A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Yasuko to Kenji สิงห์คะนอง น้องหนูขอร้อง



ผู้เขียนไม่รู้หรอกนะว่า พี่น้องจะรู้สึกเช่นไรกับข่าวคราวของเหล่าบรรดา
แก็งค์ซิ่งครองเมือง ที่บิดแหว๋นกันตั้งแต่ถนนหลวงไปจนถึงมุมตรอกท้ายซอย
เพียงได้เห็นข่าวประเภทตามหน้าจอทีวีไทยด้วยแล้ว
ก็มีความรู้สึก เซ็ง-เบื่อและวุ่นวาย อาจสบถบรรพบุรุษเหล่ากอตามสภาพ
แต่ผิดกับเด็กแก็งค์ซิง่ครองเมือง ที่เป็นซีรีย์คอมเมดี้จากค่าย NTV ของญี่ปุ่น
ที่พออ่านเรื่องย่อพอประมาณ ดันไปมีความรู้สึก
ตื่นเต้น เฝ้ารอ กระวนกระวาย และอยากยกธูปกราบบูชาบรรพบุรษตามเหล่ากอสภาพ
ด้วยผลผลิตทางทุนวัฒนธรรมเฉพาะของค่ายนี้ ที่มักจับกลุ่มแบดบอย
มาปู้ยี้ปู้ย่ำทำซ้ำแปรสภาพ ให้กลายเป็นงานอรรถรสเย้ยสภาพแห่งโลกความเป็นจริง
ที่ไม่กะเอาให้ขำเป็นตาย แต่ก็มีความหมายดีๆแอบแฝง
เพียงแต่เขาเอาจุดขายในความสนุกเป็นที่ตั้ง แต่ลับหลังก็เล่นเอาซึ้งจนน้ำตาคลอ





เหตุที่ทำไมต้องเป็นค่าย NTV นะเหรอ?
เพราะค่ายนี้มีมาตราฐานการทำเรื่องในแนวแบดบอย จนเป็นล่ำเป็นสัน
มีความแม่นยำ ในการร้อยเรียงและยิงฉมังได้ตรงจุดโดนใจวัยสะรุ่น
มีสูตรสำเร็จเฉพาะของทางสถานี ที่ถือเป็นสูตรตายสนิท ชนิดที่แวดวงอโคจรไหน
เข้าใกล้ในรัศมีสูตรการันตีสำเร็จแบดบอยคัมปานีนี้เข้า เป็นต้องเสร็จทุกราย
และไปมีความหมายเป็นบวกอยู่เสมอ
ทำให้นักชมคราวรุ่นและเคยรุ่น เห็นเข้ายังปรีดาและชักเริ่มแยกแยะสังคมเลวในคนดีไม่ถูก
ไม่ใช่ชนิดที่ดูข่าวแล้วตามมาตบซ้ำปัญหา แต่เป็นการขุดปัญหาสังคมเยาวชนที่ว่าหนักๆ
เอามาขัดเกลา เขย่ามุข แล้วเข้าสู่กระบวนการอนิเมทลิเซชั่น
ให้แลมีความเป็นการ์ตูนภายใต้บริบทของปัญหาที่ซุกซ่อนจริงภายในสังคม
ที่ดูแล้วอาจเรียกอารมณ์ขำปนฮา แต่ขณะเดียวกันก็รับรู้ว่าปัญหานี้ยังมีจริงบนท้องถนน
มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว ล้วนแล้วแต่สร้างชือ่ให้กับสถานี NTV ทั้งสิ้น
อาทิ Gokusen ทั้งสามภาค ,My Boss My Hero และรวมถึงเรื่องนี้
Yasuko to Kenji ที่ผู้เขียนอยากตั้งชื่อภาษาไทยว่า "แก็งค์ซิงสิงห์คะนอง น้องหนูขอร้อง"




I'm Oki Yasuko.Ever since our parents died in an accident
I've been living with my brother.It's absolutely terrible.
He hides his indentity as a manga artist
because he's actually a loud ex-biker gang leader.
(ฉันชื่อโอกิ ยาสุโกะ นับตั้งแต่พ่อแม่ของเราได้ตายไปด้วยอุบัติเหตุ
ฉันก็ได้อาศัยอยู่พี่ชายเพียงสองคน มันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้
เขานะได้หลบซ่อนตัวตนด้วยการผันมาเป็นนักวาดการ์ตูน เพราะอะไรนะเหรอ
เพราะเขาเคยเป็นหัวหน้าเด็กแหว๋นชื่อเสียงนามกระฉ่อนนะสิ)


Also my crush's sister seem to be a rival of his
Surely,it's like a Romeo and Juliet scenario.
(อีกทั้งนะ น้องสาวผู้แสนจะบอบบางอย่างฉัน ยังถูกกระทำเยี่ยงนักโทษในสายตาเขา
แน่ละสิน้อ มันไม่ต่างไปจากบทประพันธ์ ในโรมิโอแอนด์จูเลียทเลยว่าไหม)



Yasuko to Kenji เป็นซีรีย์ที่ทำมาจากการ์ตูน ที่ลงในเครือของนิตยสารโชนัน
โดยทั้งวาดและสร้างพล็อกเรื่องเอง ภายใต้นามนักเขียน "อารุโกะ"
เป็นเรื่องราวของพี่น้องกำพร้าคู่หนึ่ง ที่บิดามารดาเส่ียชีวิตจากอุบัติเหตุ
เมื่อสิบกว่าปีก่อน พี่ชายจึงต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการวาดการ์ตูนตาใสหาเลี้ยงชีวิต
เพื่อส่งเสียเลี้ยงดูน้องสาว "โอกิ ยาซุโกะ" ที่กำลังโตเป็นสาวเข้าสู่ชีวิตมัธยมปลายเต็มขั้น
ด้วยช่องว่างระหว่างวัย จึงเป็นเหตุให้เคนจิ เป็นพี่ชายที่เข้มงวดและหวงน้องสาว
ยิ่งกว่าไข่ในหิน ซึ่งสร้างความอึดอัดใจในการใช้ชีวิตวัยรุ่นของยาซุโกะเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ในอดีตพี่ชายของยาซุโกะ ซึ่งก็คือนายเคนจิ
เคยเป็นหัวหน้าแก็งค์มอเตอร์ไซด์ประจำถิ่น ที่มักมีเรื่องขัดแย้งในการทับซ้อนพื้นที่
กับหัวหน้าแก็งค์อีกฝ่าย ที่ชื่อ "ซึบากิ เอริกะ" เป็นหัวหน้าแก็งค์มอเตอร์ไซด์ฝ่ายหญิง
ที่แอบปลื้มนายเคนจิ ทั้งๆที่เป็นคู่แข่งต่างแก็งค์ มาแต่ไหนแต่ไร
เมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่าน แต่ละฝ่ายก็แปรสภาพจากกลุ่มคนใต้ดิน
โผล่พรวดขึ้นมาทำสัมมาอาชีพอยู่บนดิน ที่ปัจจุบัน
เอริกะหันมาเปิดร้านขายดอกไม้ ใช้ชีวิตเป็นสาวอินโนเซนท์เส้นตื้น
เสมือนหนึ่งว่าไม่เคยข้องเเวะกับทางอโคจรใดใดเลยมาก่อน
ความที่ร้านดอกไม้ เป็นทางผ่านระหว่างบ้านกับทางโรงเรียนของน้องยาสุโกะ
เลยทำให้ยาสุโกะกับเอริกะมีความสัมพันธ์อย่างเข้าอกเข้าใจแบบแนบแน่นแสนจะใกล้ชิด
นอกจากนี้น้องชายของเอริกะ ที่ชื่อ "ซึบากิ จุน" ก็เป็นถึงหนุ่มดาวโรงเรียน
ที่ตัวน้องหนูยาสุโกะแอบปลื้ม ในอารมณ์ไม่ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ารักแต่ประการใด
แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็มาติดอยู่ในปัญหาประการเดียว คือ ตัวพี่ชายเคนจิ
ที่นอกจาก จะเขี้ยวกับน้องสาวเพียงคนเดียวไม่หาย อีกด้าน
ก็ยังประกาศความเป็นศัตรูของสองตระกูล แบบคงทนและถาวรที่ฝังรากลึกใส่กลุ่มตระกูลซึบากิ
ชนิดที่ถ้าบ่าวโรมิโอเกิดดันมีใบขับขี่ และสาวจูเลียทขี่มอเตอร์ไซด์เป็น มันก็คืองานวรรณกรรมอมตะของ
เช็คสเปียร์สชัดๆเลย






เนื้อเรื่องก็มีสั้นๆแค่นี้ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมึนงงมากมาย
จะว่าไปพล็อกเรื่องในแต่ละตอน ก็หมุนวนในประเด็นแก่นหลักเดิมๆ
ที่นึกสงสารความเป็นทายาทสารบบสกุลนักเลง เพราะสังเกตมากี่เรื่องๆ
ตัวเอกก็ต้องแบบเบาะในความเป็นลูกกำพร้าพ่อแม่ สภาพอุบัติเหตุไม่ตายดีแบบยกครัว
ที่มักจะบอกเกริ่นแต่เนิ่นๆแล้วยังไม่ชัดเจน ให้บุตรที่เกิดจากสายสกุลอโคจร
เสริมกำลังความมีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากเทือกบิดามารดาโดยปกติวิสัย
แต่ทว่า กลับไปได้ความรักความอบอุ่นเป็นพลังทดแทน ที่ทำถ้าว่าจะไม่แพ้รักแท้ของพ่อและแม่
ทั้งจากเครือญาติก็ดี หรือบริวารที่ยังพอมีเหลืออยู่





