ่งนั้นอาจหวนมาทำร้ายตัวเอง


โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:12:46 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน ผม ... อาซากุระ เคย์ตะ

วันนี้เป็นวันที่ 50 ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

และ ผมตั้งใจที่จะบอกเล่าความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งอยากจะใช้โอกาสที่ผมยังดำรงตำแหน่งนายกฯ ดังนั้นการแถลงข่าวในครั้งนี้จึงเกิดขึ้น

ในชั้นแรก ผมอยากจะกล่าวคำขอโทษต่อทุกคน 18 ปีก่อน เรื่องราวทุจริตของไดโดที่ทางบริษัทได้หว่านหุ้นล่อในคนในวงจรการเมือง

และด้วยความไม่รู้ ผมก็ได้แต่งตั้งนักการเมืองเหล่านั้นเป็นรัฐมนตรี ... ถึง 8 คน ผมทำให้พวกคุณต้องผิดหวัง ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ

วันนี้ .... มีหลายอย่างที่ผมหวังว่าจะได้บอกกับพวกคุณด้วยตัวของมันเองให้มากที่สดุเท่าที่จะเป็นไปได้

ผมจะไม่ใช้ถ้อยคำหรูหราเข้าใจยาก เพราะ ผมเคยเป็นคุณครูประถมมาก่อน ดังนั้นสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้จะง่ายเสียจนเด็กประถม 5 ก็ยังเข้าใจ

ก็อย่างที่ทุก ๆ คนทราบกัน ก่อนหน้าจะมาเป็นสมาชิกของสภาแห่งนี้ ผมไม่มีประสบการณ์การทางเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ผมเป็นเพียงแค่ครูประถมธรรมดา ๆ เท่านั้น และหากจะพูดตามตรงความสนใจทางด้านการเมืองของผมก็เป็นศูนย์

แล้วเมื่อมีข่าวคราวเกี่ยวกับบุคคลในวงการออกมา หรือ เกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง ผมเองก็เหมือนทุกท่าน .... คือ รับฟังข่าวไปตามปกติ แต่จะให้ลงสมัครรับเลือกตั้งนะเหรอ .... ไม่หรอก

ผมรู้ดีว่าการเมืองนั้นสำคัญ แต่ มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเราตรงไหนหรือ หากจะพูดให้ตรงกว่านั้น คือ ผม ... ไม่เคยคาดหวังอะไรกับการเมือง

บ่อยครั้งที่เราได้ยินข้อความว่าเพียงหนึ่งเสียงของคุณการเมืองก็"เปลี่ยน" แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่เคยคิดเลยว่าหนึ่งเสียงของผมจะทำให้อะไร"เปลี่ยน"ไป

แน่นอนว่า ในเวลาเลือกตั้งนั้น ... ผมก็รู้สึกว่าตื่นเต้นว่าใครกันนะจะได้รับเลือกตั้ง พรรคไหนจะชนะคะแนนเสียง แต่ก็เท่านั้น ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเลย และก่อนที่เราจะรู้ตัว ... นโยบายสวยหรูต่าง ๆ ที่บรรดาผู้สมัครได้ให้ไว้ก็กลับกลายเป็นอากาศว่างเปล่า



หลังจากนั้น ผมก็กลับมาคิดว่า ..... แล้วเราจะตื่นเต้นไปเพื่ออะไร จากนั้นก็เริ่มคิดว่านี่เราถูกหลอกให้หวังหรือ แต่แล้วก็กลับคิดต่อไปว่า .... เอาน่ะจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ เสียงของผมหนึ่งเสียง ...... ที่สุดแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย

แล้วคนอย่างผมนี้ .... ลงสมัครรับเลือกตั้งทำไมเล่า แล้วเหตุใดจึงเข้าเป็นสมาชิสภาอันทรงเกียรตินี้หลังจากได้รับเลือกตั้ง เพราะว่าผมเป็นครูมาก่อนก็เลยไม่เขินอายเวลาที่ใคร ๆ เรียกว่า “เซนเซ” หรือ เพราะว่าผมสามารถจะใช้บริการรถไฟได้ฟรี (อันที่จริงแล้วก็เหมือนกับผู้สูงอายุสินะครับใช้ฟรีเหมือนกัน -- แอบฮานะยะ) บางคนอาจจะคิดว่าผมอยากดัง

ทว่า .... เมื่อผมเข้าไปในสภาอย่างที่ได้รับคำแนะนำ ผมกลับไม่เข้าใจว่าทุกท่านกำลังถกเถียงเรื่องใดกันอยู่ เอาล่ะ หากเราพูดถึงคณะกรรมการ ก็จะนึกถึงคณะกรรมการพิจารณางบประมาณ ซึ่งตอนนั้นเลขาฯของผมอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่าระบบรัฐสภามันก็อย่างเดียวกับสภานักเรียนในโรงเรียนประถมนั่นเอง ซึ่งคณะกรรมการพิจารณางบประมาณที่ทำหน้าที่ถาวรก็เหมือนกับคณะกรรมการห้องสมุด ส่วนคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะก็มีสถานเหมือนกับชมรมต่าง ๆ นั่นเอง พอได้ยินแบบนั้นผมก็ว่า “อ๋อ .... แบบนั้นเองเหรอ” ความเข้าใจของผมอยู่ในระดับเพียงเท่านี้ .... น่าอายนะครับ

หากหลังจากที่ได้ฟังอะไร ๆ เยอะขึ้นผมก็เริ่มทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ๆ กันทีละนิด ๆ สิ่งที่เขาถก ๆ กันอยู่นั้นก็เพื่อเป็นการคุมเชิงกันนั่นเอง

นั่นก็แปลว่าสิ่งที่พรรคเสียงข้างมาก และ พรรคฝ่ายค้านกระทำอยู่ก็เพียงแค่การยึดถือเอาความคิดของตนเองเป็นหลัก

แม้จะได้รับการโน้มน้าวใจซักเพียงไหน

โดยไม่มีการหยุดคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอนั้นมีข้อดีไม่ดีหรือไม่อย่างไร แล้วก็ยึดถือรูปแบบนั้นเรื่อยมา

อา ..... มันจะต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้งไปหรือ ? ในหัวผมเต็มไปด้วยคำถาม .... ตอนที่ผมยังเป็นคุณครูผมเองก็สอนลูกศิษย์โดยใช้วิธีนี้แหละ

ดีเบตกันถกเถียงกันจนกระทั่งพบคำตอบ เพราะแบบนั้นเด็ก ๆ จึงรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างระมัดระวังและตั้งอกตั้งใจ และก็เพราะแบบนั้น

เมื่อพบว่าความคิดของตนเองนั้นบกพร่องไป หรือ ผิดพลาดไปก็จะยอมรับความผิดพลาดนั้นแต่โดยดี

อย่างไรก็ตามวิธีการเช่นนั้นใช้ไม่ได้กับสภาแห่งนี้

เป็นธรรมดาที่ส.ส.ก็ต้องกระทำการตามนโยบายของพรรค และ เงื่อนไขทางการเมือง หลาย ๆ คนถึงกระทั่งลงนามในร่างกฎหมายที่ตัวเองคัดค้านตลอดมาเช่นเดียวกับที่เคยเห็นส.ส.รุ่นพี่ได้เคยกระทำมาจนเป็นประเพณี เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีใครเคยคิดอย่างจริงจังว่า กฎหมายที่ตนได้ลงนามรับรองนั้นมีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ ผมได้ก้าวเข้ามาในวงวนของการเมืองอย่างใกล้ชิดขนาดนี้แต่ผมกลับรู้สึกว่าการเมืองช่างห่างไกลเหลือเกิน

ในขณะนั้นเอง ผมถูกขอร้องให้ลงเลือกตั้งหัวหน้าพรรค ซึ่งหากส.ส.หน้าใหม่อย่างผมได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเซย์ยูที่เป็นพรรคเสียงข้างมากในสภาล่ะก็ผมก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นไปหรือครับสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่นี่ แน่ล่ะผมปฏิเสธไปตั้งแต่คราวแรก แต่เมื่อกลับมาคิดแล้วหากว่าเป็นนายกฯ .... คราวนี้ละมังที่ “หนึ่งเสียง” ของผมจะมีความหมาย ผมอาจจะสร้างสรรค์ความหวังใหม่ ๆ ให้กับเด็กรุ่นหลัง

สุดท้ายผมจึงลงผู้สมัครในตำแหน่งนายกฯ อย่างไรก็ตามเมื่อผมได้ฟังแนวคิดของผู้สมัครคนอื่น ๆ ผมก็คิดว่า “เฮ้ ๆๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเป็นเราล่ะก็จะทำแบบนี้” แล้วสิ่งที่ผมได้คิดได้พยายามจะทำก็มาถึงเร็วเกินคาด แม้ผมจะไม่มีความสนใจในด้านการเมืองแม้แต่น้อย แต่ผมก็มีความปรารถนาที่จะกระทำการ และ มีแนวทางที่อยากให้โลกเป็นไป

ระว่างที่มีการเลือกตั้งผมได้สัญญาทุกคน

ผมขอสัญญาว่า ผมจะใช้สายตา เช่นเดียวกับพวกท่านทุกคน มองปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างถ่องแท้ แล้วดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง

