A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Concerto รักเราชาวสถาปนิก


มีงานเก่าเอามาเล่าขานได้อีกเรื่อง
คราวนี้เลือกเอางานที่พอมีชื่อเสียงกันสักนิด ผสมกับดารานำชายสุดเทพอีกสักหน่อย
โดยปกติแล้วผู้เขียน ไม่ค่อยที่จะเลือกโดยเอาตัวเลือก "นักแสดงชาย" เป็นตัวตัดสิน
สักเท่าไรนัก เพียงทว่าถ้าไม่สุดวิสัยแบบที่ไม่รู้จะหยิบอะไรมาดูจริงๆ
ตัวเลือกหนึ่งที่ยังพอน่าสนใจ ตามกระแสเกจิซีรีย์เขาลงความเห็นกันว่า
ถ้าหากไม่รู้จะหยิบจับวางซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องไหนดี งานนี้ป๋ายะท่านช่วยได้
อีกทั้งระยะหลังๆ เริ่มปรากฎร่องรอยความชราภาพแบบพอตั้งเค้าตามลำดับวัย
เลยคิดอุตริ ยอ้นเวลากลับไปหาวันวานหน้าใสปิ๊ง ของป๋าทาคุยะดูบ้าง
ถึงอย่างไรซะ ความโบราณของระยะห่างจากเวลาปัจจุบัน ก็หาใช่ปัญหาของผู้เขียน
ที่หมู่นี้มีแต่ความอิ่มเอิมใจ จากการย้อนเวลาไปกับความฝัน ตามประสาที่สิ่งปัจจุบัน
ยังไม่น่าพึ่งใจพอ และจากอนาคตที่ยังคงไม่เห็นชะตากรรมว่าจะไปในทิศทางที่ดี
ดูซีรีย์อดีตชาติสักที ก็ดีเหมือนกัน ตกผลึกทั้งคำวิจารณ์ ความสำราญก็ไม่ใช่น้อย
เห็นแตกต่างได้ชัดว่า มันไม่เหมือนกับรูปแบบการนำเสนอในซีรีย์ฉบับปัจจุบัน
ยิ่งความละเมียดแล้ว ต้องถือว่าเป็นครูที่ควรบูชา ที่น่าเสียดาย ณ ปัจจุบัน
รูปแบบสไตล์เช่นนี้นับวันห่างหายไปไกล เพราะมุ่งใช้เทคนิคพิเศษไปผสมผสานเสียเหลือเกิน


แต่ครั้งนี้คงย้อนเวลาไม่ไกลกว่าครั้งก่อน เพราะไม่อยากเห็นเจ้าทาคุยะ
ที่มือถืออมยิ้มยืนน้ำมูกไหลอยู่ไม่กี่ขวบเศษ แต่เจาะจงเอาในวัยที่เฮียแกเพิ่งจะยี่สิบเศษๆ
กำลังเป็นวัยที่เจนโลกและพร้อมเผชิญโชคทุกรูปแบบ พ้นจากการคิดอ่านแบบเด็กสก๋อย
และไม่ทำตัวถ่อยแบบจิกโก๋สิบแปดฝน มันจึงน่าเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะได้เห็นจังหวะจักโคน
ไอ้ประเภทที่ใครบางคนเขาตั้งฉายาให้กับเฮียว่า "เจ้าชายแห่งซีรีย์ยุ่นๆ"
ถ้าเป็นจริงขึ้นมา จะได้พึ่งศึกษาไว้ เกิดชาติหน้าฟ้าใหม่แล้วมีบุญญาเข้าวงการบันเทิงกับเขา
จะได้เป็นทรัพยากรทางภูมิธรรม ตามประสาตายไปแล้วเอาทรัพย์สินศฤงคารร่วมไปไม่ได้
อย่างน้อยๆ ก็หวังจะพอเหลืออะไรให้ติดกะลาหัว ไปนึกจบภพชาติเอาดาบหน้าได้บ้าง



ผู้เขียนเลยเลือกชม ซีรีย์ในปี ๑๙๙๖ ของค่าย TBS ที่ชื่อ Concerto
เป็น Concerto ที่ผู้เขียนนึกไปว่า จะเป็นซีรีย์ทางด้านดนตรีประมาณเดียวกับ
Nodame อะไรเทือกนั้น แต่พอได้อ่านรายละเอียดสรรพคุณของเรื่องนี้เข้า
กับเป็นคนละเรื่องกันเลย แม้แต่ Sakkyoku ที่เป็นชื่อเรียกในบ้านเขา ก็ยังเป็นศัพท์ที่มีความหมายว่า
"นักประพันธ์เพลง"
แต่มันดันกลับเป็นเรื่องราวของแวดวง "สถาปนิก" (architect)
ที่ผู้เขียนไม่ค่อยคร่ำหวอดสักเท่าไรนัก ตามประสาคนดูพิมพ์เขียวของแปลนบ้าน
ไม่ถนัดเท่ากับแผนการจัดผู้เล่นของทีมฟุตบอล หรือไม่ก็กระดานแปลนของน้ำเต้าปูปลา
แต่เคยได้ยินชือ่เสียงเรื่องนี้แบบคราวๆ ก่อนหน้า จากอ.สุวินัย ที่เคยเล่าผ่านรายการ
ว่ามีรูปแบบสไตล์เดียวกับ Hero ที่ทาคุยะเคยเล่นไว้ในอีกสิบปีต่อมา
เป็นเรือ่งเกี่ยวกับคนหนุ่มที่ไม่ได้ผ่านลำดับการของโครงสร้างทางการศึกษาและ
เนื้อหาทางตลาดวิชาอาชีพเป็นหลัก กล่าวง่ายๆ คือ ถ้าในฮีโร่ป๋ายะแกสำเร็จความเป็นอัยการ
ด้วยการที่จบเพียงชั้นมัธยม และที่เหลือจากนั้นก็ไปศึกษาค้นคว้ากันเอาเองฉันใด
ในคอนเซอร์โตก็เป็นเยี่ยงนั้น เมื่อป๋ายะของเรา ต้องรับบทเป็น "ทากาคุระ คาเครุ"
คนหนุ่มช่างฝันที่อยากจะเป็นสถาปนิกชั้นนำของโลก มีแรงบันดาลใจในเบื้องต้น
ที่จะออกแบบโบสถ์ในจินตนาการ โดยได้รับอิทธิพลทางความคิดมากจากสถาปนิกเลื่องชื่อ
อิบิซาวา โคสุเกะ คนที่เขาเปรียบดั่งแม่แบบของความฝันและการใช้ชีวิต
โดยที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้จักหน้าคาตาของกันและกันเลยมาก่อน แล้วอยู่ๆเช้าวันหนึ่ง
ป๋ายะที่รับบทเป็นเจ้าคาเครุ กำลังขีดๆเขียนๆแบบแปลนอยู่กลางพื้นทราย
หันมองไปท้องทะเล ก็มีชายในชุดทักซิโด้เดินจากท้องทะเลขึ้นมาบนชายหาด

Where is there?
(ที่นี้ที่ไหนเนี๊ย)
Japan
(ญี่ปุ่นไง เพ่)
Yes,I Knew.What's beach?
(เออ!รู้แหละน๊า ว่าแต่ทะเลแถวไหนละ?)
kamamura beach . Where are you from?)
(คามามุระอะ ว่าแล้วพี่จากการไหนเหรอ?)
Land of the Angle
(ดินแดนแห่งสวรรค์วะ)

มาแบบประหลาดยังไม่พอ ยังสะเออะตอบแบบกวนๆได้อีก
คุยกันสักพัก ป๋ายะที่กำลังขีดพื้นทรายยิกๆ หันกลับขึ้นมาดู
พี่ชายคนแปลกหน้า ก็นอนสลบเมือกทับแบบแปลนของป๋ายะอย่างสงบ
เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ ทำไงได้ ดันโผล่จากน้ำแล้วพูดภาษาญี่ปุ่นชาวเรากันได้
เลยต้องรับไว้เป็นอุปการะตามประสาเพื่อนร่วมชาติ พอพี่คนแปลกหน้าตื่นขึ้นมาอีกที
ชักเอะ! กลับมานอนโผล่ในอีกที ซึ่งคราวนี้เป็นห้องเช่าของป๋ายะของเรานี้แหละ
แต่ทว่า คนที่อยู่ในห้องมิใช่ป๋ายะคาเครุ แต่เป็นแฟนสาวที่กำลังต้มถั่วปุยๆอยู่
ถึงสลบสไลแค่ไหน แต่ความทรงจำของเฮียท่านยังดี เลยถามว่าถึงผู้มีพระคุณโดยทันที



