|
Hotaru no Hikari สาวปลาแห้งขอปิ๊งรัก
เมื่อปลายเดือนก่อน เสธ.ผู้อุปถัมภ์แผ่นซีรีย์ได้แจ้งถึงการออกอากาศของภาคต่อ "โฮตารุ สาวปลาแห้ง" หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Hotaru no Hikari พร้อมทั้งเสธ ท่านคนดังกล่าว เสนอเชิงการประมูลถึงการจัดส่งปลายทาง ของซีรีย์ภาคต่อดังกล่าว ซึ่งในพระคุณของในตัวภาคแรกที่ผู้เขียนเองก็ยังคงเก็บดอง ค้างสต็อกในหมวดซีรีย์ที่รอการพิจารณาทางภาวะอารมณ์ที่เหมาะสมคงความเป็นเพศ มิใช่ว่าซีรีย์ Hotaru no Hikari จะไม่สนุก หลั้นล๊า และก๋ากั่น ตามแบบฉบับของพื้นที่ปก ในทางตรงกันข้าม กับเป็นซีรีย์ที่ออกรสถึงชาติอย่างเกินการคาดหมาย และสมถึงอย่างที่กล่าวอ้างและที่เคยได้ยินมาก่อนหน้า ว่าอัดแน่นไปด้วยพิกัดของความสนุกที่เกินขนาด แต่กระนั้นผู้เขียนจำต้องยุติในการชม เพื่อพิจารณาการเต้นของชีพจรความเป็นชายอยู่เป็นระยะ ว่ายังคงรักษาสมดุลทางเพศกำเนิดของตัวเองต่อไปได้อีกรึไม่ แต่มิวายก็ยังมีเสียงที่ผิดปกติ ปรากฎขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า "แอ็บแมน แอ็บแมน" ให้ภาวสมดุลมันตุ๊มๆต่อมๆ อ่ยางน้อย ก็ไม่ให้ถูกครหาโดยนิยามว่าชอบนอนกลิ้งหมุนวนไปมา และมัดจุกเดินคืบคลานเพื่อหาเบียร์สักยี่ห้อ มาดื่มโซ้ยให้ได้รับฉายา "ไอ้หนุ่มปลาแห้ง"
แต่จริงๆแล้ว ที่ว่ามาทั้งหมด ผู้เขียนก็ออกลูกเวอร์ไปงั้นแหละ เพราะ Hotaru no Hikari เป็นซีรีย์ที่แม้จะจัดแจ้งในการเสนอจุดขายความเป็น Female Comedy ที่มีหลักใหญ่ใครสร้าง อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีดาราหญิงเป็นตัวนำเรื่อง ที่เหลือจากนั้น ก็ใส่รายละเอียดญิ๊งๆ ทั้งทรรศนคติ อุดมคติ อคติ และฉันทำได้อ่ยางไม่มีที่ติ แต่กระนั้น จะขายความเป็นดาราหญิงแต่ประการเดียว โดยมองข้ามไปถึงเนื้อหาสาระไปเลยซะ ก็ทำให้ Female Comedy ในซีรีย์ญี่ปุ่น มีน้อยเรื่องนัก ที่จะนำพาให้พวกเราจดจำ ชนิดที่ว่า ถ้าให้ลองหยิบยกในบรรดาซีรีย์เทือกดังกล่าว ก็บอกฉับพลันได้ตามตรงว่า ยังคิดไม่ออกและบอกไม่ได้ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเมื่อบอกไปแล้วจะเกรงจะเสียซึ่งเชิงชาย ที่ดูไม่แมนและแรงไม่ออก แต่ถ้าบังคับฝืนใจแม้ไม่มีใครมาบอกให้ฝืน ก็คงยกให้กับเรื่อง Hataru no Hikari ได้เพียงประการเดียว