ผมขอสัญญาว่า ผมจะใช้หูที่เหมือนกับพวกท่าน ในการฟังเสียงของผู้ที่อ่อนแออย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่เบาขนาดไหน

ผมขอสัญญาว่า ผมจะใช้ขาแบบเดียวกับพวกท่าน ไปยังทุกๆ ที่ที่มีปัญหาอย่างไม่ลังเล

ผมขอสัญญาว่า ผมจะใช้มือเช่นเดียวกับพวกท่าน ลงแรงทำงานถึงจะต้องอาบเหงื่อเหนื่อยยาก และจะชี้ทางให้ประเทศนี้เดินหน้าไปในทางที่ควรจะเป็น

ทุกสิ่งทุกอย่างของผม, ทุกสิ่งทุกอย่างของตัวผม ก็เหมือนกับทุกท่าน”

ผมมิใช่มืออาชีพในเรื่องการเมือง ผมไม่ได้เป็นนายกฯเพราะหลงใหลในอำนาจ ผมทำงานก็เพื่อประโยชน์ของประชานทุกคน ผู้ที่ให้คะแนนเสียงผม และ ฝากความหวังไว้กับผม ผมคิดแบบนั้นจนกระทั่งถึงวันนี้ แต่ปรากฏว่าผมลับทรยศทุกคน เพราะ เหตุการณ์ทุจริตในเรื่องบริษัทไดโด ไม่เพียงแต่รัฐมนตรี 8 คนนั้น ยังมีสมาชิกสภาอีก 15 คนที่รับสินบนนั้นไว้ด้วย นี่คือความหายนะหากพูกในแง่ความเชื่อถือในการเมืองของประเทศนี้

เห็นมั้ยล่ะ นักการเมืองก็แบบนี้ไม่มีดีซักราย นักการเมืองแบบนี้มาเป็นรัฐมนตรีได้อย่างไร เพราะแบบนี้แหละ นักการเมืองถึงเชื่อไม่ได้ ผมได้ยินครับ ได้ยินเสียงของทุกท่านอย่างชัดเจน และ ผมเองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน มันคงเป็นเรื่องผิดหากหลังเหตุการณ์นี้นายกฯจะทำหน้าใสซื่อและอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก ผมต้องขอโทษทุก ๆ คนอีกครั้ง ผมเสียใจจริง ๆ

แต่ขอให้ผมได้พูดอะไรสักหน่อย ..........

หลังจากผมก้าวเท้าเข้ามาในวงการเมือง ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ผมเกิดความหวัง และ ได้เกิดการเรียนรู้

โปรดทราบไว้ด้วยว่า

ยังคงมีนักการเมืองที่ไม่หลงใหลใฝ่อำนาจ คนที่ทำงานด้วยความกระตือรือร้นและตระหนักถึงหน้าที่อของตน

โปรดทราบไว้ด้วยว่า

ยังคงมีนักการเมืองที่อิทธิพลและมีชื่อเสียงยาวนาน หากไม่มีใครรับรู้ แต่ก็พร้อมจะลงจากตำแหน่งอย่างกล้าหาญ

โปรดทราบไว้ด้วยว่า

ยังมีกลุ่มคนที่เรียกว่าเจ้าหน้าที่ ผู้ที่คิดถึงผลประโยชน์ของประเทศ และ ทำงานเพื่อทุกคน

โปรดทราบไว้ด้วยว่า

ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พร้อมเอาชีวิตตัวเองปกป้องนายกฯเพื่อความมั่งคงของประเทศ และ ประชาชน

โปรดทราบไว้ด้วยว่า

ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่โดนพิษร้ายของการเมืองกลืนกิน คนที่มองการเมืองเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป

โปรดทราบไว้ด้วยว่า

ยังมีผู้คนที่ไม่มีความปรารถนา และ กระหายในเรื่องการเมืองยังคอยหนุนหลังผมอยู่มากมาย

และ โปรดทราบไว้ด้วยว่า ......... ผมขอโทษ


บุคคลเหล่านีhสอนให้ผมทราบว่าการเมืองนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อ ทุกท่านที่ผมกล่าวถึงนั้นเป็นคณะทีมงานที่เยี่ยมยอด ผมซาบซึ้ง และ ขอบคุณพวกเขาเหล่านั้นอย่างยิ่ง

อย่างที่ผมได้พูดไว้ ผมต้องการจะยุติเรื่องราวเหล่านี้เสียที

ดังนั้นผมจึงขอลงจากตำแหน่งนายกฯ แต่ผมจะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้เพียงผู้เดียว เพราะยังไม่หมดเชื้อร้ายในวงการเมืองของเรา ดังนั้นผมจะให้คนเหล่านั้น ไม่ใช่สิ ... ส.ส.ทุกคนรับผิดชอบร่วมกัน

ผมจึงขอใช้อำนาจที่มีอยู่ “ยุบสภา”

และ ผมอยากให้ทุกคนได้เลือกคณะรัฐบาลใหม่ในการเลือกตั้งทั่วไป

คะแนนเสียงแต่ละคะแนนนั้นมีค่ายิ่ง ผู้คนที่ได้รับเลือกก็คือตัวแทนของทุกท่าน และ จะทำงานตามเจตจำนงของทุกคน ส.ส.ทุกท่านจะทำงานเพื่อกำหนดทิศทางการเมือง

ทุกท่านครับ นี่คือ หลักการของอำนาจอธิปไตย อาจฟังดูเข้าใจยากแต่คำ ๆ นี้ก็ปรากฏในแบบเรียนของนักเรียนชั้นประถม ดังนั้นทุก ๆคนก็คงรู้ความหมายนะครับ

หมายถึง คุณทุกคนเป็นผู้ชี้นำประเทศครับ ผมอยากฝากการเมืองของประเทศไว้ในมือพวกคุณ ปัญหาเกี่ยวกับประเทศนี้ยังมีอีกมากมาย ทั้ง อัตราการเกิดที่ต่ำลง การศึกษา การสาธารณสุข และ อีกหลายอย่างที่ต้องการการแก้ไข แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เพียงนักการเมืองเท่านั้นจะเป็นผู้พิจารณา แต่เป็นเรื่องที่ทุก ๆ คนจะต้องขบคิดร่วมกัน

ทุกท่านมีอิสรเสรีภาพ และ มีหน้าที่ที่จะต้องเลือกนักการเมืองที่จริงจัง และ จริงใจ นักการเมืองที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน นักการเมืองที่รักษาสัญญา นักการเมืองที่ทำงาน และ มีมุมมองเช่นเดียวกับประชาชน พวกคุณทุกคนสามารถให้บุคคลเหล่านี้เข้าไปทำงานในสภา

ผมเคยผิดเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ผมพูดอย่างมั่นใจได้แล้วว่า

หนึ่งเสียงของคุณเปลี่ยนการเมืองได้ ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีขอประกาศว่าผมตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร การประกาศยุบสภาครั้งนี้มีได้ทำขึ้นเพื่อให้ผู้คนจดจำคณะทำงานของอาซากุระ เคย์ตะ แต่ ทำเพื่อสร้างอนาคตและ ความหวังให้กับเด็ก และ เยาวชนรุ่นต่อไป

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมจะกล่าว ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามรับชม ขอบคุณครับ


-------------------------------------------

อยากให้มีผู้คนแบบนี้ที่เมืองไทยเยอะ ๆ


โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:16:16 น.  

 
เป็นซีรี่ย์ที่หยิบมาดูใหม่ในช่วงเวลานี้่เช่นกันค่ะ
นายกในฝัน..ซึ่งเราคงต้องหลับจึงจะได้พบเท่านั้นแหล่ะ

ขอ copy ข้อความบทพูดที่คุณวรินทร์รตาพิมพ์ไว้ไปเก็บด้วยนะคะ
ชอบฉากนี้เช่นกัน


โดย: นัทธ์ วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:13:44 น.  

 
^
^
^

ตามสบายค่ะ จริง ๆ ไปแฮบมาจากบล็อกของตัวเอง แต่ไม่ใช่ล็อกอินวรินทร์รตา

ซีรีย์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผูกพันมาก เพราะ เริ่มติดตามตั้งแต่ยังไม่เป็นเรื่องเป็นราวในช่วงปี 2008

ตั้งกระทู้รายงานสด(จากญี่ปุ่น)ในห้องบันเทิงแดนซากุระ หาข่าว ค้นเบื้องหลัง แปลเรื่องย่อ(จากภาษาอังกฤษ)เองกับมือ กระทั่งทำซับไตเติ้ลภาษาไทยในที่สุด แต่แปลกไม่เคยดูวนไปวนมาเลยแฮะ

ตอนที่จะมาฉายเมืองไทยก็ตั้งกระทู้แนะนำที่เฉลิมไทยอยู่แต่ในนามล็อกอินอื่นค่ะ แต่เวลาที่ฉายจริง ๆ ตัวเองไม่ได้อยู่ร่วมรายงานสดเพราะไปเรียนต่อต่างประเทศ


โดย: วรินทร์รตา วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:23:38 น.  