What is your darling doing out there?
(แฟนเธอที่ช่วยชีวิตฉัน ไปไหนแล้วเหรอ)
Beyond there is an old church
(เลยไปที่โบสถ์เก่าแล้วละ)
There is talk of rebuilding .He is drawing of blueprint
(เห็นบอกว่าจะไปออกแบบพิมพ์เขียวขึ้นใหม่)


พอพี่ท่านคนแปลกหน้าได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มอุบและพยายามที่จะบอกอะไรสักอย่าง
แต่แฟนเจ้าคาเครุ ซากากิ ฮานา ซึ่งก็คือนางเอกของเรื่อง
(เล่นโดย มิยาซาวา ริเอะ) ก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้บอกอะไรมากมาย
เจ๊แกก็สาธยายไปเรื่อย ทั้งเรื่องแฟนของเธอมั้ง ถั่วต้มที่หุงจนไหม้บางละ
ชีวิตอันลำบากลำบน ที่ต้องโดนเจ้าพวกยากูซ่าทวงหนี้เป็นระยะๆ
แต่สิ่งที่เธอย้ำนักย้ำหนาอยู่เสมอ คือ อิบิซาวา โคซุเกะ เป็นแม่แบบที่สำคัญ
ให้คาเครุแฟนเธอ ไม่เคยละทิ้งความฝันที่จะเป็นสถาปิกอย่างที่ตั้งใจ
แม้ว่าเจ้าตัวจะใช้ชีวิตไปวันๆ มีเงินทองระดับอัตคัดและไม่มีโอกาสเรียนมหาลัย
ในสาขาวิชาที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดทั้งชีวิต แม้ว่าระดับฝีมือเข้าขั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ก็ตาม
(เสียดายที่ประเทศญีปุ่นเขา ไม่มีโครงการช้างเผือกเหมือนกับบ้านเรา ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่ได้เกิด)
ดูแค่นี้ คงพอเดาออกนะครับว่า คนแปลกหน้าที่ป๋ายะได้ช่วยชีวิตไว้นี้ คือ ใคร
เพราะหลังจากที่คุณพี่กลับไป คุณพี่ก็ไม่ได้ไปอาบน้ำอาบท่าอะไร
ขึ้นไปเปิดตัวงานนิทรรศการของตัวเองโดยทันที มีแขกเหรื่อเพื่อนฝูงและสื่อมวลชน
เข้ารุมห้อมล้อมอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เหล่าบรรดาเศรษฐีต่างก็ยื้อแย่งให้เขา
ช่วยไปออกแบบอาคารสำนักงานอย่างไม่ขาดสาย
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังปลีกตัวเพื่อไปตอบแทนพระคุณผู้ช่วยชีวิตเขา
แต่นั้นอาจจะเป็นพรหมลิขิตของสถาปนิกชื่อดัง อิบิซาวา โคซุเกะ ได้ประสบโชคถึงสองชั้น
(ถ้าลุงแกมามาก อาจยิ่งมีสิทธิ์มาก)


โชคชั้นที่หนึ่ง ได้เจอะกับสถาปนิกหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ แต่เรียนจบแค่ชั้นมัธยม
อย่างคาเครุ (ป๋ายะเรานี้แหละ) ซึ่งนอกจากมีความสามารถแล้ว ยังเข้าถึงหัวจิตหัวใจ
ของสถาปนิกเทพ อย่าง โคซุเกะ ในฐานะที่ได้ศึกษาผลงานและชีวประวัติมาเป็นอย่างดี

Where did you study this?
(ไปเรียนจากที่ไหนมาละตั๋ว)
In High School and I read books,Study on my own.l also look
at other people's design. Ebisawa Kosuke ,Never met him but
I am influenced by him
(แค่ชั้นมัธยมนะเพ่ และอ่านจากพวกหนังสือหนังหา ส่วนใหญ่ก็
เรียนด้วยตัวเองอะ และครูพักลักจำจากบรรดานักออกแบบเจ้าอื่นๆ
อย่างอิบิซาวา โคซุเกะ นี้ใช่เลย! ไม่เคยเจอตัวเป็นๆหรอก แต่ได้รับ
อิทธิพลของผลงานเขาเต็มๆเลยละ)



โชคชั้นที่สอง ได้พบกับสาวที่ใช่ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นแฟนสาวของคาเครุ
ที่เป็นนางเอกของเรื่องนี้เอง เพราะไม่ว่าสิ่งไหนที่เจ๊แกปรารถนา
ลุงโคซุเกะแกตอบสนองความต้องการนั้นได้ทันใจและทันเหตุการณ์
ตามประสาสถาปนิกที่สร้างอภิมหาโครงการ กินส่วนต่างค่าออกแบบจนล่ำซำ
น้องหนูอยากจะโปยบิน ลุงแกก็หิ้วเอาเครื่องบินส่วนตัวพร้อมออกให้บริการ
ไม่ทันไรน้องหนูก็ช่างฝันอยากมีชุดกิโมโนสวยๆใส่
ลุงแกก็ใช้เส้นสายคนในวงการรีบรุดจัดหามาให้ ยังเสริมออปชั่นพิเศษเกินฝัน
โดยพาไปดูงานออกแบบแฟชั่นโชว์แบนด์นอก จิบไวน์ในงานเปิดตัวตามที่ต่างๆ
ปรนเปรอกันสักเพียงนี้ รักใหม่ของลุงท่านก็บังเกิดเพื่อไปชดเชยรักครั้งเก่า
ที่เพิ่งเลิกราไปหมาดๆ

She stayed with him 20 years and left .l wonder why? Maybe he was not
her dream any longer.
(หล่อนยืนหยัดอยู่กับเขามากว่ายี่สิบปีจนต้องเลิกลากันไป เล่นเอาประหลาดใจ
ไม่ใช่น้อย อาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่ชายในฝันมาเนินนาน)


ประกอบกับสถานภาพการประคองรักระหว่าง ฮานากับคาเครุ
ก็ไม่ค่อยจะราบรื่นเหมือนเมื่อครั้งในอดีต เพราะทั้งคู่เริ่มมีปากมีเสียง
อุปสรรคปัญหาและความยากจนเข้ามาประทังอย่างต่อเนื่อง
คาเครุก็ให้เวลากับการออกแบบเสียจนลืมให้เวลากับแฟน อีกทาง
ฮานาก็รู้สึกว่าไม่อาจจะทนความแร้งแค้นแบบไม่เห็นอนาคต หากยังจะอยู่กิน
กับคาเครุได้อีกต่อไป ความยากไร้เป็นสถานะที่อันตราย นอกจากจะทำลาย
กระเพาะอันหิวโซแล้ว ยังจะไปทำร้ายความสัมพันธ์รักที่มีมาแต่ปางก่อน

Please pray that l'll never leave Kakeru's side.
(ได้โปรดช่วยอธิษฐานให้ฉันกับคาเครุอยู่เคียงข้างกันด้วยเถอะ)

อธิษฐานใครไม่อธิษฐาน ดันไปอธิษฐานกับลุงโคซุเกะ
ที่กำลังหมายปองคุณน้องผู้กำลังขอคำอธิษฐานอยู่ งานนี้จึงเข้าทาง
ลุงเสียเต็มประดา กลายเป็นว่าลุงแกก็ยิ่งมั่นเที่ยวรับเที่ยวส่งน้องฮานามากขึ้น
กว่าแต่กอ่น ขณะเดียวกันก็เหมือนชดเชยความปรารถนาดีที่ประสงค์ร้าย
โดยเอ่ยปากชักชวนให้คาเครุ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมออกแบบ
ที่ปัจจุบันลูกน้องหลายคนของแก ทนความเป็นเจ้าระเบียบจนต้องยื่นใบลาออก
ไปตั้งหลายคน