ความจริงแล้ว อาจจะดูช้าไปเสียด้วยซ้ำ ที่อยู่ๆผู้เขียนเพิ่งจะมาหยิบยกซีรีย์เรื่องดังกล่าวออกมาร่ายในวันนี้ เพราะดูเหมือนว่า Hotaru no Hikari จะถูกเพื่อนๆในบล็อกแก็งค์นำมาเล่าและละเลง ในหลายๆสำบัดสำนวนให้ชวนดู และเหนืออื่นใดทั้งหมด ล้วนเป็นการให้ปากคำของเหล่าสตรีเพศ ที่สอดรับกับประเด็นและอารมณ์ของเรื่องได้เป็นอย่างดี งานนี้จึงมีกึ๋ย เหมือนผู้เขียนริอาจจะลองเปียแชร์สำหรับความรู้สึกส่วนลึกของท่านชาย (ที่พิมพ์ไปอาจมีนิ้วติดจีบโดยเฉพาะนิ้วก้อยที่ง้อเป็นระยะๆ เพื่อเข้าถึงในจิตวิญญาณถึงก้นบึ่งในประเด็น) สำหรับซีรีย์เรื่องนี้อย่างน้อยๆก็เพื่อ รอคอยต้อนรับความเป็นภาคสองของเรื่องดังกล่าว มิใช่โผล่พรวดแล้วชวนต่อไม่ติด หรือปะติดปะต่อแบบงูๆปลาๆ เขาดินๆ จนทีมงานผู้สร้างอาจระอาทดท้อ พอให้ส่ายหัวด้วยผิดเจตนารมณ์หลักที่อยากจะให้เป็น
ผู้เขียนว่า อย่างน้อยๆ ซีรีย์เรือ่งนี้มีความโดดเด่นมาตั้งแต่ชื่อเรื่อง เพราะได้กำหนดการสร้างชื่อในภาคภาษาไทยโดยนิยามศัพท์เฉพาะของสาวปลาแห้ง (Himono onna) สาวปลาแห้งที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตเฉพาะทางอย่างไม่แคร์สื่อและไม่ออกนอกหน้าด้วยหน้ามุดอยู่แต่บ้าน ของหญิงสาวที่สมควรจะโสด ด้วยวัยทำงานเพียง 27 เธอชื่อ อาเมมิยะ โฮตารุ ที่หน้าฉาก ณ สำนักงานออฟฟิครับจ้างออกแบบภายใน เธอดูจะเป็นผู้หญิงที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นในการทำงาน แสดงออกถึงความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ และพร้อมทุ่มเทพลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดมีเหนื่อย ปฎิบัติการวางตัวและแต่งองค์ทรงเครื่องสาวออฟฟิค ได้ตามระเบียบของลูกจ้างระดับพอที่ส่งเข้าประกวด ซึ่งแขกไปใครมา หากได้เห็นก็เป็นที่ชื่นชมและยกย่อง พอมองได้ว่าจะมาเป็นคลื่นลูกใหม่ของบริษัทในอนาคต แต่ทว่า ..................................เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว!!! เธอก็ปรับสภาพเข้าหมวดปฏิบัติการของสาวปลาแห้งคอลโทรล์ อันเป็นสูตรเดียวกันกับที่สาวออฟฟิคนัดบอด ที่เดี๊ยนไม่อยากขึ้นคานจับกลุ่มเมาท์สุ่มหัวนั่งนิยาม ความเป็น "สาวปลาแห้ง" ได้ชนิดพูดปุบ ก็"อี๋ย"ปับ โดยทันที
Dry fish Girl ? (ห๊า! อีสาวปลาแห้ง)
For example ,at work they seem like an aggressive office lady. But when they get home.they change into their work-out clothes. and tie their hair into a samurai-style bult.
(ก็ยกตัวอย่างนะอะเธอ อย่างเวลาทำงานพวกชีจะขมักเขม่นเอาจริงเอาจังในการทำงาน แต่พอลับหลังตายเกลือกถึงบ้านเมื่อไร พวกชีจะเปลี่ยนสีเป็นคนละคน และจะผูกจุกมัดผมแบบซามูไรตกยุคก็ไม่ปานละเธอ)
They open a can of beer like this and drain all of it down their mouths. Over the weekends,she just go straight home without going to blind-dates they only eat and sleep during break and has no interest in men. l ganrantee that our company wouldn't have anyone like this.