 
กลับมาอีกทีเห็นถามว่า คุณฟุคุดะ ผู้เขียนบทนั้นจบรัฐศาสตร์มา หรือ เคยติดหน้าตามหลังนักการเมืองหรือเปล่าถึงได้เขียนบทฉมังนัก

เปล่าค่ะ คุณฟุคุดะแกก็เขียนบทของแกตามปกติ แต่ทางสถานีเชิญที่ปรึกษามาให้ ทายซิใครเอ่ย ... ใหญ่โตมโหระทึกพอควรค่ะ เลขาฯอดีตนายกฯโคอิสึมิค่ะ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของทีมเขียนบท

ถ้าอยากให้เราก้าวไปในทางเดียวกันกับอารยะประเทศก่อนอื่นต้องเริ่มที่คน เข้าใจกลไกการเลือกตั้งแค่ไหน เริ่มแรกต้องเข้าใจกลไลเข้าใจระบบจึงจะรู้ว่าควรเลือกคนประเภทไหนเข้าสถา


โดย: วรินทร์รตา วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:20:14 น.  

 
ได้ฟังเหมือนกันครับท่านมะนาวฯ
เห็นทางเว็บผู้จัดการติดเชิดชูร่า
แต่ไม่ถึงกับน้ำตาไหลหรอกนะ
แต่มันเป้นสัญญาอะไรบางอย่าง
ที่คนประกอบอีกวิชาชีพที่ส่งเสียง
กว่าการเหน็บแหนมผ่านซีรีย์อย่างผู้เขียน
ถือเป็นปรากฎการณ์ที่ต้องพึ่งดารารุ่นใหญ่
อยากได้ยิน เสียงจากดาราสาวๆมั้งจัง
แต่ดาราสาวจากกลุ่มเสื้อเหลือง อันนี้ไม่ต้องนะ
เพราะได้ยินมาจนเฟ้อแล้ว

ความตั้งใจของท่านมะนาว
ที่มีต่อหน้าที่การงาน ไม่รู้ว่าอันนี้
เกิดจากการซึมซาบจากการขยันดูซีรีย์รึเปล่า
ส่วนเพื่บอนอีกคนก็กล้ามายกนะขอรับ
ผู้เขียนเก็บตัวเงียบมาทั้งอาทิตย์
แต่วันนี้ออกไปทำงาน เพราะไม่เห็นมีใครโทรแจ้งว่า
ไม่ต้องทำงาน พอไปถึงก็งานเข้าเลย
เพราะชะตากรรมคล้ายๆกับท่านมะนาวฯนี้แหละ
มากันสองตัว ส่วนคนอื่นหายต้อมกันหมด
ผู้เขียนต้องอภัยในมิจฉาทิฐิส่วนตัว
นึกว่าแค่กิน นอนและดูหนัง
บทจะทำงาน ก็เป็นหญิงแกร่งไม่น้อยเลยนะครับ
ชุมนุมไม่เกินห้าคน ไม่ผิดหลักพรบ.ฉุนเฉิน
อันนี้คงทำงานได้อย่างสบายใจ

La Femme Nikita ภายใต้ชื่อ
ของผู้กำกับ Luc Besson เป็นยันต์ปะ
ที่มั่นใจได้พอสมควร
เพราะตอนเป็นซีรีย์ที่ฉายในไอทีวี
เรื่องนี้ชื่อเสียงใช้ได้เลย มีคนกล่าวกันเยอะ
พอๆกับซีรีย์เรือง Buffy แวร์ไพร์น้อย
ที่เจ๊ซาราเธอเล่นได้ อยากให้เจาะคอหอย
ว่าแต่หนังเก่ารึยังละครับ ฉบับหนังนี้
ไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อน

Air doll ยังไม่ได้ดูครับ
ขอรักษาภาพพจน์นิดหนึ่ง
เวลาไปเช่า อายพนักงานสาวแถวนั้น
ชื่อหนังกันแสลง ให้เด็กๆมันมองเราไม่ดีเอา
iรอให้พนักงานชายมาเปลี่ยนกะก่อน
แล้วค่อยย่องหัวแอบไปเช่าเอาละกันน้อ

อันนี้ไม่รู้นะ
แต่ถ้าใครมาขืนใจให้ต้องเลือก
(ซึ่งก็ไม่มีใครบังคับนิ)
ระหว่าง water boys ฉบับ หนังกับซีรีย์
ผู้เขียนชอบฉบับซีรีย์มากกว่า อันนี้ไม่ใช่แค่
มันดีสุดยอด หรือได้มือเขียนบทอย่าง เจ้าฮิโรชิ
ที่สร้างบทปาดเหงื่อไปดูไป ใน karai naru ichizoku
มันมีองค์ประกอบของเรื่องราวสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ดู
นักแสดงทุกคนตอนนั้นก็สดมาก และมันเป็นคนละสไตล์
แม้ว่าจะไม่ฮา ไม่ขำ ไม่จี๊ด แต่ซึมลึก
และตัวละครมันก็ดึงดูดในทุกๆตัว ไม่แค่พระเอก นางเอกหรอกนะ
แต่อาจเก่าไปหน่อย น่าจะพอหาดูได้อยู่นะ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:41:39 น.  

 
กำลังจะบอกว่าอยากอ่านคำสัญญาระว่างการเลือกตั้งของท่านนายกเคตะ
คุณวรินทร์รตา ก็ใจดีมาเขียนให้อ่านได้สมใจอยาก
ขอบคุณค่ะ

ก็ดูซีรีส์ทุกเรื่องที่คุณต่อพงษ์แนะนำอยู่แล้ว
สำหรับเรื่องนี้ ซื้อหนังสือของคุณต่อพงษ์มาประกอบการดูรอบ2ด้วยค่ะ
เรื่องนี้ตอนฉายที่ไทยพีบีเอสไม่ได้ดูค่ะ
ได้แต่ไปเย้วๆกับเขาในกระทู้รายงานสดเท่านั้นเองค่ะ

มะนาวรู้แล้วว่าหนังสือ3 เล่ม ของ อ.วรากรณ์ สามโกเศศ
ที่คุณChanpanakrit มีอยู่ในมือคือเรื่องอะไรบ้าง
มีTips,Third Eye,Differenceค่ะ ไม่มีTRENDค่ะ
TREND เขียนทีหลัง พิมพ์ทีหลังค่ะ
พอดีวันนี้มะนาวเบื่อๆเซ็งๆเลยไปแกว่งๆแก้เบื่อแถวร้านซีเอ็ดใกล้บ้าน
แล้วก็ไปได้หนังสือของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
มาอีกเล่มคือเรื่อง"สายน้ำและทางช้าง"
ดูเรื่องนี้เหมือนอาจารย์จะเขียนออกแนวเบาๆนะคะ
ดูไม่ค่อยเจ็บปวดในชีวิตมากเท่าไหร่
อ่านหนังสืออาจารย์ทีไร มะนาวรู้สึกโหวงๆในอกทุกที แต่ก็ชอบอ่านค่ะ
แล้วมะนาวก็แอบชั่วร้าย ไปแอบยืนอ่าน"มัชฌิมนิเทศ"ของ
คุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ จนเกือบจบเล่ม ไม่ยอมเสียตังค์ อิ อิ
งานเขียนคุณวงศ์ทนงอ่านง่าย แป๊บๆ ก็จบแล้ว สนุกดีด้วยค่ะ
แต่คุณChanpanakrit ไม่ชอบนี่นะ แล้วมะนาวก็มีหนังสือเล่มแรก
ที่อ่านแล้วประทับใจเล่มเดียวกับคุณวงศ์ทนงด้วยค่ะ
เรื่อง"ต้นส้มแสนรัก"ตอนนั้นจำได้ว่าอ่านไปร้องไห้ไป
หน้าตานี้ดูไม่จืดเลย แต่ที่บ้านไม่แปลกใจพอรู้ว่ากำลังอ่านเรื่องนี้อยู่
ประเภททุกคนลิ้มรสเรื่องนี้มาหมดแล้ว เข้าใจสภาพมะนาว

มีเรื่องอยากไปโอดกับคุณprysang แต่ไม่กล้า
โอดที่นี่แล้วกันนะคะ คือมะนาวอยากดูCode Blue 2
หลังไปอ่านบล็อกของคุณprysangมา
เลยรีบไปสั่งซื้อ แล้วเป็นไงได้มาทุกเรื่อง
ยกเว้นCode Blue 2 ฮือ ฮือ เสียไป1,400บาท
แล้วยังอดดูอีก ร้านบอกว่าcode blue2
ตอนนี้ยังเป็นซับโหลดและยังไม่จบ เลยยังไม่เอามาขายค่ะ
ก็คุณprysang เธอดูจบแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมร้านบอกว่ายังไม่จบ เศร้า
ส่วนWater Boys versionซีรีส์ก็คงต้องรอสั่งรอบต่อไปค่ะ

โอ๊ะ โอ๋ มีคนสบประมาทเราด้วย
ฮึ!ไม่อยากจะคุยมะนาวน่ะหญิงเหล็กนะจะบอกให้
ลุยงานตั้งกะ7โมงเช้านะคะ(งานเข้า8โมงเช้า)
ข้าวเที่ยงน่ะบางวันก็ได้ทาน บางวันก็ไม่ได้ทานหรอกค่ะ
(เรื่องมากเขาเลยปล่อยให้อด จริงๆไม่มีเวลาค่ะ)

หนังเรื่องLa Femme Nikita เป็นหนังเก่าค่ะปี1990
นางเอกชื่อAnne Parillaud แต่มะนาวไม่เคยดูหนังของเธอเรื่องอื่นเลยค่ะ
ส่วนซีรีส์เรื่อง Buffy มะนาวก็ไม่รู้จักอีกแหละ หลังเขาจัง ฮิ ฮิ
555เข้าใจค่ะ ว่าทำไมไม่กล้าไปเช่าAir Doll
ตอนมะนาวดู ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเป็นแบบนี้

ตอนแรกมะนาวนึกว่าได้หยุดต่ออีก 3วันตามประกาศของรัฐบาล
ปรากฏว่าขณะกำลังพิมพ์อยู่นี้
มีโทรศัพท์ด่วนเข้ามา บอกว่าพรุ่งนี้ให้ไปทำงาน ไม่ให้หยุด
ตอนแรกว่าจะลุยซีรีส์ และกำลังจะให้คุณChanpanakritบอกใบ้
ให้พอดีว่าจะเขียนต่อเรื่องอะไร มะนาวจะได้ดูเตรียมไว้ อดเลยค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.27.202 วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:39:37 น.  

