A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Dr.Koto หมอชนบท,หมอเกาะ,หมอโคโตะ


มีซีรีย์เพียงไม่กี่เรื่อง ที่ดูจนจบแล้ว จำต้องออกมาชื่นชมยินดี
เป็นความยินดีที่ ไม่ได้เกี่ยวกับนางเอกคนนั้น เพื่อนนางเอกคนนี้
หรือน้องสาวของเพื่อนนางเอกอีกที แต่เป็นความแช่มชื่นในองค์ประกอบของภาพรวม
ที่ไม่อาจจะแยกแยะไปว่า ส่วนนั้นดี ส่วนนี้ไม่ดี ส่วนนั้นชอบ ส่วนนี้ไม่ชอบ
ถึงแม้ว่าจะมีจุดเล็กจุดน้อย ในฐานะคนดูที่ชอบจับผิดเพราะทำซีรีย์ดีๆ อย่างใครเขาไม่ได้



ในชีวิตนี้ ก็ได้ดูซีรีย์ญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับวงการแพทย์มาไม่ใช่น้อย
(แม้ลึกๆแล้ว จะบ่นอุบในใจว่า ถ้ามีโอกาสได้ดูในช่วงมัธยมต้น
ทิศทางชีวิตตัวเองน่าจะดีขึ้นกว่านี้เยอะ แม้ทุกวันนี้จะถูกคนยกย่องแกมด่า
ว่าเป็นคนหัวหมอก็เถอะ) ซึ่งซีรีย์ญี่ปุ่นก็สร้างเรื่องสร้างราวเกี่ยวกับชีวิตหมอๆไว้เยอะ
ก็อย่างว่าอาชีพที่มุ่งเน้นในทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ ในฐานะคุณธรรมประจำใจ
เพื่อดำรงไว้ซึ่งเกียรติ์และศักดิ์ศรี มันก็ต้องมีไว้ในทุกๆสัมมาอาชีพ
แต่ในฐานะเครื่องมือที่จะนำมาถ่ายทอดของความเป็นซีรีย์สิ จะมีอยู่ในไม่กี่อย่าง
"วงการแพทย์" ก็ถือเป็นทรัพยากรหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้อย่างสม่ำเสมอ
เล่นทีไร ก็มีผลต่อเรตติ้งของจำนวนท่านผู้ชม และโอกาสในการเข้าชิงรางวี่รางวัลเสียทุกทีไป



ยกตัวอย่างคราวๆ อย่าง IRYU หรือชื่อเต็ม Team Medical Dragon
เรตติ้งเฉลี่ยประมาณ ๑๔.๗ ยังคว้ารางวัลดราม่ายอดเยี่ยม TDAA ครั้งที่ ๔๙ เสียอีก
ไม่เว้นแม้แต่งานดีที่ไม่ได้รางวัล แต่ดูกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง (เขา)
อย่าง NS Aoi เรตติ้งระดับ ๑๔ กว่าเช่นกัน หรือแพทย์อมตะ Kyumei Byoto 24 Ji
สร้างมาก็กว่าสี่ภาค เรตติ้งก็ปาไประดับ ๒๐ ขึ้น แซงหน้าเรตติ้งต่างสถานีในช่วงเวลาเดียวกัน
แบบไม่เหลือเค้า แม้แต่ซีรีย์ของค่ายทีวีเล็กอย่าง NTV ก็ยังสร้าง Nurseman
จนสามารถเข็นภาคสเปเชี่ยลได้อีกตั้งสองตอน
นี้ยังไม่นับ Code Blue ที่กำลังฉายในไทยพีบีเอสนะเนี่ย เรตติ้งตั้ง ๑๕ กว่าๆ
ภาคสเปเชียลก็ดันไปกว้านคนดูมาตั้ง ๒๓ หน่อยๆ ซีรีย์นี้ก็ทำให้ผู้กำกับแอ็คอาร์ทในฐานะ
ผู้กำกับยอดเยี่ยมร่วมไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัย นี้ยังไม่รวมหมอย้อนยุคอย่าง
jin ที่เข้าฉายปลายปีที่แล้ว
ทำท่าว่าจะมาแรง ขึ้นแท่นคว้าไปหลายรางวัล เพราะก่อนหน้าเรตติ้งเขาก็กินขาด
กว่า ๒๐จุด (ขณะที่หุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาตกลง ๗ จุด)



แต่ซีรีย์วงการแพทย์ทั้งหมดที่ว่ามา แม้จะแลสนุกตื่นเต้นและอุดมศัพท์ทางการแพทย์เพียงใด
ก็ไม่สามารถทำให้ผู้เขียนซาบซึ้งใจได้เท่ากับซีรีย์เรื่อง Dr. Koto Shinryojo
หรือในกลุ่มคนดูชาวไทย เรียกทับศัพท์ตามชื่อหัวปกหนังสือการ์ตูนว่า "หมอโคโตะ"
เป็นซีรีย์ในปี ค.ศ. ๒๐๐๓ ของค่ายฟูจิทีวี ให้ได้ซาบซึ้งตรึงใจด้วยกัน ๑๑ ตอน
เป็นซีรีย์ที่ฟาดรางวัล TDAA ครั้งที่ ๓๘ อย่างไร้คู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นดราม่ายอดเยี่ยม
ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงชายยอดเยี่ยม ผู้เขียนบทยอดเยี่ยม
ดนตรียอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม จนผู้เขียนต้องตั้งคำถามว่า
"นี้มันจะยอดเยี่ยมกันไปถึงไหนกันหว่า?"
ถ้าพกปืนเข้ามาในงานสักกระบอก อาจรวมความว่า"ปล้นรางวัล" ได้ไม่ยาก
ว่าแล้วก็เลยต้องขอพิสูจน์ซะ อีโธ่!ไอ้เรื่องของหมอๆ มันก็แค่ตัดๆผ่าๆ จะมีอะไรมากมาย



เมื่อมีโอกาสได้ดูจนจบ ก็ต้องขอบอกว่า
เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยเจอซีรีย์อะไร ที่มันจะสะกดตราตรึงใจได้ถึงเพียงนี้
ทั้งหมดนี้ ใช้ดัชนีกระดาษทิชชู โดยวัดจากจำนวนที่ใช้ในการประคบต่อมน้ำตา
มิให้ไหลเอ่อ เป็นอารมณ์ที่คล้ายๆกับ ครั้งที่เคยได้ชมซีรีย์เรื่อง Tokyo Tower
ประมาณว่า สะกิดต่อมจี๊ดใจ ให้ไปปรี๊ดบนหัวสมอง จนกระทั่งสารคัดหลั่งทางดวงตา
มันไหลหยดแบบไม่รู้ตัว แต่ใน Tokyo Tower ยังพอเข้าใจว่าเรื่องราวมันชวนสอดคล้อง
เข้ากับชีวิตจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อันเป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่
ทำให้ต้องพลัดที่นาคาที่ไร่ ให้บุพการีต้องอยู่ตัวคนเดียว แต่กับหมอโคโตะด้วยแล้ว
เป็นคนละกรณี เพราะเป็นเรื่องราวของหมอนิรนามจากเมืองโตเกียว
ที่มีโอกาสได้เข้าไปทำงานในเกาะที่ห่างไกลความเจริญ ความเจริญนี้วัดไม่ยาก
ถ้าแล่นเรือระหว่างฟาก ก็ใช้เวลาปาไป ๘ ชั่วโมง เกาะห่างไกลที่ว่า
มีชือ่ว่า "โยนากูนิ" เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะโอกินาวา
การย่างก้าวเหยียบผืนแผ่นดินที่ห่างไกล ที่เปรียบดั่งชีวิตใหม่ในอาชีพของหมอโคโตะนี้
เป็นหนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเต็มไปด้วยคลื่นมรสุมชีวิต
ที่เกิดจากทัศนคติของชาวบ้านที่ตั้งแง่กับหมอที่มาประจำหมู่บ้าน
ถือเป็นภารกิจใหญ่สำหรับท่านปลัดอำเภอ ที่จำต้องคว้านหาหมอเพื่อมาอยู่ประจำ
ในฐานะหน่วยสาธารณะขั้นพื้นฐาน ซึ่งก็มีแพทย์น้อยคนนัก ที่จะยอมมาลำบากลำบน
เพื่อมาประจำคลินิกของหมู่บ้าน ที่ขาดแคลนทั้งกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ
อามิสสินจ้างและความเจริญทางหน้าที่การงาน แม้แต่การจ้างแพทย์ต่างถิ่นที่เป็นชาวไต้หวัน
ก็มาสงเคราะห์ได้เพียงไม่กี่เดือน ด้วยอุปสรรคทางการสื่อสาร
นี้ยังไม่รวมคลื่น ที่เป็นดั่งมรสุมทางร่างกายสำหรับตัวหมอโคโตะเอง
เพราะเป็นคนที่ชอบแพ้คลื่น เวลาที่ต้องสัญจรทางทะเล และไอ้ความที่แพ้คลื่น
ก็ทำให้คนในหมู่บ้าน ที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง รู้จักชื่อเสียงต้นๆของหมอโคโตะดี
ในฐานะหมอผู้ไม่อาจรักษาตนเองได้ จากอาการคลื่นเหียนอาเจียนแทรก