(พวกชีจะกระดกซดเบียร์แบบไม่แคร์สภาพ แถมยังหร่อชนิดสลายชั้นบรรยากาศ ยิ่งในทุกๆสุดสัปดาห์นะ ชีจะดิ่งตรงทะลุประตูบ้าน ไร้ซึ่งเซลล์สมองปรองดองเกี่ยวกับเนื้อชู้หาคู่นัดเดท พวกชีนะ วันๆตื่นมาก็ลุกขึ้นกิน กินอิ่มเสร็จแล้วก็กลับไปนอน และไม่ยี่หระหรอกนะกับเรื่องผู้ชาย ฉันฟันธงคอนเฟริมได้เลยละนะว่า ในบริษัทของพวกเราต้องไม่มีเผ่าพันธ์เยี่ยงนี้เป็นอันขาด เป็นอันขาด เป็นอันขาด(ก้อง))
ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า โดนแต่เฉพาะนางเอกสาวโฮตารุฉบับเต็มๆ มิได้หมายถึงใครบางคนบนหน้าจอ ทางที่ดีที่ปลอดภัยขอกลับมาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า แต่ก็นั้นแหละ พอทุกนิยามนี้โดนเข้าตัวแบบเสกทั่วท้องโฮตารุในทุกเม็ดเช่นนี้ เงื่อนไขที่ทุกประโยควางไว้เป็นข้อๆจะสัมฤทธิ์ผลให้ชีเป็นม้ายขึ้นคานทองนิเวศได้ หากเข้าข่ายในนิยามที่ว่าไว้ ยกเว้นอย่างเดียวว่าคนๆนั้น ต้องมิใช่นางเอก แล้วถ้าเป็นนางเอกละ เท่ากับว่าคำสาปนั้นจะต้องสลายผล แม้จะไม่เป็นไปในบัดดล แต่ผลของการคลี่คลาย ก็มักจะชวนให้เนื้อเรื่องตอนที่เหลือแลดูสนุกขึ้น ประเด็นของเรื่องมันมีมากกว่า อคาเดมี่สาวปลาแห้งที่จะมานั่งหน้าจอดูวิถีการดำเนินชีวิต ของสาวปลาแห้งทุกซอกทุกมุมห้อง เมื่ออยู่ๆ บ้านพักที่เธออาศัยเป็นเขตปลอดภัยประจำเรือน เป็นที่ๆเดียว ที่หัวหน้าของเธอ เซย์อิจิ (เล่นโดย ฟุจิกิ นาโอฮิโตะ) ขอย้ายตัวเอง มาพักทำใจจากชีวิตเศร้าที่กำลังจะเข้าหย่าร้างแบบไร้พิธีกับอดีตภรรยา แต่มาติดปัญหาที่ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหัวหน้า ดันเคยไปคุยถูกคอกลางร้านเหล้ากับสาวเจ้าโฮตารุ จึงได้เซ็นสัญญาให้เช่าบ้านหลังนี้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งนอกจากหัวหน้าเซย์อิจิ จะไม่มีอำนาจขับไล่ด้วยข้อนิติกรรมสัญญาแล้ว ยังต้องทนเห็นสภาพอีสาวนอนกลิ้ง และชุดชั้นในกองเกลื่อน ด้วยอำนาจของความเปํนหัวหน้าใช้ได้เฉพาะในเขตเวลางานเท่านั้น
แต่ใช่ว่า โฮตารุเองจะไร้ซึ่งต่อมจรรโลงพิสวาทประจำแบบหญิงรักชาย จนกระทั่งโฮตารุได้พบกับมาโคโตะ นักออกแบบคนใหม่ของบริษัท (เล่นโดย คาโตะ คาซุกิ) ก็เกิดอาการรักปิ๊งอยากจะอิงแอบ แต่ทว่างานนี้ไม่ใช่ของง่ายเพราะโฮตารุจะต้อง ปะทะกับคู่ปรับที่เป็นยพนักงานสาวในบริษัทเดียวกัน ที่ชื่อชั้นต้องถือว่าเป็นดาวประจำบริษัท ยุอุกะ (เล่นโดย กุนินากะ เรียวโกะ) ที่มีความได้เปรียบในทุกๆองค์ประกอบของสาวปลาสด งานนี้ ผู้ที่ดูเกมส์อยู่ห่างๆ อย่างหัวหน้าเซย์อิจิ นอกจากจะต้องเป็นที่ปรึกษาจำเป็น แบบที่ไม่อยากเห็นใจ แต่ทำไงได้เพราะดันอยู่หลังคาบ้านผืนเดียวกัน ที่นอกจากตัวเองจะต้องเก็บความลับ ว่าพักอาศัยบ้านหลังเดียวกับลูกน้องตัวเองแล้ว ในทางกลับกัน หัวหน้าเซย์อิจิเองก็ได้โฮตารุ ที่แม้ภายนอกแล้วดูพึ่งพาไม่คอ่ยจะได้ แต่อย่างน้อยๆ การมีเพื่อนที่ช่วยค่อยปลอบใจและให้กำลังใจยามที่ไม่เหลือใครจะให้ปลอบ การมีโฮตารุไว้สามัญประจำบ้านรอการย้ายออกเมื่อมีคู่ ก็ทำให้ชีวิตหลังเลิกงานในแต่ละวัน ของหัวหน้าดูจะผ่อนคลายขึ้นเป็นกอง ขณะเดียวกันก็กองปัญหาให้ได้ตามแก้ในทุกๆเที่ยวกลับ ซึ่งถ้าให้มองทั้งสองด้าน ก็มิอาจแน่ใจว่าหัวหน้าแกจะมีความสุขของการทำส่วนไหนมากไปกว่ากัน