Would you please reconsiders? Working for me .lt 'll make your life easier.
(เฮ้ย ลื้อน่าจะลองไปพิจารณานะ ทำงานกับอั๊ว มันจะทำให้ชีวิตลื้อง่ายขี้นเยอะ)
They said no matter how cruelly you treat it a cat will forgot 3 steps later.
(มีคนเคยกล่าวว่า ความเจ็บป่วดสักพักก็จางหาย ไม่ต่างจากแมวที่เดินเกิน
ไปสามก้าว สักพักมันก็จะลืมก้าวย่างของตัวมันเอง)

แต่เจ้าคาเครุก็ใช่ย่อย พอรู้ว่าคนที่แกช่วยชีวิตไว้
เป็นไอดอลในดวงใจ ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวตลก อีกทั้งยังไปแอบเห็น
แฟนตัวเองกับลุงไอดอลจุจุ๊บกันในรถแบบสองต่อสอง เลยต้องมีการเล่นแง่กันสักหน่อย
แต่สุดท้ายก็ยอมรับสภาพของตัวเอง ส่วนหนึ่งก็เพื่อความฝัน อีกส่วนหนึ่ง
ก็เพื่อให้สาวเจ้าที่เรารักมีความสุขกับสิ่งที่เป็น แม้สิ่งนั้นจะทุกข์ระทม
เพราะคนที่รักไปมักจี่ถึงขั้นแต่งงงแต่งงานกับลุงโคซุเกะไอดอลในดวงใจ
โดยที่ตัวเองก็ต้องมาเป็นลูกน้องของลุงโคซุเกะ ว่าที่สามีของอดีตคนรักตัวเอง
อย่างที่ต้องตักกระโหลกชะโงกดูเงาของตัวเอง

She were wearing that beatiful kimono .Drank wine and a famous architect
was driving her home.lt 'll never happen with me.
(หล่อนได้สวมกิโนโมสวยๆ ดื่มไวน์และยังมีสถาปนิกชื่อดังเป็นสารัตถีขับรถ
ไปส่งถึงบ้าน สิ่งเหล่านี้ถ้าเธอยังอยู่กับฉัน คงไม่มีทาง)
I can draw blueprints but l can not plan my own life
(ออกแบบพิมพ์เขียวมาก็หลายชิ้น แต่ออกแบบชีวิตตัวเองสักชิ้นยังทำไม่ได้เลย)

โหย! เจอฉากนี้เข้าไป เล่นเอาซึ้งสะกิดติ่งใจให้แป้วตาม
ไม่ต้องเป็นนักออกแบบสถาปนิกก็เหอะ คนธรรมดาอย่างผมๆ ก็ทำไม่สำเร็จ
สักชิ้นเหมือนกัน ไอ้ข้อสถานะ บางทีเห็นผู้คนบอกว่ามันต้องหัวจิตหัวใจเป็นหลัก
เออ!ไอ้นั้นไม่เถียง แต่ไอ้สถานะมันก็เป็นตัวประกอบแวดล้อม ที่ครอบคลุม
ไปทุกภาคส่วนของชีวิต จะแตะจะกินหรือจะใช้ไม้สอยอะไร
ก็ให้ดูสถานะปัจจุบันเป็นหลัก การตลาดยังเจาะกลุ่มลูกค้าตั้งหลายจำพวก
มีทั้งตลาดบน ตลาดกลางและตลาดล่าง และนอกจากนี้ยังมีแยกย่อยไปอีกเพียบ
คาเครุเลือกที่จะยอมรับความเป็นจริง เป็นความจริงที่ประกอบไปด้วยความสุข
เป็นสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนรัก และสุขจากหน้าที่การงานที่ชอบ
แต่ลึกๆแล้ว ก็รู้สึกโหยหาความสัมพันธ์แบบเก่ากอ่น อยากให้เราได้มาอยู๋ด้วยกัน
อันนี้ดูจากเจ้าคาเครุ แม้จะมีหญิงอื่นแต่ก็ดูจะไม่จริงจัง หลักจากที่ได้เลิกลากับฮานา
เหมือนจะรอคอยโอกาส แม้ว่าคนทั้งสองจะทำนิติสัญญารักในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่เรียบร้อย แต่นั้นเป็นเพียงพิธีกรรม เพราะเอาเข้าจริงบทที่คนจะเลิกลา
เขาไม่แสวงหาเวลาที่มงคลอะไรอื่นแล้ว มีแต่จะรีบเลิกไปให้พ้นๆ
แล้วมีแบ่งสินสมรส โดยไม่ยอมให้ใครได้มากกว่าหรือน้อยไปกว่ากัน



เป็นซีรีย์สิบตอน ที่ถ้านับเอาจากตัวบทจริงๆแล้ว
ก็เหมือนเป็นชีวิตของคู่รักคนเหงา ที่ตัวละครทั้งสามฝ่าย
ต่างก็มีส่วนขาด และส่วนดีที่จะเติมเต็มความสัมพันธ์ของตัวละครสามฝ่าย
ให้สมบูรณ์ คนหนึ่งซึ่งมีบาดแผลจากความที่เป็นคนธรรมดาจนๆ
ขณะที่อีกคนมีรักแต่ขาดซึ่งความสุขสบายที่จะเติมเต็ม
อีกคนมีสุขจากชื่อเสียงและเงินทองที่พรั่งพร้อม แต่ไม่เข้าใจอดีตคนรัก
ว่าทำไมถึงกล้าที่จะเลิกลา และแสวงสิ่งที่ใช่จากสถานะที่สมบูรณ์ในปัจจุบัน
ถ้าเป็นจิ๊กซอ ก็ต้องถือต่างคนต่างก็มาอุดรอยโหว๋จากช่องที่ไม่สมบูรณ์
ให้เป็นผืนภาพที่เต็มส่วน ป๋ายะในบทคาเครุก็มาช่วยเสริมงานในฐานะ
ผู้ช่วยมือดี ที่เข้าใจถึงแนวสไตล์ของอิบิซาวะ โคซุเกะได้เป็นอย่างดี
ชนิดที่ไม่เคยมีลูกน้องคนไหน ที่จะตอบสนองให้ได้ ซึ่งโคซุเกะเองก็ช่วย
สนับสนุนคาเครุให้แจ้งเกิดในแวงวงสถาปนิกแห่งญีปุ่นอย่างเต็มที่

My Hitosuyanagi House or This Church.l through about submitting my paper blank.
(รู้ไหม ตอนที่คณะกรรมการให้กระดาษเปล่า เพื่อลงคะแนนสถาปัตยกรรมแห่งปี
ระหว่างเรือนฮิโตสุยานากิ
ของอั๊วกับโบสถ์ของลื้อ)
Waited until the last minute and wrote down this church
(อั๊วรอจนวินาทีสุดท้าย และดันเสือกลงคะแนนให้โบสถ์ของลื้อ
In just year ,l raised my Enemy
(เพียงแค่ปีเดียว นี้อั๊วได้สร้างศัตรูขึ้นมาอีกคนแล้วเหรอเนี๊ย)

แต่ส่วนหนึ่งคาเครุก็ต้องพร้อมที่จะสูญเสียคนรัก แม้ว่าจริงๆแล้ว
ไม่ว่าเขาจะเลือกที่จะเป็นทีมงานส่วนหนึ่งของโคซุเกะรึไม่
ฮานะอดีตคนรักก็ต้องจากไปจากเส้นใยบางๆ ที่พร้อมจะขาดสะบั้นลง
แต่คาเครุเลือกที่จะประนีประนอมกับตัวเอง คือ ได้ทำงานกับคนที่เขาเคารพ
มาทั้งชีวิตและได้เห็นหน้าอดีตรักอยู่เนื่องๆ แม้โคซุเกะจะรู้ว่านั้นมิใช่สิ่งดี
ต่อสถานะสมรสคู่ หากยังมีอดีตแฟนตัวเองอย่างโคซุเกะ วนเวียนอยู๋ใกล้ๆ
แต่ซีรีย์เรื่องนี้ ดีหน่อยที่จะให้ตัวละครนางเอกอย่าง "ฮานะ" เป็นผู้ตัดสินความเป็นไป
ของตัวละครเอกทั้งสองฝ่าย ที่ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมารูปแบบไหน
ล้วนแล้วแต่เกิดจากการเลือกตัดสินใจ ในฐานะตัวกลางที่เชื่อมโยงจุดหลักของเรื่อง
ไม่่ไปขาดสะบั้นทางสายสัมพันธ์เดิม แต่ยังคงสายสัมพันธ์เดิมไว้เพียงแต่แปรเปลี่ยนไปอีกรูปแบบ
ดังนั้น ในทุกๆการเทปันใจของน้องเขา ย่อมมีผู้สมหวังและอโสมนัสขึ้นมาพร้อมกันทันที
ซึ่งมันยากสำหรับการชั่งใจของผู้ชม เพราะความที่ไม่มีบท "ผู้ร้าย" ในซีรีย์
ทั้งคาเครุและโคซุเกะ จึงเป็นตัวละครที่คนดูอยากจะให้ผลของมัน
ออกมาเสมอในรูปของสมานฉันท์ ซึ่งซีรีย์เรื่องนี้ก็มีทางออกของมันในตัว
และเสน่ห์โคตรๆของซีรีย์เรื่องนี้ คือ ทิ้งปมจบในแต่ละตอนให้คนดูต้องสุดถวิล ชนิดเข้าใจหัวอก
ถึงคนดูสมัยก่อนเลยว่า การรอคอยตอนต่อไปในวันศุกร์ของสัปดาห์หน้า มันช่างทรมานเพียงใด