สิ่งที่ตอกย้ำให้หมอโคโตะ ไม่แน่ใจว่าตัวเอง จะทนอยู่กับสภาพความเป็นหมอท้องถิ่น
บนเกาะนี้ได้นานแค่ไหน นี้ยังไม่รวมความที่ตัวเองเป็นคนแพ้คลื่นจนอายชาวเกาะเขา
สภาพคลินีกที่ดูไม่ต่างจากโรงเตี๊ยมน้ำชาของชอร์นบาร์เดอร์ ไหนจะความไม่พร้อมในทีมแพทย์
ทั้งเครื่องมือก่อนหน้านี้ที่มีอยู่ ก็เป็นเพียงอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเท่านั้น
หมอที่เคยมาประจำส่วนใหญ่ ก็เป็นเพียงสายอายุรแพทย์ หากจะมีเคสต์ใหญ่ที่ต้องผ่าตัดด่วน
ก็จะโยนคนไข้ ให้เป็นภาระของทางโรงพยาบาลบนฝั่งชิคินะ
ที่มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมกว่า
ปัญหาในเรื่องก็คือ หมอโคโตะดันเคยอยู่แต่แผนกหมอศัลยแพทย์ และไม่ใช่หมอผ่าตัดธรรมดา
แต่เป็นหมอผ่าตัดที่ขึ้นชื่อของโรงพยาบาลชั้นนำในโตเกียว แต่เผอิญว่า ครั้งหนึ่ง
ได้กระทำในสิ่งที่ผิดพลาด จนทำให้นักศึกษาสาวท่านหนึ่งถึงแก่ความตาย
จึงเป็นความเสียใจครั้งใหญ่หลวงที่สุดในชีวิต จึงต้องอัปเปหิตัวเองออกจากวงการแพทย์ในเมือง
แล้วมาใช้ชีวิตเป็นหมอชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นปลื้มนัก
กับการมาของแพทย์คนนอก เพราะต่างก็มีบทเรียนจากความไม่จริงใจในครั้งอดีต



ประกอบกับ การมีผู้ช่วยแพทย์เพียงสองท่าน
ซึ่งคนทั้งสอง ก็เป็นเพียงแพทย์พยาบาลเบื้องต้น หาได้มีความชำนิชำนาญในระดับฝีมือ
เทียบเท่าได้กับหมอโคโตะ คนแรกเป็นพยาบาลที่ชื่อ โฮชิโนะ อายากะ (เล่นโดยเจ๊ โค ชิบาสากิ)
ซึ่งในอีกฐานะเป็นบุตรสาวของท่านปลัดอำเภอ โฮชิโนะ เซอิชิ (เล่นโดย โคบายาชิ คาโอรุ
ตามซึ้งน้ำตาตื้นได้อีกในซีรีย์ Tokyo Tower)
เป็นผู้ชักนำให้หมอโคโตะมาเป็นหมอประจำบนเกาะ ซึ่งในตอนแรกที่ได้พบกับหมอโคโตะ
เหมือนจะมีเซ็นท์รับรู้ความพิเศษอะไรบางอย่าง ที่หมอโคโตะมีไม่เหมือนกับหมอคนอื่นทั่วไป
เป็นการตามหาในภารกิจที่ทำกว่ายี่สิบปีในฐานะท่านปลัด ที่ต้องรับผิดชอบความเป็นไปของทุกคน
ส่วนผู้ช่วยหมออีกคน เป็นผู้ชายที่ชื่อ วาดะ คาซุโอะริ (เล่นโดย คาเคอิ โทชิโอะ )
คนๆนี้เป็นมิตรตั้งแต่แรกเห็น ความที่เป็นคนอัธยาศัยดี มีความฝันที่จะเป็นช่างกล้อง
ก่อนหน้าก็เคยทำงานอยู่ในตึกที่ว่าการ ก่อนจะย้ายมาเป็นผู้ช่วยแพทย์
เป็นผู้ช่วยแพทย์ที่สุ่มเสี่ยงต่ออนาคตทางวิชาชีพ เพราะไม่ได้มีใบประกอบโรคศิลป์
ทีมงานทั้งหมดจึงเป็นการมาด้วยใจ ปฏิบัติภารกิจตามหลักมนุษยธรรม
ไม่ได้คาดหวังต่อสิ่งลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นทีมงานที่แม้แต่นักศึกษาแพทย์ที่กำลังศึกษา
อยู่ที่โคโลราโด ก็ยังต้องอึ้งต่อศักยภาพในข้อจำกัดทางภูมิภาค ที่เคยร่วมผ่าในเคสต์กรณียากๆ
ที่แม้แต่โรงพยาบาลบนฝั่ง ก็ไม่แน่ว่าจะบรรลุในการช่วยชีวิตผู้ป่วยให้แคล้วคลาดจากพญามาจุราชได้



ความสนุกในซีรีย์ของหมอโคโตะ ที่ดูจะเหนือและแตกต่างกว่าซีรีย์ของหมอในเรื่องอื่นๆ
มิติภายนอก เป็นซีรีย์หมอๆ ที่หลีกเลี่ยงฉากความเป็นโรงพยาบาล ถึงแม้จะปรากฎในรูปของ
คลินิกอยู่บ้าง แต่ก็เป็นคลินิกตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ดัดเเปลงใช้สอยเท่าที่จำเป็น
ส่วนมิติำภายใน เป็นการถักทอสายสัมพันธ์ดั่งเครือญาติอยู่กลายๆ ระหว่างหมอโคโตะ
ในฐานะแพทย์ผู้รักษากับคนไข้ในฐานะผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแล
เพราะคนไข้เกือบทั้งหมด มักจะเป็นคนในท้องที่
ที่รู้จักมักจี่กับคุณหมอโคโตะเป็นอย่างดี อาจจะเป็นคุณยายที่เคยเป็นหมอตำแย
ทำคลอดคนทั้งหมู่บ้าน ลูกสาวที่เป็นท้องไม่มีพ่อที่ขอกลับมาตายรังในฐานะลูกสาวของ
สหภาพการประมงบนเกาะ แม่ที่เป็นบาดทะยักแต่มีลูกชายเป็นผู้ช่วยสส.ในพื้นที่
หรือเด็กชายนิรนามที่หนีมาหาแม่บนเกาะ ซึ่งแม่ก็เป็นเจ้าของร้านอาหารที่หมอโคโตะใช้บริการ
อยู่ประจำ ดังนั้น ในทุกๆเคสต์ที่รักษาในคลินิกของหมอโคโตะ จึงเป็นการแบกรับการคาดหวัง
ของบริวารแวดล้อมของตัวคุณหมอเองทั้งสิ้น เลยมีมิติทางสังคมเข้ามาประจวบพร้อมกัน
เป็นความห่วงเป็นใยแต่เดิมของคุณหมอที่มีต่อคนไข้ และในฐานะญาติของคนไข้ที่มีความสัมพันธ์
โดยอ้อมกับคุณหมอ ซึ่งโดยปกติหมอตามโรงพยาบาลในเมือง จะมีข้อหลีกเลี่ยงประการหนึ่ง
ที่จะไม่ให้แพทย์ผู้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนไข้ เป็นผู้ลงมือในการผ่าตัดเพราะไม่สามารถ
หลีกเลี่ยงความรู้สึกของการมีเส้นแบ่งปกติ ระหว่างคนไข้กับแพทย์ออกจากกันได้
แนวทางการรักษาของหมอโคโตะ จึงเป็นการฉีกม่านประเพณีที่ยึดติดกันมา
ไม่เพียงเท่านั้น หมอโคโตะบริการชาวบ้านถึงที่ โดยการปั่นจักรยานออกไปเยี่ยมเยียวชาวบ้าน
ที่ทำตัวไม่ต่างจากบริการของสาว (เหรอ) ยาคลูย์ ถ้าปั่นตรงเส้นขอบของถนน ก็จะถึงที่
แต่ถ้าออกนอกเส้นเลนโคจรออกไป ก็อาจจะถึงที่เช่นกัน แต่ไปถึงช้าหน่อยก็เท่านั้นเอง
(เพราะอาจเลียบคูคันท้องนาที่ไหนสักแห่ง)



ความจริงแล้ว แค่การแสดงนำของหมอโคโตะที่เล่นโดย โยชิโอกะ ฮิเดทากะ เพียงคนเดียว
ก็ถือว่าเอาคนดูอยู่หมัด แต่ยิ่งได้นักแสดงประกอบที่มากชั้นในฝีมือ
ซึ่งในซีรีย์เรื่องนี้จะประกอบด้วยกัลยาณมิตรสองฝ่าย (ขอวัดเอาจากตอนจบของเรื่องเป็นเกณฑ์
เพราะถามให้นับเอาตั้งแต่ ก้าวย่างเหยียบบนเกาะ นี้มันเกาะแห่งทุรมิตรชัดๆ)
กัลยาณมิตรสายแรก เป็น "กัลยาณมิตรสายเหยี่ยว"
เป็นสายเหยี่ยวที่มาอิงกับการแสดงแบบลูกทุ่งๆลุยๆ ว่าอะไรกันตรงๆ เว้นกันแบบซื่อๆ
หรือจะมีเล่ห์เหลี่ยมหน่อย ก็เป็นแบบดูกันออกจับกันติด
โดยเฉพาะตาลุงสหภาพชาวประมง อันโด ชิเกโอะ (ที่เล่นโดย อิซุมิยะ ชิเกรุ
พบเห็นในซีรีย์ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น Engine , Kurosagi , Tokyo Tower, Change)
คนนี้ถือเป็นการสร้างจุดพลิกผัน ให้ซีรีย์หมอโคโตะให้เดินหน้าเป็นตอนๆ ไปได้อย่างเรื่อยๆ
บุคลิกก็ดูคล้ายๆป๋าเทพ โพธิ์งามอยู่เหมือนกัน
เป็นคนที่ตั้งแง่ ขี้คุยและชอบใส่ร้ายคุณหมอไม่ใช่น้อย ออกไปในทิศทางอนุรักษ์นิยม
ต่อต้านคนนอก และเป็นปากเป็นเสียงในฐานะตัวแทนชาวบ้าน ทั้งๆที่ในบ้างเรื่อง
ก็เป็นทรรศนะคติของแกฝ่ายเดียว แต่ก็ออกฮาๆ เวลาที่ถูกไล่ต้อนจนมุมเมื่อไร
ก็เถๆไถๆ ไปเรื่องโน่นเรื่องนี้ ถึงรู้ว่าตัวเองผิด ก็ไม่ค่อยเอ่ยปากยอมรับ
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครถือสาหาความตัวแกเท่าไรนัก แต่บทโดนลูกสาวทิ้งก็กระชากใจไม่น้อย
แม้แต่ตอนที่ขับไล่หมอโคโตะออกจากเกาะไปก็ตาม ซึ่งผู้เขียนก็รู้สึกแปลก
ถ้าเป็นละครไทยคงต้องมีการประนามอย่างเอาเป็นเอาตาย
ถึงขั้นตัดญาติขาดมิตร แต่ในซีรีย์ญี่ปุ่น จะเน้นไปที่การไตร่ถามถึงเหตุผลและปล่อยให้
คนดูเป็นผู้พิจารณากันเอาเอง ถ้าให้เท่ห์หน่อย ก็อาจมีใครสักคนที่ไม่ผิด
ออกมารับผิดเอาหน้า เพื่อกระทบชิงอีกฝ่าย ว่าทำไมลื้อจึงไม่รู้สึกผิดสักที?