ถ้าไม่เอาความเป็นหน้าหนังของซีรีย์เป็นเครื่องพิจารณาแล้ว มีความเชื่อลึกๆว่า Hotari no Hikari เป็นซีรีย์ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ปลอดภัยแบบไม่ต้องมี ฉ15 มาเป็นเครื่องกวนใจ ส่วนหนึ่งที่หน้าหนังไม่โปรสายสิทธิสตรีจ๋า จนไม่เหลือพื้นที่ให้สิทธิบุรุษ ก็เพราะต้นฉบับของเรื่อง ดัดเเปลงมาจากฉบับการ์ตูนที่ลงในนิตยสารการ์ตูน Kiss โดยฝีมือวาดของ ฮิอุระ ซาโตรุ และมีแปลในฉบับภาษาไทยที่ชื่อ โฮตารุ ด้วยแสงแห่งรัก ที่จัดจำหน่ายขายจริง โดยสำนักพิมพ์ บงกช ในแง่ความเป็นสาสน์แล้ว จึงดูจะเข้าถึงกลุ่มคนดูได้กว้างกว่าความตั้งใจที่จะเขียนให้เป็นซีรีย์โดยตรง ด้วยฤทธิ์ของการดัดแปลงบท มันแฝงด้วยการประนีประนอม ทั้งในส่วนต่อการเคารพตัวต้นฉบับ ขณะเดียวกัน ก็ต้อง่ปรับในสัดส่วนบางอย่าง เพื่อความเหมาะสมกับโอกาสของการถ่ายทำ อีกด้าน ก็ต้องชื่นชมมือดัดแปลงบท มิซุฮาชิ ฟุมิเอะ (ซึ่งไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่าเป็นมือเขียนบท คนเดียวกันกับที่เขียนให้กับซีรีย์ triangle เชื่่อว่าคงได้รับประคับประคองจากคุณสามีที่เป็นผู้กำกับชั้นเซียน นากาเอะ อิซามุที่แฟนนักดูซีรีย์ อย่าง หมอโคโตะและ flowershops แม้อาจจะไม่รู้จักชื่อ แต่คงพอลูบคลำในงานฝีมือมาบ้างแล้ว) ที่สามารถถอดความจากฉบับการ์ตูน ให้สอดรับกับการมีตัวตนในพื้นที่จริงของชีวิต อย่างไม่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อมว่ามันมาจากเค้าโครงในฉบับการ์ตูน (แถมไปจี๊ดใจสาวทำงานในชีวิตจริงสักอีก) ส่วนลิสต์รายชื่อผู้กำกับ ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร เพราะเป็นสายทำเพื่อเอาใจนายหญิงที่เป็นกลุ่มคนดูส่วนใหญ่ของค่าย NTV มาตั้งแต่ไก่อ่อน ทั้งผกก. ฮิโรชิ จาก Oh!My Girl!! และ ผกก. เซย์อิจิ จาก Osen การได้ทำงานสายถนัดก็เลยแลดูเข้าทางผู้กำกับ เพียงแต่แปลกใจไม่น้อยว่า ทำไม?ถึงเสนอกลเม็ดเด็ดพราย ด้วยลีลามุขที่แพรวพราวฮากลิ้ง ที่จะว่าไป งานชิ้นก่อนๆ ของผกก. สองท่านที่ว่ามา ก็แทบไม่อาจเรียกเสียง "หึๆ" จากปากผู้เขียนได้เลย
และก็อีกนั้นแหละ ซีรีย์เรื่องนี้ดูจะผิดกลิ่นจากค่าย NTV ทั้งในเรื่องรูปแบบและสาระโดยปกติ เพราะแนวสาวออฟฟิคแบบพาร์ทไทม์ ที่เคยได้ยลจากค่ายนี้ นับเนื่องด้วยเเล้ว สายหลักที่ชัดเจนดูจะมีแค่ Haken no Hinkakuที่ดูจะเป็นงานสร้างชาติจนเกินงาม พอมาสำรวจตัวงานของ Hotaru แล้ว ถือเป็นงานสร้างที่สุ่มเสี่ยงไม่น้อย เพราะในซีรีย์ต้องเล่นกับสภาวะของโลกสองส่วน คือ ส่วนที่จริงจังจากการทำงาน และส่วนที่ดูเพ้อเจ้อยามที่อยู่ในบ้าน การจะประกอบให้เรือ่งราวดูสอดคล้องต้องกันได้ โดยไม่รู้สึกแปลกแยกทั้งจากเนื้อเรื่องอยู่เดิมและจากพฤติกรรมของตัวละคร แค่คิดจะวางแผนงาน คำว่า"เหนื่อย" ดูเหมือนจะจอดรอป้ายหน้าสักแล้ว ยิ่งถ้าไม่อาจเลือกเฟ้นนักแสดงที่สะกดคนดู และทำให้คนดูเชื่อว่าสามารถแบ่งภาคสองบุคคลิก โดยที่คนดูไม่รังเกียจมิติตัวละครครึ่งหนึ่งและไปรอลุ้นพฤติกรรมอีกด้านที่กำลังจะรอเข้าฉาก งานนี้ก็ต้องบอกว่า "อายาเซะ" เธอมีของและกล้าลองฝีมือในงานที่สุ่มเสี่ยงจะดับอนาคตของตัวเธอเอง ทำให้พฤติกรรมสุดเพี้ยนของสาวปลาแห้งให้กลายเป็นน้ำปลาตรากระตัก คุณภาพคับ อย. ที่ไม่ต้องโคลนนิ่งพฤติกรรมแอบเเป๋วแล้วทำแกมป๋อง แต่ขายในจุดที่ตัวเองเป็นอย่างไม่เสแสร้ง ถ้าจะบอกว่าเป็นงานสร้างภาพ ก็ต้องเป็นงานสร้างภาพให้ดูต่ำลงแต่กลับมีคนดูรักมากขึ้น จึงทำให้บท อาเมริยะ โฮตารุ ดูเป็นที่น่าจดจำในลำดับทะเบียนผลงานของ อายาเซะ เอง ไม่แพ้ในบท สุกิมุระ อากิ ใน Crying out , ยุกิโฮะ จาก Byakuyako และ ทาจิบาน่า ซากิ จากซีรีย์ Jin
ส่วนอีกคนที่จะไม่พูดไม่ถึงไม่ได้ คือ บทหัวหน้าเซย์อิชิ ที่รับบทโดย นาโอฮิโตะ ฟุจิกิ ก็ต้องถือว่า เป็นการเรียกศรัทธาชื่อชั้นในการแสดงจากระดับกลางๆ ให้กับมาเป็นนักแสดงมีชื่อลำดับต้นๆ ที่พอเอาไว้เรียกแขกไปใครมาหน้าจอได้อีกครั้งหนึ่ง เพราะนับจากที่พอฉายแววความเป็นตัวเอกแบบไม่พึ่งพาใคร ใน To the one I love งานต่อจากนั้นก็มักจะได้รับบทระดับกลางๆอย่างต่อเนื่อง หรือไม่ก็เป็นตัวเอกแต่ก็ถูกกดทับความเจริญ ด้วยต้องแชร์ความมีเสน่ห์เพื่อถ่ายเทให้กับนักแสดงท่านอื่นๆ อาทิ Proposal Daisakusen Galcir , Around 40 เพิ่งจะเห็นงานนี้ละมั้ง ที่โชว์ความมีน้ำมีนวลและมีของ ประมาณว่าอายุสามสิบกลางๆก็งานเข้า นับจาก Nurse no Oshigoto ก็เพิ่งจะมีเรื่อง Hotaru นี้แหละที่เป็นงานภาคต่อ ให้พี่ท่านได้รับประทานบทเดิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูแล้วจะว่า จบจากภาคแรกก็ดูเหมือนจะไม่มีปมอะไรให้ค้างๆคาๆ จึงน่าสนใจว่า ในภาคต่อลำดับต่อมาเขาจะมีอะไรใหม่เป็นประเด็นให้พี่ท่านได้ฟาดฟันกับ อีสาวโฮตารุได้อีก แต่น่าจะมีอยู่หรอกนะเพราะเรตติ้งเฉลี่ยภาคต่อสูงปี๊ดกว่าภาคแรกพอสมควร
ส่วนที่ติดใจรองลงมาเห็นจะเป็นนักแสดงชิงรักแต่ไม่หักสวาทสไตล์บูชิโดเขา จะมีใครละ ก็เจ๊ คุนินากะ เรียวโกะ ที่เล่นรับบทยุกะ เพราะรูปร่างและหน้าตาทำปฏิกิริยาอย่างแรงเเซงตัวนางเอกสักอีก แถมเป็นบทซ่อนร้ายภายใต้ การแสดงออกทุกอย่างที่บ่งชี้ว่าคนดีแบบสุดๆ เห็นเสธ ผู้อุปการะซีรีย์ บอกว่าเจ๊แกเคยโด่งเคยดังจากซีรีย์ของค่าย NHK เรื่อง Churasan ที่ได้รับการการันตีฝีมือจากสถาบันซีรีย์ TDAA ในบทเอริ พยาบาทสาวสวย แต่ปลื้มอย่างไรคงทนพิษบาดแผลของค่ายนี้มิไหว ด้วยเขาขายเหมาเป็นเเพ็ก ด้วยคุณภาพนี้พอทน แต่กลับปริมาณ 156 ตอน คงได้หลอนกันกันพอดี แต่เห็นรายชื่อหนังใหญ่ที่ผ่านสายตาผู้เขียนมาบ้าง ทั้ง Densha otoko และ Hero Movie แต่กระนั้นก็ยังไม่คุ้นหน้าค่าตาพอให้ถลาโอบไหล่ งานนี้อาจมีทบทวนซ้ำตามทรัพยากรจำกัดที่พอเข้าถึง และนับก้าวบันไดวงการบันเทิงก็เผยมาว่าครั้งหนึ่งเคยได้แจมในซีรีย์ summer snowมาอีกด้วย ผู้หญิงอะไร! หน้าตาดีที่ไม่เคยเอามาจดจำเอาสักเลย อันนี้คงโทษเจ๊เพียงฝ่ายเดียวมิได้ นอกจากผู้เขียนขอเป็นผู้รับผิดแต่เพียงผู้เดียว และพร้อมจะรับชอบผู้เดียวอีกเช่นกัน
