A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
หมอโคโตะภาคสอง ดีเสียจนต้องยกให้เป็นซีรีย์ยอดเยี่ยมประจำปีขาลศก


และแล้ว การรอคอยส่งท้ายปลายต้นเดือนของปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป
ก็เข้าสู่หมวดพิจารณาตามธรรมเนียม "ซีรีย์ยอดเยี่ยมแห่งปี"
ประจำปีนี้ หลังจากที่เมื่อปีก่อนส่งมอบให้กับซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่อง Orthros no Inu
แบบย่ำรุ่งไก่ขันเอ้กอี้เอ้กเอ้ก ตามประสาเห่อของใหม่ที่สดได้ใจกว่า
พอมาปีนี้ ผู้เขียนก็ตั้งท่ารอคอยจนเกือบในวินาทีสุดท้าย
เพื่อหยั่งเชิงและโยนหินถามทาง ให้ใครสักคนเดินสะดุด เอาว่า
"จะมีเรือ่งไหน น๊า!ที่น่าจะตีแซงในช่วงโค้งสุดท้ายในวันใกล้สิ้นปีเช่นนี้"




พูดอย่างงี้ ก็เท่ากับเผยไต๋มาหนึ่งองค์ธุลีแล้วว่า ผู้เขียนมีซีรีย์คาดหมายไว้ในใจ
เพียงแต่ว่า ยังไม่ได้นำมาโพทะนาหากิน เล่าเป็นคุ้งเป็นแค้วอันสมควรแก่เวลา
ตรงกันข้าม กลับจำต้องเก็บพะนำ กระะหมุบกระหมิบและจะจุกอกแตกตาย
ด้วยความที่ ซีรีย์เรื่องนี้ ดูจบไปเมื่อกลางตุลาคม หลังจากเพิ่งจะชงฟาด
ในส่วนของภาคสเปเชี่ยลซีรีย์แทบจะทันทีทันใด เสร็จสรรพระบายความในใจ
ก็กะจะหม่ำต่อ ในส่วนของภาคที่สองอย่างเต็มตัว และออกนอกหน้า
ด้วยสมาการของตัดสิน ในสูตรที่ว่า
"สิ่งที่คาดหวัง - สิ่งที่ได้รับ = กำไรจากสิ่งที่เกินความคาดหวัง"
และแน่นอนซีรีย์เรื่องนี้ ก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในสิ่งที่ปรารถนาไว้เป็นอย่างดี





ครับ ซีรีย์ยอดเยี่ยมประจำปีขาลศก ผู้เขียนขอยกสองหัวโป้งมือกับสองหัวแม่เท้า
ให้กับซีรีย์เรือ่ง "Dr. Koto Shinryojo ภาคที่สอง" ของค่ายฟูจิทีวี
ชนิดที่ลองพยายามเอาตราชั่งอคติ หักลบกลบชังกับอีกหลายซีรีย์
ที่ได้ร่ายมาอาทิตย์ละเรื่อง เรียกว่าต้องผ่านสายหินในไม่ใช่น้อยเอาการ อาทิ
Jin ,smile,life,precious time,tomorrow,karei naru ichizoku เป็นต้น
สุดท้ายก็ไม่อาจแย่งพื้นที่ทางใจให้กับหมอโคโตะได้แต่อย่างใด
ซึ่งดีอย่างไรนั้น ก็ขอโฆษณาชวนเชื่อและใสไข่สักใบสองใบเพื่อเสริมรสชาติโปรตีนทางสมอง