กัลยาณมิตาสายเหยี่ยว ไม่ได้มีแค่บุคคลเพศผู้เท่านั้น
แม้จะสตรีเพศอย่าง คุณยาย อุชิ ทซึรุโกะ (เล่นโดย เซนคุกุ โนริโกะ
เกิดประมาณช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๑๑ แนะ)
ยายท่านนี้ เขามาในแนวแพทย์แผนโบราณประจำถิ่น เป็นบุคคลที่ชาวบ้านบนเกาะ
ให้ความเคารพนับถือ ในฐานะที่อย่างน้อยๆ ตนเองออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ได้
ก็ด้วยสองมือนี้ที่สร้างโลกของหมอตำแยท่านนี้ การมาของหมอแผนปัจจุบันอย่างหมอโคโตะ
ก็เท่ากับเป็นประกาศเป็นคู่แข่งในสายอโรคา ปรมา ลาภา ซึ่งเป็นเหตุให้ยายแกไม่ปลื้มนัก
ยิ่งมาทราบในวีรกรรม ที่หมอโคโตะผ่าตัดไส้ติ่งของเจ้าเด็กน้อยบนเรือข้ามฟากกลางทะเล
ยายแกก็ติ๊ต่างเอาเองว่า เป็นหมอที่ชอบผ่าตัดคน ไม่ต่างจากผ่าเอาไส้ในจากท้องปลา
แต่เห็นชราภาพอย่างนี้ ประทานโทษยังแบกไม้เท้าตุเร่ๆ ตั้งแต่ตอนแรกไปจนตอนสุดท้าย
เข้าคอนเซปต์ในสำนวน "แก่ง่ายแต่ตายยาก" และ "ปากร้ายแต่ใจดี"
แม้จะมีทิฐิสูงไม่ใช่น้อย บทจะตายก็ขอตายอยู่บนเกาะ ปฏิเสธการเดินทางรักษา
แม้ลูกชายจะเป็นคนออกสตงสตางค์ให้ทุกสลึงเยนก็ตาม ตอนหลังเป็นหน่วยเสริมคุณหมอ
เวลามียาสมุนไพรอะไรดีๆ ก็นำมาช่วยฟากคนไข้ของหมอโคโตะไปอีกแรง
นอกจากนี้ ยังมีกัลยาณมิตรสายเหยี่ยวนอกเกาะ
เข้ามาแชร์ประสบการณ์ เพื่อให้เรื่องราวอลหม่านชวนเข้มข้นขึ้นไปอีกหลายตอน
ทั้งตัวสส. หน้าละโมบ ที่หวังจะสร้างเมกกะโปรเจ็คให้เกาะนี้ กลายเป็นโรงเก็บแยกขยะ
เพื่อหวังจะฟันค่าหัวคิว เพื่อเป็นทุนในการใช้ศึกเลือกตั้ง ไหนจะยังมีตัวละครไคร์แม็กซ์
อย่าง ตากล้องช่างแค้น ที่ตามแฉความเป็นฆาตกรเลือดเย็นในร่างแพทย์
ที่ปล่อยให้น้องสาวตนเองต้องตายหน้าโรงพยาบาล โดยไม่ได้รับการเหลี่ยวแล
จนเป็นเหตุให้ หมอโคโตะต้องจรจากจากที่เคยมาอีกครั้ง จนไปสร้างวีรกรรม
แบบติดทองหลังพระ เพราะจากคนเมืองบางคนที่ไม่จริงใจ
ไม่เหมือนกับคนในชนบทบนเกาะ ที่จริงใจแต่ก็ใสซื่อในการกระทำ



แต่ใช่ว่าคนบนเกาะจะมีแต่คนแรงๆเท่านั้น ในขณะเดียวกัน
กัลยาณมิตรสายพิราบ ก็มีให้เห็นอย่างถมไปในเกาะ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้
ก็คบหากับปกติทั่วไปกับกัลยาณมิตรสายเหยี่ยว แบบชนิดที่ไม่สร้างช่องระยะห่าง
ในการคบหา ซึ่งต่างกับท่าทีที่ต้องเผชิญหน้ากับหมอโคโตะ ที่กัลยาณมิตรสายเหยี่ยว
จะต้องตั้งการ์ดกระพือปีกเอาไว้ก่อน ตัวละครหลักๆสายพิราบ ที่เด่นๆก็มี
สองพ่อลูกตระกูลฮาระ ประกอบด้วย ป๋าทาเกโตชิ (เล่นโดย โตกิโตะ ซาบุโร)
และ อาตี๋ทาเกฮิโระ ในบรรดานักแสดงที่พอแยกซีนไปจากหมอโคโตะได้
เห็นๆก็จะมีสองพ่อลูกตระกูลฮาระนี้แหละ เผลอๆมากเสียกว่าน้องโคนางเอกของเรื่องเสียอีก
ด้วยสองพ่อลูกนี้ มีมิติที่ได้สัมพันธ์เชื่อมโยงกับอีกหลายเหตุการณ์และหลายตัวละคร
อันนี้ ยังไม่นำปมในใจ ที่ตัวพ่อมีความไม่เชื่อมั่นกับหมอที่มาประจำอยู่บนเกาะ
ไม่ว่าหมอนั้นจะเป็นหมอโคโตะ หรือหมอคนไหนก็ตามที เหตุที่อาฆาตมาดร้ายเช่นนี้
เพราะหมอคนก่อนทำงามหน้า วินิจฉัยผิดโรค เลยทำให้แม่ของทาเกฮิโระต้องเสียชีวิตไป
ทั้งๆที่ หากมีโอกาสได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง อาตี๋ทาเกฮิโระก็คงไม่กำพร้าแม่
จนถึงทุกวันนี้ และตรงจุดนี้กระมัง ที่ตัวพ่อจะพยายามเคี่ยวเข็นตัวลูก
ให้เลิกเป็นเด็กขี้แยและมีความเข้มแข็งสมกับเป็นทายาทลูกชาวเลรุ่นต่อไป
แต่สุดท้ายนิสัยและความคิดของเด็กน้อยก็ค่อยๆเปลี่ยน โดยได้แบบอย่างที่ดี
ของหมอโคโตะ ที่ค่อยๆซึมซับการรับรู้ไปทีละเล็กละน้อย จากคะแนนสอบเลข
ที่ได้แค่ ๖๒ ก้าวกระโดดเป็น ๙๘ เป็นความมุมานะที่ฝันอยากจะเป็นหมอตามอย่าง
หมอโคโตะ ซึ่งเรื่องนี้ตัวพ่อเองก็ระแคระคาย เมื่อเห็นคุณลูกไปยืมหนังสือชีวประวัติ
ของโคเปนฮาวเออร์ ซึ่งตัวพ่อเองก็งงๆ ว่าตาฝรั่งนี้มันเป็นใครกัน
ถึงกระนั้นผู้เป็นลูก ก็ต้องจากเกาะนี้ในไม่ช้า เพื่อไปศึกษาในระดับมัธยมต้นของ
เกาะอีกฝั่ง ด้วยข้อจำกัดของสถานศึกษาที่เกาะนี้มีแค่ระดับประถมศึกษา