 
คิดว่าตอนนี้ท่านมะนาวฯคงถูกสถานการณ์
บีบบังคับให้ต้องกลับมาซุกตัวอยู่ที่บ้าน
ด้วยการประกาศเคอร์ฟิวส์เหมือนกับผู้เขียนน้อ
นึกว่าการมอบตัว จะมานำมาซึ่งความสงบสุข
แต่กลับกลายเป็นการสร้างจุดความวุ่นวาย
เชื่อแล้วว่า การควบคุมมวลชนจำนวนมากๆ
ไม่ใช่เรื่องง่ายเหรอนะขอรับ
ถ้าเอามาทำเป็นซีีรีย์ คงต้องใช้หลักคุณธรรม
นำใจคน และหาจุดฮาๆมาแทรกไว้
ไม่เช่นนั้น คงเป็นซีรีย์แนวดราม่า
ที่ทำเอาคนดูต้องคิ้วขมวดตลอดทั้งเรื่องแน่เลย

แล้วว่านี้ท่านมะนาวฯแบกชีวิตไปทำงานรึเปล่าเอ่ย
เพราะถ้าไป คงได้เห็นเมฆควันสีเทาดำ
กระจายจับตัวเป็นก้อนใหญ่
แถมตกเย็น จะไปเข้าแบงค์คงต้อง
ระวังเนื้อระวังตัวกันยกใหญ่
คงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากให้ความร่วมมือกับ
เจ้าหน้าที่ อย่าเผลอได้ไปทำตัวป่วน
คนดูข่าวยังเครียดขนาดนี้ คนปฏิบัติง่ายคงเครียดยิ่งกว่า
รายการสถานีทีวีภาคปกติก็ไม่ค่อยน่าสนใจ
แต่กระใจในการดูซีรีย์ระยะนี้
ก็ไม่คอ่ยมีเอาสักเลย อย่างว่า
เวลาของสถานการณ์บ้านเมือง มันน่าน่าติดตาม
เสีย
ยิ่งกว่าดรามาแนาวทริลเลอร์สักอีก

ไปถามเพื่อนขี้โม้ มันบอกว่า
มีดูcode blue สอง เรียบร้อย
หนุกกว่าภาคแรกอีก ไม่เหมือนเสียกร่น
แบบ bloody monday สอง
ไปอ่านรีวิว ท่านprysang มา
ก็ยิ่งชวนให้น่าติดตาม แม้ว่าภาคแรก
จะเฉยๆ ไม่ชอบมาก แต่ดูแล้วก็ไม่เสียดายเวลา
เพียงแต่มันไม่ระทึกใจ สักเท่าไร

ขอบคุณสำหรับข้อมูลของหนังสือชุด
อ.วรากรณ์นะขอรับ แสดงว่าผู้เขียนน่าจะขาด
เจ้า เล่มที่ชื่อ trend แน่เลย
แต่ตอนนี้ห้างๆก็ปิดกันทุกห้าง
โอกาสสอยคงต้องแว้บหาสักนิด
เพราะส่องร้านหนังสือแถวๆนี้ ไม่ยักกะมีแหะ

และเชื่อว่าเป็นหญิงเหล็กแน่นอน
ใครน้อจะทำงานก่อนเวลาเข้างานบ้าง
ถ้าเป็นเหล็กคงเป็นเหล็กที่แท่งยาวเอามากๆ
เพราะเห็นเวลานอน ก็นอนได้สันหลังเกือบเลยเตียงไปแล้ว
ผิดกับผู้เขียนที่นอนน้อย แต่กิจกรรมเยอะไปหมด
กลางวันนี้แทบไม่เคยนอน
ส่วนกลางคืนก็ดันมีบอลถ่ายทอดสด
ชีวิตก็เลยตาคลำเหมือนมิสเตอร์แอลเข้าไปทุกที

ระยะนี้ ไม่ค่อยได้ดูซีรีย์เอาเลยละ
มีแต่เอาหนังสือที่เคยดองๆมาอ่าน
กับติดตามขาวสาร โดยเฉพาะผ่านทวิสเตอร์
ที่มีข้อมูลไหลมาตลอดนาทีต่อนาที
ตอนนี้กำลังหักดิบ เลิกให้ได้
แต่หันมาดูการ์ตูนแทน
เป็นอาราเล่ภาคใหม่ ที่ปรับลายเส้นให้
ใกล้เคียงกับสไตล์ โทริยามา อากิรา
ที่วาดดรากอ้นบอลแนว GT จากเส้นโค้งๆ
มาออกมาตรงได้สัดส่วน
เคยดูครั้งสมัยช่องเก้าเอามาฉายตอนเช้า
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นดูไปก็ฮาไป
แต่เดี็ยวนี้กับไม่เป็นอย่างงั้นแหะ
อย่างไรเสียก็ขาดอมยิ้มเล็กๆไม่ได้
โดยเฉพาะเวลา อาราเล่ากับกัตจัง
เอามาเล่นสู้กับสัตว์ประหลาด
เเล้วมักเป็นเคราะห์กรรมของบุคคลรอบข้าง
ไม่ว่าแปลกหน้าหรือคุ้นเคย
ชอบตรงที่มันหลุดโลกดี
เอาวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ และฮีโร่แมน
มายำใส่แบบสุขนิยมร่วมสมัย
ที่บางทีก็ล้ำสมัย สุขแบบเด็กๆ
มันเข้าถึงสมัยแบบสุขแบบผู้ใหญ่
ที่ต้องหาสิ่งบริโภคแบบต่อเติมเพื่อให้ได้เสพ
ที่มีขั้นตอนซับซ้อนขึ้น และใส่องค์ประกอบที่มีต้นทุนสูง
แต่ผลตอบแทนก็คือ ไม่เสพก็อยู๋ได้สบายใจดีออก



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:20:17 น.  

 
วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ต้องจดจำกันไปอีกนาน
ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ช่างน่าเศร้านัก บ้านเมืองลุกเป็นไฟจริงๆ
ได้แต่ขออาราธนาพระสยามเทวาธิราชให้ปกปักรักษาบ้านเมืองนี้ด้วยเถอะ

ที่ทำงานมะนาววันนี้ก็วุ่นวายเหมือนกัน
เพราะไม่รู้ว่าจะเอาหยั่งไงกันต่อไป
พวกผู้ใหญ่ก็เข้าประชุมกันแต่เช้า
ผลสรุปออกมาว่า ให้เป็นวันทำการ
ใครไม่มาวันนี้ให้เขียนใบลาพักผ่อน
ทำงานได้ไม่ทันถึงเที่ยงดี ถนนรอบที่ทำงานเริ่มปิด
เหลือเส้นทางเดียว ควันไฟก็เริ่มโขมงมองเห็นชัด
คำสั่งใหม่ให้กลับบ้านได้เลย ไม่ต้องอยู่ถึงเลิกงานเย็น
แต่พรุ่งนี้ต้องมาทำงานด้วยนะ ถูกสำทับก่อนจะได้กลับบ้านกัน
ถึงบ้านพอดี มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าพรุ่งนี้มะนาวไม่ต้องไปทำงาน
เฉพาะพวกที่อยู่ชั้น2 เท่านั้นให้ไปทำงาน
มะนาวเป็นพวกที่อยู่ชั้น3 ไม่ต้องไป(สงสารพวกชั้น2จัง)

กลับจากทำงานความรู้สึกผิดที่ไปแอบอ่านหนังสือของคุณวงศ์ทนง
มันรบกวนใจ เลยไปซื้อมาอ่านเสียเลยให้เป็นการเป็นงาน
ที่จริงคุณวงศ์ทนง เขาคิดบางอย่างเหมือนคุณChanpanakritนะคะ
อย่างบอกว่าอย่าใช้ที่คั่นหนังสือ
ถ้าอ่านค้างไว้ ให้พับมุมหนังสือไปเลย
หรือให้เอาถ้วยกาแฟวางทับหนังสือก็ได้
จะได้มีรอยเปื้อนของกาแฟเพิ่มความขลัง
หรือให้ถอดปกพลาสติกออก หนังสือจะได้ยับเยินได้ง่าย
จ๊าก! ความคิดนอกกรอบแบบนี้อะฮั้นรับไม่ได้ค่ะ
ไม่ยอมทำตามเด็ดขาดหรอกนะจะบอกให้

ก็มะนาวไม่ค่อยได้ทาน มะนาวก็ต้องนอนเยอะๆ
เป็นการลดMetabolismไงคะ
วันนี้กลับจากที่ทำงานมะนาวเลยทำ3อย่างพร้อมกัน
คือดูข่าว อ่านหนังสือ ดูหนังUp In The Air
วนไปวนมาอย่างนี้ตลอดทั้งบ่าย

แล้วทำไมเพื่อนคุณChanpanakritถึงมี Code Blue 2ดูล่ะ
ก็ร้านยังไม่มีให้สั่งเลย อย่างที่มะนาวเล่าให้ฟังไปแล้ว
แสดงว่าเพื่อนคุณChanpanakrit โหลดมาแน่ๆเลยใช่ไหมค่ะ
และคุณChanpanakrit คงเขียนไปดูข่าว(เอ๊ะ!หรือการ์ตูน)ไปซินะคะ
มะนาวถึงรู้สึกว่าคุณChanpanakrit ไม่ค่อยมีสมาธิอ่านหรือเขียนสักเท่าไหร่



โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.48.124 วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:47:01 น.  