ผู้เขียนไม่รู้หรอกนะว่า วง "Tokio" จะมีอิทธิพลต่อกลุ่มวัยรุ่นบ้านเขาแค่ไหน
แต่การใช้ทรัพยากรบุคคลเชิงภาพลักษณ์ (imaged personal resource)
ก็ทำให้สมาชิกอย่างน้อยๆก็สองคน คือ นางะเซะ โทโมยะและ มาซึฮิโระ มัตซึโอกะ
มีสัญญะของความเป็นแบดบอย ปรากฎขึ้นติดตัวในแบนด์ของวง tokio
อย่างน้อยๆ ในความรู้สึกของผู้เขียน ที่แม้จะร้องฮัมไม่ได้สักเพลง แต่หลงเชื่อไปว่า Tokio
มีความเป็น "กบฎทางสังคม" แฝงอยู่ในตัวตนของวงการเพลง
ที่แม้ไม่ได้เอากีต้าร์เขวี้ยง หรือไล่กระทึบกล่องชุด แต่ก็เผลอไปเชือ่มโยงจากสิ่งที่เห็นในซีรีย์
อย่างที่โรล็องด์ บาร์ตส์ ผู้อธิบายสัญวิทยาและมายาคติ ว่าในทุกๆตรรกะที่สื่อความหมาย
โดยใช้สัญญะ เป็นมายาคติสื่อความหมายที่อาศัยการยึดครองวัตถุ โดยพิจารณาซึ่ง
ประโยชน์ใช้สอยควบคู่กับลักษณะของวัตถุ เป็นการสวมทับความหมายไปอีกชั้น
สร้างภาพลักษณ์การเป็น "ไอ้เสือกลับใจ" ที่นอกจากจะเป็นคนดีที่ตอนสุดท้ายแล้ว
ซีรีย์ยังได้สอดแทรกความเป็นสัญญะแบดบอยไว้ในตัวบุคคล
อย่างน้อยๆ ก็ทำให้วง tokio ในการรับรู้ของสาธารณชน มิใช่วงเด็กดิอินโนเซนท์อีกต่อไป
สำหรับนายมัตซึโอกะ เรื่องนี้อาจจะทำให้ช่องว่างของความอยากชิดใกล้
นั้นดูห่างไกล เมื่อเทียบกับครั้งที่แสดงใน Psychometer Eiji กับ Nurseman
เพราะพี่แกเล่นได้แรงและแลดูสถุล ตามสไตล์ของเด็กแหว๋นนอกรัง
เข้าใจว่าหลังจากการซ้อหลังเลิกวง อาจมีการติวเป็นการส่วนตัวกับรุ่นเพื่อน อย่าง
เจ้าโทโมยะ ที่่ผ่านงานแสดงกุ๊ยๆ อย่าง My Boss My Hero หรือ Tiger and Dragon
ว่าจะเอาความร้าย บวก ฮา ผสมให้สมประกอบอย่างไร ให้สัมฤทธิ์ผลแก่คนดู
ส่งผลให้ ฉากการเจรจาล้มโต๊ะ(กินข้าว) และพฤติกรรมของอาการหน้างิกเพราะคิดเก็กการ์ตูนไม่ขึ้น
กลายเป็นสิ่งที่ติดตัวและยังขาดเสียมิได้ในแต่ละตอน จะเสียดายก็ตรงที่สูตรสำเร็จ
แบบคนดีสองบุคคลิก ที่จำต้องปกปิดความจริงเอาไว้เพื่อกะเอาฮา
ใน Yasuko to Kanji ดูจะไม่จำเป็นต้องปิดมิดชิดอะไรมากมาย
ยังคงปล่อยตัวตนที่เป็นอยู่ และอยู่อย่างที่เคยเป็น ให้กับนายเคนจิได้ปฎิบัติตน
ทั้งในส่วนหน้าฉากและหลังฉากอย่างเต็มที่ และเต็มทาง
อยา่่งน้อยก็เป็นจิ๊กโก๋ประเภทปากร้าย แต่ใจดี แสดงออกลึกๆแต่ละที
ก็ต้องมีลูกเล่น ลีลา และลูกแก้ตัว แถมท้ายมาเสมอ
แต่กระนั้นก็ได้ใจสำหรับคนดู ที่ชอบอะไรที่ดูตรงๆแรงๆ ตามสไตล์เด็กบู้ที่ไม่ต้องการอะไรเยิ่นเย้อ
แต่มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า ถ้าน้องคนใดได้ตัวละครอย่างนายเคนจิเป็นพี่แล้วไซร้
ต่อไปภายภาคหน้าเกิดเป็นอัมพฤตอัมพาตหรือสวมชุดเจ้าหญิงนินทากระทันหัน
อย่างน้อย ก็จะมีกระทาพี่ชายนายเคนจิคอยอยู่เฝ้าไว้มิได้ห่าง





สำหรับ หนูมิกาโกะ ทาเบะ ที่เล่นเป็น "ยาสุโกะ" น้องสาวเจ้าเคนจิ
ที่เผลอแป้ปๆ น้องแกก็โตเป็นสาวอย่างสมใจ นับตั้งแต่ติดตามจากงาน
ภาพยนตร์ชิ้นแรกๆ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหุ่นกระป๋องHinokio เมื่อสักห้าปีก่อน
จนต่อมาดูเหมือนจะไปเป็นศิษย์รักของ ผกก. แนวฝันวันมัธยมปลาย อย่าง
มาซาฮิโกะ นากาซาวะ เพราะโผล่ไปเป็นตัวเอกในหนังของ ผกก.
ให้นักแสดงคนอื่นอิจฉาเล่น อาทิ way of blue sky และ Night Time Picnic
ในซีรีย์เรื่องนี้ เธอดูจะเล่นได้เด่นกว่าใครๆ ในฐานะตัวศูนย์กลางของการดำเนินเรื่องทั้งหมด
ขณะเดียวกันด้วยวัยที่กำลังน่ารักสดใส และการมองโลกในแง่ดี
มีกำลังใจในการใช้ชีวิตท่ามกลางสังคมของครอบครัวที่ไม่น่าพิสมัยในสายตาใครๆ
เป็นเด็กหญิงต๊องๆ ที่มีความได้เปรียบกว่านักแสดงรุ่นเดียวกัน
ที่ได้รับการบ่มเพาะทางงานแสดงตั้งแต่ยังอายุย่างเข้าทำบัตรประชาชน
แค่ได้เห็นหน้านังดูคนนี้ ก็เชื่อแล้วว่าบริวารแวดล้อมทั้งหลายย่อมต้องมีความสุข
จากรอยยิ้มที่สดใสตามเธอไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะถ้าตัวละครตัวนี้
ไม่สามารถซื้อใจคนดูได้ตั้งแต่เริ่มเรื่อง ก็เห็นท่าว่าซีรีย์เรื่องนี้จะเดินต่อไปได้ลำบาก
เพราะเราไม่อาจคาดหวังความมหัศจรรรย์จากพล็อกเรื่องอันเกลื่อนกลาด
ที่ปัจจุบันนานเข้า กลายเป็นสูตรสำเร็จธรรมดาสูตรหนึ่งของค่าย NTV ไปเสียแล้ว
อืม ลืมบอกไปอีกว่า คนที่มาเล่นเป็นหนูโยสุโกะในวัยเด็ก คือ นักแสดงเด็กคนเดียวกัน
ที่เล่นในเรื่อง Flowershop without Roses ซึ่งหนูยูกิคนนี้
ก็ยังคงรับบทผลิตน้ำตาเรียกคะแนนความสงสาร
ตามความสามารถถนัดถนี่ ที่ไม่สงสารเบ้าตาตัวเองอีกเช่นเคย
ซึ่งนับแต่ flowershop น้องหนูก็มีงานชุก ที่แม้เจียดเวลาเพื่อเบียดเวลาเรียนไม่ได้
แต่หลายค่ายก็นิยมนำน้องหนูมารับบทนางเอกวัยเด็กในฐานะดารารับเชิญ
สักตอนสองตอน ซึ่งคงพอค่าเล่าเรียนต่อไปได้อีกหลายเทอม





ส่วนคนที่ดึงดูดในเบื้องต้น ตั้งแต่เห็นลิสต์ในรายชื่อนักแสดงแล้ว
คงหนีไม่พ้นน้องเรียวโกะ ฮิโรสุเอะ ที่ยังอยากคงสรรพนามตามชื่อว่าน้องตลอดไป
ด้วยการติดตามผลงานการแสดงมานับเป็นสิบกว่าปี
ถ้าว่ากันด้วยความสามารถทางการแสดงแล้ว เจ๊ฮีโระสุเอะก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใครๆ
แต่ในซีรีย์เรื่องนี้ที่ต้องเล่นเป็นสาวสองสถานะ ที่หน้าฉากเป็นสาวหวานร้านดอกไม้
แต่อดีตเบื้องหลังเป็นถึงหัวหน้าแก็งค์มอเตอร์ไซด์ขาใหญ่ ไม่ใช่เด็กสก๊อยสวมกางเกง
ขาสั้นลายดอก ซ้อนท้ายไอ้หนุ่มเด็กแหว๋นที่ไหน
ที่แม้แต่เส้นทางอิทธิพล ยังไปทับขาและเบิ้นท่อไอเสียใส่หัวหน้าแก็งค์อย่างเคนจิเข้า

รู้สึกได้ถึงบารมีที่ถูกกดทับ โดยไม่สมกับประสบการณ์อันเชี่ยวและพรสวรรค์ที่มีอยู่
ถ้าดูเอาเรือ่ง ก็คงหมดเรื่องที่จะคุย เพราะเจ๊เรียวโกะเธอหวานเกินจะเชื่อว่าเคยเลวมาแต่ไร
แต่ถ้าดูอย่างไม่เอาเรือ่งเอาราวนัก แล้วมีใครสักคนกล่าวขึ้น
อย่างกระทบกระเทียบเข้าให้ว่า เจ๊แกเล่นได้อย่างดูออกเลยว่ามันเป็นการแสดง
ผู้เขียนผู้นี้ คงจะสวนกลับออกไปว่า "เออ แล้วคนอื่นมันไม่ได้แสดงรึไงกันละ(ฟะ)"
แต่ถึงกระนั้นก็เจียมตนว่า ในระยะหลังๆ เจ๊ฮีโระสุเอะเธอรับเล่นซีรีย์แต่ละเรื่อง
ได้ไม่เข้าตาผู้เขียนเลย ไม่ว่าจะเป็น triangle, Long Wedding Road
รวมทั้ง Yasuko to Kenji ด้วยก็ตาม เข้าใจเอาเองอีกแล้วว่า
เอเยนซี่ผู้เลือกบท น่าจะมีปัญหาต่อการใช้ทรัพยากรตัวบุคคลของฮีโระสุเอะ
หรือไม่ก็องค์ประกอบโดยภาพรวมของเรื่อง มันมีปัญหาเกินกว่าที่เจ๊ฮีโระสุเอะจะแบกรับไหว
ถ้าดูให้พอหายคิดถึง คงหายขาดเพราะแต่ละเรื่องที่รับเล่น
ล้วนแล้วแต่เทช่วงเวลาให้กับเจ๊อย่างล้นเหลือ ในบางช่วงที่ไม่น่ามีก็ฝืนบังคับให้มันมี
ถ้าดูอย่างมีเป้าหมายอย่างสูงสุดแบบผู้เขียน เรื่องนี้ก็ถือว่าสมหวังดั่งตั้งใจ
แบบไม่พกสาระใดใดให้รกสมอง นอกจากหน้าตางามๆของใครไม่กี่คน