เอาเข้าจริง สูตรของซีรีย์ประเภทนี้ที่เป็นรักสามเศร้าของเราสามคน
เป็นที่ฮิตกันมากในกลางปี ๙๐ เพราะก่อนหน้านี้ผู้เขียนก็ได้ชม
Love Generation ที่ป๋ายะลงมือเล่นอีกเช่นกัน ก็มีระดับโครงสร้างที่ไม่ต่างกัน
แต่คราวนั้น เป็นคนรักเก่าของป๋ายะแก ไปเป็นแฟนของพี่ชายตัวเอง
ยังคงเข้ากรอบของ "บุคคลที่ตนเคารพ" กับ "หญิงที่เคยรัก"
แต่ใน Love Generation เขามีทางออกที่ดีกว่า โดยสร้างตัวละครหญิง
อย่าง น้องมัตซู เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำรอง ที่ตอนหลังกลายเป็นทางเลือกหลัก
ส่วนเรื่องของพัฒนาการตัวละคร อันนี้ไม่ต้องห่วง แต่ที่น่าห่วงคงจะเป็นการหวนความสัมพันธ์รัก
แบบคงเดิมระหว่างฮานะกับคาเครุ ที่จะกลับมารีเทรินรักกันเเบบเก่า หรือจะดำรงไว้ซึ่ง
สถานภาพรักสมรสแบบปัจจุบัน อันนี้ดูจนมาเกือบจะจบก็ยังเดาทางแทบไม่ออก
ซึ่งความสัมพันธ์ตรงจุดนี้จะคู่ขนานไปกับ masterpieace project เพื่อให้สมกับเป็นงานชิ้นเอก
ที่คาเครุได้ปลุกปั้นตั้งแต่ตอนแรก ในนาม Church of Heaven
อันมีความหมายถึง องค์สถาปัตย์แห่งสรวงสวรรค์ ที่รับรองว่า
เด็กถาปัตถ์จะต้องออกอาการกรี๊ดกร๊าดกะตู้ฮู้เป็นแน่แท้ ใยถึงวิจิตรได้ถึงเพียงนี้
งานนี้ยังได้ผู้กำกับประจำสถานี TBS คิโยฮิโระ มาโกโตะ มาพิถีพิถัน
ในเรื่องงานกำกับ (เป็นผู้กำกับคนเดียวกับ Otousan และ Nada So So ภาคซีรีย์ )
และพิถีพิถันยิ่งขึ้นกับเพลงบรรเลง ที่ได้ฝรั่งตาน้ำข้าว อย่าง Burt Bacharach
ที่เคยทำสกอร์เพลงใน Austin Powers มาแล้ว


กลายเป็นว่า กับซีรีย์เรื่องนี้ ผู้เขียนกับเฉยๆในการแสดงของทาคุยะ
ในวัยยี่สิบหมาดๆ อาจจะด้วยบทหรือด้วยรัศมีบารมีที่ยังไม่พร้อมจะเปล่งประกาย
ก็ไม่ทราบได้ แม้พี่แกจะไว้ผมสลวย แต่งตัวฮิบๆ ทำตัวกร่างแบบเด็กอาร์ท
ที่ไม่สำเร็จการศึกษาระดับมหาลัย ที่รัฐธรรมนูญบ้านเราชี้ช่องให้เป็นพอเป็นสส.ได้
แต่กับนักแสดงประชันฝ่ายชายอีกคน ที่รับเป็น สถาปนิกโคซุเกะ
คือตัวลุง "ทามุระ มาซาคาซุ" ผู้เขียนว่า เป็นนักแสดงที่มีลูกล่อลูกชนแพรวพราว
จนไม่แปลกใจว่าทำไมน้องฮานะ จึงต้องนอกใจมารับการอุปถัมภ์จากลุงท่านนี้
ลุงแกทำให้ผู้พอเชื่อได้ว่า น่าจะเป็นนักสถาปนิกจริงได้
ไม่ได้ด้วยแบบแปลนที่ลุงวาดหรอกนะ แต่ด้วยอารมณ์ติสท์แบบสถาปนิกเขาชอบเป็น
ประเภทเอามือลูบคาง จูนหัวสมอง ขณะที่ในมือคีบบุหรี่ปุยๆ โห!มันใช่เลย
ลีลาการพูดของแก เต็มไปด้ยความเชื่อมั่น พร้อมที่จะให้คนอื่นฟังแก
ขณะเดียวกัน แกก็ไม่พร้อมที่จะไม่ยอมให้ใครพูดขึ้นสวนในขณะที่แกกำลังคุย
ดูงานซีรีย์จากที่แกเล่นก็ไม่บ่อยนัก เพราะนานๆแกจะรับเล่นซีรีย์สักเรื่อง
แต่เท่าที่ผ่านตา ก็ในบทปะป๋าชินโด ชิโร่ ของลูกสาวสี่คนใน Otousan
ของผู้กำกับคนเดียวกันกับซีรีย์เรื่องนี้ เป็นความเท่ห์แบบคนมีกะตังค์
ที่ดับรัศมีให้ทาคุยะยังไม่พร้อมแจ้งเกิด จึงมิแปลกใจหากแฟนทะคุงคลับ
จะไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกับซีรีย์เรื่องนักก็ตาม
ส่วนนางเอ๊ก นางเอกนี้ มิยาซาวา ริเอะ ความจริงเจ๊แกก็เป็นคนดังในประเทศ
แต่กับประเทศไทย แทบไม่เคยมีผลงานในชาวประชาได้ยลตา
ประวัติชีวิตเจ๊ก่อนจะเล่นซีรีย์เรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่าโชกโชน มิได้แสนดี
เหมือนกับในซีรีย์ ทั้งการเลิกรากับแฟนหนุ่มนักมวยปล้ำ การฆ่าตัวตาย
ปัญหาทางบ้าน และภาวะโรคไม่อยากอาหาร (Anorexia)
แต่เสริมข้อดีข้อหนี่ง เพราะในเรื่องนี้มีเจ๊โย คิริโกะ มาีร่วมเล่นในบท
อดีตศรีภรรยาสถาปิกอิบิซาวา ใครเห็นเจ๊ท่านนี้คงร้อง อ้อ!
เพราะเจ๊เพิ่งจะขายโรงศพจนผู้เขียนต้องหลั่งน้ำตา
ใน Departures มาอีกทีสมัยเจ๊สาวๆ ก็สาวไม่หยอกเหมือนกันนะเออ



That is her choice,It is her house .Not yours.
(นั้นเป็นสิ่งที่ลูกค้าเธอเลือก มันเป็นที่ของลูกค้า มิใช่ของลื้อ)
But I am building the house .It is my masterpiece too.
(แต่ ผมก็ออกแบบมันมากับมือ นี้มันเป็นงานชิ้นเอกของผมนะ)