กัลยาณมิตรสายพิราบอีกคน ที่เล่นเอาผู้เขียนน้ำตาเล็ด
เสมือนรับรู้ว่าตัวละครนี้ เป็นญาติของผู้เขียนกลายๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่
คือ คุณปู่อากิ เป็นตัวละครที่ไม่โดดเด่นจนได้มีโอกาสอยู่ในชาร์ตของแผงผังนักแสดงหลัก
แถมบทจะให้ได้พูดก็ต้องตั้งใจฟัง แถมยังเชื่องช้าอีก เป็นปู่ของคูนิโอะซึ่งเป็นเพื่อนเจ้าทาเกฮิโระอีกที
เป็นเฒ่าชราที่มีความภาคภูมิใจเพียงสามอย่าง คือ ๑.เรื่องสุขภาพ ว่าไม่เคยเจ็บป่วยออดๆแอดๆ
เหมือนกับคนแก่ในวัยเดียวกัน มักประกาศก้องเป็นประโยคประจำที่ใช้หากินตลอดทั้งเรื่อง
อย่างที่สอง คือ การปลูกแตงโม ซึ่งเป็นอาชีพที่แกทำมาตั้งแต่เล็กจนโต
รับรองว่าได้ทานเมื่อไร จะต้องติดใจจนลืมแตงโมโอท๊อปจากท้องที่อื่นไปได้เลย
และอย่างที่สาม คือ การถักรองเท้าฟาง ในรูปแบบต่างๆ ที่ทั้งคงทนและถาวร
รับรองได้ว่าหน้าร้อนเย็นชื่นใจเพราะมีแตงโม ส่วนหน้าหนาวอุ่นสบายเพราะมีรองเท้าสาน
จึงไม่อยากเชื่อเลยว่า หลักสามประการนี้ ซีรีย์เรื่องนี้จะทำเอาผู้เขียนต่อมน้ำตาตื้น
แค่ตัวแรกก็แทบร้องตับแตก มาเจอความภาคภูมิใจที่สอง และสามตามมา
ซึ่งก็เข้าใจอยู่หรอกว่าซีรีย์ต้องการไปกระแทกของขีดจำกัดของความเป็นหมอ
ว่าไม่ใช่ผู้วิเศษวิโส
หรือเทวดา ที่จะบันดาลรักษาผู้ป่วยทุกคนให้หายขาดจากโรค
แต่บังเอิญผู้เขียนกับหมอโคโตะ มีความเป็นมนุษย์ผู้รู้สุขและเกลียดทุกข์เหมือนๆกัน
ทุกหยดน้ำตาของหมอโคโตะ มักจะมีหยดน้ำตาของผู้เขียนไล่ติดตามอย่างไม่ลดละ
ยิ่งใครบางคนที่ให้ความเชื่อใจ ว่าถึงจะตายในอ้อมกอดของคุณหมอ ก็ยินดี
คำพูดที่ไม่ต่างจากการอุทิศชีวิตให้ แล้วยังทำได้ไม่สำเร็จตามความไว้วางใจนั้น
ความสุขที่จะตอบแทนได้ดีที่สุดที่แพทย์จะมีให้ได้ คือ การปล่อยให้คนไข้ได้ตายในบ้านหลังเดิม
อย่างพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว แทนที่จะตายในสถานแปลกแยกอย่างโรงพยาบาล
โอ๊ย! ไม่เขียนตอนนี้ต่อดีกว่า เดี๋ยวน้ำตาจะพาลไหลต่อ!!



ยังมีพิราบสายหวาน ที่คอยเป็นยาใจให้กับกัลยาณมิตรทั้งสองฝ่าย
ในฐานะ ที่ยังอยากจะมาใช้บริการสถานที่รังสรรค์ร้านอาหารร้านนี้อยู่
ร้านนี้มีเจ๊ นิชิยามา มาริโกะ (เล่นโดยโอซึกะ เนเน่ แม่สาวท่านนี้เล่นเรื่อง
psychometric Eiji ที่เพิ่งริวิวเมื่อต้นเดือนนี้เอง) ฝีมือเรื่องการแสดงต้องบอกว่าหายห่วง
แค่เพียงบริหารควบคุมความมีเสน่ห์ของตัวเอง ไม่ให้มากจนข้ามหน้าข้ามหน้านางเอกของเรา
เป็นสาววัยกลางคน ที่ดูเหมือนมีอิทธิพลทางความคิดกับบริวารแวดล้อม
โดยเฉพาะกับชาวบ้านในพื้นที่ แม้ครั้งหนึ่งเจ๊จะไปโลดเเล่นอยู่เกาะ
จนไปปิ๊งปั้งกับเจ้าหนุ่มโตเกียวจนมีลูก และลูกก็ไปตกอยู่ใต้อุปการะกับทางพ่อแม่ของสามี
ตามประสาสะใภ้ที่เข้ากับครอบครัวคนเมืองไม่ค่อยได้ พอดีว่า
ต้องมาสืบทอดในการรับกิจการร้านอาหารบนเกาะ ในฐานะทายาทเพียงคนเดียว
เป็นสาวกระดังงา ที่ถ้าาไม่บอกว่าเคยมีลูกมาก่อน ก็แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าเป็นจริง
เลยมีชายหลายคน ต้องหลงในมนต์เสน่ห์ของเจ๊ โดยไม่อาจชี้วัดได้ว่า
เสน่ห์จากปลายจวัก กับ เสน่ห์จากบุคลิกภาพ อันไหนจะมัดใจชายได้มากกว่ากัน
อิทธิฤทธิ์เจ๊มีมากแค่ไหน อย่างน้อยๆก็ทำให้ประธานสหภาพการประมง
ต้องตัวงอ ไม่ต่างจากกุ้งโอกินาวาที่ตัวเองตกอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทำให้เฮลิคอปเตอร์
ที่มีขั้นตอนในการเบิกใช้ ต้องผ่านการเซ็นยินยอมหน่วยราชการหลายหน่วย
จบลงง่ายๆ ด้วยการที่เจ๊ยกหูโทรศัพท์เพียงกริ๊งเดียว
เห็นบารมีมากขนาดนี้แล้ว แต่เวลาที่ต้องอยู่กับลูกชายสองต่อสอง
ลูกชายที่หนีออกจากบ้านที่โตเกียวโดยตัวคนเดียว ทั้งที่อายุยังอยู่ในช่วงประถมปลายเศษ
เจ๊แกก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ตามประสาแม่ที่ไม่เคยดูแลลูกเป็นเวลากว่าห้าปี



จนกระทั่งชีวิตของหมอโคโตะ ดูเหมือนจะกลมกลืนกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ของผู้คนบนเกาะ โดยไม่รู้สึกถึงความแปลกแยกเหมือนกับในช่วงครึ่งแรก
เป็นหมอโคโตะ ที่แม้ไม่ได้มีทะเบียนราษฎร์ว่าเป็นบุคคลที่มีภูมิลำเนาเกิดบนเกาะ
แต่ทว่า คนบนเกาะก็ถูก "ซื้อ" ด้วยหัวจิตหัวใจ ความวิริยะมุมั่นและมิตรภาพที่แสนจะจริงใจ
นอกเหนือจากความสามารถทางการผ่าตัดที่เป็นเลิศแล้ว
ยังรวมถึงการรักษาโรคแบบจิปาถะในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นจักษุแพทย์ อายุรแพทย์
โสตแพทย์ เภสัชแพทย์ กุมารแพทย์ แม้แต่แพทย์ผู้เย็บแขนตุ๊กตาหมีก็หาได้พ้นจากฝีมือของแกไม่
ประมาณว่า ขอให้ได้ป่วยเถอะ ทุกคนพร้อมจะตกเป็นหนี้บุญคุณด้วยการรักษาแทบทั้งสิ้น
โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่หมอโคโตะ
สามารถเอาชนะใจคนในพื้นที่ได้ไม่ยากเย็นนัก (ตามประสาผู้ใหญ่บนเกาะที่ไม่เข้าใจพวกหนูๆ)
จากนั้นก็ขยายไปสู่กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มคนชรา แล้วค่อยๆไล่ไปสู่กัลยาณมิตรพิราบ
จนมาสู่กัลยาณมิตรสายเหยี่ยวเป็นที่สุด แต่ใช่ว่าเรื่องจะจบลงเพียงแค่นี้
เมื่อคนดัดแปลงบท อย่าง โยชิดะ โนะริโกะ (เป็นคนเดียวกับที่เขียนบทให้ Nada Sousou)
หลังเล่นทรัพยากรของผู้คนบนเกาะจนหมดไต๋ ย่อมจะไม่ลืมที่จะดึงตัวคนจากพื้นที่นอก
ซึ่งเป็นบุคคลในเมืองที่เกี่ยวข้องคุ้นชินกับหมอโคโตะเป็นอย่างดี
ส่วนหนึ่งเพื่อจะสร้างประเด็นความน่าสนใจ ในข้อฉงนของภูมิหลังตัวคุณหมอ
เพราะญาณทรรศนะของคนบนเกาะ กับคนดูอย่างเราๆ ดูจะไม่ต่างกัน
คือ รับรู้สิ่งที่เป็นในปัจจุบันของหมอโคโตะ โดยมีจุดเริ่มในตอนแรก
เป็นตอนที่หมอโคโตะได้ลาจากสถานะของหมอในเมือง กำลังแล่นมาพร้อมกับเรือ
อย่างทุลักทุเลนัก เพื่อที่จะมาเป็นหมอประจำเกาะคนใหม่
การมาของคนนอก จะมาช่วยขยายมิติอันลึกลับของหมอโคโตะ
ว่ามีความสำคัญในวงการศัลยแพทย์ของเมืองกรุงเพียงใด เหตุใดหมอโคโตะจึงเลือกที่จะ
มาเป็นหมอบนเกาะ ที่ต้องแบกรับต้นทุนด้านลบจากวีรกรรมของหมอรุ่นก่อนๆ
ไหนจะค่าเสียโอกาส ในการลับฝีมือปลายมีดหมอและตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นในวงการแพทย์สากล
ประเด็นนี้ เขาไล่ความสำคัญกันเป็นรายบุคคล โดยเลือกจากคนที่ยืนระยะห่าง
จากความสัมพันธ์กับหมอโคโตะ แล้วค่อยๆเขยิบไปทีละนิด
จากจุดที่ค่อยๆสว่างในด้านดี ก็จะมาสู่จุดมืดที่เป็นด้านลบที่น้อยคนนักจะรู้
โดยเริ่มจาก รุ่นน้องของอดีตแฟนพระเอกในคราบของเด็กแพทย์ผู้จบนอก
แล้วมาสู่ ฮาราซาวา ซากิ ผู้เป็นอดีตคนรักของหมอโคโตะในสมัยเรียนมหาลัย
(ที่เล่นโดย อิชิดะ ยูริโกะ จำได้ไหม เจ๊แกเล่น ๑๐๑ ตื้อรักนายกระจอกเป็นงานย่างก้าว
และบทแฟนโค้ชใน Pride) จนมาจบอย่างคลี่คลายทุกอย่าง
ด้วยตากล้องจอมอาฆาตในตอนสุดท้าย ดังนั้นในเรื่องของการลำดับในเรื่องราวที่เข้มข้น
ซีรีย์เรื่องนี้ฉลาดในการวางตัวละครสำคัญๆ ไว้ตอนท้ายๆ คล้ายๆกับว่า
ดูเหมือนเรื่องราวต่อจากนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ระคายเคือง แต่อย่าลืมว่า
เกาะมิใช่เรือนจำ ที่ต้องจำกัดเวลาการเข้าเยี่ยม ดังนั้นในช่วงครึ่งหลัง
หมอโคโตะจึงต้องพบเจอกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ หรือมาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
แถมมาแต่ละคน ก็ไม่ทิ้งรากเหง้าหรือทัศนคติเก่าๆ ไปไว้บนเกาะในฝั่งที่มา
แต่อย่างว่า มาเจอภูเขาสวยๆ ธรรมชาติใสๆ ผู้คนล้วนแต่เป็นมิตร
มาเจออีกโลก ที่สอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่ไม่ปรากฎในชั้นเรียนคณะเเพทย์
แต่เรียนรู้จากประสบการณ์ เปิดมิติการรักษา ว่ามันมีมากเป็นสิบแบบ
และหลากหลายเป็นสิบวิธี หาได้มีข้อสรุปการรักษาเพียงวิธีการเดียว
และจะหาได้จากที่ไหนที่ญาติของคนไข้ จะก้มหัวขอบคุณ
แม้แต่คนไข้ที่หมอก็ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ ซึ่งหาคำขอบคุณนี้ไม่ได้แน่ จากโรงพยาบาลในแถบเมือง