รวมถึงเครื่องมือที่สร้างประสิทธิภาพสูตรสำเร็จทางต่อมฮา
ที่ทาง NTV ใช้ในการตีกินมาโดยตลอดอย่างได้ผล คือ เหล่าลูกเห็บลูกหาบ
หรือเรียกง่ายๆว่า ลูกสมุนที่ต้องเป็นสองรองหัวหน้า ที่เคยใช้กันมาได้ดี
อย่างในซีรีย์ Gokusen ก็มีบ่าวรับใช้อ้วน-ผอม นายหญิง อย่าง เท็ตซึ กับ มิโนรุ
ขณะที่ My Boss My Hero เลือกใช้คู่หูต่างวัยรับใช้คูโจ อย่าง เทรุยะกิ กับ คาซึยะ
ดังนั้น Yasuko To Kenji ก็ไม่หลงลืมที่จะใช้สูตรนี้ เพื่อกันเหนียวเช่นกัน
โดยเลือกใช้ โมสุ ที่เล่นโดย อุชิยามา ชินจิ ผู้มีชั่วโมงบินความเป็นขี้ข้านางน้อย
ในบท มิโนรุ ในซีรีย์ Gokusen และอีกคน คือ อาจิดาซุ ที่รับบทโดย
วาตาเบะ โกดะ ที่ตลอดชีวิตการรับเล่นซีรีย์ ก็ไม่ค่อยจะได้รับบทเด่นอะไร
กับชาวบ้านเขาอีกเช่นกัน ซึ่งก็มีผลุบๆโผล่ๆ อย่างในซีรีย์
Operation Love,Hotaru no Hikari และSaru Lock
ก็ต้องเรียนตามตรงว่า สูตรสำเร็จที่ว่านี้ไม่ทำปฏิกิริยาความเป็นตัวช่วยของความสนุก
เท่าไรนัก ที่นอกจากเป็นบทเสริมที่ไม่มีความโดดเด่นเชิดหน้าชูตาอย่างเห็นคุณค่าเท่าไรนัก
ความลงตัวในการรับมุขของตัว โมสุ กับ อาจิดาสุ ที่ดูจะฝืดๆเฝือๆ
ที่วันๆก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่า การที่ช่วยเคนจิถมสีกับตกแต่งกราฟฟิค
บทจะให้หวนขึ้นหลังอานมอเตอร์ไซด์ ก็ใช้เพียงไม่กี่ฉากให้สมศักดิ์กศรีลูกกระจ๊อก
แต่ละวันส่วนมาก ก็มาปั่นต้นฉบับการ์ตูนตาหวานกลมโป๋ ภายใต้ชื่องานของนายเคนจิ
ให้ดูน่ารัก สดใสและทันในเดธไลท์เวลาส่งงานเข้าแท่นพิมพ์






และอีกหนึ่งสูตรสุดท้าย อันเป็นของตายของค่าย NTV เขา
ก็คือ ตัวละครสุภาพบุรุษสุดภูมิฐาน ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเป็นอุดมคติของสาวๆ
ที่นอกจากหน้าตาจะดีแล้ว ยังต้องมีความเป็นสุภาพสุดเรียบร้อย
แบบที่เอาให้คอนเทรสกับตัวเองแบบเเบ่งแยกให้เห็นอย่างเด่นชัด
ถ้าเป็นอย่างใน gokusen บทอย่างนี้ก็จะตกกับครูผู้เป็นหวานใจของยัยยาคุมิ
แต่ถ้าไปตกอยู่กับ My Boss My Hero ให้เข้าแล้ว บทนี้จะต้องเป็นของ
นายน้อยผู้เป็นน้องชายทางสายเลือดของคูโจมาคิโกะอย่างแน่นอน
แต่พอบทบังคับนี้ มาตกใส่ใน Yasuko to Kanji ให้เข้า
บุคลิกภาพเชิงอุดมคติแบบแมนๆนี้ ก็ตกเป็นของน้องชายของเอริกะ อย่าง
หนุ่มชุน ผู้เป็นหวานใจมายดาร์ลิ่งของน้องหนูยาสุโกะแทน
เป็นไอ้หนุ่มอีกคน ที่ดูจะเขย่งเข้าวงการตามรอยพระเอกทัตซึโอโกะ
เพราะหนุ่มโอคุระ ทาดาโยชิ ก็นั่งทับเก้าอี้ตำแหน่งมือกลองแต่อยู่กันคนละวงกับเฮียเท็ตซึซังเขา
คงรู้อยู่นะว่าเท็ตซึซัง เขานั่งเปิดตาตีกลองให้กับวง Tokio มาเป็นชาติ
แต่ทาดาโยชิหน้าใหม่คนนี้ เขาเป็นเด็กในสังกัด Johnny's Entertainment ที่ไปตีกลองโป๊งๆ
ให้อยู่กับวง Kanjani8 ความที่ไม่เคยดูงานก่อนๆของหมอนี้มาเลย
การที่ต้องรับบทเป็นคุณชายสุขุมแห่งดาวโรงเรียน ก็เป็นบทสร้างภาพ
ให้ยืนเก๊ะๆ เตะตาสาวๆ แล้วสะกดอารมณ์ไม่ให้พลุกพล่านเกินงาม
จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการขายความหน้าตา มีชาติสกุลที่พ่อเป็นถึงประธานบริษัท(ตามเรื่อง)
อย่างน้อยๆก็ทำให้น้องโยสุโกะ มีเป้าหมายแห่งการช่วงชิงให้กับชีวิต
มีกิจวัตรฝันจนเพ้อแม้เผลอเข้าในเวลาเรียน แต่หน้าตาก็ไม่น่าจะมาเป็นน้องชายของเอริกะจัง
ด้วยตาไม่เหมือน จมูกไม่ใช่ ปากเบี้ยวไปนิดและลูกบู๊ก็ไม่มีให้ปรากฏ
หากไม่ทำตัวแย่จนถูกดองงาน เข้าใจว่าน่าจะมีโอกาสได้แจ้งเกิดอยู่ในวงการต่อไปนานๆ
แต่บทอย่างนี้ใครเล่นก็น่าสงสาร เพราะไม่ได้มีมิติด้านลึกของตัวละคร
ให้โดยโชว์ความสามารถทางการแสดง นอกจากกินบุญเก่าของความหน้าตาดี
ที่พ่อแม่ให้มาพอให้เป็นบุญถาวร แต่ดูในเชิงเปรียบเทียบแล้ว บทของเจ้าชุน
ดูจะมีโอกาสได้โชว์ของดีมากกว่าใครๆที่กล่าวอ้าง เพราะผู้สร้างเขาเจียดบท
ให้คุณน้องโอกุระ ทาดาโยชิ ได้แสดงออกเชิงการแสดง ซึ่งจะมากไปกว่าตอน
ทำเพลงร่วมกับวงบอยแบนด์............รึไม่ อันนี้ก็ไม่ทราบได้
เพราะไอ้ผู้เขียนคนนี้ก็ไม่เคยอยู่ทนฟังเสียด้วยสิ





It's true that.Yasuko isn't very smart.She isn't a looker.
and she makes eggs salty.She's carefree slow and stubborn.
I don't know what to do with her.
(มันจริงเสียยิ่งกว่าจริง ยาสุโกะนั้นดูไม่แจ่ม ไม่น่าหลงใหลและทอดไข่ก็แสนที่จะเค็ม
ทำอะไรก็ไม่คิดหน้าคิดหลัง แถมยังดื้อรั้งเสียอีก จนพี่ชายอย่างฉันไม่รู้จะจัดการอย่างไร)

But she's a great woman,She's the world's best woman.
(แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุด เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกนี้ก็ว่าได้)





ความจริงถ้าจะให้จับประเด็นที่ต้องการนำเสนอใน Yasuko to Kenji
ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรไปมาก นอกเสียจากความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง และการเปิดเผยความรู้สึกลึกๆในจิตใจ
เป็นเรื่องของ Self-mastry ว่าด้วยทักษะการการบริหารจัดการเรื่องของตนเอง
ตามความรู้สึกที่ตัวเองปรารถนา มากไปกว่าสิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่หรือมาตราฐานทางสังคม
ขีดเส้นไว้ และต้องการบรรลุศักยภาพนั้นด้วยกำลังที่ตนเองมีอยู่ ไม่ใช่พึ่งพิงบารมีของผู้อื่น
เมื่อเราสามารถบริหารจัดการเรื่องของตนเองได้ จะมีภารกิจควบคู่อย่างต่อเนื่องถึงการบริหารดูแล
ผู้อื่นที่ตนรู้จัก ไมว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เครือญาติและลูกน้องเพื่อนฝูง
ซึ่งนี้ก็จะเป็นจุดแข็งของเรื่องที่กล่าวย้ำมาโดยตลอดทุกตอน แต่ถ้าหวังในความบันเทิง
ด้วยแล้ว เรื่องนี้ประเคนให้เพียงประมาณหนึ่งไม่มากนักเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่างใน
My Bossฯ และ Gokusen ที่ให้ได้อิ่มกว่าและบทแข็งแรงกว่า
เข้าใจว่าพลังของชื่อเสียงและบารมีของนักแสดง มีผลต่อการขับเคลื่อนและประคอง
ความเป็นไป ซึ่งไม่แน่ใจว่าถ้าปลุกปั้นนักแสดงใหม่ทั้งทีม บางทีเรื่องนี้อาจเป๋แบบกู๋ไม่กลับก็เป็นไปได้
ยิ่งเห็นความนิยมไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ มาเรียงๆ แสดงว่าเกิดความผูกพันของตัวละครในใจคนดูตามลำดับ
ขณะที่อิทธิพลของเด็กแหว๋น
ก็ค่อยๆจางไป แต่ไปให้ความสำคัญกับผลงานในอาชีพนักวาดการ์ตูนของเคนจิแทน
ถือเป็นการเปลี่ยนแผนทางสโลแกนอย่างได้ผล ชนิดที่อาจลืมไปว่ากำลังดูซีรีย์ที่ว่า
ด้วยอดีตสิงห์นักซิงที่หันมาจับปากกาวาดการ์ตูน ไม่ใช่นักเขียนการ์ตูนจอมซ่าแต่ทว่า
ดันผันมาเขียนในแนวการ์ตูนรักหวานแหวว โดยปล่อยให้มอเตอร์ไซด์แต่งไปจอดให้ฝุ่นจับเล่น
ถือเป็นงานผิดฟิวส์ของผกก. Gokusen อย่าง โอตานิ ทารุ ที่หันมาสายพิราบ
โดยไม่เน้นในสายจับเตะ แล้วหักศอก แบบหนึ่งต่อสิบ หรือภาษาง่ายๆว่าหมาหมู่
แบบฟุ่มเฟือยในทุกตอนของตอนท้ายๆ อย่างที่เคยเป็น ถึงแม้มีบ้างในช่วงแรกๆ
แต่ก็ถือว่าน้อย