พูดไปงานสถาปนิกก็มิใช่เรื่องง่าย ตราบใดพื้นฐานความเป็นจริง
จำต้องตอบสนองความต้องการพื้นฐานของลูกค้า ซึ่งเป็นทั้งผู้ใช้สอย
ผู้อยู่อาศัยและไหนจะออกเงินลงทุนทั้งค่าสร้างงาน ค่าออกแบบอีก
อาชีพสถาปนิกจึงเป็นหน่วยงานๆหนึ่ง ที่มีสถานะเป็นผู้รับจ้าง
ที่ต้องสนองความต้องการตามชุดคำสั่ง ด้วยจากประสบการณ์และวิชาชีพที่ตนร่ำเรียนมา
สถาปนิกขึ้นชื่ออาจเป็นได้เพียงแค่กึ่งๆศิลปิน ที่ไม่ได้เป็นนักจิตศิลปะเต็มตัว
ที่อยากจะวาดอะไรตามนึกคิดทั้งหมด แล้วสะบัดปลายปากพู่กันลงบนผืนผ้าใบ
แต่สถาปนิกจำต้องประนีประนอมรอมชอมกับฝ่ายวิศวกรผู้สร้าง ทั้งเรื่องข้อจำกัดการสร้าง
การหาวัสดุอุปกรณ์ โครงสร้างรองรับของพื้นที่ และตอบสนองเจตจำนงของผู้ออกแบบ
เพื่อให้ตรงในองค์ประกอบพร้อมในการก่อสร้างเคหสถาน ซึ่งถ้าสถาปนิกอยากจะเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว
นอกจากไม่ได้ค่าออกแบบเองแล้ว อาจจะต้องควักทุนเข้าเนื้อทั้งกองเพื่อเป็นที่ซุกหัวนอนของผู้ออกแบบเอง
แต่กระนั้นก็ตาม สถาปนิกก็เหนือชั้นกว่าไปกว่าเหล่าบรรดาศิลปินและจิตกร ที่

Architecture is imagination and reality.
(สถาปนิก คือ ผู้สร้างความฝันและทำให้มันเป็นจริงได้)........


ข้อมูลจาก //wiki.d-addicts.com/Kyosokyoku




Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 12:46:34 น. 17 comments
Counter : 1457 Pageviews.

 
เรื่องนี้ของทาคุยะยังไม่มีเลยค่ะ
งานเก่าๆของทาคุยะ บางเรื่องหาสั่งยาก
ไอ้ที่ทำเป็นgift set ก็สุดแพง
ตัวอย่างเช่นเรื่องGiftกว่าจะหาได้ ก็เรียกว่าไม่ง่าย
เรื่องนี้เข้าใจว่าที่คุณchanpanakritดู เป็นซับอิ้งใช่ไหมคะ
อ่านแล้วสงสารคาเครุจังค่ะ
ภาพนางเอกที่คุณchanpanakritแปะ เธอดูสวยเศร้าๆนะคะ
อ่านที่คุณchanpanakritเขียนแล้ว
อยากดูติดหมัดเลยค่ะ ยิ่งบอกว่าทิ้งปมแต่ละตอนไว้
โอ๊ย!ยิ่งอยากดู


ปล.ได้ไปที่ร้านชิบูญ่าที่คลองถมมาไม่มีทั้งFireworks ทั้งApril Storyค่ะ
แต่มะนาวก็สั่งทางเน็ตไปแล้วค่ะ สงสัยต้องลองเขียนไปสั่งเรื่องนี้เพิ่มเผื่อมี
555เพิ่งรู้ว่าคุณchanpanakritรู้จักแปลนน้ำเต้าปู ปลาด้วย
นึกถึงงานศพสมัยเด็กๆเลยค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.35.98 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:46:51 น.  

 

ปล.อีกที

ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดใช้นะคะ & Happy Valentine's Dayค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.35.98 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:57:05 น.  

 
ทาคุยะ ทาคุยะ เรื่องนี้ยังไม่มี....ต้องไปหามาดูอีกล่ะ

ขอบคุณที่บอกนะคะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:28:25 น.  

 
ท่านมะนาวเพคะขอรับ

ไม่แปลกหรอก ถ้าแฟนทะคุงคลับจะไม่รู้จักเรื่องนี้

เพราะเป็นซีรีย์ที่ป๋ายะ กำลังไต่เต้าเพื่อเป็นตัวเอกเต็มตัว

เพียงแต่ ถ้าเป็นคนอื่นเล่น อาจจะเหมาะกว่าทาคุยะก็เท่านั้น

แต่เรื่องเสน่ห์ของทะคุง เรื่องนี้แทบจะถอดคาแรกเตอร์จากวง

SMAPเน้นๆเลยขอรับ ผู้เขียนดูผ่านเว็บเอานะครับ

เพราะเรื่องนี้คงหาซื้อยากมาก เท่าที่เห็นก็

ไม่มีเจ้าไหนวางขาย ส่วนนางเอกไม่เศร้าอย่างที่คิดนะขอรับ

แก้นได้ทีเลย ริเอะเธอเล่นได้อย่างมีเสน่ห์จนเด่นที่สุดในเรื่อง

ก็ว่าได้

เป็นสาวที่ยอมรับสถานะปัจจุบัน แต่ก็โหยหา
คนรู้ใจที่สุด

ซึ่งเป็นอดีตคนรักสักไ้ด้

ส่วนFireworks นี้ไม่แปลกใจหรอกครับที่ไม่มี

เพราะงานตั้งกว่าสิบเจ็ดปี และเป็นซีรีย์ยาวตอนเดียว

ที่ถ้าไม่ขวนขวายข้อมูลที่ท่านเสนอ

ผู้เขียนเองก็เพิ่งรู้ว่ามีเหมือนกัน แต่แปลกใจใน April Story ว่าทำไมมันหายากนักน้อ

จะช่วยท่านหาอีกแรง ความจริงถ้ามีฟอร์แมทในมือตอนนี้

ก็จะช่วยไรท์ แต่ตามหาของใหม่ยังง่ายกว่าตามทวง

ของที่อดีตมิตรเคยยืมสักอีก

ปล.อย่าเพิ่งอวยพรก่อนเลยครับ

เพราะกำลังจะหาเรื่องซีรีย์เกี่ยวกับเทศกาลมาเขียนสักเรื่องอยู่

เอาอะไรดีหว่า?


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:28:11 น.  

 

วันนี้ตอนแรกตั้งใจว่าจะดูเรื่องThe boy in the striped pyjamas
แต่พอแวะเข้ามาที่บล็อก คุณchanpanakritเกริ่นว่ากำลังหาซีรีส์ที่เข้ากับเทศกาล
มะนาวก็เลยเปลี่ยนใจเอาบ้าง ไปรื้อดูว่าตัวเองมีหนังแนวนี้บ้างหรือเปล่าก็พบว่าไม่มี
แต่ไปเจอเรื่องLavenderหนังปี2000ของทาเคชิ คาเนชิโร่ที่ยังไม่ได้ดู
และคิดว่าคงเป็นหนังรักโรแมนติค เพราะชื่อมันสื่อก็เลยดูเรื่องนี้
รู้แต่ว่าดูไปหลับไป สุดหล่อทาเคชิไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ดีอยู่อย่างเดียวตรงที่พอลืมตาขึ้นมาก็เจอสุดหล่อทาเคชิทำหน้าหล่ออยู่หน้าจอ
แล้วก็สัปหงกต่อจนจบเรื่อง 555หนังวันValentineของมะนาวเลือกได้ดีพิลึก

ปล.ขอบคุณนะคะที่จะช่วยหาหนังให้อีกแรง
555อยากรู้จังว่าระหว่างคุณchanpanakritกับเพื่อน
ใครมีหนังที่ยืมมาแล้วลืมคืนมากกว่ากัน


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.11.224 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:22:53 น.  