ยิ่งมาได้ ผู้ทำดนตรีประกอบมือรางวัล ที่ทำให้ซีรีย์หลายเรื่อง
สะกดคนดูให้ทราบซึ้งอย่างปิติรมย์ นอกจากเนื้อหาเดิมที่เต็มอิ่มจนล้นใจแล้ว
อย่างนาย โยชิมาตะ เรียว ไอ้หมอนี้ใส่ความซึ้งเป็นรูปของเพลงประกอบ
ที่เล่นให้ผู้เขียนเคยน้ำตาท่วมจอมาแล้ว จากซีรีย์เรื่อง Long Love Letter
Lipstick, .Pride , Atsu-hime , Bara no nai Hanaya เป็นต้น
จะว่าไปก็เป็นนักประพันธ์เพลงคู่บุญของผู้กำกับ นาคาเอะ อิซามุ อยู่ไม่น้อย
หลังจากสองแรงแข็งขันในซีรีย์หมอโคโตะแล้ว ผู้กำกับคงปลื้มไม่หายจนต้องเชิญแกอีกหลายครั้ง
ให้ไปช่วยทำเพลงคลอดนตรีซึ้งๆในซีรีย์ Pride หมอโคโตะภาคสอง และ
Bara no nai Hanaya ที่ผู้เขียนชอบเรียกชื่อภาษาสากลว่า Flowershop without Roses
นอกจากนี้ยังได้นักทำดนตรีประกอบ ที่ไปคว้าสองรางวัลในปีเดียวกัน
คือ เรื่องหมอโคโตะแล้ว ยังมาได้อีกเรื่องจาก Boku no Ikiru Michi ของค่ายฟูจิทีวีอีกเช่นกัน
(เพราะซีรีย์เมืองยุ่นเขา แบ่งรางวัลตามฤดูกาลในหนึ่งปีนะ) ชื่อของเจ้าฮอนมะ ยุสุเกะ เลยกระฉ่อน
ซึ่งความจริงแกก็ทำดนตรีประกอบมาหลายปี ไม่รู้ทำไมคณะกรรมการพึ่งจะมาเห็นค่า
ในปีนั้นพอดี จึงมอบรางวัล TDAA ซ้อนเอาในปีดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ก็มองข้ามทีมผู้สร้างไปอีกคนไม่ได้ นั้นก็คือ นายสุจิโอะ อัตสุฮิโระ
คนนี้ทำหน้าที่ปกติเป็นโปรดิวเซอร์ทั่วไป แต่กับซีรีย์หมอโคโตะด้วยแล้ว
หมอนี้ยังหาเหาใส่หัว โดยควบตำแหน่งเป็นผู้วางแผนงาน (Planner) ทั้งใน
หมอโคโตะภาคแรกและภาคสอง (สงสัยจะปลื้มกับซีรีย์เรื่องนี้เอามากๆ เพราะหลังจากนั้น
ก็ไม่เห็นการกินสองตำแหน่งควบอีกเลย) ความเก่งกาจในการวางแผนงานแค่ไหน
ก็ดูเอาจากการทำให้เกาะโยนากูนิ ที่ไม่มีอยู่จริง กลายเป็นเกาะที่ผู้คนตั้งความหวัง
ในวัยเกษียณ หรือเสาะหาจาก Googleเพื่อเตรียมแผนแบ็กแพ็คในการท่องเที่ยว
ได้สดับจากอ.สุวินัย เล่าในรายการว่า ได้ดูเครดิตตอนท้ายถึงได้รู้ถึงเบื้องหลัง
ถึงกระทั่งว่า เห็นทัศนียภาพสวยสดสมบูรณ์ไปทุกส่วนสัดอย่างนี้ แท้จริงแล้วเป็นการตัดต่อเอา
สถานที่เที่ยวของภูมิประเทศแถบชายฝั่งทะเล โดยคัดเอาส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละพื้นที่
แล้วเอามาโปะรวมกัน กลายเป็นเกาะสวาทหาดสวรรค์ในจินตนาการของคนดูไปในที่สุด



เป็นซีรีย์ที่ไม่อยากจะเชื่อว่า ต้นฉบับทำมาจากหนังสือการ์ตูน
โดยผู้วาด ยามาดะ ทากาโตชิ ที่แทบจะเรียกได้ว่า คนที่เล่นหมอโคโตะ
ในคนจริงกับในการ์ตูน ชนิดที่ว่า แกะที่เป็นสัตว์ที่เขาว่าหากหลงเข้าไปในฝูง
แทบจะแยกออกจากกันได้ยาก ผู้แคสติ้งก็ช่างสรรหามาจนได้เจ้าฮิเดทากะ
มารับบทหมอโคโตะจนได้ ก็ต้องขอบอกว่า ใครที่เคยได้ชมหนังญี่ปุ่นชุมชนอลวน
อย่างใน Always ทั้งสองภาคมาแล้ว บอกได้เลยว่าจะหลงรักซีรีย์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เพราะแทบจะมาในพล็อตการแสดงเดียวกันเลย แบบที่เคยเห็นเจ้าฮิเดทากะ
ทำตัวซึมเซาเหลาเย่จากหนังมาอย่างไร ก็ยังมีอารมณ์แบบนั้นให้เห็นในหมอโคโตะ
จนอาจเรียกได้ว่า เป็นสินค้าภาพลักษณ์เฉพาะบุคคลไปแล้ว เป็น Personal Brand
ที่ดาราที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ แต่คนนิสัยเหลาเย่แบบนี้ มักมีพรสวรรค์ซ้อนอยู่ภายใน
ถ้าใครเผลอไผลตัดสินคนโดยดูจากหน้าตา เป็นอันต้องเสร็จกัน เมื่อได้เจอความจริง
ในฝีมือที่ประจักษ์ตา จากคนที่หน้าตาตามลักขณาโหงวเฮ้ง ที่เรียกว่าเหลาเย่
อย่างที่เคยได้เห็นเจ้าฮิเดทากะ เล่นเป็นนักเขียนไส้แห้ง เรียวโนะสุเกะ ชากาวา
ที่คนในหมู่บ้านต่างดูแคลน ดีแต่ขายของหลอกเด็กไปวันๆ หรือเล่นเป็นหมอประจำถิ่นเกาะคนใหม่
อย่างหมอโคโตะ ที่มาตอนแรกก็รักษาอาการเมาเรือของตัวเองไม่ได้สักแล้ว
อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าฮิเดทากะ หลุดกรอบคาเรกเตอร์จากซีรีย์มาราธอน
ของคนในสายตระกูลโคโรอิตะใน Kita no Kunikara ที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๘๓
รวมถึงในหนังสร้างสายมาราธอน ที่เล่นเป็นตัวมิตซุโอะ บุตรสายเลือดของตัวพ่อซากุระซัง
ในเรื่อง Otoko wa Tsurai yo ที่สร้างตั้งแต่ ปี ค.ศ. ๑๙๘๑ มาอวสานกันเสียทีในปี ค.ศ.๑๙๙๕
การรับเล่นเป็นหมอโคโตะ นอกจากสอบผ่านยังไม่พอ ยังต้องให้ประกาศนียบัตร
ในส่วนของนักแสดงชายยอดเยี่ยม TDAA ครั้งแรกในชีวิตการแสดง โดยส่วนตัว
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเล่นดีไหม แต่ทว่าองค์ประกอบอื่นๆที่เสริมลงไป
ก็ทำให้หมอนี้ดูโดดเด่น เกินหน้าใครๆอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งๆที่บทก็ไม่ทรงพลังแต่อย่างใด
แต่ด้วยความโอเวอร์ในแง่ของความใจดีเกินไป และมักบอกความจริงเพียงครึ่งเดียวนี้กระมัง
ทำให้เรื่องราวต่างๆ ต้องมาลงเอยด้วยการแบกรับภาระเพียงผู้เดียว
ก็เพราะอย่างนี้แหละ ในตอนท้ายชาวบ้านทั้งหลายจึงต้องพร้อมใจออกมาต้อนรับกันถึงหัวกระไดคลินิก