ส่วนพ่อหนุ่ม คาซุกิ คาโต้ ที่โผล่มาก็หล่อเลย แถมดีกรีนักเรียนนอกเสียอีก จึงไม่แปลกที่จะทำให้อีสาวโฮตารุตกหลุมรักอย่างจัง และต้องฟาดฟันกับชาวคณะสาวในออฟฟิค ดูจากประวัติแล้ว เจ้าหมอนี้ถือว่าเติบโตในวงการอย่างรวดเร็ว และเป็นบุญที่ได้ร่วมเล่นในซีรีย์ Hotaru ที่ส่งเสริมก้าวย่างให้แจ้งเกิดในวงการไม่กี่ปี ก็ตามสูตรหล่อเทพจากสายยอดมนุษย์โตคุซาทซึ ในสกุลคาร์เมนไรเดอร์คาบูโตะ ที่เป็นการร่วมทุนของอิชิโมริและโตเอะโปรดักชั่น ที่ได้สิทธิเผยแพร่ในช่องอาซาฮีทีวี ก่อนจะสลัดคราบลอกเด็กรับประทาน มาหากินกับตลาดผู้ใหญ่ ก็ข้ามห้วยมาสายคนวัยทำงานแทนที่จะไปรับเล่นบทเด็กมัธยม แต่กระนั้น ก็ยังไม่สายที่จะมาดังตอนแก่ ด้วยวัยเพียงแค่นี้คงยังพอทำกินในวงการได้ไปอีกนาน (แบบว่าหมั่นไส้ในความหน้าตาดี ก็เลยไม่สงวนท่าทีในการทูตเท่าที่ควร)
เป็นซีรีย์ที่มีเสน่ห์แบบแปลกๆ แบบไม่ได้สุดทางใดทางหนึ่ง ผู้เขียนกลับมองไปอีกว่า เป็นซีรียชุดอลวนวุ่นวายในบ้านหลังคาเดียวกัน ด้วยเงื่อนไขชีวิตที่ไม่ซับซ้อน แต่เล่นกับบริหารความซับซ้อนนั้นเพื่อเปิดพื้นที่ความเข้าใจ ระหว่างกันของแต่ละตัวละคร ที่มีอิทธิพลความเป็นซีรีย์ชุดของปี 90 แบบครบถ้วนสมบูรณ์ ที่ในระยะหลังค่าย NTV หันกลับมาบูรณะ ในขณะที่ ฟูจิทีวี และ TBS หันไปสร้างสรรค์แนววิธีใหม่ๆ ซึ่งมีความสำเร็จและล้มลุกคลุกคลานบ้าง อันเป็นเรื่องธรรมดาของการแสวงหาวิธีการเล่าเรือ่งแบบใหม่ ถ้าชำแหละความมีเสน่ห์ของซีรีย์เรื่องนี้ มองได้ว่าเป็นซีรีย์ที่มีความชัดเจนในทุกๆมิติ ตั้งแต่การปูประวัติของตัวละคร ความหมายของการตั้งชื่อ การเท้าความเป็นมาและการคาดหวังต่อไป การออกเสียงในใจตัวละครให้ออกมาเป็นคำพูด หรือการบอกเล่าในปัญหาส่วนตัวผ่านที่ปรึกษา เลยเป็นงานที่ผู้ชมแทบไม่ต้องจะตีความอะไรให้วุ่นวาย มากไปกว่าการนั่งดูแล้วปล่อยให้ซีรีย์นำผ่าน ให้จบไปทีละตอน และชูมือชูไม้ตามเชียร์ตามลุ้นในตัวละครเอกให้สัมฤทธิ์ผลอย่างมุ่งหวัง จนไปถึงการเสกภาวนาให้หัวหน้าคุโจเซย์อิจิ โผล่มาช่วยถนอมปลอบดวงใจน้อยๆและเป็นที่ปรึกษาชีวิตรักส่วนตัวให้กับโฮตารุในยามที่มีปัญหา ซึ่งหลายที ผู้ชมอย่างผู้เขียนยังคิดเลยเถิด ให้ก่อเกิดเป็นความรักระหว่างลูกน้องกับเจ้านาย ให้โฮตารุสลัดรักในตัวมาโคโตะซะ แล้วหัวหน้าเซย์อิจิก็รีบไปเซ็นใบหย่ากับอดีตภรรยาโดยทันทีทันใด หรือริจะเป็นชู้ซะ ก็ไม่เห็นน่าแปลกอันใด สถานที่ก็อำนวยมิดชิดปิดตา ดังนั้น พอดูจบในแต่ละตอน ผู้เขียนต้องมาพิจารณาสำรวจจิตใจตัวเองว่ายังเหลือความเป็นคนดี