 
นั่นสิน้อท่านมะนาวฯ
ประเทศนี้ ในรอบสี่ห้าปีมานี้
มีบทเรียนทางประวัติศาสตร์แห่งความขัดแย้ง
กับความรุนแรง มากมายเหลือคณนานับ
แต่อันนี้ไม่คอ่ยแปลกใจเท่าไร
เพราะเท่าที่เคยได้อ่าน การปฏิวัติ ๒๔๗๕ มา
ทั้งสำนวนของ อ นครินทร์ อ เบน อ ธรรมศักดิ์ อ ชาญวิทย์
ล้วนบอกเหมือนกันว่า ไทยผ่านช่วง
ของการเปลี่ยนระบอบการปกครอง
โดยที่ไม่ได้ปะืทะความขัดแย้ง
เหมือนกันกับทุกประเทศ ที่เสียเลือดเสียชีวิตไปมาก
(ซากาโมโต้ เองก็ตายไปทั้งที่อายุยังน้อย)
ความขัดแย้งเลยถูกกดทับ ที่รอวันระเบิดออกมา
และระบบชนชั้น ที่หลายประเทศต้องถูกปรับเปลี่ยนแบบรื้อโครงสร้าง
หรือไม่ก็เปลี่ยนรูปเข้ากับโครงสร้างเศรษฐกิจสมัยใหม่
ที่มีกติการเดียวกัน
อันนี้ประเทศเราก็ยังไม่ก้าวข้าม
มันถึงได้มีปัญหาสะสม อันนี้ไปอ่านหนังสือ
ต้องห้ามในไทยเล่มนึงเข้า
เขาก็มองปัญหาก้อนนี้ออก เพียงแต่เขาคงไม่นึกว่ามันจะรุนแรง
ด้วยการจัดตั้งของคนกลุ่มหนึ่ง ที่มีผลประโยชน์หลากหลาย
แต่มีเป้าหมายเดียวกัน แ่ต่ทำไปทำมามันก็ไม่มีเอกภาพแบบไทยๆ อยู่ดี
เอ๊ คุยเรื่องอะไร แต่บางเรื่อง
อย่างรสนิยมที่กระทำย่ำยี่กับหนังสือสักเล่ม
อันนี้ไม่ต้องจำก็ได้นะขอรับ
อย่างน้อยๆเฮียทนง กับผู้เขียน
ก็ต่างกันอยู่ตรงที่ผู้เขียนชอบห่อพลาสติกหนังสือ
แล้วต้องหาซื้อและห่อปกด้วยตัวเอง
ไม่ชอบห่อพลาสติกสำเร็จรูปของทางร้านเลย
เวลาเปิดอ่าน แล้วมันมักจะย่อย่นตาม ทำให้อ่านได้ลำบาก
ห่อแบบที่เราเคยห่อสมุดพก อย่างนั้นแน่นหนาติดกับปกเล่มทั้งบนและท้าย
สิบปีก็ยังใหม่เหมือนเคย ยกเว้นเกรดในเล่มที่ไม่น่าคงไว้ไปพร้อมกับปก


ความจริงเฮียหนง นี้รู้จักกันสมัยเขียน
คอลัมภ์ในมติชนสุดฯ จนกระทั่ง
มีการขายหุ้น ด้วยการขายฝันทำนิตยสาร
โดยให้แฟนนักอ่าน ซื้อหุ้นขายฝันของแก
ทั้งๆที่ยังไม่มีรูปมีร่าง แล้วไม่มีหลักประกน
ว่านิตยสารเล่มนั้นจะออกมารูปแบบไหน
ผลกลับเป็นว่า ได้รับการตอบรับเพราะจัดรูปแบบ
ได้เด็กแนวเอามากๆ ถึงกระทั้งต้องขายรถส่วนตัวเพื่อทำนิตยสารในฝัน
นิตยสารเล่มนั้น ก็คือ a day
ที่เสียดาย ที่ตอนนั้นไม่ลงทุนซื้อหุ้นตัวนี้
ได้แต่ซื้อมาอ่านตามหน้าร้าน เล่มหนึ่ง
ราคาต่อหัวเมื่อเทียบกับการไม่มีโฆษณาตอนนั้น
ก็ไม่ใช่น้อยๆสักด้วยสิ

เพิ่งรู้่ว่าว่าท่านมะนาวฯทำงานเหยียบหัวคนอื่น
แถมเหยียบสูงตั้งหนึ่งชั้น
ที่ทำงานคงไม่อยู่แถว พระรามเก้านะขอรับ
เพราะยิ่งชั้นเยอะๆตอนนี้
มันยั่วใจนักวางเพลิง ที่ไม่มีตัวพ่อไว้ค่อยจูงจมูก ด้วยอิทธิฤทธิ์ของ พรก.

Up In The Air ที่คูนีย์เล่นใช่ไหม
มีแผ่นเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ดู
เข้าชิงหลายสถาบัน คนก็ชมกันเยอะ
แต่ช่วงนี้ติดการ์ตูน เลยไม่ค่อยมีใจชม
แล้วเมตาบอลิซึมนี้เป็นโรครึเปล่าขอรับ
หรือที่เขาเรียกว่าความดันอะป่าว
นี้มันโรคคนแก่นี้ขอรับ ชิงแก่ก่อนหน้า
ถือเป็นการเหยียบหัวคนแก่อีกข้อหารึเปล่า
เกิดเป็นมะนาวฯนี้ลำบาก นอกจาก
ไม่เปรี้ยวสมชื่อแล้ว ดูบอบช้ำและบอบบาง
อย่างไรไม่รู็
เหมือนจะเป็นคนเลี้ยงยาก แต่หากินง่ายน้อ

code blue น่าจะใช่ตามที่ท่านว่าแหละ
แต่ไม่ค่อยถามตามมารยาทของคนยืม
หมอนี้ ความจริงก็รู้วงการซีรีย์ดี
แต่ไม่ชอบทำบล็อก ใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ
เหมือนเพื่อนคนไหนนะ ติดอยู่ที่ปาก
เขียนการ์ตูนก็ดีเหมือนกัน เล่าได้เป็นตอนๆเลยละ
เพราะดูกันก่อนซีรีย์หลายปีดีดัก
อดข่าว อดขนมเพื่อเก็บตังค์ซื้อก็เคยมาแล้ว
ดูแล้วไม่ต้องวิเคราะห์
ประวัติก็ไม่ต้องมาก ใ้ช้ประวัติการณ์ร่วม
ก็เป็นวรรคเป็นเวร
เอากันตั้งแต่พิมพ์ครั้งแรกของค่ายมิตรไมตรี
กับลงเป็นตอนในทีวีแม็กกาซีน
อันนี้ยังไม่รวมตอนเป็นลิขสิทธิ์ในเนชั่นพับฯ
กับวีดีโอตอนสมัยวีดีโอสแควร์

ไหนจะสำนวน ที่ว่า ไก่กาอาราเล่อีก
ของเขามีความหมายนะ พี่ยุ่นยังไม่รู้ถึงข้อนี้เลย
ของเขามีองค์ เก็บไว้อัพบล็อกดีกว่าน้อ

อย่างนี้ วันนี้ท่านมะนาวฯก็ได้เปรียบสิ
ทำงานแค่ครึ่งวัน แถมไม่ต้องใช้ใบลาพักร้อน
สุดจะคุ้มจริงๆเลย


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:44:34 น.  