แต่จะสงสัยก็หนู โค ชิบาซากิ ของผม ทั้งๆที่อุตสาห์ได้รับบทตัวละครหลัก
อย่าง โอชิโนะ อายากะ นางพยาบาลที่สวยที่สุดบนเกาะเพียงคนเดียว
เป็นนางพยาบาลลูกสาวท่านปลัด ที่ดูเหมือนตอนแรกจะไม่ยอมรับการคัดเลือก
ให้หมอโคโตะของผู้เป็นพ่อเท่าไรนัก ตามประสาที่พ่อเคยคัดหมอคนก่อนๆมา
แบบเจ็บมาเยอะ แต่มาเจอเคสต์ผ่าตัดครั้งแรก ก็ต้องซูฮกแบบก้มกราบในฝีมือ
ว่าไอ้หมอนี้เจ๋งจริง จนกลายเป็นความแอบชอบตัวคุณหมอโดยไม่รู้ตัว
อันนี้ดูกันไม่ยาก เพราะออกอาการความเป็นตัวแม่ขี้หึง ที่ใครในเกาะต่างก็ดูออก
ยกเว้นเจ้าทุกข์อย่างหมอโคโตะนี้แหละ เป็นบทที่ดีแต่หนูโคเล่นได้ไม่เด่น
เป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่หนูโค เคยเล่นให้เป็นตำรวจนักสืบมือใหม่ อัตสึมิ คาโอรุ
ในนักสืบ Galileo ที่โดนพระเอกแย่งซีนไปเกือบทุกตอน แต่จะว่าไป
เห็นเล่นไม่เด่นอย่างนี้ แต่ก็เป็นนักแสดงสาวที่เลือกเล่นซีรีย์เก่ง จนรู้สึกว่า
แม้จะไม่ตั้งใจติดตามงานเจ๊สักเท่าไรนัก แต่ก็มีงานผ่านตามากกว่าดาราสาวหลายคน
ที่ผู้เขียนตั้งตารอเสียอีก ทั้งที่ในแต่ละปีเจ๊แกรับเล่นซีรีย์เพียงไม่กี่เรื่องเอง



ส่วนนักแสดงท่านอื่นๆ ก็เล่นได้เป็นธรรมชาติ เพราะผู้เขียนไม่หลงเหลือพื้นที่เซลล์สมอง
ให้จดจำในงานแสดงชิ้นก่อนๆ มากนัก การดูหมอโคโตะจึงเหมือนการมาจุติใหม่
ของเหล่านักแสดงที่เหลือ หรืออาจคุ้นหน้าบ้าง ก็มักเป็นบทรับเชิญที่โผล่มาละนิดละน้อย
ดังนั้นผู้เขียนจึงไม่ยากที่จะกลืนบทบาทแต่ละตัวละครที่เหลือ แต่จะยากหน่อย
หากตัวละครนั้นๆ ไปรับเล่นในซีรีย์อื่นๆ เพราะผู้เขียนต้องลบภาพความทรงจำดีๆ
จากพื้นฐานเดิมในซีรีย์หมอโคโตะ ที่ถึงแม้จะมีแต่เด็กและคนชรา ผู้เขียนก็ไม่อาจละเว้น
จะว่าไปหนทางในการรักษาตามแบบฉบับหมอโคโตะ ก็จะประสบอุปสรรคด้วยกันสองด้าน
ด้านหนึ่ง เป็นอุปสรรคจากเงื่อนไขของคนไข้ที่จะดันทุรัง ของมีบั้นปลายสุดท้ายบนเกาะบ้านเกิด
แทนที่จะไปรักษาโรงพยาบาลนอกฝั่ง กับอุปสรรคหนึ่งจากเงื่อนไขที่คนไข้ประสงค์ที่จะ
ขอรักษาโรงพยาบาลนอกฝั่ง แต่ติดอุปสรรคเนื่องจากการเดินทาง
อุปสรรคทั้งสองด้าน ล้วนเข้าทางในการสำแดงฝีมือของหมอโคโตะทางสิ้น
ซีรีย์ยังโดดเด่นในการวางสัญลักษณ์และเงื่อนไขไว้ในตอนต้น ถือเป็นซีรีย์ที่มีความอดทนสูง
ที่จะเอามาใช้ประโยชน์ในบั่นปลายของตอนสุดท้าย และก็ใช้อย่างได้ผลเสียด้วยสิ
เพราะอย่างนี้ถึงเข้าใจเหตุผลลึกๆว่า ทำไมผู้ช่วยแพทย์วาดะที่ชอบพกกล้องยี่ห้อไลกร้านัก
ทำไมการใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางให้ไขว้กัน จึงมิใช่ท่าบรรเทาอาการเมาเรือ
แต่ยังบรรเท่าความเหินห่างสักด้วย รู้แล้วว่าตัวพ่อทาเกฮาระถึงชอบปากแข็ง
ถึงไม่เคยเรียกโคโตะ ว่าคุณหมอโคโตะสักที แต่พอจะปริเอ่ย
พี่ท่านก็เอ่ยแบบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน
เป็นตอนสุดท้าย ที่คลี่คลายสัญลักษณ์นานาชนิด ที่เรียกได้ว่า
"เฮ้ย!ระดมยิงไปถึงไหนฟะ หยุดสักนิด ขอตัวไปซื้อทิชชู่ม้วนใหม่ก่อนเถอะ"
จึงไม่รู้ว่า จะหาข้อเสียจากซีรีย์นี้ได้จากมุมไหนได้อีก เพราะมันเจียดได้ว่าเป็น
ความสมบูรณ์ในทุกองค์ประกอบ แบบที่หนังสองภาคอย่าง Always เคยมี
แต่จะให้เค้นในจุดไม่ดีให้ได้ในตอนนี้ คือ
"ยังหาภาคสองมาดูต่อไม่ได้ และ พระเอกหน้าตาไม่ดี " เท่านั้นมั้ง ........




อวยข้อมูลจาก

//wiki.d-addicts.com/Dr._Koto_Shinryojo
และรายการชวนคิดชวนคุย ทางคลื่นผู้จัดการ







Create Date : 16 มกราคม 2553
Last Update : 17 มกราคม 2553 20:51:48 น. 16 comments
Counter : 3399 Pageviews.

 
อีกเรื่องที่เราพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ...เราก็ดูแล้ว
แต่ก็ไม่ทำให้ซาบซึ้งจนน้ำตาซึมแบบจขบ.เลย


รึว่า บ่อน้ำตา เราอยู่ลึกสุดหัวใจ


โดย: นัทธ์ วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:21:24:17 น.  

 
มีซีรีส์เรื่องนี้ อยู่ในมือแล้ว แต่ยังไม่ได้ดู เพราะตอนลองแผ่นเห็นหน้าพระเอกแล้ว
ต้องขอผ่าน หน้าตาไม่ชวนดูเอาซะเลย แต่พออ่านถึงตอนที่คุณจขบ.บอกว่าแสดงเรื่องAlways โป๊ะเชะนึกออกเลยว่าเป็นอีตานักเขียนไส้แห้งนี่เอง หน้าตาอมทุกข์เหลาเย่จริงๆ แต่เก่งนะคะ ได้นักแสดงชายยอดเยี่ยมซะด้วย สงสัยต้องต่อคิวดูต่อจากLove Letterที่Miho Nakayama แสดงซะแล้ว

ปล.ได้ไปอ่านDeparturesมาแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.73.117 วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:0:13:39 น.  

 
เล็งอยู่นานแล้ว ตั้งแต่สมัยดู IRYU แต่ก็ไม่ได้หามาซักที ทั้งที่คนยุยงก็หลายหน แต่เพราะไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงมากนักในอินเตอร์เน็ต ก็เลยกลัวว่าจะไม่สนุก ...มาเจอคุณ Chanpanakit พูดถึงเต็มๆ แบบนี้ คงจะต้องหามาดูสักหน่อย แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นหมอชนบทเหมือนกัน ชื่อเรื่อง Tomorrow คงเป็นเรื่องที่ใหม่กว่า นั่นก็น่าสนใจเหมือนกันนะ


โดย: prysang วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:14:41:50 น.  

 
อีกอย่างหนึ่ง ชอบเรื่องที่มีบรรยากาศชนบท มองเห็นท้องฟ้าและพื้นที่กว้างๆ แบบนี้มากเลยล่ะ


โดย: prysang วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:14:44:31 น.  

 
ท่านมะนาวเพคะ

ไม่มีบล็อกส่วนตัวท่านบ้างเหรอขอรับ

จะได้แลกเปลี่ยนทรรศนะเรื่องราวความชอบ

ส่วนตัวกันบ้าง รู้เขาไม่รู้เรา ผู้เขียนเสียเปรียบแย่

ส่วนที่ลงความคิดเห็นใน Departures

ขอบคุณมากครับ ไม่นึกว่าจะแซง Up

ของ pixar ได้ คนละแนวกันเลย

ส่วนงาน love letter ของ ผกก. ชุนจิ อิวาอิ

เป็นงานเก่ามากๆ นับเป็นหนังเรื่องต้นๆ

ก่อนผมจะตามงานอื่นๆ ของ ผกก คนนี้นะขอรับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:15:15:16 น.  