เพื่อความกำชับ และไม่ลงทะเลน้ำลึกแบบที่เคยเล่นกันมา
ขอไม่ว่ากันในเรื่องของการปูฐานของรายละเอียด
เพราะได้ร่ายอย่างมโหราฐไว้ในสว่นของ หมอโคโตะทั้งภาคหนึ่งและภาคสเปเชี่ยลไปแล้ว
แต่สิ่งที่ภาคสอง ทำไว้และได้ใจอย่างแรงส์ เป็นผลของการสืบเนือ่งจากชะตากรรม
ของแต่ละตัวละครที่สร้างไว้และกำหนดปลายเปิด
"กำหนดปลายเปิด" หมายถึงอะไร? ก็เป็นในส่วนของภาคแรก ที่ได้สร้างฐานการรับรู้
โดยเฉพาะพื้นฐานของตัวละครนั้นๆตามที่เราเข้าใจ และกำหนดความผูกพันในเชิงประสาน
ไขว้กันไปมาในแต่ละบุคลิกและสายสัมพันธ์ของตัวละคร จนนำมาสู่
ความเป็นเอกภาพเดียวกันของคนบนเกาะ ในฐานะชุมชนรวมหมู่
ที่เรียกแบบสำนวนหน่อย จะได้ว่า "รวมกันเราอยู่ แยกหมู่ดูกันกระจาย" ซึ่งการสูญเสีย
หรือการแยกจากของใครสักคน ย่อมกระทบต่อเอกภาพและความรู้สึกร่วมของคนดู
อันเป็นพื้นฐานหลักอยู่แล้ว ผู้เขียนเคยได้อธิบายไว้สำหรับภาคสเปเชียลเอาว่า
มันเป็นจุด Turning Point ที่พลิกผันรูปแบบชีวิตของแต่ละตัวละครอย่างฉับพลัน
ทั้งในส่วนของไอ้หนูเทเคฮิโระ โดยเลือกที่จะไปเรียนต่อสายวิชาแพทย์ในเมืองกรุง
ซึ่งทาเคฮิโระจำต้องไกลห่างกับฮินะ ลูกสาวของครูคนใหม่ที่มาอยู่ประจำบนเกาะ
(ฮินะ เป็นเด็กหญิงภาคสเปเชียล ที่ถูกย้ายมาบนเกาะเพราะเชื่่อว่า
บรรยากาศบนเกาะที่ใกล้ชิดธรรมชาติและมีหมอเก่งอย่างหมอโคโตะ
จะช่วยคอยดูแลอาการหอบหืดเรื้อรังของตน โดยความปรารถนาดีของคนเป็นพ่อแม่
สถานการณ์ในภาคสเปเชียล ยังได้สร้างกรณีพลิกผันยังเจ้าประจำอื่นๆ
ไหนจะอาการเนื้องอกในสมองของแม่พยาบาลอายากะ ที่มีผลเปลี่ยนแปลงชีวิต
ครั้งใหญ่ให้กับปลัดอำเภอเซอิจิ เพียงจะบอกว่า
ความผันเเปรที่เกิดขึ้นในภาคสเปเชียลนั้น เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยที่เกิดขึ้น
เพราะในส่วนของภาคสองฉบับเต็มนั้น ยังมีอีกมากมายหลายส่วน
ที่จะ turning many points ให้กับโครงสร้างในเรือ่งราว
ชนิดที่พลิกไปก็พลิกมา จนเจ้ามือไม่กล้ารับแทง ซึ่งงานนี้
ถ้าในสว่นของภาคแรก คุณเตรียมกระดาษทิชชูใช้ไปได้เพียงแพ็คเดียว
ในส่วนของภาคสอง คุณก็ควรเตรียมซื้อไว้อีกแพ็ค ในยามฉุกเฉินที่ทิชชูขาดมือได้เลย