ถ้าข้อจำกัดประมาณนี้ การสร้างเพียงแค่ตอนเดียวก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
แต่สถานีฉลาดพอ ที่จะทำให้เรื่องราวไปไกลได้มากไปกว่านั้น
โดยค่อยไปพัฒนาสร้างมุข และหยอดประเด็นเสริม ให้เรื่องพอเดินไปต่อได้
แต่คงเป็นความฉลาดของทีมงาน ที่รู้จักการบริหารเงื่อนไขที่มีอยู่น้อย
และทยอยใส่มุขอันแสนจิปาถะ ตรงโน้นมุข ตรงนี้หน่อย
แม้ว่าในหลายๆมุข ความขำจะไม่ปรากฎอย่างเด่นชัด แต่อย่างไรเสีย
ความวุ่นวายและความอลหม่านในสถานการณ์ มีให้เห็นปรากฎอย่างชัดเจน
แม้จะตั้งคำถามถึงความจำเป็นถึงความ "ต้องมี" ในมุขนั้นๆเองก็ตาม
และด้วยความที่พล็อกที่มาจากการ์ตูนญิ๊งๆ ที่เป็นคอเมดี้ขำๆแบบดูเวอร์
น้ำหนักในการจะพาให้ซีรีย์เรื่องนี้ไปตลอดลอดฝั่ง โดยไม่ล่มไปกับการวนมุขที่จำเจ
ส่วนหนึ่งต้องยกให้กับ "พลังดารา" ที่มีส่วนสำคัญกับการพาซีรีย์เรื่องนี้ไปถึงสิบตอน
มันคือสีสันที่สร้างส่วนผสมแม้จะขาดไปบ้าง แต่ก็มีพลังส่วนเกินทับถมให้สมดุลอยู่ตลอด
เป็นผลให้ Yasuko to Kenji เป็นงานแบดบอยคอเมดี้
ที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากสายสกุลโกคูเซนและมายบอสฯ อย่างโดดเด่น
ดูมีความเป็นกันเองอย่างเต็มที่ งานนี้จึงต้องอาศัยนักแสดงตัวเก๋า มีประสบการณ์มากพอ
ที่จะเดินหมาก วางเกม ให้เรื่องราวที่ไม่น่าจะมีสาระถูกมองข้ามด้วยพลังในการแสดง
หากใครเป็นแฟนพันธ์แท้และพันธ์ทาง ของ My Boss และ Gokusen
และยังไม่สะอิดสะเอียน เลียนรสชาติของสูตรสำเร็จประเภทนี้ Yosuko to Kenji
จะมาช่วยเสริมความต่อเนื่องของรสชาติที่แม้จะไม่ถูกใจ เต็มอิ่ม
แต่ความถูกปากจากรสชาติที่คุ้นเคย ก็เป็นความปลอดภัยในโภชนายากูซาซีรีย์ไปได้อีกเปลาะนึงเช่นกัน........




ครั้งหนึ่งเคยร่ายไว้ถึงยากูซ่าซีรีย์ ไว้ใน

My Boss My Hero เจ้าพ่อขอไปเรียนหนังสือ

และ


Gokusen ลูกสาวเจ้าพ่อขอเป็นครู





Create Date : 28 สิงหาคม 2553
Last Update : 29 สิงหาคม 2553 18:47:26 น. 33 comments
Counter : 2793 Pageviews.

 
เรื่องนี้เกี่ยวกับแก็งค์มอเตอร์ไซค์หรอกเหรอคะ
เรื่องนี้ที่บ้านมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้สนใจเลยค่ะ
เพราะได้รับความอนุเคราะห์มาจากการโหลดบิท
เคยเปิดดูหน่อยหนึ่งตอนได้มาครั้งแรกๆ
แต่เห็นแต่งตัวประหลาดๆเลยถูกซุกไว้ก้นลิ้นชัก
แต่พออ่านแล้วก็น่าสนุกนะคะ คู่ปรับต่างเพศ
แถมแค้นฝังลึกอีกต่างหาก
พระเอกมัตซึโอกะ มาจากรากเหง้าเดียวโทโมยะหรอกเหรอคะ
สงสัยจะตัวใหญ่ยักษ์แบบเดียวกันแหงมๆ
มารับบทพี่ชายที่แสนดี อืม!ที่คงรักน้องสาวสุดชีวิต
ประเภทน้องสาวข้าใครอย่าแตะอะไรประมาณนั้นใช่ไหมคะ
มีหนูยูกิแสดงด้วยเหรอ ดีจังน้องหนูแสดงบทบีบน้ำตาเก่ง
อ่านตั้งนานนึกว่าจะไม่กล่าวถึงน้องหนูเรียวโกะซะแล้ว
(หุ หุเรื่องนี้ไม่เรียกป้าเรียวโกะแล้วเหรอคะ)
เรื่องนี้ดูการแสดงหน้าตาของพระเอกมัตซึโอกะที่แปะให้ดูแล้ว
ยังกะก็อปการแสดงสีหน้าของโทโมยะมาอย่างนั้นล่ะค่ะ
ส่วนเรียวโกะที่ไม่ได้ใส่ชุดแดงดูสวยหวานเชียวค่ะ
(สงสัยจขบ.ถึงขั้นเพ้ออีกแหงมๆ)
ว้าว!ไล่มาเกือบภาพสุดท้ายถึงได้เห็นภาพที่อยากดู
หนูน้อยยูกิกับบทที่ถนัด ตาฉ่ำเชียว
และเมื่อหยอดไว้ว่าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้My Boss
ก็ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้ใช่ไหมคะ
โอเคค่ะ ไม่มีปัญหาในเมื่อไม่ต้องเสียกะตังค์หาซื้อมา
คงต้องไปขุดขึ้นมาจากก้นลิ้นชักซะแล้วค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.53.131 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:0:19:32 น.  

 
เรา ก็ดูเรื่องนี้แล้วชอบมากเลยค่ะ ดูแล้ว ทั้งขำ ทั้งสนุก ทั้งซึ้ง ...^^


โดย: ~HiPpOKreA~ วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:1:41:21 น.  

 
yasuko to kenji นี้แค่ตั้งชื่อเรื่อง
ก็สะท้อนระบบสายสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องในวงศ็เครือญาติสุดท้ายที่เหลือ
เป็นซีรีย์อารมณ์ประมาณเดียวกับ Gokusen มากกว่า My Boss
นะขอรับ ในความคิดของผู้เขียน เพราะมีอิทธิพลของผกก.โอตานิ โทรุ
ที่กำกับสักครึงนึง ถ้านับหน้าซีรีย์ถือว่าเรียกแขกได้พอประมาณ
มีทั้งตัวฮีโระสุเอะ มัตซึคุง และหนูทาเบะล
นอกจากนี้การให้อดีตเด็กแหว่น ทำสัมมาอาชีพชนิดที่ว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
เป็นfeel อารมณ์contrast สุดๆ ไม่ต่างจาก ยัยคุมิ มาเป็นครู
มักกี้ ขอเป็นนักเรียน ลองคิดดูสิ เคนจิมาวาดการ์ตูนโชจู
ส่วนเอริกะเปิดร้านขายดอกไม้ เป็นอะไรที่หาสาระจากเรื่องได้ยากจริงๆ


มัตซึในเรือ่งนี้ เป็นพระเอกที่ทิ้งระยะห่างกับความรู้สึกคนดูพอสมควร
การแสดงแอ็คติ้ง ก็ลอกตามสูตรเวอร์เกินงามแบบมักกี้จาก My Boss ชัดๆเลย
สองคนนี้คงถือสายโทรหากัน ชัวร์เลย
ดูแล้วอาจจะหมั่นไส้ความแมน ไม่แถลงด้วยวาจาของมัตซึเอาง่ายๆนะขอรับ
คือ บทมันแข็งเสียจน ปล่อยวางมั้งก็ได้
ตอนแรกนึกว่าจะมาแบบบู๊เผด็จ แต่ที่ไหนได้ ยิ่งไกลตอน
กลายเป็นดรามาชีวิตทั่วๆไป เมื่อครอบครัวหนึ่งลิ้นโคตรจะเเข็ง
ส่วนอีกครอบครัวหนึ่งก็ลิ้นคับปาก เอาเป็นว่าพาเพลินไม่เกินคาดอย่างที่คิด

ตกลงลิ้นชักท่านมะนาวฯ มีหลายสิ่งที่จำจดได้ แต่ไม่ริจะเปิดอ่าน
หลายต่อหลายชิ้นเลยนะขอรับ คงไม่กะไว้ดูยามมีสงครามโลกหรอกนะ
คล้ายๆจะเก็บไว้จำศีลเข้าหน้าฤดูหนาวอะไรอย่างนั้น
ผู้เขียนก็เลย capt ภาพเฉพาะช่วงงามของเจ๊ฮีโระ
มาเรียกน้ำยอ่ยคนดูเล่นๆ แต่เป็นไปได้ อย่างให้เจ๊รับเล่นแต่หนังใหญ่
มากกว่ามาลงเปลืองตัวรับเล่นซีรีย์ เพราะดูเรือ่งไหนก็ไม่เข้าตาสักราย
แล้วหนูยุกิ นี้ ผู้เขียนเกือบจะจำน้องแกไม่ได้
เพราะหนูแกไว้ผมเปียยาว หน้าตาเปลี่ยนไปพอสมควรเลย
ตอนนี้ผู้เขียนพยายามหางานใหม่ๆของ หนูโนโซมิ
แต่ยังไม่ยักกะเจอ ถ้าท่านมะนาวฯพอทราบข่าวคราว หาแหล่งพบ
รบกวนช่วยแจ้งโดยด่วน ผู้เขียนกำลังติดอาการคลั่งเด็กกำเริบเสียแล้ว


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:11:06:19 น.  