 
ไม่มีบล็อกค่ะ เพิ่งเข้าวงการมาได้เพียงแค่ปีเดียวเองค่ะ ยังเล่นอะไรไม่ค่อยเป็น แต่เป็นคนชอบดูหนังดูซีรีส์มากๆ พอเจอคนที่ชอบคอเดียวกัน เลยขอเข้ามาแจมด้วยค่ะ ขอแก่พรรษาอีกหน่อยนะคะ แล้วอาจจะมีบล็อกของตัวเองก็ได้ ตอนนี้คุณChanpanakrit
คงต้องอยู่ในฐานะ"รู้เราไม่รู้เขา"ไปก่อนนะคะ ส่วนเรื่องความชอบไม่ได้แยกประเภทหนังเลยค่ะ ใช้ความรู้สึกล้วนๆ อย่างเรื่องUPตอนดูไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอดูจบ โอ๊ย!แบบนี้ต้องแนะนำให้คนอื่นดูด้วย เพราะแนวหนังมันรับได้ไม่ยาก แต่พอเรื่องDepartures ไม่กล้าแนะนำให้ใครดูเลยค่ะ เพราะมันไม่ใช่หนังตลาด คนที่ไม่ใช่คอหนังอาจจะดูแล้วไม่สนุก แล้วจะทำให้เสียคุณค่าของหนัง และเสียความรู้สึกของเรา ตอนที่เขาเอาหนังมาคืน แล้วบอกว่าเอาหนังอะไรมาให้ดูไม่เห็น หนุกเลย ประเภทหนังในดวงใจของข้าใครอย่าแตะน่ะค่ะ อิ อิ ส่วนเรื่อง Love Letterที่ได้ไปหาหนังเรื่องนี้มาดูก็เพราะได้อ่านจากกระทู้แนะนำหนังในดวงใจ เห็นหนังเรื่องนี้มีคนชอบหลายคนเลยค่ะ เคยดูซีรีส์ของ
Miho Nakayama เพียงแค่2เรื่องเองค่ะคือ Love 2000 กับSleeping Forest ถ้าคุณChanpanakritมีเวลาช่วยเขียนถึงเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหมค่ะ หรือถ้าเคยเขียนมาแล้ว รบกวนช่วยแนะนำลิ้งค์ที่เคยเขียน
มาแล้วให้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.1.76 วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:17:35:24 น.  

 
ถึงเป็นปีเดียว ก็ถือว่าคงทนอุดมการณ์เม้มยาวนาน

เพราะขนาดจบข บางคน ยังต้องอัปเปหิตัวเองไป

เพื่อไปรับลูกเล่นในโลกไซเปอร์ ที่มีใหม่อยู่เรื่อยๆ

แต่แปลกนะ departures เป็นตลกร้ายเสียดสีสังคม

ที่เข้ากันได้กับทุกวัย แต่ไงเพื่อนท่านไม่เป็นปลื้มน้อท่านมะนาวเพคะ

แต่หนังของผกก. ชุนอินี้ ผู้เขียนก็เเปลกใจ

ตามดูงานของเขาเกินครึ่ง รับรู้แต่กลิ่น

แต่มาตามไล่เครดิตภายหลัง ถึงรู้เป็นผกก.

คนเดียวกัน เออ!แล้วยังไม่เคยเล่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งสักครั้ง

อย่างว่าทีมงานของชุนอิ อารมณ๋ประมาณ

Rainbow Song เด็กสร้างของพี่ท่านก็มี

อาโออิ ยูเป็นผลผลิตมาโดยตลอด รับปากครับ

ว่าจะหาสัปดาห์ของชุนอิเต็มๆสักเดือน แต่คงไม่ระดับวิจารณ์

ก็อธิบายตามอคติและอารมณ์ส่วนตัว

อาจให้เห็น อนาคตของคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าชุนอิเขา

ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง เพราะไม่ใช่แต่ท่านมะนาวเพคะที่รุ้

ผู้เขียนก็จะได้ทบทวนตามไปด้วยเลย

เดี๊ยวจะเอา love letter , April Snow , Hana and Alice

Rainbow Song กลับมาปัดฝุ่นอีกรอบดีกว่า


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:20:44:03 น.  

 
พิ่งดูLove Letterจบเมื่อตะกี้นี้เองค่ะ หนังน่ารักมากเลย
รู้แล้วว่าทำไมถึงเป็นหนังในดวงใจใครหลายคน
คุณChanpanakritคงดูไว้นานแล้วสิคะ แต่ดีใจจังเลย
ที่คุณChanpanakrit บอกว่าจะเขียนถึง จะตั้งตารอเลยค่ะ
ตอนที่ดูเรื่อง Rainbow Song หนังจบ แต่อารมณ์ไม่ยอมจบค่ะ
รู้สึกหงุดหงิด อยากเบิร์ดกระโหลกอีตาพระเอกมากเลย
ว่าทำไมซื่อบื้อนัก มาสำนึกเสียใจตอนนี้แล้วได้อะไร
ขัดใจ ขัดใจ หงุดหงิด หงุดหงิด หรือว่าตาผู้กำกับเขา
จงใจให้เรารู้สึกแบบนั้นค่ะ
ส่วนเรื่องHana and Alice เคยหยิบหลายครั้งแล้ววางทุกที
ทั้งๆที่น้องยูแสดง ต่อไปคงไม่วางแล้วค่ะ
ส่วนเรื่องApril Snowไม่ใช่หนังเกาหลีเหรอคะ
ที่ป๋าเบยองจุนแสดง มีที่เป็นหนังญี่ปุ่นแล้วชื่อซ้ำกันด้วยเหรอคะ
ต้องขอขอบคุณนะคะที่จะเขียนถึงหนังของผู้กำกับชุนจิ อิวาอิ
ต้องยอมรับว่าตัวเองได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากๆเลยจากการเข้าอ่านบล็อกนี้
ขอขอบคุณอีกครั้งจากใจค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.1.76 วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:23:35:33 น.  

 
เห็นมานานแล้วค่ะ Series เรื่องนี้ แต่ว่ายังไม่มีโอกาสได้ดูเลย เพราะเรียนหนักมาก T-T เรื่องนี้สร้างมาจากการ์ตูนค่ะ รู้สึกที่เมืองไทยจะยังไม่จบนะคะ ตอนอ่านการ์ตูนยังร้องไห้เลย...สงสัย...ละครคงต้องเหมากระดาษทิชชู่แน่ค่ะ...อิอิ


โดย: nanatsu วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:16:45:27 น.  

 
ดูเรื่อง Dr.Kotoจบแล้วไม่ประทับใจอย่างที่คิดค่ะ เหตุผลก็คือ
1 ความไม่สมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง ให้พระเอกเป็นหมอที่เก่ง แต่รูปแบบการนำเสนอความเก่ง
ของพระเอก ในความเป็นจริงมันแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้ ทำให้ดูไปใจมันไม่คล้อยตาม ผลดูไม่สนุก
2บุคลิกแสนดีแบบพระเอกไม่ชอบอย่างแรง ปล่อยให้คนเอาเปรียบอยู่ได้ ไม่อือ ไม่แอ
ได้แต่ก้มหัวยอมรับ เหมือนเป็นคนขี้แพ้ทั้งปีทั้งชาติ เกลียดคนประเภทนี้ที่สุด เลยไม่โดน
3 คนเรานี้หูเบามากขนาดนั้นเลยเหรอ ใครไม่รู้เอาข่าวเสียๆ หายๆของพระเอกมาบอก
แล้วเชื่อเลยเหรอ ทั้งๆที่คนๆนี้อยู่กับเรามาตั้งนาน จนเกิดความรัก ความผูกพัน
แต่แค่ลมปากกับหลักฐานถ่ายสำเนาของคนมาไม่ถึงวัน ก็สามารถทำลายสายใยนี้ลงได้
บทไม่อ่อนไปหน่อยเหรอค่ะ

ส่วนที่ชอบของละครเรื่องนี้คือเพลงประกอบที่จบตอนแล้วเป็นเพลงขึ้นมา ถึงแม้จะ
ไม่รู้ความหมาย แต่เมโลดี้ของเพลงบิ้วท์อารมณ์ได้ดี ชอบ ฟังจนจบทุกครั้งของแต่ละตอน
และชอบคุณยายอุจิ(เรียกผิดเป็นอุนจิล่ะเละเลย)คุณยายจ๊าบมาก สะพายเป้หลังด้วย เป็นคนที่
แสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันได้ชัดเจนที่สุด เห็นได้ชัดจากตอนที่คุณตาอากิป่วย
สัมผัสได้ว่าคุณยายมาเยี่ยมด้วยใจจริงๆ ไม่ใช่แค่คนรู้จักกัน และชอบการแสดงของคุณตาอากิ
ดูเป็นคุณตาที่อารมณ์ดี บุคลิกอบอุ่น เวลาคุณตายิ้มดูโลกสว่างไสวขึ้นทันใด

จากการที่ได้ดูซีรีส์หมอมา3เรื่องถ้าเรียงลำดับความชอบก็จะเป็นดังนี้
Iryu Team Medical Dragon ชอบมากกว่า Code Blue ชอบมากกว่า Dr.Koto Shinryojo

ปล.เหมือนจะเคยอ่านเจอว่าคุณChanpanakritเคยเขียนพาดพิงถึงเรื่องHimitsu
ตอนที่ได้เข้าไปอ่านเรื่องDepartures ถ้าคุณChanpanakrit เคยเขียนถึงเรื่องHimitsu
มาแล้ว รบกวนช่วยแปะลิงค์ให้ด้วยนะคะ จะตามไปอ่านค่ะ จะดูเป็นเรื่องต่อไป ขอบคุณค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.173.71.234 วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:0:26:00 น.  