ถ้าใครที่เคยได้ชมในภาคสเปเชียล ที่ผู้เขียนอธิบายให้เข้าใจย่อๆว่า
มันก็คือ ตอนที่สิบสอง และสิบสาม ที่สืบเนือ่งจากบทอวสานในตอนทีสิบเอ็ดของภาคแรก
เพียงแต่จะเป็นช่วงก้าวกระโดดในระยะไกลที่มีความต่อเนื่องในภาคพื้นของการเล่าเรือ่ง
ไม่อยากบอก แต่ก็ต้องบอก ว่าภาคนี้ไม่ได้สร้างความสุนทรียภาพ
ในแบบที่ตบหัวแล้วลูบล้าง แบบวิธีการเดิมๆโดยการสร้างสถานการณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน
เพื่อให้หมอโคโตะโชว์ออฟ ที่เป็นสูตรสำเร็จหารับประทานในภาคแรกในเกือบทุกตอน
มาภาคนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงหมอโคโตะให้กลายมาเป็น "หมอสอน"
ในฐานะที่ปรึกษาทางจิตใจ ให้กับผู้อื่นที่สับสนในทิศทางที่จะเลือกก้าวเดิน
ตอ่ไปในอนาคตครั้งหน้า ตัดสินใจแทนพยาบาลอายากะ
ที่รู้สึกผิดเพราะอยากให้แม่ได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลบาฝั่ง
โดยไม่ถามความสมัครใจของคนที่เป็นพ่อและผู้ป่วยที่เป็นแม่ อีกทั้งเธอดันมาค้นพบว่า
ตัวเองกำลังเป็นมะเร็งในระยะแรก ผลสุดท้ายพยาบาลอายากะ
เลือกที่จะขอเรียนต่อ เพื่อหาทางกลับมารักษาแม่และหาทางบำบัดรโรคของตัวเอง
ตัดสินใจแทน ทาเคฮิโระ ที่ผลคะแนนสอบไปได้ไม่สวยนักเมื่อต้องเจอคนเก่งจากในเมือง
การที่ต้องแบกรับความคาดหวังของผู้คนที่มองว่า ทาเคฮิโระเป็นหน้าตาให้กับคนบนเกาะ
และสำคัญเหนืออื่นใด พ่อของทาเคฮิโระ ที่ยอมสูญเสียเรือประมงซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิม
เพื่อจะได้พอมีค่าเทอมให้ได้ส่งเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวน โดยยอมผันชีวิตอาชีพตัวเอง
ไปเป็นกรรมกรเเบกหาม ที่ชีวิตเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เกิดอุบัติจากการทำงาน
อีกทั้งยังถูกหลอกโดยนำเงินเก็บทั้งหมดไปลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งตอนหลังมาทราบข่าวว่า
คนที่เคยอยู่บนเกาะเดียวกัน เป็นผู้หลอกเชิดเงินไป พูดง่ายๆว่า
ซีรีย์เสมือนเป็นการต่อยอดของการล่มสลายของผู้คนในอดีตชุมนุมบนเกาะ
อย่างสูญสิ้นและบัดซบนัก ชนิดที่คนดัดแปลงบท "โนริโกะ โยชิดะ" ที่เขียนมาตั้งแต่แรก
กะจะไม่รักษาน้ำใจให้กับแฟนซีรีย์ที่คบหากันมา แบบที่ถ้าตัวละครใด
คิดสั้นฆ่าตัวตายที่หนีปัญหา ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ผิดคาดอะไรนัก
แต่คนดัดแปลงบทมีความฉลาด ที่จะตอ่เติมกำลังใจและวิธีคิดเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง
โดยผ่านคนในชุมชนที่ไกลบ้านและโชคชะตาที่เล่นตลกในภาวะฉุกเฉินของชีวิต
โดยเฉพาะตัวละครอย่าง อายากะ ,ทาเคชิโระและ ทาเคฮาชิ
ที่ต้องโดดเดียวเป็นคนเหงา จากการสวามิภักดิ์ของการเป็นคนเมืองชั่วคราว เพราะถ้า
ใครเคยได้ติดตาม บรรยากาศโดยภาพรวมของหมอโคโตะทั้งหนึ่งและสเปเชี่ยลแล้ว
คงรู้สึกและรับรู้ได้ถึงความชุลมุนวุ่นวายท่ามกลางความสุขแบบอบอุ่น
แต่พอมาภาคนี้ กลับเป็นการเรียนรู้ชีวิตทางเลือกของแต่ละตัวละคร
และดูเหมือนว่า ภาคที่สองนี้หมอโคโตะเอง ก็ได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตของตนเอง
จากผู้อื่น ที่นอกเหนือไปจากการผ่าตัด-ซื้อใจ เพราะมาตราฐานการได้ใจจากชุมชน
มันเกินล้นมาตั้งแต่ภาคแรก แม้จะมาครั้งนี้ในรูปพฤติกรรมหน้าเห่ยจะยังเหมือนเดิม
เพียงแต่ ถ้าครั้งหนึ่งหมอโคโตะเคยเป็นคนแปลกหน้า
ที่อาศัยความมีวิชาชีพและจรรยาบรรณเป็น "เครื่องซื้อใจ" คนบนเกาะโดยรวมแล้ว
มาภาคนี้ หมอโคโตะ แม้จะไม่ได้เป็นคนที่แปลกหน้าอีกต่อไป
แต่กลายเป็น "ผู้ถูกซื้อ" ในแง่ของความจริงใจ ใสซื่อของผู้คนและประสบการณ์นอกตำรา
ที่หาไม่ได้จากบนพื้นที่ชายฝั่ง โดยอาศัยธรรมชาติเป็นเครื่องชี้นำผ่านตัวสัจธรรมแห่งชีวิต
ซึ่งถ้าเป็นซีรีย์เรือ่งอื่นๆ คงจะมีวิธีคิดไปในแบบเดียวกัน แต่ทว่าสำหรับหมอโคโตะแล้ว
ไม่ว่าจะเลือกข้อไหน ล้วนแล้วแต่เป็นไปได้ทุกทาง และมีฐานการรอบรับที่ปูทางเอาไว้ทั้งคู่
สิ่งที่คนดูจะทำได้ เพียงการตามลุ้นและอธิษฐานในใจให้ตัวละครคิดเหมือนเราเท่านั้น