ตามสมอ้างของการชะล้างจิตใจผ่านกระบวนซีรีย์คอเมดี้อยู่อีกรึไม่ จึงเป็นผลให้ซีรีย์ Hotaru คืบคลานไม่ไปไหน แล้วมักจะหยิบข้ออ้างข้างๆคูๆว่า ดูไปแล้ว ไม่ส่งเสริมความเป็นชาย เพื่อประกอบการพิจารณาซึ่งจริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันสักแอะเลย ส่วนจะมองในจุดเสีย ก็เป็นการละเลยเงื่อนไขบางส่วน เพื่อไปให้ความสำคัญในเชิงความสัมพันธ์ของตัวละคร อย่างประเด็นการอยู่บ้านหลังเดียวกัน อาจดูไม่ make sense ของคนทั่วไป และการใช้อำนาจนิยมของความเป็นหัวหน้าก็สามารถเฉดหัวลูกน้องเรื่องมากได้ไม่ยาก แม้กระนั้น จะมีใครสนับสนุนหลักการสมเหตุสมผลที่ว่ามาใช่ป่าว ? เพราะถ้าสำเร็จเกิดขึ้นจริง ความสนุกหรรษาปลาแห้งรับประทาน ก็คงไม่เกิดขึ้นในพิภพซีรีย์ให้เราได้ชม แต่กลับกลายเป็นดาร์กดราม่าของการชำระแค้น เพื่อแย่งชิงบ้านหลังเก่า ที่เป็นศึกภายนอกสำนักงานระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเก่าโดยปริยาย
ในงานเขียนจิตวิทยายุคหลังของ คาร์ล เรนซัม โรเจอร์ ได้ว่าไว้ในประเด็น emerging persons ซึ่งเขาเขียนถึงยุคที่ผู้คนสับสนและแสวงหาความหมายใหม่ของชีวิต การไม่ปรารถนาความสุขจากลาภยศและอามิสสินจ้าง แสวงหาความสุขอย่างง่ายๆ โดยไม่มีการถือตัว เป็นความสุขในพื้นที่จำกัดและมีความปลอดภัยในความรู้สึกส่วนตัว เพียงเพราะเขาสามารถบริหารความอำนาจเฉพาะกิจ โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบทางสังคม เพียงแต่ป ฏิบัติในอยู่ตามครรลองที่ซ้ำซากจำเจ อันนี้ก็ว่ากันไป แต่หยิบยกแนววิเคราะห์นี้ หาได้หมายความว่าจะนำมาสวมทับกับซีรีย์ Hotaru ได้นะครับ เพราะงานของโรเจอร์ เขียนขึ้นในสมัยสงครามเวียดนามกำลังกรุ่นๆ แต่ใน Hotau มันเป็นเรื่องของสงครามความรักภายใต้ออฟฟิคเดียวกัน ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ต่อให้โรเจอร์เหอะเจอะนางหิ่งห้อยน้อยโฮตารุเข้า ก็วิเคราะห์พฤติกรรม ภายใต้นิยามเฉพาะกิจส่วนก๊วนได้ยากเย็นเต็มที แม้กระนั้นแนววิเคราะห์นี้อาจชี้วัดอะไรไม่ได้ แต่ความนิยมของมหาชนในสถาบันรางวัล Nikkan Sports Drama Grand Prix ครั้งที่ 11 ก็ชี้ชัดๆ ได้เป็นอย่างดีถึงความนิยมที่น่าจะส่งผลตามมาในโครงการสาวปลาแห้ง 2 (ต่างกับสถาบัน TDAA ที่เน้นนักวิจารณ์เชิงคุณภาพ ที่ออกลูกทะเลก็หลายเรื่อง) ที่พอเชื่อได้เลยว่า ถ้าคนดูรักในตัวละครพระเอก นางเอก และมีดราม่าเป็นตัวคั่นกลาง โดยที่นักแสดงสมทบหญิงไม่ถูกเกลียดน้ำหน้าแล้ว ทำไมสถานีจะไม่ลองเสี่ยงผุดโปรเจ็คสร้าง เพื่อสนองการแทงใจสาวปลาแห้งในชีวิตจริง ที่นอนเกลือกแดกดิ้นคาที่นอนในนอกเวลาทำการราชการ เฝ้าฝันอวตารจะเสกเนื้อคู่ครอง แม้สุขนั้นจะปรากฎเฉพาะในฝันก็ตามที........
Create Date : 26 กันยายน 2553 |
Last Update : 26 กันยายน 2553 22:01:49 น. |
|
28 comments
|