 
ต้องขออภัยท่านมะนาวเพคะอย่างแรง

เนื่องจากผู้เขียนดันมัวอ่าน ๑๔๒๑ ของ

เกวิน เมนซีส์ เพลินจนวางไม่ลง

เลยไม่ได้หาอภินันทนาการอะไรเข้ากับ

เหตุการณ์ในวันนี้เลย แต่ดึกนี้ว่าจะลอง

เอาหนังญี่ปุ่นที่ซื้อเก็บสักเรื่อง

เอามาระบายแล้วเล่าสู่กันฟัง

เพราะพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน สบายแฮ่ที่มีเจ้านาย

เชื้อจีน เกิดเป็นเจ้านายชาวญี่ปุ่น

คงแย่อย่างแน่แท้ เพราะไม่มีวันหยุดเอื้ออะไรสักอย่าง

จะเอายกพลขึ้นบกก็กระไร เพราะวีรชนไทย

คงไม่ปลื้ม Lavender ผู้เขียนก็เกือบจะหลับเช่นกัน

ทาเคชิ ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ แปลกเหมือนกันน้อ

ถ้าเจ้าทาเคชิไปรับเล่นหนังญี่ปุ่นเรื่องไหน

แต่จะสลบสไลทุกที อย่างแอคชั่น K20 ก็ไม่เว้น

The boy in the striped pyjamas เป็นอย่างไรบ้าง

เล่าให้ฟังบ้างสิ ได้ยินชื่อด้านบวกมาเยอะ

อย่างฟังเสียงท่านมะนาวฯอีกแรง


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:48:51 น.  

 
หนังสือที่คุณchanpanakritอ่าน
เกี่ยวกับการค้นพบทวีปอเมริกาของกองเรือเจิ้งเหอ
ที่เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ใช่ไหมคะ
ที่ว่าเจิ้งเหอ อาจป็นผู้ค้นพบทวีปอเมริกาก่อนโคลัมบัส
มะนาวได้อ่านมาบ้างจากหนังสือศิลปวัฒนธรรม(Art&Culture Maagazine)
แล้วถ้าท่านเจิ้งเหอเป็นผู้ค้นพบจริง
ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไหมคะ น่าสนใจนะคะ
แล้วท่านเจิ้งเหอเป็นมุสลิมไม่ใช่เหรอคะ
ทำไมถึงให้ท่านเป็นซำปอกง(พระพุทธเจ้าทั้งสาม )
ซึ่งมีความหมายทางพุทธไม่ใช่เหรอคะ
หรือว่าเราจับแพะชนแกะกันคะ

ปล.เรื่องThe boy in the striped pyjamasแผ่นมีปัญหา
มะนาวก็เลยดูเรื่องInglourious Basterds แทน
เพราะเห็นว่าหนังเรื่องนี้ได้เข้าชิงออสการ์ตั้งหลายรางวัลน่ะค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.11.224 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:40:03 น.  

 
ว๊าว ท่านมะนาวฯอ่านนิตยสารศิลปะวัฒนธรรม

ด้วยเหรอครับ หาได้ยากนะครับ คนที่ดูซีรีย์

แล้วยังชอบอ่านนิตยสารประวัติศาสตร์หนักๆ

ความจริงซื้อเล่มนี้มานานแล้ว แต่อ่านเท่าไร

ก็ไม่ยอมจบสักที วิญญาณบรรพบุรุษจีนรู้เข้า

ก็เคืองแย่ มันไม่ใช่แค่นั้นสิท่าน

เพราะสันนิษฐานว่า แผนที่ที่โคลัมบัส

แมนเจนแลน วาสโกดากามา อาจเป็นแผนที่ที่

จิ้นเหอเดินทางสำรวจก่อนหน้าตั้งหลายปี

ถูกแล้วละท่านเจิ้นเหอเป็นมุสลิมและยังเป็นขันทีด้วย

มันไม่ได้มีแค่เจิ้นเหอคนเดียวเสียด้วยสิ

ยังมีโจวหม่านที่ไปเหยียบอเมริกาก่อนใครๆ

โจวเหวินที่ไปเหยียบขั้วโลกเหนือ และหงเปา่ที่

ไปเหยียบแอนตาร์กติกาและออสเตรเลีย

ส่วนซำปอกงในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้กล่าวถึง

แต่เคยมีหนังสือของค่ายมติชนออกมาเป็นเล่มบางๆ

เขียนไว้แต่ไม่เคยไ้ด้อ่าน ถ้าท่านมะนาวฯทราบ

ก็เล่าแจ้งไว้ก็จะเป็นพระคุณ

เดี๋ยวจะตอบแทนด้วยการเล่าซีรีย์ที่มี

ยามะพีกับคาเซะคุง เล่นร่วมกันใน Nobuta wa Produce แบบเน้นภาพมากกว่าเนื้อหา

ส่วน The boy in the striped pyjamas

อันนี้น่าเสียดายจัง แต่ตามประสาท่านมะนาวฯ

ซื้อเป็นกระตัก เอาไปเปลี่ยนทางร้านคงไม่ว่าอะไรมากมายหรอก

ส่วนเจ้า Inglourious Basterds ยังเป็นหนังช่างพูดตามสไตล์

เควนติน ถามว่าชอบไหม คงเพราะไม่ปลื้มแนวนี้มั้ง

ฉากทะลกหนังหัวนาซี อันนี้แรงได้ใจจัง

แต่แกก็กล้าเอาประวัติมาปู้ยี้ปู้ยำไปอีกแนวได้นะครับ

นึกถึง Goemon ของลุงคิริยะจริงๆเลย


โดย: chanpanakrit IP: 111.84.80.152 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:54:23 น.  

 
555คุณchanpanakritถึงกับร้องว้าว!เชียวเหรอคะ
แล้วถ้าบอกว่าตอนนี้มะนาวกำลังอ่านเรื่อง"วิหารที่ว่างเปล่า"
ของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุลและนักเขียนในดวงใจของมะนาวคือ
คุณธีรภาพ โลหิตกุล จะร้องว้าวอีกไหมค่ะ555
จะบอกว่าโดยพื้นฐานเดิมของมะนาวชอบอ่านหนังสือค่ะ
และอ่านได้ทุกประเภทด้วยค่ะ
มะนาวเพิ่งมารู้จักดูซีรีส์เมื่อปี50นี่เองค่ะ นับว่ายังมือใหม่อยู่ค่ะ
ก็เลยต้องเข้ามาหาข้อมูลอยู่เนืองๆ
แต่จริงๆถ้าวัดจากความรู้สึกของตัวเอง
มะนาวมีความสุขกับการอ่านหนังสือมากกว่าค่ะ
แต่ว่าการดูซีรีส์ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ก็เลยตะบี้ตะบันดูต่อไปค่ะ
ตอนนี้มะนาวก็เลยมีเวลาอ่านหนังสือน้อยลง โง่มากขึ้นค่ะ55

ส่วนเรื่องซำปอกงมะนาวก็ยังสับสนอยู่ค่ะ
เพราะบางข้อมูลบอกว่าเจิ้งเหอนำกองเรือเข้าไปยังอยุธยา
เพื่อช่วยเจ้านครอินทร์ให้ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา
และได้มีการทำลายอยุธยาบางส่วนจนพังพินาศ
เมื่อเจ้านครอินทร์ได้ขึ้นครองอยุธยา เจิ้งเหอจึงให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นมาใหม่
คือ หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง แต่ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ขาดหายไป
จะมีในบางบันทึกเท่านั้นว่าหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เรียกว่า ซำปอกง
ส่วนบางข้อมูลบอกว่ากองเรือของเจิ้งเหอที่มาอยุธยา เป็นแค่กองเรือย่อยที่นำโดยลูกน้อง
ไม่ใช่เจิ้งเหอมาเอง เพราะอยุธยาก็ไม่ใช่เส้นทางหลัก
เพราะเส้นทางหลักคือทะเลจีนใต้ ปาเล็มบัง มะละกา และแถบมหาสมุทรอินเดีย
ซำปอกงจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเจิ้งเหอค่ะ

มะนาวดูเรื่องInglourious Basterdsจบแล้วค่ะ
แล้วก็แปลกใจมากว่าทำไมหนังเรื่องนี้ ถึงได้เข้าชิงออสการ์
มันมีดีตรงไหน สุดจะรุนแรงในความรู้สึก
โดยเฉพาะฉากถลกหนังหัว
มะนาวถึงกับเผลอยกมือขึ้นปิดตาโดยอัตโนมัติเลยค่ะ
มันจำเป็นเหรอที่ต้องให้เห็นจะๆขนาดนั้นหรือแค่สนองneedผกก.
แถมตอนจบยังมีฉากกรีดหน้าผากอีก
โอ้ว!แม่เจ้า กะเอาให้มันติดตา สะเทือนความรู้สึกไปเลยใช่ไหมนี่

ปล.มะนาวว่าจะดูซีรีส์เรื่องSecurity Policeต่อ
ไม่ทราบว่าสนุกหรือเปล่าคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.31.56 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:08:09 น.  