 
เมื่อคืนเข้าอ่านกระทู้และดูclipไฟไหม้จนปวดหัวไปหมดเลยค่ะ
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเลยมึนๆ เบลอๆ
เจอหนังสือพิมพ์เข้าไปอีก4ฉบับ
คราวนี้หลับยาวตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายสอง
ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อยหนึ่งค่ะ
แล้วหนังสือที่คุณChanpanakritอ่านเป็นคนไทยเขียนหรือฝรั่งเขียนคะ
มะนาวว่าจลาจลที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คุมม็อบไม่อยู่
แต่มันเหมือนมีการวางแผนต่อเนื่องหลังแสดงปาหี่มอบตัวมากกว่าค่ะ

เฮ้อ!ถอนหายใจอีกแล้ว วันจันทร์หน้าเราจะได้ไปทำงานกันไหมคะ
แล้วหลังจากนี้จะมีคนตกงานอีกมากแค่ไหน
เศรษฐกิจพังพินาศขนาดนี้
ช่วงนี้มะนาวไม่แนะนำให้คุณChanpanakrit ดูUp in the Air นะคะ
เพราะความรู้สึกของมะนาวหลังดูเรื่องนี้จบลงคือ
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บอกได้แค่ว่า
อาชีพนี้คงเป็นอาชีพสุดท้ายที่มะนาวคิดจะทำ
ถ้าทำก็คงมีผลลงเอยแบบเดียวกับนาตาลี คีเนอร์
คือลาออก รับไม่ไหวกับสภาพหดหู่
และเหมือนฆ่าคนทั้งเป็นแบบนั้น
แม้จะมีคำพูดที่สวยหรูเมื่อจะบอกเลิกจ้างใครว่า
"This is a rebirth" แน่ใจเหรอว่าเป็นRebirth
มองฝ่ายเดียวหรือเปล่า

555มะนาวก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันนะเนี่ยว่าทำงานเหยียบหัวคนอื่น
แล้วคุณChanpanakritล่ะคะ ทำงานเหยียบหัวคนอื่นหรือเปล่า
แล้วเหยียบสูงไปกี่ชั้นคะ
ขอบคุณนะคะที่ทำให้มะนาวหัวเราะได้ในสถานการณ์แบบนี้
(ทำท่าซาบซึ้งใส่คอมพ์ 555)

Metabolismคือกระบวนการเผาหลาญสารอาหารในร่างกายให้เป็นพลังงานค่ะ
ไม่ใช่ความดันโลหิตสูง
ส่วนโรคความดันโลหิตสูงเรียกว่าHypertension ค่ะ
แล้วคนที่มีความเสี่ยงจะเป็นHypertension มากก็คือคุณChanpanakritนั่นล่ะค่ะ
ชอบนักทานมาม่า ไม่รู้หรือไงว่ามันมีโซเดียม(Na)เยอะ
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้ความดันโลหิตสูง
ไหนบอกว่าอ่านหนังสือเยอะไง ทำไมข้อมูลแค่นี้ถึงไม่รู้นะ(หงุดหงิด)

ไม่รู้คุณChanpanakritเคยดูการ์ตูนเรื่องHappy Tree Friends หรือเปล่าคะ
มะนาวอ่านคอลัมภ์มหัศจรรย์การ์ตูน ของคุณวินิทรา นวลละออง ในมติชน
บอกว่าเป็นการ์ตูนแนว ตลกร้ายน่ารัก มะนาวเลยลองสั่งมาดู
ร้านกลับไม่มีซะอีกแหละ หมดอารมณ์

คุณChanpanakritซื้อพลาสติกสำหรับห่อปกหนังสือ
แบบRoll ใหญ่มาซิคะ แล้วมาตัดแบ่งเป็น3ท่อน
ใช้ได้นานและคุ้มค่ากับการลงทุนมากค่ะ
Roll พลาสติกแบบนี้ที่ศึกษาภัณฑ์ มีขายค่ะ

ปล.คุณChanpanakritมีหลังไมค์ด้วยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.48.124 วันที่: 20 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:21:51 น.  

 
บ๊อง! ใครเขาท้องผูกยะ
ระบบขับถ่ายปกติค่า
คนกล่าวหาคนอื่นน่ะระวังเหอะ
ชอบทานส้มตำสังกะสีระวังDiarrhea(อุจจาระร่วง) จะเล่นงานเอา
แล้วจะหาว่าไม่เตือน
จริงๆแล้วมะนาวชอบทานเหมือนกันนะคะส้มตำ
แต่ทานแบบoriginal ไม่ได้ ชอบทานแบบapply แล้วมากกว่าค่ะ
อย่างร้านที่มะนาวทานประจำจะเป็นร้านที่คนจีนทำขายค่ะ
มะนาวเคยมีประสบการณ์ทานส้มตำแบบoriginal แท้ๆค่ะ
สมัยอยู่ปี1 มะนาวออกค่ายพัฒนาชนบทแถวอีสาน
ถึงเวลาทานอาหารเย็นพี่ๆให้แบ่งกันไปทาน
ตามบ้านชาวบ้านโดยให้ไปร่วมสำรับกับเขา
มะนาวกับรุ่นพี่อีกคนก็ไปแหมะที่บ้านหลังหนึ่ง
สำรับกับข้าวที่ยกมามะนาวไม่เคยเห็นมาก่อน
รู้จักอย่างเดียวคือส้มตำ ก็ตักส้มตำกินกับข้าว
พอเข้าปากจะกลืนก็กลืนไม่ลง จะคายก็ไม่ได้
ก็มะนาวไม่เคยทานส้มตำปลาร้ามาก่อน ทานเป็นแต่ส้มตำไทย
หลับหูหลับตากลืนเอื๊อกลงไป แล้วกลั้วน้ำตาม
แล้วก็นั่งนิ่ง รุ่นพี่ปรายหางตามองแว๊บหนึ่ง
แล้วก็คว้าขวดน้ำปลามาวางให้มะนาว
ฮือ ฮือ ไม่กล้าเล่าให้ที่บ้านฟังเลยว่ามะนาวโดนกินข้าวเปล่ากับน้ำปลา

แล้วไม่อยากจะบอกหรอกนะว่าคุณChanpanakrit น่ะตกเทรนด์อย่างแรง
ตอนนี้สาวๆในเฉลิมไทยใครเขาcrazy เคนกันคะ เขาcrazy คนนี้ต่างหากค่ะ
ดูผลโหวตแล้วกัน มะนาวก็ไปโหวตกับเขาด้วย
ก็มะนาวเป็นสาวเฉลิมไทยคนหนึ่งนี่หน่า
เขาให้สาวๆในเฉลิมไทยโหวตว่าใครเป็นขวัญใจสาวเฉลิมไทย
ระหว่างพี่เคน(ธีรเดช) กับ ผู้พันไก่อู(พอ.สรรเสริญ)
ผล555 ผู้พันไก่อู ชนะขาดลอย89 เปอร์เซ็นต์
พี่เคนได้แค่10เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
สาวๆเข้าไปโหวตกันเกือบ2,000คนแน่ะค่ะ
นสพ.มติชนเอาไปลงให้ด้วยนะคะ และตั้งฉายาให้ว่า"ผู้ก่อการรัก"ค่ะ

Happy Tree Friends เป็นการ์ตูนanimation ของญี่ปุ่นค่ะ
เป็นซีรีส์ขนาดสั้น เป็นการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ค่ะ
เป็นBlack comedy animation
คนเขียนเขาบอกว่าดูแล้วให้อารมณ์เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา
หรือเข้าบ้านผีสิง ประเภทกลัว เสียว แหวะ เท่ากับ สนุก น่ะค่ะ

อย่าบอกนะว่าคุณChanpanakrit จะเขียนBLOODY MONDAY 2
ซีรีส์ภาค2 นี้มะนาวแทบจะไม่มีเลยค่ะ
ยกเว้นNodame กับIryu เท่านั้นที่มี
ตอนนี้มะนาวดูเรื่องDear Father(Haikei, Chichiue-Sama)อยู่ค่ะ
Ninomiya น่ารักมากเลยค่ะ
นึกภาพออกเลยว่าผู้ชายที่อยู่ท่ามกลางผู้หญิงหลากหลายวัย
แล้วปฏิเสธใครไม่เป็นจะมีสภาพน่าสงสารแค่ไหน
แต่นิโนะแสดงได้น่ารักมากๆเลยค่ะ

ปิดเทอมสำหรับมะนาวไม่มีปัญหาเลยค่ะ
จะปิดสั้นปิดยาวขอให้ปิดเหอะ
หาเรื่องสนุกได้ตลอดค่ะ ไปชายทะเลต่างจังหวัดก็ได้
ไม่อย่างนั้นก็ไปสิงหอสมุดแห่งชาติ แล้วก็ไปว่ายน้ำ
แล้วก็ไปตีแบด หรือไปตีเทนนิสกับเพื่อนๆ
หรือไปดูหนัง หาไอติมอร่อยๆทานกัน
มีความสุขออก(เศร้าใจโรงหนังสยามไม่มีอีกแล้ว)
แล้วร้านของบริษัทในCTW ถูกเผานี้ บริษัทกระเทือนไหมคะ
คงไม่กระทบกระเทือนพนักงานไปด้วยใช่ไหมคะ ชักเป็นห่วง

ปล.แวะหลังไมค์ด้วยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.174.55.201 วันที่: 21 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:30:22 น.  