ผู้เขียนว่า เสน่ห์ของหมอโคโตะในภาคที่สองนั้น
เป็นการสืบเนื่องและดำเนินไปในทิศทางของแต่ละบุคคล
ไหนจะความเป็นชุมชนที่มีชีวิตชีวา ท่ามกลางตัวตนของปัจเจกบุคคลที่ตีจาก
นั้นหมายความว่า สูตรที่เคยได้ใช้กันมาโดยอาศัยนักแสดงตัวหนึ่งตัวใด
คอยเป็นตัวยืน ในภาคที่สองนี้กลายเป็นเรื่องของการบริหารชะตาชีวิตของแต่ละตัวละคร
ไปในทิศทางที่แต่ละคนได้เลือกกันก้าวเดิน ด้วยภาคนี้เขาไม่ได้จับเจ่า
อยู่กันเพียงแต่ในเฉพาะเกาะเป็นประการสำคัญ ตรงกันข้ามกับมีสัดส่วน
ของความเป็นเมือง ในอัตราส่วนที่พอสูสีกับความเป็นเกาะท้องถิ่น
โดยมีการสลับตัดถ่ายกันไปคนละเหตุการณ์ แล้วให้คนดูบริหารความเข้าใจกันเอาเอง
ยิ่งในสถานการณ์ที่เป็นดราม่าชีวิต ได้ยกระดับในการแสดงข้ามขั้นไปอีกขั้น
นักแสดงแต่ละคนทำงานได้เป็นอย่างดี เข้าขากันเสียเหลือเกิน
โดยเฉพาะการสลับฉากคล้องไปกับเพลงบรรเลงที่ประพันธ์โดย "โยชิมาตะ เรียว" เจ้าเดิม
เรือ่งนี้ยังคงรักษาระดับการทำได้ดีและมีชั้นเชิง เรียบง่ายแต่ซึมลึก
และไม่ใช่ว่าจะอารมณ์ดราม่าน้ำตาแตกซ่าน มันก็ยังคงมีลูกตลกลูกทุ่งๆ
กระจายให้กะปริดกะปรอย ตอดเล็กตอดน้อยที่แม้ไม่ฮาแต่น่ารักอยู่โดยตลอด
อีกทั้งไม่ต้องห่วงว่า คนทีเพิ่งมาดูภาคสองแล้วจะไม่เข้าใจ
ผู้กำกับ อิสามุ นาคาอิ คาซฺุฮิโระ โคบายาชิและฮิเดกิ ฮิราอิ ยังคงรักษาทรัพยากร
และเอกลักษณ์ส่วนที่ดีของหมอโคโตะได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ มีการลำดับเรือ่งย่อ
ของในภาคก่อนๆ เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างหยาบๆ ที่เหลือก็มีการชงของตัวละคร
เพื่อเสริมความเข้าใจให้ดีขึ้น อีกทั้งยังได้ใส่ความแปลกใหม่
แต่ไม่ผิดกลิ่นจนเป็นเหตุให้แฟนขาประจำต้องขุ่นเคืองกัน