 
อะโหยโย๋ นึกว่ามีใครมาอัพบล็อกที่นี้สักอีก

พอดักทางจากรับชมของท่านมะนาวได้บ้างอย่าง

สงสัยหมอโกโตะ จะออกไปทางผู้สูงวัยรับชมมากกว่า

ในฐานะที่ตกเป็นทาสเสน่ห์ของหมอโกโตะ

ผู้เขียนคิดว่า

ข้อหนึ่ง ก่อนโกโตะจะเลือกเส้นทางที่เป็นหมอ ก็เคย

เป็นเด็กขี้แหย่มาก่อน จนได้รับแรงดลใจในวัยเด็ก จากหมอคนหนึ่ง

แรงบันดาลใจนี้สำคัญ ถ้าผู้เขียนมีบาง

ชีวตคงดีกว่านี้น้อ

ข้อสอง เจ้าแสนดีนี้ มันมีทั้งบวกและลบครับ

เป็นความดีที่เหมาะสมต่อภูมิภาคบางส่วน

ซึ่งอดีตแฟนก็เคยต่อว่าความดีนี้ เป็นคนดีที่

ใช้ความดีชนะผู้คน และเปรียบเทียบสังคมแพทย์ในเมืองได้ด้วยแหละ

เพราะดีอย่างนี้ เรื่องเลยลากไปตั้งหลายตอน

ข้อสาม เรื่องหูเบา อันนี้ไม่ต้องเอาในซีรีย์หรอกนะ

แถวบ้านนอก ที่ผู้เขียนอยู่ ก็เจอเหมือนกัน

แถมยังเล่าใส่ไข่เหยาะพริกไทยรสเข้มอีกต่างหาก

อาจเพราะความที่คาดหวังใครสักคนมาก

จนทุ่มสุดใจ มาเจออะไรที่ช๊อควงการ
ความคิดที่เหลือ

ก็เลยเปลี่ยนทิศไป

ดูจากการจัดอันดับหมอๆ ซีรีย์

ชอบไปในแนวทางบู๊สะท้านยุทธจักรนะท่านมะนาวเพคะ

แบบพระเอกไม่ต้องดีเลิศเลอ แต่ก็ยึดมั่นอุดมการณ์อะไรสักอย่าง

แต่มองข้ามยามะพี อันนี้มาแนวแปลกไม่น้อย

แถมยังให้การบ้าน Himitsu อีกเรื่อง

จากผู้กำกับ Departures เชือ่ไหมเคยร่างริวิวเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง

แต่ไม่อยากบอกว่า ความที่เรื่องไม่มีพล็อต

จึงเป็นอะไรที่ยากชะมัดเลยอะท่าน


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:8:55:39 น.  

 
ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ ไม่ได้เป็นแฟนยามะพี เป็นแฟนป๋าทาคุยะค่ะ
ส่วนเรื่องHimitsuหลังดูจบแล้ว จะมาเล่าความรู้สึกให้ฟังค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.52.55 วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:21:40:56 น.  

 
ไปหาเรื่อง Himitsu จากไหนละเนี่ย

เคยมีไว้ในครอบครอง แต่ก็โดนเพื่อนตัวดี

ปากก็บอกว่ายืม แต่พฤติกรรมเป็นการลักทรัพย์ชัดๆ

จำอารมณ์ได้ แต่รายละเอียดต่างๆ ลืมไปหมดแล้วละ (ยกเว้นหน้างามๆของหนูเรียวโกะ)

มาเล่าให้ฟังหน่อยจิ เผื่อจะระลึกชาติได้กับเขาบ้าง

ทุกวันนี้ยังหาแผ่นจำหน่ายไม่ได้เลย


โดย: chanpanakrit IP: 115.67.22.107 วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:23:54:52 น.  

 
ดูHimitsuจบแล้วค่ะ เป็นเรื่องที่เล่นกับความรู้สึกได้ดีจริงๆสำหรับหนังเรื่องนี้
ชอบการดำเนินเรื่องมากๆ วางโครงเรื่องได้ซับซ้อนแต่ไม่สับสน
หนังก็เดินเรื่องได้ละมุนละไมและอบอุ่น สำหรับฉากที่น่าอึดอัดและน่าหวาดเสียวทางศีลธรรม
ก็เล่นกับความมีสติ และสามัญสำนึกที่ดี ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำได้ดีมากๆ
ทำให้หนังจบลงอย่างสวยงาม ไม่ก่อความอึดอัดให้คนดู
หนังแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวและนึกถึงแต่ตัวเองของเฮย์สุเกะและนาโอโกะ
แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วเพราะความรักที่มีให้แก่กันก็ทำให้ความต้องการของตัวเอง
ดูจะไม่สลักสำคัญเท่ากับความสุขของอีกคนหนึ่งที่ตนรัก
จะบอกว่าชอบหนังเรื่องนี้มาก ขึ้นแท่นเป็นหนังในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งแล้วค่ะ

ปล.จะรบกวนถามว่าหนังเรื่องนี้ได้รางวัลบ้างหรือเปล่าคะ อ้าว!กลายเป็นว่าคุณChanpanakrit
ดูนานจนลืมไปหมดแล้ว แต่คงจำตัวละครปลัดโฮชิโนะจากDr.Kotoได้นะคะ
เพราะเรื่องนี้Kaoru Kobayashiแสดงเป็นเฮย์จังตัวนำฝ่ายชายได้ดีมากๆค่ะ
ส่วนฝ่ายหญิงไม่ต้องชมคุณChanpanakritก็รู้อยู่แก่ใจแล้วใช่ไหมค่ะ
ไม่สามารถเล่ารายละเอียดของหนังได้ค่ะกลัวว่าจะเล่าวกไปวนมาจนคุณChanpanakritปวดหัว
คุณChanpanakrit ต้องไปเค้นคอเพื่อนเอาคืนมาให้ได้นะคะ ส่วนของมะนาวสั่งซื้อทางเน็ตค่ะ




โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.57.220 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:0:11:18 น.  

 
เน€เธžเธดเนˆเธ‡เธˆเธฐเธ”เธน Dr.Koto เธ—เธฑเน‰เธ‡เธชเธญเธ‡เธ เธฒเธ„เธˆเธšเน„เธ› เธ–เธถเธ‡เนเธกเน‰เธงเนˆเธฒเธซเธกเธญเน‚เธเน‚เธ•เน‰เธˆเธฐเน„เธกเนˆเน€เธ”เน‡เธ”เธ‚เธฒเธ”เน€เธซเธกเธทเธญเธ™เธซเธกเธญเธญเธฒเธ‹เธฒเธ”เธฐเนเธซเนˆเธ‡ Iryu team medical dragon เนเธ•เนˆเน€เธฃเธฒเน†เธ—เนˆเธฒเธ™เน† เธ•เนˆเธฒเธ‡เธเน‡เน€เธ„เธขเธกเธตเธˆเธดเธ™เธ•เธ™เธฒเธเธฒเธฃเธ–เธถเธ‡เธ„เธธเธ“เธซเธกเธญเธ—เธตเนˆเนƒเธˆเธ”เธต เธขเธดเน‰เธกเน€เธเนˆเธ‡เธเธฑเธ™เธ—เธฑเน‰เธ‡เธ™เธฑเน‰เธ™

เธ„เธธเธ“เธซเธกเธญเน‚เธเน‚เธ•เน‰เน€เธ›เน‡เธ™เธญเธขเนˆเธฒเธ‡เธ™เธฑเน‰เธ™ เน€เธชเธ™เนˆเธซเนŒเธ‚เธญเธ‡เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธ™เธตเน‰เน„เธกเนˆเน„เธ”เน‰เธญเธขเธนเนˆเธ—เธตเนˆเธซเธ™เน‰เธฒเธ•เธฒเธ™เธฑเธเนเธชเธ”เธ‡เน€เธฅเธข เนเธ•เนˆเธญเธ‡เธ„เนŒเธ›เธฃเธฐเธเธญเธšเธ—เธฑเน‰เธ‡เธซเธกเธ”เธ‚เธญเธ‡เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธกเธฑเธ™เน€เธฃเธตเธขเธเธ™เน‰เธณเธ•เธฒเน„เธ”เน‰เธกเธฒเธเธˆเธฃเธดเธ‡เน†

เธ‚เธญเธšเธ„เธธเธ“เน€เน‰เธฒเธ‚เธญเธ‡เธšเธฅเน‡เธญเธเธ™เธฐเธ„เธฐเธ—เธตเนˆเน€เธญเธฒเธกเธฒเน€เธ‚เธตเธขเธ™เธฅเธฐเน€เธญเธตเธขเธ”เน„เธ”เน‰เน‚เธ”เธ™เนƒเธˆเธกเธฒเธเน€เธฅเธขเธ„เนˆเธฐ


โดย: เธกเธฒเธ”เธฒเธกเธกเธธเธ IP: 182.52.64.135 วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:22:39:05 น.  

 
นึกว่าเป็นคนเดียงเพราะร้องไห้ทุกตอนเลย ประมาณโอชิน แต่ภาค 1 สนุกกว่า ภาค 2มากเลยค่ะ ภาค 2 พล็อตมันไม่มีอะไรน่าสนใจ


โดย: zami IP: 125.24.179.239 วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:22:00:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.