 
เชื่อไหมว่า ตั้งแต่สนทนากับท่านมะนาวเพคะ
อย่างยาวนานและมาราธอน
ดูคล้ายกับว่า จากการที่เคยคิดว่า
เป็นชายหนุ่มหุ่นเพรียว ที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
แต่มาเจอศัพท์แสงแสลงดิกชันนารี
ชักจะรู้สึกไปตามศัพท์เต้าอาการป่วยๆ
เพิ่งที่ละโรคสองโรค
ใครได้ท่านมะนาวฯเป็นที่ปรึกษา
คนๆนั้น คงหมดค่ายาและการหาหมออยู่เป็นประจำเลยนะขอรับ
แต่ก็อย่างว่าน้อ
ความอยาก มันเกินกว่าจะรอซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาในภายหลัง
ดั่งสำนวนว่ากินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง
อาหารหลายอย่าง คงไม่ตกไปถึงทอง
เพราะมีคำเตือนทางวิชาการ ขอระงับยับยั้ง
เอาไว้นะขอรับ โดยเฉพาะเจ้าแม่น้ำปลาเหรอเนี่ย
เพื่อนแต่ละคนประชดมะนาวใช่ได้เลย
ปืนอย่างนี้ น้ำปลาอย่างงี้ แป้งตรางูอย่างนี้

ส่วนรสนิยมของชาวเฉลิมไทย
นับวันก็ยิ่งแปลกแบบหลุดโลกไปแล้วนะขอรับ
พี่เคนของผู้เขียน ตกรถไฟฟ้า
กลายเป็นว่าเสร็จพันเอกสรรเสริญ
แถมยังเรียกเสียสนิทปากดั่งเืพื่อนเล่นว่า ผู้พันไก่
เรียกเสียยังกับผู้พันแซนเดอร์เชียว
ท่านมะนาวฯก็ดันโดนกระแส พวกมากลากไป
ไปเป็นผู้ก่อการรักไปเสียอีกคน
แล้วเอานายกรูปหล่อของเราไปไว้ที่ไหนเนี่ย

แว้บไปหาข้อมูล Happy Tree Friends
เดี๊ยวจะหาว่า ไม่ค่อยสนใจที่จะคุยอีก
ท่านมะนาวอาร์ทตัวแม่
อืม เคยผ่านตาอยู่นะ แต่นึกไม่ออกว่า
เคยไปเห็นที่ไหน อาจจะเป็นพวกของที่ระลึกก็เป็นไปได้ ลายเส้นไม่น่าดูเพราะเข็ดจาก
ตระกูลซิมสันของพวกมะกัน
ดูแล้วไม่เก็ก ตลกร้า้ย เห็นแต่ความร้ายที่ไม่ตลกตรงไหน

bloody monday ภาคสอง
คงไม่กล้าเขียนก่อนตอนนี้
แม้จะมีกระแสผู้กอ่การร้าย ให้พออิงสถานการณ์ก็ตาม
กลัวเหล่าบรรดาองครักษ์แฟนพันธ์แท้
เดี๋ยวจะระดมซะ เละเทะ
แต่แว้บไปอ่านกระแสในห้องซากุระ
ส่วนใหญ่ปากก็บอก ไม่มันส์เท่้าภาคแรก
ซึ่งภาคแรก ผู้เขียนก็ประกาศตัวแล้วว่า
เป็นซีรีย์ยอดแย่ประจำปีไป แม้จะอันดับที่สามก็ตาม
ตอนนี้คงต้องหาซีรีย์ไม่ดัง มาเถลไปพลางๆก่อน
ยิ่งช่วงนี้เไปอินป๋ายะมาก ต้องหลบๆเลี่ยงๆไปก่อน
แม้ท่านมะนาวฯคนนี้ ก็แสดงอาการหลายใจ
ในดาราชายหลายคนมาแล้วก็ตาม

เป็นปิดเทอมที่น่าอิจฉามากเลยนะ
อยากจะแช่ง ให้ตกซ้ำชั้นเสียหลายรอบ
จะได้ฮาเฮหรรษาร่ำไป เห็นชอบนักนะ
แต่ไม่ค่อยอย่ากเชื่อเลยว่า จะไปสิงในหอสมุดแห่งชาติด้วย
อย่างนี้อาจจะเคยผู้เขียนสวมแว่นหนาๆ
ที่มักไปหมกในแถบห้องสมุดตรงริมๆ
หมวดหนังสือเก็บสะสมของพระยาดำรง
ส่วนผลกระทบของร้านจะมีผลต่อบริษัทไหม
ต้องบอกว่ามีแน่ อาจถึงขั้นเจ๊งก็ว่าได้
แต่ก็ไม่กังวัลนัก เพราะก็อิ่มตัวในทางนี้เช่นกัน
แต่จะทำอะไรต่อนั้น ยังคิดไม่ออก
อยากใช้ชีวิตง่ายๆ อยู่ตามยถากรรมสภาพ

dear father นี้ยังไม่เคยดูนะครับ
แต่เคยได้ยินชื่อ สงสัยกระแสสุนทรพจน์ของ
พงษ์พัฒน์จะมาแรง





โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 21 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:09:35 น.  

 
คุณChanpanakrit เคยได้ยินประโยคนี้ไหมคะ
You are what you eat.
ไว้สำหรับเตือนตัวเองค่ะ ไม่ให้ประมาท

อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆนะคะ ไม่ได้กระทบ
มีหนุ่มที่ทำงานมะนาว อยู่โซนตรงข้ามกับมะนาว
เขาไม่ชอบอาบน้ำค่ะ แล้วเขาก็ชอบมาป้วนเปี้ยนที่โซนของมะนาว
แล้วเขาก็ใส่น้ำหอมมาฉุนมาก มะนาวแพ้น้ำหอมอยู่แล้ว
เจอน้ำหอมบวกกลิ่นตัวนี้แบบสุดๆเลยค่ะ
เขาถามมะนาวว่ามะนาวอาบน้ำก่อนนอนหรือเปล่า
มะนาวบอกว่าอาบซิ ถามประหลาด
เขาบอกว่าทำไมต้องอาบ อาบเวลาเช้าครั้งเดียวก็พอ
มะนาวบอกว่าถ้าจะอาบครั้งเดียว ควรจะอาบก่อนนอน
เพราะสกปรกมาทั้งวัน ไม่ใช่อาบตอนเช้า
ก็เหมือนแปรงฟันนั่นแหละ พูดเผื่อเขาจะฉุกคิดได้
เขาบอกว่าไม่เปลี่ยนหรอก เฮ้อ! มะนาวอยากจะบอกเขาจริงๆเลยว่า
ถ้าไม่เปลี่ยนก็อย่ามาป้วนเปี้ยนที่โซนนี้ เพราะอิชั้นจะเป็นลม

จะบอกว่าคู่แข่งของผู้พันไก่อู(พอ.สรรเสริญ)ไม่ใช่ท่านนายกค่ะ
แต่เป็นอ.ปณิธานค่ะ สาวๆบอกว่าถ้ามีอ.ปณิธาน มาเป็นตัวเลือกด้วยล่ะก็
จะทำให้ตัดสินใจลำบากมากค่ะ
ถ้าคุณChanpanakrit ได้อ่านแต่ละความเห็นนี้จะหัวเราะงอหายเลยค่ะ
แต่พอดีคุณChanpanakrit ไม่สนใจเรื่องแบบนี้
ที่จริงมะนาวว่าอ่านแล้วคลายเครียดดีนะคะ
และคนที่ตั้งกระทู้ให้สาวๆโหวต ก็เป็นหนุ่มนะคะ
มะนาวว่าเขามีอารมณ์ขันดีค่ะ

Happy Tree Friends คนที่เขียนแนะนำที่จริงเป็นจิตแพทย์ค่ะ
เธอบอกว่าอยากให้ลองออกนอกกรอบเดิมๆบ้างค่ะ
มะนาวเลยสนใจว่ามันฉีกกรอบเดิมหยั่งไงน่ะค่ะ
และขอบคุณนะคะ อุตส่าห์แว๊บไปหาข้อมูลมาแปะไว้ให้
555 มีอาร์ตตัวแม่คนเดียวก็พอนะคะ
อย่ามีอาร์ตตัวพ่อด้วยเลยค่ะ เดี๋ยวตีกันบล็อกแตก

BLOODY MONDAY ภาคแรกนี้มะนาวชอบนะคะสนุกดี
มะนาวเคยไปค้านกับคุณChanpanakrit มาแล้วด้วยค่ะ
แต่ตอนนั้นรู้สึกคุณChanpanakrit จะไม่ได้โต้กลับน่ะค่ะ
เรื่องนี้ตอนได้มาครั้งแรกไม่ครบ11ตอนค่ะ มีคนให้ยืมมา
ดูได้ประมาณ6ตอน อ้าวไม่มีต่อแล้วเหรอ
ทำไงดี ไม่ได้ดูต่อล่ะก็อารมณ์ไม่สงบแน่เลย
เลยไปสั่งซื้อมาดูต่อเองจนจบ เนื้อเรื่องสนุกดีออก
ทำไมคุณChanpanakrit ถึงไม่ชอบล่ะคะ

เรื่องแช่งให้ตกซ้ำชั้นเสียใจด้วยนะคะ
ปิดประตูตายค่ะ ระดับTop Three ของห้อง เป็นไปไม่ได้ค่า
แล้วทำไมถึงไม่อยากจะเชื่อล่ะคะว่ามะนาวจะไปสิงที่หอสมุดแห่งชาติ
ที่นั่นน่ะมีหนังสือให้เลือกอ่านเยอะแยะไปหมด
อยากอ่านอะไรก็มีให้อ่าน ไม่ต้องเสียตังค์ด้วย ดีออกจะตาย
ทำให้ได้เก็บตังค์ไว้กินขนมและดูหนังได้ด้วยไงคะ
แล้วที่ถามว่าอาจจะเคยเห็นหนุ่มที่สวมแว่นหนาๆ
ไม่ตอบค่ะ เดี๋ยวคุณChanpanakritจะเสียเซลฟ์ อิ อิ
แล้วถึงขนาดเจ๊งเลยเหรอคะ รุนแรงเหมือนกันนะคะ
คุณChanpanakrit สู้ สู้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ปล.มีหลังไมค์ด้วยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.48.89 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:22:49 น.  