 
ว๊าวๆๆ ถึงสามรอบเลยนะครับเนี่ย
เพิ่งรู้ว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยงเช่นกัน

แถมไ่ม่ได้นิยมอ่านประเภทเครือสำนัำกพิมพ์แจ่มใส

หรือรักต่างชนชั้นของนรา แต่อ่านในระดับ

การค้นหาจิตปภัสสรในก้นลึกของอนุสัยมนุษย์เลยทีเดียว

วิหารที่ว่างเปล่าชอบเหมือนกันเลย เคยได้ขอลายเซ็นแก
ที่บูธวิญญชน

แกก็เซ็นหยิกๆ ด้วยสำนวนที่เก๋มาก

"ด้วยจิตคารวะ" โห ลุงแค่ซื้อหนังสือเล่มเดียวเนี่ยนะ

เกินไปอะป่าว งานของลูกชายแกที่ชื่อแทนคุณ

ก็ใช่ได้นะครับ แต่คงลึกซึ้งในชีวิตเท่าตัวพ่อมิได้

ธีรภาพ นี้ เป็ืนชื่อการันตีของเหล่านักเดินทางได้เลย

ส่วนเรื่องซำปอกงนี้ ช่วงเวลาที่ออกเดินทางไล่เลี่ย

ราชสมัยเจ้านครอินทร์อยู่เช่นกัน แต่อ่านหนังสือประวัติศาสตร์

ไม่ว่าของอ.ชาญวิทย์ หรือ อ.ศรีศักดิ์ ก็ไม่เคยกล่าวถึงท่าน

เลยนะขอรับ มีแต่จะแย่งชิงสมบัติระหว่างเครือสายสุพรรณบุรี

กับอู่ทองเสียมากกว่า

แม้แต่หนังสือ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญแก่รัฐสยามมากนัก

ส่วน Inglourious Basterd นี้ไม่แปลกใจที่เข้าชิง

มันให้อารมณ์ประมาณครั้งหนึ่ง ที่ Pulp Fiction ครองใจกรรมการ
กลุ่มหนึ่ง

แต่จะเเปลกใจยิ่งกว่า ถ้าไปได้รางวัลใดรางวัลหนึ่งใน

เวทีออสการ์ จะยกเว้นก็การลำดับภาพหรือเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม

และเจ้า Security Police นี้เสียตอบรับไม่ค่อยดีนักในเมืองไทย

แม้จะมีภาค SP ก็เหอะ แต่มีโอกาดะ จุนอิชิ ที่เล่นบทพ่อ

ใน Always มาทำตัวบอดีการ์ดสุดเท่ห์ แต่ดูไปตอนนึงแล้ว

แพ้ความเป็นหนังสูตร ก็เลยไม่ได้ติดตามต่อ เอาเป็นว่า

น่าจะปลอดภัยแก่คนหมู่มากนะขอรับ เออ แต่ขอแนะนำ

Gravity Clown ที่เพิ่งเชียร์ล่าสุด อันนี้คิดว่าน่าจะชอบได้ไม่ยาก
หักมุมสุดๆ อารมณ์เดียวกับซิกเซนต์เลยท่านมะนาวเอย


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:51:50 น.  

 
555ของสำนักพิมพ์แจ่มใสมะนาวก็อ่านนะคะ
แต่ไม่ใช่สเป็ก ถ้าสเป็กก็ต้องเป็นงานเขียนของอ.วินิตา ดิถียนต์ค่ะ
เจ้าของนามปากกา ว.วินิจฉัยกุลและแก้วเก้าค่ะ
มะนาวอ่านทุกเรื่อง ชอบมากค่ะ อาจารย์เขียนสำนวนดี เนื้อเรื่องไม่เพ้อฝัน
ทำการบ้านมาอย่างดีก่อนเขียนค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้ด้วยค่ะ
โดยเฉพาะด้านประวัติศาสตร์ ส่วนของสำนักพิมพ์แจ่มใส
อ่านได้ไม่เยอะ ประมาณเรื่อง สองเรื่อง แล้วต้องทิ้งช่วงไป เพราะจะรู้สึกเบื่อและไม่สนุกค่ะ

คุณธีรภาพ ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างเดียวนะคะ
เขียนเกี่ยวกับสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ก็มีค่ะ
อย่างเรื่อง"กบฏเกือก เมื่อเลือดอิระวดีกรุ่น"เขียนได้น่าอ่าน สนุก
ข้อมูลแน่น เนื้อหาค้นคว้ามาอย่างดี ให้มุมมองและแนวคิดที่ดีค่ะ
หรือว่าเรื่อง"กบฏกริชบาหลี อยู่อย่างยิ่งใหญ่ ตายอย่างมีเกียรติ"
ก็เป็นสารคดีบันทึกเชิงประวัติศาสตร์เช่นเดียวกันค่ะ ที่น่าอ่าน
เชียร์ออกนอกหน้าไปหรือเปล่าคะ
ส่วนคุณแทนไทลูกชายอ.เสกสรรค์ มะนาวเคยอ่านเจอว่าเก่งชีวะมาก เคยได้รางวัลด้วย
แต่ไม่เคยอ่านงานเขียนของคุณแทนไทเลยค่ะ

จะบอกว่าเรื่องPulp Fictionมะนาวดูไม่สนุกเลยค่ะ
Kill Billก็เช่นเดียวกัน แต่เรื่องนี้ทำให้มะนาวได้รู้ว่ารองเท้า
ที่นางเอกใส่ คือOnitsuka Tiger ซึ่งเป็นรองเท้าที่มะนาวอยากได้มาก
เพราะสรรพคุณที่ว่าใส่สบาย แต่ราคาขนหน้าแข้งร่วงหรือเปล่าก็ไม่รู้

ปล.มะนาวเปลี่ยนใจดูเรื่องMaouแทนSecurity Policeแล้วค่ะ
อยากดูว่าโทมะเปลี่ยนมารับบทซีเรียส สอบผ่านหรือเปล่า
ส่วนGravity Clownมะนาวสั่งไปแล้วค่ะแต่ยังไม่ได้


โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.173.91.151 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:37:13 น.  

 
มีคนบอกว่างานของ ว.วินิจฉัยกุลและแก้วเก้า

ต้องเป็นคนที่มีวิธีคิดที่ซับซ้อนและมองโลกอย่างเข้าใจ

ในทุกๆเล่มที่อ่านจบไม่รู้จริงอย่างที่เขาว่ารึเปล่า?

งานของธีรภาพนี้น่าสนใจมาก ผู้เขียนเคยติด

คอลัมภ์แก่หงอมแหงมพักนึง

ในนิตยสารสารคดี จนหลังๆเปลี่ยนแนวอ่าน

ก็เลยไม่ค่อยได้ติดตามอีก

ส่วนงานแทนไท ไม่ค่อยจะเหมือนพ่อสักเท่าไร

แต่ก็วิพากย์แนวคิดแบบคนรุ่นใหม่

กับความจี๊ดแล้ว รุ่นพ่อจะเหนือกว่ามาก

เพราะไปถึงขั้นจิตวิญญาณ

Pulp Fiction ติดใจตรงแนว แต่อย่างอื่นผู้เขียนก็

รู้สึกเฉยไม่ต่างจากท่านมะนาวฯว่า

งานเควนติน เกือบทุกเรื่องค่อนข้างสนทนากันมาก

บางทีก็รู้สึกรำคาญเช่นกัน ประมาณว่าบางอย่าง

คิดเองในใจไม่ได้เหรอ

แต่ถึงขั้นคิดซื้อรองเท้าตาม อันนี้ไม่เคยนะ

Maou ก็โอเคนะครับ แต่จำเรื่องไม่ค่อยได้แล้ว

ถ้าชอบโทมะ เรื่องนี้เขาก็ทำได้ไม่น่าผิดหวัง

ซีเีรียสได้ใจพอประมาณ ดูแล้วเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:27:17 น.  