 
ดูเหมือนเขาจะเป็นพี่ชายที่สุดแตกต่าง กับเรื่อง Boku No Imoto
แนวน้องสาวข้าใครอย่าแตะยิ่งสุดโปรดปราน
เพราะได้อิทธิพลมาจากครั้งยังเด็กที่ดูหนังฟัดๆ ใหญ่ๆ ของเฉินหลง
(ถ้ามีมาเฟียจับตัวไป แล้วร้องเรียก "พี่ใหญ่ ช่วยเด้วย" ยิ่งโดนใจมาก)
เป็นเรื่องพี่ๆ น้องๆ ที่ย่อมไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง
ไม่รู้เป็นอะไรนักหนากับซีรีย์แนวนี้ ชอบเสียจริง
ยิ่งถ้าออกแนวฮาตามประสาคนรักซีรีย์ที่สร้างเสียงหัวเราะ
ต่อให้ไม่ใช่เรียวโกะก็ต้องรีบจัดลำดับเข้าคิวโดยด่วน


โดย: prysang วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:11:26:40 น.  

 
สุดท้ายปลายสุด ผู้เขียนจำต้องละทิ้งน้องโอเด็ท ด้วยการเลือกมะนาวที่เด็ดกว่าเป็นไหนๆ
ส่วนหนึ่งเพราะหนูโอเด็ท แกไม่เคยเหลี่ยวแลตัวผู้เขียนเลย
และอีกข้อ หนูโอเด็ทเธอทำตัวเปิดเผยต่อสาธารณะเกินกว่าผู้เขียนจะเป็นเจ้าของทางสายตา
ไปเพียงหนึ่งคน
แต่จริงๆแล้ว เปล่าหรอก แค่ปรารถนาผ่านสายตาที่ผลิตซ้ำด้วยแผ่นข้อมูลมากกว่าเพียงการติดตา
แล้วปะติดปะต่อผ่านจินตนาการมในสมองส่วนตัว
ที่อาจผิดเพี้ยนไปตามความสามารถของส่วนรับข้อมูลทางความทรงจำ
แต่สุดท้ายก็เสียself สักงั้น เพราะปลายอีกฝ่ายดันแฉสภาพแอ็บแมนแล้วดูดี
จนผู้เขียนห่อเหี่ยวไปตามๆกัน จะไปสภาพต่อน้องโอเด็ทสักตอนนี้ ก็สายไปเสียแล้ว
เพราะแอบไปเช็คหนังรอบดึกสุด ของน้ำตาลยามแดง ก็สี่ทุ่มโดยประมาณ
หากจะหวังหนังบ่อหน้า ก็ต้องพ่วงอีกราคาไปตั้งหลายสิบ โทษใครได้อีกเล่าถ้าไม่เขาก็ต้องเราเอง

เหมือนก่อนผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่ปลื้มงานของเขียนของท่านต่อพงษ์เอามากๆ
แต่ระยะหลังๆ มาวิเคราะห์บทความของตัวเขาแล้ว เคลือบไปด้วยอคติของตนเองเอามากๆ
โดยอาศัยจินตนาการส่วนตัวไปพิพากษา วิธีคิดของคนอื่นๆ
จนระยะต่อมา หลังจากหลังแล้ว ผู้เขียนก็ไม่เคยข้องแวะกับงานใดๆของค่ายผู้จัดการอีกเลย
ถึงผู้เขียนจะไม่ศรัทธาผลงานของป้าเบริด์มาแต่ไหนแต่ไร
แต่กระนั้น ก็เชื่อในสิ่งสะท้อนจากการกระทำ มากกว่าการเล่าผ่านตัวอักษรที่ไม่เคยเห็นผล
จากการกระทำได้จริง
ผู้เขียนเชื่อว่า ในทุกสมัยของการเลือกตั้ง เราควรจะชื่นชมในวิจารณญาณในการใช้สิทธิ์
ของผู้มีสิทธิเลือก
ที่ผ่านการจับตามองฝ่านสื่อ และในจุดวินัยของการใช้สิทธิก็ไม่เคยจางหายไปทุกๆการเลือกตั้ง
การจะมาบอกว่า คนๆนั้น สักแต่ไปใช้สิทธิ์เพื่อสร้างภาพ ก็อาจมองได้ในประการหนึ่ง
แต่จะบอกว่า เขาคนนั้นสักแต่ไปใช้สิทธิ์โดยไร้สมอง ผู้เขียนมองว่าเป็นอคติที่เหยียบคน
เพื่อมองตัวเองว่าเป็นคนจนเกินงาม
ผู้เขียนไม่ได้ปรามาทงานของคุณต่อพงษ์เพียงเฉพาะงานเขียนเท่านั้นนะขอรับ
แต่ฟังรายการวิทยุที่แกจัด ยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองความต่างของบุคคลที่เห็นไม่เหมือน
เป็นบุคคลที่ไม่สมปรารถนาที่จะเปํนปวงชนชาวไทย
ถ้าผู้เขียนไม่ได้วิธีคิดจากอ.สุวินัยในเรื่องของการให้อภัยและชื่นชมชมความงามในความคิดต่าง
ผู้เขียนก็คงไม่คิดที่จะทนฟัง จากจัดการรายการตามสไตล์แก ที่เข้าใจการกระทำจากผลการประทุษร้าย
ที่นอกเหนือมุมมองจากการเอียงข้างฝ่ายพันธมิตร
ผู้เขียนตัดขาดจากผลงานของคุณต่อพงษ์ในเรื่องอคติต่อนักฟังชาวเกาหลี ที่มองว่า
แกไปนำเอาสิ่งพรรณเล็กพรรณน้อย โดยเลือกที่จะมองข้ามจุดดีของงานเพลงชนเกาหลี
ที่สะท้อนความมีอยู่จริงบางประการที่ยัดยืนอยู่ในเอเชียภพปัจจุบัน
มันมิใช่แค่การตลาดที่เป็นกระแส แล้วค่อยๆจางหาย แต่มีการสืบทอดและต่อเนื่อง
เป็นขั้นเป็นตอน และอาศัยจุดเชื่อมขาดที่สื่อบันเทิงตะวันตกเข้าไม่ถึงหรือต่อไม่ติด
ไปบรรจบต่อเนื่องอยู่ในจิตใจคน ที่ไม่ใช่แค่วัยรุ่น แต่รวมถึงหนุ่มแก่แม่ม้าย
ตามประสบการณ์ที่รับรู้ของตัวผู้เขียนเอง ก็ต้องขอบอกตรงๆว่างานของคุณต่อพงษ์
แม้จะดูจริงจังแอนด์จริงใจ แต่ก็ดูคับแคบ และไม่ได้ประเทืองปัญญาในการรับรู้ของผู้เขียนเพียงผู้เดียว
ถ้าไปกระทบการรับรู้โดยแนบแน่นของท่านมะนาวฯแล้วก็ขออภัย
แต่สมัยหนึ่งผู้เขียนอ้างองิงานแถลงของคุณต่อฯหลายครั้ง จนกระทั่งรู้สึกเกินรับอคติของแกไว้
พอๆกับ ที่พอเข้าใจการปฏิเสธอของคนกรุง ต่อปรากฎการณ์โนสมาชิก สก สข
ของการเมืองใหม่ ที่ยังหลงเชื่อไปว่า แพ้ในคะแนนจัดตั้ง และการซื้อเสียง โดยไม่ดูยุทธศาสตร์การลงสมัคร
ว่านี้คนกรุงเทพ ไม่ใช่บ้านไร่ท้องนาที่ไหน เพียงแค่การไม่เคารพวิธีคิดทางการวางแผนของคนกรุง
ผู้เขียนก็เชื่อได้เลยว่า ในสนามการเลือกตั้งใหญ่ ผลสุดท้ายอาการของพรรคการเมืองใหม่
ก็หนักหนากว่าสมัยพรรคของคุณพิจิตร รัตนกุล ที่ไม่มีสักพื้นที่ ไม่เว้นค่าเฉลี่ยของการเป็น
ปาร์ตี้ลิสต่์เองก็ตาม หากยังหลงอยู่ในวังวนของการเชิดชูเข้าใส่เฉพาะกันและกันอยู่อย่างนี้