 
มาแล้วครับ
ต้องมาทำงานในวันเสาร์ด้วยนี้
มันช่างทรมานจังเลยนะขอรับ
เคยได้ยินแต่ประโยคว่า
you eat in result of you are
ประมาณทรวดทรงองค์เอวเป็นเช่นไร
ล้วนเกิดจากการตามใจปาก กับอยากอยู๋กับท้องนะท่าน

เรื่องไม่อาบน้ำ เหมือนไม่กระทบนะขอรับ
แต่กระแทกเต็มๆ น้ำก็แค่สิ่งชำระล้าง
แต่กายภายนอก แต่ไม่อาจชำระล้างจิตใจ
ที่ใสสะอาดภายในได้นะขอรับ
ใจร้อน ใช่ว่าอาบน้ำเย็นแล้วจะบรรเทา
ขณะเดียวกัน ใจเย็นใช้ว่าโดนน้ำร้อน
แล้วอุณหภูมิจะเป็นไปตามน้ำ
พูดก็เพื่อเสริมความชอบธรรมให้กับการไม่อาบน้ำตอนเช้านะท่าน
ท่านมะนาวฯ นี้ชาติก่อนคงสร้างกรรมมาเยอะ
ชาตินี้ถึงได้แพ้โน่นแ้พ้นี้เสมอ
ไม่รู้อันนี้จะรวมถึงการแพ้ใจตัวเองรึเปล่า่
อืมว่าถึงอ.ปณิธาน อันนี้สงสัยคุยกันภายใน
ไม่ได้ แต่ขอบอกว่า
ภายนอกที่ผู้เขียนพบเจอ ไม่เหมือนดั่งที่เห็นในทีวีเลยนะขอรับ
อันนี้ ถ้าอยากรู้เราคงต้องหลังไมค์กันอีกแล้ว
ก็ ศอฉ มีแต่ชายๆ จะให้ผู้เขียนมั่นทำความ
สนใจได้อย่างไรละท่าน

เหตุที่ไม่ชอบ bloody monday เหรอขอรับ
เหตุผลง่ายมากๆ
คือ ความที่ตะวันตกทำได้ดีกว่า
สร้างบทพูดที่ไม่เข้ากับสถานการณ์น่าสิวน่าขวาน
โอเวอร์แอ็คติ้งที่ติดไม่หายตามฉบับไอ้มดแดง
ความไม่make sense หลายๆเรื่อง
ลูกละเอียดอ่อนที่ไม่ค่อยปรากฎ
ถ้า bloody ทำเป็นคอเมดี้ อาจได้คะแนนจากตรงนี้เยอะ
พอไปเล่นลูกจริงจังจนเกินไป มันเลยเป้กไปหลายๆส่วน
ไม่รู็คิดเหมือนกันอะป่าว
ที่เห็นที่ทนดูต่อไปได้ ก็น้องน่ารักของพระเอกมิอุระเขานะ
ชื่ออะไรแล้วนะ ตอนไปขอค้นทีหลังดีกว่า

เอ๊ ท่านมะนาวฯเป็นเด็กท้อปทรีเลยเหรอเนี่ย
ส่วนใหญ่ที่แอบไปเกาะชายผ้าเหลืองคนพวกนี้
เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับบรรดาซีรีย์
ความหล่ออันเป็นเปลือกนอก
และเรืองกินสักเท่าไร
ท่านมะนาวฯช่างผ่าเหล่าได้ผิดธรรมเนียมเอาไม่น้อย
แถมปากคอเลาะร้าย เด็กหนุ่มสวมแว่นหนา
แล้วทำไม ไม่ทราบว่าขาเกี่ยวแว่น
ไปเกี่ยวโดนหูใครไม่ทราบ
แต่ก็เป็นลูกช่างอ่านนะ
แต่ไม่อ่านดะไม่สักทุกเ่ล่ม เสียดาายน้อ
ที่หอสมุดเขาไม่ให้ยืมหนังสือกลับบ้าน
เวลาที่หมายตาบางเล่ม แล้วไม่เห็นสำนักพิมพ์ไหนพิมพ์
นึกเสียดายตามจริงๆ ไม่แน่นวัตกรรมของ
ipad อาจช่วยได้ อาจได้เปลี่ยนพฤติกรรมการอ่าน
ต่อไปภายภาคหน้าก็ได้อะน้อ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:42:01 น.  

 
555 เมื่อวานบล็อกนี้มีองค์ลง
มะนาวไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย
ร้อนตัวไปเอง กลัวเสียเซลฟ์เหรอคะ
555 น้อยคือมากจริงๆ สะใจ
รู้แล้วใช่ไหมว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า555
ห้ามแกล้งคืนนะ

อ้าว!วันเสาร์ของคุณChanpanakrit ไม่ใช่วันเสาร์แห่งชาติหรอกเหรอคะ
หรือว่านี่เป็นกรณีพิเศษ
ของมะนาวก็มีเหมือนกันค่ะ
เขาให้ค่าตอบแทนเป็นรายชั่วโมง
ก็เลยมีคนอาสาไปทำแทนให้ค่ะ สบาย ชอบอยู่แล้ว

ประโยคYou eat in result of you are มะนาวไม่เคยได้ยินเลยค่ะ
เคยแต่ได้ยินและใช้อยู่ก็คำนี้ล่ะค่ะYou are what you eat
กินอย่างไรก็ได้เช่นนั้น
เพราะสิ่งที่เรารับประทานเข้าไป ล้วนมีผลต่อสุขภาพของเราทั้งสิ้น
แต่ดูความหมายแล้ว เหมือนจะมีความหมายเดียวกันนะคะ

สงสัยอย่างคุณChanpanakrit ว่าไว้จริงๆ
ที่ว่าชาติก่อนมะนาวคงทำกรรมไว้เยอะ
ชาตินี้ถึงได้แพ้โน่น แพ้นี้ เพราะมะนาวแพ้เยอะจริงๆค่ะ
ขนาดตอนฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 2009
มะนาวก็แพ้ alcohol ที่เช็ดทำความสะอาดผิวหนังก่อนฉีดวัคซีน
เห่อขึ้นเป็นวงปื้นหนาเสีย 2 อาทิตย์กว่าจะยุบ แถมคันอีกต่างหาก
เห็นไหม น่าสงสารออก เพราะฉะนั้นห้ามแกล้ง

เรื่องDear Fatherที่มะนาวกำลังดูอยู่ สงสัยร้านที่สั่งจะทำพิษซะแล้วค่ะ
เพราะมะนาวมีความรู้สึกเหมือนเรียงสลับแผ่น
แล้วแต่ละตอนที่ขึ้น ก็บอกเป็นภาษาญี่ปุ่น ไม่มีบอกเป็นตัวเลขเลยค่ะ
หมดตอนหนึ่งก็ย้อนกลับมาหน้าเดิมอีกต่างหาก มะนาวก็จิ้มมั่วเลย
คุณChanpanakrit มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่เรียกตัวเลข1-10ไหมคะ
เขียนบอกมะนาวหน่อยได้ไหมคะ
มะนาวจะได้รู้ว่าตัวเองดูมั่วหรือเปล่า
เพราะเหมือนจะรู้เรื่องแต่เหมือนดูซ้ำไปซ้ำมายังไงก็ไม่รู้ค่ะ
มะนาวเลยคิดว่าจะเอาParanormal activity มาดูขัดตาทัพไปก่อนค่ะ

คุยกับคุณChanpanakrit เรื่องส้มตำ
กิเลสจับ วันนี้ก็เลยต้องไปหาโซ้ยดับอยาก
และไปได้หนังสือมาอีก1 เล่มค่ะ
ชื่อ"Best of หัวแจกัน"ของคุณไตรรงค์ ประสิทธิผล
คุณChanpanakrit ได้อ่านแล้วยังคะ
มะนาวว่าเป็นหนังสือที่ให้ทั้งเสียงหัวเราะและแง่คิดค่ะ ชอบจัง
อ่านประวัติการได้ตีพิมพ์ครั้งนี้แล้ว
ถึงรู้ว่ามันเป็นการ์ตูนที่คุณไตรรงค์วาดเก็บสะสมไว้
คุณChanpanakrit ก็วาดไว้เยอะไม่ใช่เหรอคะ
ไม่ลองเสนอสำนักพิมพ์ดูล่ะคะ เผื่อได้ตีพิมพ์ไงคะ

หลังไมค์มานะคะเรื่องอ.ปณิธาน จะรออ่านค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.20.51 วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:30:13 น.  

 
หืม แรงไม่ช่ายน้อยนะท่านมะนาว
เอาไปว่าเราไปสะสาง
ที่ Nobuta wa Produce ดีกว่า


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:45:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.