แต่ความน่าเสียดาย ใช่ว่าจะไม่มี
โดยเฉพาะการไม่มีดาราคุณยายสายเหยี่ยวเจ้าประจำ อย่าง "อุชิ ทซึรุโกะ"
ที่เล่นโดย เซนคุกุ โนริโกะ เพราะคุณยายเธอได้ประกาศอัปเปหิจากวงการบันเทิง
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยวัยชราปาไปเก้าสิบกว่า อดีตเธอก็มิใช่ธรรมดา
เพราะเคยเป็นนักแสดงคู่บุญให้กับ ผู้กำกับฝรั่งปลื้ม อย่าง "อากิระ คุโรซาวะ"
ในระหว่างยุคปี 50-60 ผ่านงานบิ๊กทีใครเคยดู
ก็หาได้คุ้นหน้าเหี่ยวๆในปัจจุบัน ด้วยริว้รอยและความชราภาพที่ดูกลบเกลื้อน อาทิ
Drunken Angel (1948), Stray Dog (1949) The Quiet Duel (1949) Scandal (1950)
, The Idiot (1951) และ Seven Samurai (1954) ชนิดที่แฟนเก่าหมอโคโตะ
ที่ได้ชมภาคสอง ไปสักตอนถึงสองตอน คงต้องเปรยถามด้วยความระคนใจว่า
"ยายแกไปไหน" (งานชิ้นสุดท้ายที่ฝากไว้ คือTokyo Tower ในบทแม่ของแม่ของพระเอก)
เพราะ บทบาทในภาคแรก ถือได้ว่าเป็นตัวละครที่สำคัญและมีสีสันสำหรับเรือ่งอย่างมาก
แต่การไม่มีแกในภาคนี้ ก็ไม่ได้ลดทอนต่ออรรถรสของท้องเรื่องไปแต่อย่างใด
แม้ในตอนแรก ผู้เขียนจะเอะอะโวยวาย ทำท่าว่าจะส่งอีเมล์ประท้วงไปยังศาลโลก
เพื่อไถ่เธอคืนมาสู่วงการ แต่ทว่า ก็โดนปิดปากอย่างสนิทใจ
เมื่อทีมงานเขาได้ระดมพล เพื่อคัดสรรตัวละครใหม่เข้ามาเสริมรสชาติ
ในฐานะที่สร้างสีสันและเงื่อนไขใหม่ ให้เรือ่งของภาคสองแลดูเข้มข้นขึ้น
เพราะต้องเข้าใจว่าตัวละครอย่างนางพยาบาลอายากะ เลือกที่จะไปเรียนต่อในเมือง
นั้นย่อมต้องหมายความว่า ตำแหน่งผู้ช่วยพยาบาลสาวต้องว่างลง
งานนี้ทางอำเภอจึงต้องมีการอิมพอร์ตนางพยาบาลจากนอก(เกาะ) หวยที่ได้ จึงเป็น
"นากาอิ มินะ" ที่รับบทโดย อาโออิ ยู (จากซีรีย์ แม่นาง Osen)
แม้จะเป็นพยาบาลสาว สวย เปิ้นและติดลูกโก๊ะเล็กน้อย แต่ทว่ากว่าจะได้การยอมรับ
ของคนบนเกาะ ก็ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่สถาบันโคโตะก็รองรับให้กันไม่ได้
มินะจัง จึงต้องอาศัยความมุมานะ ทุ่มเท แม้ในตอนแรกทำท่าว่าเห็นเลือดแล้วเจ๊จะเป็นลม
กระนั้นสุดท้ายความสวยก็นำพา แม้ฝีมือการรักษาจะพึ่งพาไม่ค่อยได้สนิทใจนัก
ดูจะผิดหลักกับการเลือกเล่นบทของน้องยู ที่มักจะมาในแนวเลิศเลอแสนเฟอร์เฟ็กท์
แต่หน้าตา ก็ถือได้ว่าเป็นโอสถชั้นเลิศที่ธรรมชาติสร้างขึ้นให้กับวัยสาว
ดังนั้นเวลาเครียดๆ หมอโคโตะภาคสองก็ช่วยรักษาโรคทางใจสำหรับผู้เขียนได้เยอะ
มากเสียยิ่งกว่า เจ๊โค ชิบาซากิ ในบทพยาบาลอายากะในภาคแรกจะพอช่วยได้เสียอีก
แต่การมาของมินะในครั้งนี้ คงได้ใจคนในคลินิกบางคน
โดยเฉพาะผู้ช่วยหนุ่มพยาบาล "วาดะ" จะได้โชว์แมน-แจ้งเกิด มีคู่กับเขาสักที
แต่ทว่า สุดท้ายก็ต้องมารู้ความจริงที่่น่าปวดใจบางอย่างของพยาบาลมินะเข้า
ก็ยิ่งเป็นการเข้าทางให้ส่งเสริมความโชว์ซูเปอร์แมน โดยไม่ต้องอาศัยการเล่นกล้อง
ถ่ายดะไปทั่ว แบบที่เห็นในภาคแรกอีกต่อไป