จบจากเรือง่เครียดๆแล้ว มาปรับสมดุลตามสภาพการณ์เราและเรากันต่อดีกว่า
เห็นใจผู้เขียนหน่อยนะคับ เพราะอัดอั้นกันมานาน
แม้ว่าเมื่อก่อนจะเทใจสุดลิ่มทิ่มประตูกับกลุ่มการเมืองนี้ อย่างน้อยๆ
ร้อยเจ็ดสิบกว่าวัน ก็มีกว่าครึ่งที่ผู้เขียนไปร่วมเฮกับเขาด้วย
แต่เจ้าบัตรเสีย ที่ไปแย่งพื้นที่ข่าว อย่างว่าอะน้อทวิสคำมันจำกัดข้อความ
ผลสุดท้ายก็เลยบอกแต่เนื้อความ โดยละไว้ในสถานที่ด้วยข้อจำกัดของคำ
แต่ยิ่งสงสัยตาใสอย่างนี้ ก็ชักไม่แน่ใจว่า ท่านมะนาวฯจะบริสุทธิ์ไร้มลทินหรอกนะ
พวกซื่อแต่โทษประหารชีวิตหรือติดคุกชั่วชั่วกัปชั่วกัลป์ มีกันทุกซี่ลูกกรง
แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเป็นท่านมะนาวฯจะครุโทษที่มีให้หมดทุกประการ
ไม่เอ าไปกักขังเหมือนกับลุงปีเตอร์ที่เป็นข่าว จนประเทศสหรัฐเอาเครื่องบินเจ็ท
มาจอดรอให้สนามบินไทยกินค่าต๋งเป็นรายวันหรอก
แล้วอัญชลีกับเสธแดงนี้ก็เชื่อครึ่งราคาข่าวนะขอรับ
อย่างที่บอก สื่อเลือกข้างมันทำให้ราคาข่าวหายไปตั้งกึ่งหนึ่งแล้ว
ยิ่งถ้าได้ฟังคำสัมภาษณ์น้องเดียร์นี้ ที่เป็นลูกสาวเสธแดงนี้ ก็ไปคนละทาง
คนนอกกับลูกในไส้ มันก็ต้องชั่งใจในอคติไปในคนละทางนะครับ
อย่างน้อยๆ กาลเวลาก็เป็นเครื่องพิ สูจน์ความจริงบางอย่างได้กระจ่างขึ้น
มันก็ทำให้ผู้เขียนเคยรู้สึกว่าตัวเองโง่ขึ้น และโง่น้อยลง ในสถานการณ์ที่เลือกมองมุมกลับ
ไม่เใช่เเค่ผู้เขียน แต่หลายคะแนนเสียงก็สะท้อนความเป็นจริง
โดยเลือกที่เขาจะยอมรับความจริงโดยภาพรวมที่เหลือกันอะป่าว
อย่างไรเสียความจริงตามความรู้สึก ที่อาจไม่ได้เป็นจริงไปตามความเชื่อ
ผู้เขียนก็ยังเชื่อความเป็นลูกคุณหนู ตามแบบฉบับซีรีย์คนรับใช้ของไมจังที่มี
ภาพของท่านมะนาวฯแทรกคลื่นส่งในหน้าจอซีรีย์อยู่ดี
ก็ทำตัวเองตามคำบอกเล่าให้เชื่อเช่นนั้น เพราะถ้าอดโซจริง
มันก็ต้องเอนข้างมาตามทางริมขอบสังกะสีแบบผู้เขียนแน่แท้เลย
อาบน้ำสักหน แล้วทานข้าวเช้ากับค่ำสองมื้อเท่านั้น โดยมีกระเพาะและลำไส้เป็นพยานปากเอก
เสียงจ๊อกๆ เป็นริงโทนยามยากเท่านั้น

เอ๊ กลายเป็นว่าผู้เชียนไม่ได้รู้สึกความเป็นจิตเภทผู้โดดเดียวสักแล้ว
เพราะเจอะนักชมไตรภาคอย่างท่านมะนาวฯที่หื่นจิตไม่แพ้กัน
Hannibal Rising ถือเป็นภาคอ่อนสุด ที่ในการรับรู้ของคนทั่วไป
ก็ดูแคลนภาคนี้ไม่แพ้กัน เสียทั้งสกุลที่สั่งสมของนางกงลี่ ผกก.ปีเตอร์ เว็บเบอร์
และนักแสดงหนุ่มฝรั่งเศส อย่าง ออสพราวด์ กุเลียด ที่ไม่ได้แจ้งเกิดในงานหลังๆอีกเลย
แต่แปลกนะขอรับ ในแง่การจดจำแล้ว แอนโทนี ฮอปกิ้นส์ แทบไม่อยู่ในสาระบบ
ของการเป็นนักแสดงชั้นยอดของผู้เขียนเลย เพราะในช่วงนั้นมั่วสนใจแต่
ฆาตกรต่อเนื่อง ปัฟฟาโร่ บิล ตำรวจสอบสวนสาว โจดี้ ฟอสเตอร์ที่รับบท คาร์ริส สตาริงส์
ไม่รู้ท่านมะนาวฯยังจำปัฟฟาโร่ บิลใน Silence of the Lambs ได้อีกรึไม่
เพราะเทด เลวีน ในเรื่อง แกไปปรากฎใน shutter island ในบท ตัวละครวาร์เดนในเรือง่
แต่งานหนังสือของ thomas harris แม้ขายไม่ดี แต่ก็ขายได้เรื่อยๆ
ฉบับภาษาไทยแปล ก็มีให้เกือบทุกภาค สมัยก่อนชั่วใจซื้อไม่ซื้ออยู่นาน
แต่ดูจะแปลครั้งเดียว แปลโดย รัชชัย เครือนานมีบุ๊ค
แล้วก็ไม่เคยมีสนพ.ไหนจัดจำหน่ายอีกเลย
ถือเป็นหนังสือหายากในสารบบของหนอกหนังสือแปลเมืองไทย
ทุกวันนี้ผู้เขียนตามหาจากร้านหนังสือมือสองในหลายๆร้าน ก็หาชุดหนังสือ hannibal ซีรีย์
ได้ยาก
ถ้าท่านมะนาวฯเจอ ก็ช่วยออกตังค์ซื้อให้ก่อน แล้วคอยมาเจรจานอกรอบกันอีกที
แต่ถ้าไม่อยากเจรจา อันนี้ก็ใกล้วันคล้ายวันเกิดของผู้เขียนในอีกไม่กี่วันอีกเช่นกัน
สงเคราะห์คนเคยจิตหน่อยอะกัน แล้วจำผีเสื้อตัวนั้นได้แล้วเหรอคับ สงสัยจำแต่ซีนหม่ำหัวสมอง
เป็นผีเสื้อราตรีตัวเบ้อเร้อ แทนสัญลักษณ์ของฆาตกรต่อเนือ่งที่เจ๊สตาร์ริงมึนหัว
ต้องไปขอความเวทนาจากนักโทษโรคจิตอย่าง ฮานิบาลไงละเเธอ
แกล้งโง่อย่างนี้ เดี๋ยวก็ขม่ำไขสมองแก้หิวสักเลย


12 Monkeys นี้ ถ้ายี่สิบนาทีแรกชอบได้ ก็จะชอบไปเลย
แต่ถ้าไม่ ก็ถือว่าเกลียดกันเข้าไส้กันเลยทีเดียว
ถ้าอาศัยหน้าหนัง ก็ถือว่าอุดมนักแสดงมีชื่อ ไม่ว่าจะเป็น บรู๊ซ วิลลิส ที่ต้องไปติดในโรงบาลโรคจิต
เพียงเพราะแกมาจากโลกอนาคต ส่วนแบร็ด พิด แกบ้าแต่เข้าใจการมีตัวตนของเฮียบรู๊ซเขา
เป็นหนังร่วมทุน ออสเตรีย อเมริกัน เยอรมัน เลยดูไม่ค่อยง่ายท่ามกลางความเป็นไซไฟ
ส่วน seven เป็นหนังที่ถูกจัดอันดับร้อยเรื่องที่ควรดูก่อนตาย
อันนี้ไม่ควรพลาด เพราะมีแบร็ด พิด คนดีทีเอาทางบ้าจนได้ดีหลายเรื่อง
เป็นงานของ ผกก เดวิด ฟีชเชอร์ เป็นงานปีเดียวกันกับ 12 monkeys ถือเป็นงานสุดพีคของเหล่านักแสดง
ร่วมทั้งมอร์แกน ฟรีดแมน เกวนนิท แพรลโทร โดยเอาโครงหลักบาปทั้งเจ็ดของมนุษย์
ตามหลักคริสต์ศาสนาเป็นที่ตั้ง อารมณ์ดิบประมาณ fight club และซับซ้อนแบบ the Game
ยังไม่เห็นมีใครทีเขาไม่ชอบกันเลย (ยกเว้นให้ท่านเพราะผ่าเหล่าตั้งแต่ Wanee and Juna แล้ว)
โห ดูท่าท่านมะนาวฯยังจิตไม่พอ สงสัยต้องติวดิบกันนาน
เอาเป็นว่า สองเรือ่งนี้น่าจะสงสัยความจิต ได้ประมาณหนึ่ง ขืนดูเยอะจัด
อาจได้มีการสังเวยผู้ช่วยเป็นการถาวร และประทานโทษนะ
หมอนนี้ไม่อยากบอกว่าแย่งกันตั้งแต่หน้าประตูวัด นี้ยังไม่รวมหมอนข้าง ผ้าห่ม
และตุ๊กตาหมีน้อย โธ่! พูดมากเดี๋ยวเอาหมอนอุดจมูกแบนๆสักเลย

ทั้งสองเล่มที่ท่านมะนาวกล่าวมา ผู้เขียนอ่านมาหมดแล้ว
แต่จำได้เล่าๆ ในเนื้อหา แต่ความน่าเชื่อถือต้องยกให้
สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ของหม่อมเจ้าพูนพิศมัย เพราะเป็นธิดาของสมเด็จกรมพระเจ้าดำรงฯ
งานแห่งความทรงจำ มักเป็นเกร็ดที่บอกเล่าผ่านบิดาของตน
ขณะที่งานของ ว วินิจฉัย อาศัยจินตวรรณกรรมเพื่อสร้างสีสัน งานดังสุดคงเป็น ของขวัญวันวาน
ถ้าท่านมะนาวชอบงานของหม่อมพูน แนะนำอีกเรืองที่ไม่ต่อเนื่องแต่ก็เป็นตอนๆ
น่าอ่านไม่น้อย ที่ชื่อชุมนุมเรื่องน่ารู้ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันลิขสิทธิ์ตกแก่สำนักพิมพ์ไหน
รายละเอียดของเครือญาติผ่านงานกึ่งวรรณกรรมสมัยรัชกาลที่หก
อันนี้ค่อนข้างคลุมเครือ แต่ถ้าเอาชัวร์สุด ก็ต้องหนังสือแปล อวสานสมบูรณาญาสิทธิราช
ในสยาม. The End of the Absolute Monarchy in Siam ผู้แต่ง :Benjamin A. Batson
อันนี้เคยรีวิวไว้นานแล้ว งานปริญญ่าเอกที่อ่านแล้วผุดภาพประวัติศาสตร์แบบมีชีวิตจิตใจ
ของคนทุกกลุ่ม ไม่สร้างภาพตัวเอกตัวอิจฉาอย่างในวรรณกรรม
ทุกวันนี้ก็ยังเอามาอ่านบางตอน ผิดกับประวัติศาสตร์ชาตินิยมที่เราได้ฟังในทุกวันนี้เลยละท่าน

A Team เป็นซีรีย์เหรอครับ อันนี้ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อน
แสดงว่าแอคชั่นโฟว์ซีซันที่เขาเล่ากันเป็นจริงสีนะขอรับ ท่านมะนาวฯได้พิสูจน์มาแล้ว
จาก kick ass ,a team เหลือที่เขาเล่ากันก็มี night and day และ salt
เท่านั้นเองกระมังง อีสาวสายนักบู๊ดีๆนี้เองนะท่านนะ สายจิตอย่างผู้เขียนไม่ค่อยนิยม
ความรุนแรงมากกว่าการชำแหละแหวะอกเสียด้วยสิ






โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:23:20:21 น.  