Counter : 4365 Pageviews. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:16:28:39 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.27.187 วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:17:55:53 น. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:23:30:38 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.0.42 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:18:09:16 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.0.42 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:18:18:47 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.20.243 วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:18:47:20 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.71.82 วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:20:31:27 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.52.88.124 วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:18:51:51 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.92.253 วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:17:33:40 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.69.100 วันที่: 17 ตุลาคม 2553 เวลา:17:42:58 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.100.59 วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:20:43:34 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.65.236 วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:12:57:30 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.24.2 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:18:00:11 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.29.220 วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:17:48:54 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.29.220 วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:20:18:06 น. |
|
|
|
| |
|
|
ถ้าหยิบเอามาดูที่เมาท์ไปมากกว่านี้กลัวจะไม่โดนตัวแค่บางดอก แต่โดนทุกดอก
ใครดูก็บอกว่าสนุกนะเรื่องนี้ ความสัมพันธ์แบบฉันและเธอภายใต้หลังคาเดียวกันก็น่าจะมีอะไรน่ารัก สนุก ฮาๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่เลือกเปิดขึ้นมาดูสักที อายาเสะเรื่องนี้ก็สวยด้วยนะคะ
จริงๆ แล้ว ลองวิเคราะห์สาเหตุดูดีๆ คงจะได้คำตอบที่ว่าเพราะไม่คุ้นกับพระเอกคนนี้สักเท่าไร และโดยเนื้อหาที่ว่านางเอกไปชอบคนอื่น ความรักของคนใต้หลังคาเดียวกันไม่เกิดแต่เป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตรดีๆ ช่วยบั่นทอนความน่าสนใจลงไปเยอะ แต่เขามีภาคต่อ และภาคแรกก็มีชื่อเสียงมิใช่น้อย ก็อย่างที่ท่านบอกว่ามันติดอยู่ในทะเบียนประวัติของอายาเสะ ถ้าพูดถึงอายาเสะ ถ้าไม่เอ่ยถึงสาวปลาแห้งก็อยากกู่ร้องฯ คงเป็นซีรีย์ที่ต้องลองก่อนถึงจะปล่อยความเชื่อสักนิดออกมาได้ว่ามันสนุกสมคำร่ำลือหรือเปล่า