อีกภาคที่น่าเสียดาย คือ บทเพื่อนร่วมรุ่นวัยเด็กของทาเคฮิโระ
ที่ถูกลดสัดส่วนให้เหลือน้อย จนน่าตกใจ กลายเป็นทรัพยากรที่ถูกทิ้งร้างอยู่บนเกาะ
สำหรับภาคที่สองไป จึงเห็นมากสุดแค่บทพูดไม่กี่ฉาก ที่เหลือจากนั้น
ก็เป็นการสลับฉากเพื่อแก้ความเลี่ยนทางใบหน้าของนักแสดงหลักๆ
โดยเฉพาะ คูนิโอะเพื่อนวันเด็ก หรือ ฮินะสาวป๊อปปี้เลิฟ ที่น่าเสียดายส่วนนี้อย่างแรง
แน่นอนว่า การกลับมาถ่ายทำอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงไปสามปี ตัวละครเด็ก
ต่างเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงห้าวขึ้น ตัวโตขึ้น สู่ยุคแห่งการเจริญพันธ์
ที่ถ้าไปเทียบกับดารารุ่นเดียวกันจากเรือ่งอื่น ก็อาจเป็นบุคคลบ้านๆในที่สุด
การได้เล่นเป็นดาราวัยรุ่นในหมอโคโตะ ถือเป็นความโชคดีใหญ่หลวง
แม้ว่าเอาเข้าจริง จะเป็นซีรีย์ที่เจาะตลาดคนสูงวัยก็ตามที
แม้แต่ "ป้าเนเน่" ที่เล่นเป็น "เจ๊มาริโกะ" เจ้าของร้านอาหารประจำเกาะ
ก็ถูกหั่นให้บทยังน้อยตาม มาโผล่เวลาสำคัญในช่วงท้ายๆ
ที่มาให้ท้่ายและเสริมกำลังใจตัวพ่อทาเคชิ เเม้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดยังไม่ชัดเจน
ว่าตกลงมีสถานะอะไรกันแน่ คลุมเครือเสียยิ่งกว่าหมอโคโตะกับอายากะสักอีก
อันนี้ความเห็นส่วนตัว เด็กเล่นน้อ่ยไม่ว่า แต่ป้าเนเน่นี้ ขอกันไม่ได้เลยเหรอไง!




พูดอย่างนี้ ก็ต้องเอาหลักกาลามาสูตรเป็นเครื่องบ่งชี้
ว่าอย่าได้เชื่อสืบๆกันมาแต่อย่างใด แต่อย่างที่เคยบอกไว้ในภาคสเปเชี่ยล ว่า
"ยังคงได้รับรางวัล Galaxy Awards ครั้งที่ 44 ในสาขารางวัลพิเศษ
ฝ่ายทีมโปรดักชั่น ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้ว โอกาสของการเชิดชูทีมงาน
จากความเป็นซีรีย์ภาคต่อ ดูจะไม่ง่ายนัก"
แต่รางวัล อาจมิใช่สถาบันให้ชวนคาดหวังแต่อย่างใด
เพราะหลายคนไปไม่ถึงฝั่งฝัน ด้วยฤทธิ์ของการเป็นอาร์ทขั้นเทพ
แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนความเป็นงานมหาชนได้ดี โดยสถาบันเรตติ้ง
Video Research, Ltd ที่พอเป็นมาตราฐานชี้วัดประการหนึ่งในการ
เลือกสรรงานซีรีย์ ด้วยอัตราค่าเฉลี่ยที่ดีโคตรในระดับ ๒๒ กว่า
(ขณะที่หมอจิน ได้ไปเพียงเฉลี่ยที่ ๑๙) ตอนนี้ก็ได้แต่รอคอยภาคสาม
ที่คิดว่าทางสถานีฟูจิคงทำแน่ แต่จะจัดสร้างลงมือทำเมื่อไรอันนี้ยังไม่รู้
(เพราะถ้าทิ้งช่วงสามปี ที่สร้างขึ้นภาคแรกในปี ๒๐๐๓ มาภาคสองในปี ๒๐๐๖
ภาคสามก็น่าจะเป็นปี ๒๐๑๐ แต่ยังไม่เห็นมาแหะ)