 
มะนาวไม่ได้ซื้อรองเท้าตามหนังค่ะ
เพียงแต่มะนาวไปได้ข้อมูลว่านักกีฬา
หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน
เขาจะใส่รองเท้าOnitsuka Tigerกัน เพราะมันใส่สบาย
แล้วพอมะนาวเห็นภาพรองเท้า
มะนาวก็คุ้นๆว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า
Uma Thurmanเธอใส่ในเรื่องKill Billค่ะ
มะนาวมีปัญหาเรื่องปวดหลังน่ะค่ะ จึงต้องหารองเท้า
ที่ช่วยsupportให้ตัวเองรู้สึกสบายมากที่สุดใส่ค่ะ

จะส่งข่าวว่ามะนาวดูเรื่องThe boy in the striped pyjamasจบแล้วค่ะ
โชคดีว่าอีกเครื่องหนึ่งที่บ้านอ่านแผ่นได้ค่ะ
เป็นหนังที่มะนาวว่าเศร้ามากเลย
โดยเฉพาะตอนที่เด็กชายชาวเยอรมัน
ถามเด็กชายชาวยิวว่า"นายทำผิดอะไร"
เด็กชายชาวยิวตอบว่า"ฉันเป็นยิว "
มะนาวน้ำตาร่วงเผาะเลยค่ะ
มันตื้อ จุกแน่นในอก สะเทือนใจจริงๆ
หนูน้อยทั้งสองแสดงได้เก่งมากๆเลยค่ะ
และที่บอกว่าเด็กโกรธกันไม่นานก็ดีกัน
เป็นเรื่องจริงทีเดียว
เด็กชายชาวเยอรมันทำให้เด็กชายชาวยิว
ถูกลงโทษจนหน้าตาบวมปูดโปน
แต่พอเด็กชายชาวเยอรมันขอโทษ
และถามว่าเรายังคงเป็นเพื่อนกันต่อใช่ไหม
เด็กชายชาวยิวพยักหน้าบอกอือ
แล้วยื่นมือผ่านรั้วลวดหนามออกมาให้เด็กชายชาวเยอรมันจับ
มิตรภาพไม่มีพรหมแดนจริงๆค่ะ ช่างซื่อบริสุทธิ์นัก
ส่วนตอนจบนี้แบบเดาได้แล้วนะ แต่ก็เศร้ามาก
กรรมตามสนองแบบทันตาเห็นเลยค่ะ
แบบผู้ใหญ่ก็เจ็บปวดแทบตาย เจียนคลั่ง
เด็กก็เหลือทิ้งไว้แต่ความทรงจำที่แสนบริสุทธิ์ให้ผู้ใหญ่ได้ถวิลถึง


โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.173.91.155 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:58:56 น.  

 
หายากนะครับ
คนที่รู้จักโปรดักส์ก่อน แล้วเออออในตอนที่ได้
ชมหนัง เพราะมิตรที่ผู้เขียนรู้จัก
มักจะเห่อไล่ตามเทรนด์นิยม จากภาพยนตร์
มือถือเรื่องนั้น คอมพิวเตอร์เรื่องนี้

ปวดหลังมากๆ ลองเล่นโยคะท่าง่ายๆสิครับ
ผู้เขียนเวลาพิมพ์งานนานๆ ก็มีอาการสันหลังยาวเช่นกัน
ต้องหาพื้นที่ผ่อนคลายเป็นระยะ
และหลังๆเลิิกนอนเตียง หันมานอนเสื่อ
ช่วยได้เยอะเลย อันนี้พระผู้ใหญ่ท่านสอนมา

The boy in the striped pyjamas นี้
โครงเรื่องคล้ายๆ Kite Runner เลยนะครับ
สองสหายต่างชนชั้นในอัฟกานิสถาน
เต็มไปด้วยโศกนาฎกรรม โดยอาศัยชีวิตเด็กสองคน
เป็นสัญลักษณ์ มีเป็นหนังสือภาษาไทยด้วยนะครับ

เห็นเพื่อนๆในบล็อกแก็งค์ก็ชื่นชมกันหลายคน
ต้องหามาดูบ้างแล้ว และต้องหาเครื่องเล่นเจ๋งๆ
เผื่อจะเจอปัญหาแบบท่านนะ



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:24:51 น.  

 
ใช่เลยค่ะท่านั้นช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้จริงๆ
มะนาวไม่รู้ว่าเป็นท่าโยคะ มะนาวเรียกเองว่า
ท่าDa Vinci Codeเพราะเวลาเรานอนราบไม่หนุนหมอน
แล้วจัดตัวเองให้สมมาตรมะนาวว่ามันเหมือนภาพVitruvian Man
ที่ดาวินชี่วาดเลยค่ะ(มะนาวดูจากหนังThe Da Vinci Codeค่ะ)

THE KITE RUNNER มะนาวนึกว่าเคยดูแล้วซะอีก
แต่พอไปcheckรายชื่อหนังที่ซื้อเก็บไว้ กลับไม่มี
แล้วพลาดไปได้ยังไงนี่ แล้วไอ้ที่ได้ดูที่เป็นเรื่องเด็ก
เข้าเก็บซากสงครามขายมันเรื่องอะไรกันล่ะนี่ เป็นงง นึกชื่อไม่ออกเลยค่ะ
แต่ไม่มีปัญหาไปคลองถมคราวหน้าได้เรื่องTHE KITE RUNNER นี้มาแน่นอน
มะนาวเคยอ่านหนังสือแปลเรื่องThe Bookseller of Kabul
ประพันธ์โดยAsne Seierstad แปลโดยคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา
เป็นเหตุการณ์ช่วงที่รัฐบาลตาลีบันปกครองประเทศ
มะนาวอ่านจบรู้แต่ว่าตัวเองโชคดีมากที่เกิดมาเป็นผู้หญิงในประเทศนี้ที่มีสิทธิ์เสรีภาพเต็มที่
แล้วหนังสือก็เป็นชื่อTHE KITE RUNNER นี้เลยใช่ไหมคะ ไปร้านนายอินทร์คราวหน้า
จะได้ซื้อมาด้วย เพราะที่ร้านซีเอ็ดแถวบ้านมะนาวมีหนังสือน้อยค่ะ
อย่างวันนี้มะนาวไปถามหาหนังสือของคุณแทนไท ก็ไม่มีขายค่ะ

จะส่งข่าวเรื่องMaouว่ามะนาวดูไม่ได้อีกแล้วค่ะ
แผ่นมีปัญหาทั้งๆที่เพิ่งดูไปได้นิดเดียวเอง
เปลี่ยนเครื่องเล่นแล้วก็ยังไม่อ่านเหมือนเดิมค่ะ
ก็เลยจะเปลี่ยนมาดูหนังที่เข้าชิงออสการ์
จึงอยากจะรบกวนถามว่า เรื่องThe Hurt Lockerมีฉากที่รุนแรงเกินเหตุ
แบบInglourious Basterdsหรือเปล่าคะ
และเรื่องDistrict 9การดำเนินเรื่องน่าสนใจไหมค่ะ
ขอรบกวนถาม2เรื่องนี้ก่อนค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.0.41 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:42:36 น.  

 
ขอยกยอดไปตอบใน Gravity Clown

นะครับ เพราะโดยปกติค่าเฉลี่ยคอมเมนต์

ไม่ค่อยเกินสองทุกทีเลย


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:20:47 น.  

 
ปกติไม่ค่อยเห็น รีวิว concerto ที่ไหนนะ นอกจากเรื่องย่อสั้นๆ

เคยดูในเน็ตแป๊บ ๆ แต่ภาพมันค่อนข้างเก่ากึกเลย

มาอ่านนี่ก็อ่านไปลุ้นไป จะมีสตรีอีกคนโผล่มาเป็นทางออกอย่าง love generation แบบที่ท่านว่าหรือไม่ ก็ไม่ยักมี เจอพล็อตรักสามเส้าทีไร เป็นต้องเครียดแทนทุกที เครียดแทนคนอื่นพอทำใจ เครียดแทนป๋ายะคงทำใจไม่ได้ ขอลา

ขอยกมือสนับสนุนให้เขียนเรื่อง Nobuta wa produce ด้วยคน เรื่องนี้สนใจมานานแล้วตั้งแต่เริ่มดูซีรีย์ใหม่ๆ แต่พล็อตเรื่องมันไม่ดึงดูด แม้จะมีสองพลังอย่างคาเมะและยามะพีมาล่อลวงก็ยังไม่ยอมตกหลุมซักที


โดย: prysang วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:42:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.