 
มะนาวยอมรับค่ะว่าคุณต่อพงษ์ ค่อนข้างมีมุมมองที่แคบ
แต่ที่อ่านเพราะชอบสำนวนการเขียนของแกน่ะค่ะ
เวลาแกเขียนว่าใครแล้วไม่มีคำว่าออมมือ แสบสันต์ ถึงกึ๋น
อย่างมีอยู่ครั้งหนึ่ง เหมือนเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพลงเกาหลี
แล้วมีคนเข้ามาพูดเหมือนท้าทายแกน่ะค่ะ
ว่า"แล้วคุณต่อพงษ์ว่าไง" แกบอกว่า
ตอนแรกแกไม่อยากจะสนใจแล้วพวกหมาจรจัดปากเปราะ
แต่บางครั้งแกก็รำคาญที่มันมาส่งเสียงเห่าอยู่หน้าบ้าน
แกก็เลยต้องออกมาไล่ แม้ว่าแกจะรู้ว่าถึงไล่ไป
หมาพวกนี้ก็ต้องกลับมาเห่าทำความรำคาญให้แกอีก
แกก็คงต้องไล่อีก มะนาวอ่านแล้วอื้อหือ! แรงจริง ของแท้
ไม่มีการออมมือกันเลย มะนาวจึงไม่แปลกใจเลยที่แกถูกมือมืดตีหัวแตก
ปากจัดซะขนาดนั้น แต่ส่วนใหญ่ที่มะนาวอ่าน
จะเป็นอ่านที่แกวิจารณ์ซีรีส์ญี่ปุ่นซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
ชอบมุมมองของแกต่อซีรีส์แต่ละเรื่องน่ะค่ะ
ประเภทสั่งซื้อแล้วไม่ผิดหวังค่ะ
แต่ตอนนี้แกก็ไม่เขียนแล้วซีรีส์ญี่ปุ่น แกเขียนซีรีส์จีนแทนค่ะ
มะนาวก็เลยไม่ได้อ่านแล้วค่ะ
แต่นสพ.ผู้จัดการที่มะนาวอ่านเพราะว่ามีข่าวเกี่ยวกับงานวิจัยแปลกๆน่ะค่ะ
อ่านเป็นการเสริมความรู้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกรอบข่าวเล็กๆไม่มีรายละเอียดลงลึกค่ะ
อ่านเพื่อเป็นการเปิดหูเปิดตาเท่านั้นเองค่ะ
ในเมื่ออ่านผู้จัดการแล้ว มะนาวก็เลยต้องอ่านมติชนควบคู่ไปด้วยค่ะ
เพื่อจะได้บาลานซ์กันไงคะ แล้วก็อ่านหนังสือพิมพ์หัวสีอีกสักฉบับ ก็โอเคเลยค่ะ
555แต่จะบอกว่าส่วนใหญ่นสพ.อ่านมะนาวค่ะ
หยิบขึ้นมาทีไร ง่วงนอนทุกที ได้แต่เปิดดูหน้าที่มีข่าวดาราแล้วก็แหะ แหะsleepค่ะ
คุณchanpanakritเชื่อปล่าวคะว่าในพื้นที่ ที่มะนาวทำงานอยู่
ใครๆก็บอกว่าพรรคการเมืองใหม่นอนมา เพราะมีฐานเสียงอยู่เดิมแน่นปึ๊ก
แต่ก็อย่างที่รู้นั่นล่ะค่ะ ไม่มีมาสักกะคน
เขาว่าแพ้คะแนนจัดตั้งเหรอคะ แหม!พูดเหมือนที่ทำงานมะนาวเลยค่ะ
แกมานั่งรำพึงรำพันว่าดูซิไม่ได้สักกะคน คนกรุงเทพฯเป็นอะไรกันไปหมด
แล้วแกก็นั่งร่ายยาวถึงวีรกรรมที่คนกลุ่มนี้ได้ทำมา
มะนาวได้แต่นั่งฟังเงียบๆ ไม่ออกความเห็นใดๆค่ะ
คือที่ทำงานมะนาวมีทั้งสองสีค่ะ แต่ก็ไม่เคยทะเลาะกันเลยนะคะ
ส่วนมะนาวนี้ไม่ว่าสีไหนคุยกับมะนาวได้หมดค่ะ
เพราะมะนาวบอกว่ามะนาวไม่เป็นสีไหนทั้งนั้นแหละ
ส่วนมะนาวจะเชื่อข้อมูลฝ่ายไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ
อุ๊ยตาย!เผลอคุยเรื่องเครียดได้ไงนี่ ผิดconceptของเราใช่ไหมคะ เปลี่ยนแล้วค่า

เรื่องลุงวิคเตอร์ บูทเหรอคะ อุ๊ย!ลืมไปผ่านค่ะ
แล้วมะนาวสงสัยไม่ได้เหรอคะ คนออกซื่อบริสุทธิ์ปานฉะนี้
ไม่มี้ ไม่มีหรอกค่ะ ออกนอกลู่นอกทางอย่างนั้น
อย่ามาใส่ร้ายป้ายสีข้าเจ้านะเจ้าคะ เดี๋ยวจับขังคุกขี้ไก่ซะเลยนี่
ไม่รู้เหรอว่าข้าเจ้าลูกใครฮิ ฮิ
แล้วพูดจริงเหรอคะ ที่ไม่ทานข้าวเที่ยง
แล้วเวลาพักเที่ยงทำยังไงคะ แอบไปงีบเหรอคะ
อ๋อ อ๋อ!ลืมไปรู้แล้วค่ะ ข้าวเช้าก็คือข้าวเที่ยงนะเอง เพราะนอนตื่นสาย
ลืมไปค่ะว่าคุณchanpanakritเป็นพวกคุณชายสายเสมอ อิ อิ
ส่วนเรื่องThe Silence of the Lambs สารภาพค่ะว่าจำได้แต่
ดร. ฮันนิบาล กับผูหมวดแคลริส สตาร์ลิ่ง นอกนั้นจำไม่ได้เลยค่ะ
ฆาตกรต่อเนื่อง บัฟฟาโล บิลล์จำไม่ได้ค่ะ
ขนาดคุณchanpanakritบอกใบ้ว่าแสดงเรื่องShutter Island
ก็ยังนึกไม่ออกค่ะ แหะ แหะลืมแล้วลืมเลยค่ะ
แหม!ถามหน่อยเดียวก็ต้องว่าด้วย
ถึงเฉลยคำตอบให้ก็ไม่ขอบคุณหรอกค่ะ พูดจาไม่เพราะเอาซะเลยนะเจ้าคะ
แล้วถึงเห็นหนังสือก็ไม่ซื้อให้หรอกค่ะ ไม่สนใจด้วยว่าใครจะเกิดวันไหนเจ้าค่ะ
แสดงว่าเรื่อง12 Monkeys นี้ดูยากใช่ไหมคะ
แล้วมะนาวจะดูรู้เรื่องเหรอคะ ชักไม่แน่ใจ
ยิ่งเป็นคนตีโจทย์ไม่แตกอยู่ด้วย
อย่างนั้นมะนาวควรดูSeven ก่อนดีกว่าใช่ไหมคะ
แล้วเรื่องอื่นๆล่ะคะ ก็มันยังไม่ได้5เรื่องแถมหนึ่งเรื่องเลยนี่คะ
แนะนำมาอีก3เรื่องสิคะ
แล้วขอแก้ข่าวนะคะ ข้าเจ้าไม่ได้บอกว่าไม่ชอบWanee & Junahสักหน่อย
เพียงแต่บอกว่าชอบน้อยกว่าLove Letterเท่านั้นค่า
ชอบกล่าวหาคนโดยที่ไม่มีมูลความผิด ฮึ ฮึ นิสัยไม่น่ารักเจ้าค่ะ
ส่วนจมูกแบนน่ะของคุณchanpanakritเจ้าค่ะ
ส่วนของข้าเจ้าจมูกโด่งอย่างสวยเจ้าค่ะ หายใจโล่งไม่มีติดขัดเจ้าค่ะ

ไม่อยากจะเชื่อ แปลกใจมากเลยค่ะ
คุณchanpanakritอ่านนิยายของคุณว.ด้วยเหรอคะ
อื้อ!เรื่อง"ของขวัญวันวาน" มะนาวชอบ สนุกมากเลยค่ะ
เรื่อง"น้ำใสใจจริง" มะนาวก็ชอบค่ะ อาจารย์เขียนชีวิตนักศึกษาได้น่ารักนะคะ
แต่จะว่าไปแล้วก็ชอบแทบทุกเรื่อง
อ้อ!ที่บ้านมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ"สองฝั่งคลอง" มะนาวว่าเรื่องนี้ อาจารย์ก็เขียนได้ดีนะคะ
ได้รู้ประวัติศาสตร์ช่วงนั้นด้วยค่ะ
ที่บ้านมะนาวมีหนังสือรวมภาพวาดที่เป็นฝีมือของจิตรกรชาวญี่ปุ่น
แล้วเป็นภาพที่สอดคล้องกับบทบรรยายบ้านเรือน บรรยากาศในสมัยนั้น
ที่คุณว.บรรยายไว้ในเรื่องสองฝั่งคลองเลยล่ะค่ะ
มะนาวยังเคยไปเดินดูแถวนั้นเลยว่าคลองที่คุณว.พูดถึง
มันใช่คลองที่อยู่หน้าโรงบาลหรือเปล่า
ปัจจุบันมันเหลือแคบอยู่นิดเดียวไว้คั่นโรงพยาบาลกับถนนค่ะ
ถึงไปดูแล้วก็นึกภาพไม่ออกเลยค่ะ
หนังสือ"อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชในสยาม"น่าสนใจนะคะ
ไว้ไปB2S คงมีนะคะ ส่วนของท่านหญิงพูนฯที่จริงเรื่อง"สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น"
มะนาวก็ยังไม่ได้อ่านเลยนะคะ เพียงแต่เรื่องนี้ที่บ้านมะนาวมีแล้ว
ส่วนอีกเล่ม"ชุมนุมเรื่องน่ารู้"เรื่องนี้ที่บ้านรู้สึกจะไม่มีค่ะ
ส่วนที่บ้านที่รู้สึกจะมีครบ น่าจะเป็นของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นะคะ
มะนาวว่าคุณชายคึกฤทธิ์เขียนหนังสือสนุกนะคะ
คุณchanpanakritเคยอ่านเรื่อง"โครงกระดูกในตู้"ไหมคะ
มะนาวว่ามันก็เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ได้ดีเหมือนกันนะคะ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเปิดเผยให้ใครรู้นักก็ตาม
หนังแอ็คชั่นของปีนี้ที่มะนาวยังไม่ได้ดูก็เหลือแค่เรื่องSaltสินะคะ
เพราะอีกเรื่องKnight & Day มะนาวคงไม่ดูเพราะอีตาทอม ครูซแสดง ไม่ปลื้มเจ้าค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.45.201 วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:20:07:50 น.  