โดยภาพรวม ถือเป็นงานสไตล์โคโตะที่ไม่ง่าย
เพราะโดยปกติ ผู้เขียนดูซีรีย์เรื่องหนึ่งเรือ่งใด มักจะจดจำได้เฉพาะเพียงบางตอน
และบางฉาก แต่ในซีรีย์หมอโคโตะแล้วกลับเป็นกลุ่มก้อนและความรู้สึกโดยรวม
ด้วยการดำเนินเรือ่งแบบแยกกระจาย คลี่คลายไปในช่วงเวลาเดียวกัน
กลายเป็นภาคที่แสดงยัตถาปัจจตัง อันยากจะประสานความซ่านเซ็น
ให้กลับมาเป็นกลุ่มก้อนเฉกเช่นเดิมเหมือนกันในภาคแรก
แต่ผู้กำกับก็ยังควบคุมกรรมวิธีแบบโคโตะ ที่เป็นสไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตน
ทั้งการตัดต่อ ลำดับภาพ แสง มุมกล้อง การเล่าเรือ่ง มุขตลก
เป็นความหนักหนาที่ไม่ฟูมฟาย ยังพอเห็นประกายความหวังในช่วงเวลาที่ริบหรี่
แม้ปัจฉิมบทของภาคที่สอง จะลงเอยได้อย่างสวยงาม แฮปปี้กันไปในเปราะหนึ่ง
ซีรีย์ยังเปิดช่องว่างทางทรัพยากรเรือ่งราวในตอนท้าย เพื่อเปิดประเด็น
ให้ทีมงานได้เล่นพอเอาไปทำภาคต่อ ไม่จำเป็นต้องมุทะลุไปนั่้งเทียนเขียนเรือ่งในภาคหน้า
เพราะมีสิ่งที่ค้างคา ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาเป็นพยาบาลของอายากะบนเกาะอีกครั้ง
เส้นทางการเป็นหมอของไอ้หนุ่มทาเกฮิโระ การหวนกลับคืนทะเลของตัวพ่อทาเคชิ
ไหนจะสายปริศนาที่หมอโคโตะติดต่อไปยังคนที่บ้าน ที่ร้อยวันพันปีจะโทรหาให้เห็น
นี้ยังไม่นับแรงบันดาลใจของการอยากจะเป็นหมอของหมอโคโตะเอง
ยังไม่รวม แบบแผนการรักษาตามมาตราฐานทางการแพทย์ที่ยังหลอกหลอนไม่เลิก
ในภาคที่หนึ่ง ก็กลับมาสะกิดใจอนาคตของหมอโคโตะว่าจะเลือกเส้นทางทางการแพทย์อย่างไร
เรียกว่าการเดินทางของชีวิต ยังเป็นแค่เพียงการเริ่มต้น
และประมาณการถึงความเข้มข้นในลำดับต่อไปของเหตุการณ์
ที่ไม้ถูกพื้นรองรับการซับน้ำตา น่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่า........





ครั้งหนึ่งเคยร่ายซีรีย์โคโตะภาคแรก ไว้ที่Dr.Koto หมอชนบท,หมอเกาะ,หมอโคโตะ



ครั้งหนึ่งเคยร่ายซีรีย์โคโตะภาคสเปเชียล ไว้ที่ Dr.Koto Special วิถีที่เพียงพอของหมอโคโตะ


Create Date : 06 ธันวาคม 2553
Last Update : 13 กันยายน 2555 23:48:36 น. 7 comments
Counter : 1945 Pageviews.

 


โดย: MaFiaVza วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:3:37:02 น.  

 
อ่ะ มีทั้ง special และภาค 2 ...เราต้องไปตามล่าอีกแล้วซิ
ญี่ปุ่นชอบทำซีรีย์สั้นๆ เนอะ แล้วก็ออกมาหลายภาคแบบนี้
ไม่เหมือนเกาหลีกับไทย พี่ท่านเลยลากกันไปถึง 20 กว่าตอนทุกที
ที่เคยสนุกก็เลยออกจะยืดยาดน่าเบื่อ


โดย: นัทธ์ วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:7:41:27 น.  

 
ชอบตั้งแต่ภาค 1 แล้วค่ะ เลยไปหาการ์ตูนมาอ่าน เดี๋ยวจะต้องไปหาภาค 2 มาดูให้ได้เลย


โดย: แพรพัตรา วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:8:06:18 น.  

 
ภาค2นี้อ่านดูแล้วชักอยากดูขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
ทั้งๆที่ภาคแรกดูแล้วก็ไม่ปลื้ม ภาคสเปเชี่ยลก็งั้นๆไม่นึกอยาก
เพราะจากความที่ไม่ชอบบุคลิกเห่ยๆแหยๆของอีตาหมอโกโตะ
หวังว่าภาคนี้คงไม่แหยขนาดภาคหนึ่งนะ
ไม่อย่างนั้นจะเอาปูนแดงป้ายหัวจขบ.ที่เขียนเชียร์ซะให้อยากดู
ขนาดบอกว่า"สิ่งที่คาดหวัง-สิ่งที่ได้รับ=กำไรจากสิ่งที่เกินความคาดหวัง"
ให้เครดิตมากเลยนะนี่ แต่อ่านดูแล้วท่าจะดราม่าหนัก
ขนาดบอกว่าต้องเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้เป็นแพ็ค
สิ้นเปลืองค่ะ ใช้ผ้าเช็ดตัวดีกว่า ช่วยลดโลกร้อนค่ะ
ขอเสียดายมากด้วยคนค่ะที่"ขวัญใจ"ไม่ได้เล่นแล้วในภาคนี้
แล้วคุณยายอุจิ เขาเขียนบทให้ไปไหนล่ะคะ
อยู่ๆคงไม่ปล่อยให้หายตัวไปเฉยๆมังคะ
แต่คนที่มาแทนจขบ.คงยิ้มแก้มปริล่ะสิ ได้น้องยูสนมเบื้องขวามาเสียบแทน
น้ำตาลคงขึ้นเต็มเกาะล่ะสิกับรอยยิ้มของเธอ
แล้วมาเป็นคู่ของคุณวาดะหรอกเหรอคะ นึกว่าของหมอโกโตะซะอีกค่ะ
เพราะไม่ปลื้มชิบาซากิ โค ชอบน้องยูมากกว่าค่ะ
เพราะเรื่องนี้ชิบาซากิ โค หน้าตาทรงผมดูแห้งแล้งเหลือเกิน
เขียนบทให้เธอป่วยเป็นโรคร้ายแรง ก็คงเหมาะสมดีหรอกกับหน้าตาในเรื่อง
เพราะดูจากรูปที่แปะก็ดูไม่แตกต่างไปจากภาคแรกสักเท่าไหร่
เรื่องนี้ดูจากratingเฉลี่ยสูงกว่าหมอจินอีกเหรอคะ ไม่ธรรมดาเลยนะคะ
ที่ซีรีส์ภาคต่อจะทำratingเได้ดีขนาดนี้
เพราะratingดีขนาดนี้หรือเปล่าคะ ถึงทิ้งเชื้อไว้ทำภาค3ต่อ หรือจขบ.คิดไปเองคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.15.201 วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:10:51:13 น.  

 


โดย: หน่อยอิง วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:16:05:29 น.  

 
หมอโคโตะนี่ อ่านเจอที่ไหนก็มีแต่คนเอ่ยชมทุกหัวระแหงนะคะ จัดเป็นซีรีย์ที่ที่ต้องดู แต่จะดูเมื่อไหร่นั้น ต้องรอคิวซีรีย์ของบรรดานักแสดงที่ชื่นชอบ ตกหลุม ตกหล่ม ไปให้สร่างซาก่อน แบบว่า ในความบันเทิงขอเลือกหน้าตาสักเล็กน้อย

จะว่าไปดูซีรีย์ที่พระเอกไม่หล่อนางเอกไม่ถูกใจมาก็ตั้งเยอะ ต้องยอมรับว่า ชิบาซากิ โค นี่หน้าตาเธอแรงส์เหมือนกัน เป็นอุปสรรคขัดขวางในการตั้งต้นตั้งแต่ซีซั่นหนึ่ง แต่ละเรื่องที่ดูผลงานของเธอ ได้พลังของคุณพระเอกมาข่มอกข่มใจไว้ทั้งนั้น เช่น ป๋าทาคุยะ ใน Good luck และ a million star falling from the sky โจ โอดางิริ La Maison de Himiko , โยสุเกะ ใน Go แต่ยอมรับว่าเธอก็เป็นนักแสดงฝีมือดีนะ

เท่าที่อ่านซีรีย์ดูมีการพัฒนาเนื้อหาและความเป็นไปของตัวละครอย่างต่อเนื่องดีนะคะ รอก่อนนะ หมอโคโตะ หมอจินพ้นโหลดองเมื่อไหร่ หมอโคโตะ คงได้ลงจอ (โค ก็โคสิน่า)





โดย: prysang วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:0:42:38 น.  

 
ซื้อมานานแล้วค่ะ แต่เพิ่งได้ดู ชอบมากๆ เสียน้ำตาทุกตอนเลยค่ะ ชอบจนอยากจะไปเที่ยวเกาะนี้เลย ขอบเนื้อเรื่อง ตัวละคร บรรยากาศ เพลงประกอบก็เพราะมาก โดยเฉพาะเพลงบรรเลง ซาบซึ้งประทับใจจริง ๆค่ะ


โดย: candy IP: 49.237.78.145 วันที่: 12 กันยายน 2555 เวลา:20:41:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.