 
วันนี้ประเด็นเรื่องราวต่างๆที่จะสนทนากัน
คงงดเว้นเรื่องการเมืองสักระยะนะครับ กลัวท่านมะนาวฯจะอินตามอารมณ์แบบล็อกอินไม่มีเอาท์
ความจริงก็ไม่ได้อยากจะสาวความนะครับ แต่ไอ้ประเภทผู้เขียนไม่อาจแสดงร่วมทางการเมือง
ผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่น สก สข ในกรุงเทพได้ ก็เลยมาลงระรานเสียงสักหน่อย
ถือว่า เป็นสัพเพเหระวาไรตี้ ที่ไม่ได้หวังจะโกเอนเตอร์เทนเมนต์ แต่อย่างเดียว
เรียกว่าแตะกันทุกสายวิชาชีพ ตามประสาเก่งแต่คิด แต่เวลาไปทำเอง
ก็รอ้นๆหนาวๆ ไปกับเสียงวิจารณ์เฉกเช่นเดียวกัน
แบบว่า ผู้เขียนไม่ได้รับ นสพ เจ้าไหนสักฉบับด้วยสิ ก็อาศัยอ่านข่าวผ่านเว็บมีเดีย
ที่ไม่อาจตอบสนองอารมณ์ของคนข่าวยุคแรกเริ่มได้ดีสักเท่าไร
เคยฟังการจัดรายการของ อ.วีระ ธีรภัทธ ว่า การอ่านข่าวแบบหนังสือพิมพ์ให้
วิธีพิจารณาเชิงวิเคราะห์และสรุปรวมความได้แตกฉานกว่าหน้าอินเตอร์เน็ต
ไอ้ผู้เขียนก็มานึกๆตาม ก็ไม่ได้คิดเห็นไปเต็มวิธีการแบบที่อาจารย์ท่านว่า
แต่ยอมรับว่า มีโอกาสที่เบียดเบนความสนใจในเนื้อหาคอมเทนด์อื่นๆ
ได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับการอ่านหนังสือพิมพ์ อย่างน้อยถ้าคุณอยากจะฟังเพลง
คุณก็ต้องไปเอามือบิดหาคลื่นวิทยุเอา อยากจะเล่นเกมคุณก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่า
หน้าปริศนาอักษรไขว์หรือไม่ก็เกมโชโดกุ มันน่าจะขึ้นกับการให้เวลากับการอ่าน
อย่างมีสมาธิมากน้อยแค่ไหน ซึ่งสมาธิในหน้าคอม ก็บอกตามตรงว่าเป็นไปได้ยาก
ไม่เชื่อลองไปเปิดหน้าข่าวบันเทิง แล้วอันไหนพาหวิวกว่ากัน
เพราะผู้เขียนตายไปกับคลิปบันเทิงไปนักต่อนักแล้ว ยิ่งคลิปข่าวจากหน้าเว็บผู้จัดการ
พากระสับกระส่ายคายความเกลียดชังต่อสื่อไปได้เสียสนิทใจ
แต่ยอมรับว่า นับถือในคอลัมภ์ทางวิทยาศาสตร์ เกม โลกไอที ที่เจ้านี้ทำได้ดีแบบผิดที่ผิดทาง
โดยปกติผู้เขียนจะไม่เข้าหน้าเว็บผู้จัดการนี้โดยตรง แต่อาศัยข่าวลิงค์ในหมวดเฉพาะข่าว
เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่แอบคลำตามองการอ่านข่าวหนังสือพิมพ์สองสำนักของท่านมะนาวฯ
คงเทซัดพาสาดกันอุตลุด เพราะรู้กันอย่าง ว่าเขาประกาศตความเป็นศัตรูกันแค่ไหน
ไหนจะต้องบาลานซ์กลุ่มสีเสื้อสองกลุ่ม ทำอย่างกับท่านมะนาวฯไม่ได้สวมเสื้อสักงั้น
เอาเข้าจริง ผู้เขียนคิดว่าทุกคนมีสีเสื้ออยู่ในใจ เพราะมีแนวคิดตามกรอบสังคมที่พึงอาศัยอยู่
ก็อย่างว่าอะนะ ประเทศนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เสื้อสีสองสีสักทีไหน
สมัยกิจกรรมโรงเรียน เรายังมีกีฬาวี้ดว้ายป้ายสี แม้จะเป็นสีที่ผ่านการจับฉลากก็เหอะ
แต่พอได้สังกัดเข้าแล้ว ก็ถึงไหนถึงกันเป็นชาวคณะ
สมัยร่วมประท้วง ผู้เขียนไม่เคยเลยที่จะชวนใครไปร่วม
หรือโมทนาสิ่งบอกเล่าที่ได้ยินผ่านหน้าเวที มีเพียงบอกได้แค่ว่าไปกินข้าวฟรี มีมือตบจำหน่าย
ส่วนใครจะบอกว่าสร้างความวุ่นวาย หรือจ่ายค่าหัวเทาไร
ก็ฟังทุกคำเห็น แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอันใด ก็ไปตามสิ่งที่ใจคิดว่าสมควร
แต่ก็เกือบจะทุกครอบงำชนิดเชื่อแกนนำฟังหัว จนกระทั่งบางกระทำถูกตั้งคำถาม
แล้วไปสร้างจุดกีดกั้นคนเห็นต่างว่าเป็นอีกพวก ก็เลยค่อยๆเขยิบตัวหนีออกมา
เอ๊ ว่าจะไม่เข้าการเมือง มันก็ลอยไปตามลมคำอีกจนได้


ที่ไม่ทานข้่าวเที่ยงเหรอครับ ก็อยากทานอยู่นะ
แต่อาหารมื้อนี้ค่อยๆกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย เพื่อผ่องถ่ายเวลาให้กับการนอนกลางวัน
ผู้เขียนว่าท่านมะนาวฯจะต้องเคยอ่านงานวิจัย ในเรื่องการเสริมสร้างศักยภาพทางการทำงาน
โดยกำหนดพื้นที่และเวลานอนกลางวันในเวลาทำงาน ที่จะไปเพิ่มสัดส่วนต่อประสิทธิภาพงานส่วนบุคคล
ความจริงวิธีการนี้ เพิ่งคิดไม่นานนะครับ มาเริ่มเอาตอนฟุตบอลโลก
ที่แต่ละแม็ทซ์เข้าทางให้ปฏิบัติสมหลักการงานวิจัยทั้งน่าน ส่วนสายเสมอ
อาจมีบางตามฐานะ เวลาเป็นสิ่งเคลื่อนไหวที่มุนษย์กำหนดให้เป็นธรรมชาติ
จริงๆแล้วเวลาเป็นธรรมชาติประดิษฐ์ ที่ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
แต่มนุษย์ก็รังสรรคเครื่องมือกำหนดสร้างให้มันมีตัวตน และควบคุมพฤติกรรมที่ฝืนธรรมชาติ
ของการเป็นวิสัยมนุษย์นะขอรับ จึงไม่เคยมีคำว่าสายเสมออยู่ในโลกสมมติสัจจะ
มีแต่ สายเพราะเผลอ เพราะหลงนึกไปว่าเป็นจริง ในความจริงจังของผู้เคร่งผ่านเวลา
แน่ละสิ ผู้เขียนเป็นคุณชายในด้่านลบของท่านมะนาวฯตลอดมา
ก็ได้คุณหญิง อย่างท่านมะนาวฯร่วมหัวจมท้ายควบคู่กันนี้แหละ
ช่างเป็นคฤหาสถ์สยองขวัญสั่นประสาทดีแท้น้อครับ คงต้องหันเป็นโรงพยาบาลแถวชานเมืองสักทีแล้วมั้ง


แล้วคุณหญิงดีทุกอย่างทั้งสามสิบเอ็ด ยกเว้นหน้าตา อย่างท่านมะนาวฯ
ไอ้ที่ "ถามหน่อยเดียว เป็นต้องว่านี้ " มันเป็นอันหยั่งอะครับท่าน
อ่านวนจนจราจรไล่ไปหลายรอบแล้ว ก็ไม่เก็กมุขอันลึกซึ้งข้อนี้ที่ท่านว่าเลย
ถามว่า 12 Monkeys ดูยากไหม? ก็ชนิ ดที่ผกก.เรื่องนี้
ไม่มีโอกาสหนที่สองในการทำหนังสร้างฮอลีวู้ดอีกเลย หนังเพี้ยนๆ
ที่กว่าจะเข้ารูปเข้ารอย ก็ต้องหากันเกือบชั่วโมงครึ่ง ทั้งไดอะล็อกที่ไม่ชวนฟัง
หน้าอมทุกข์จนเมอของพี่บรู๊ซ ก็เลื่อนลอยไปกับภาวะอปกติชน
บอกไม่ได้เหมือนกันว่าชอบหรือไม่ชอบ ดูแบบผ่านๆไปให้จบๆ
แถมยังดันไปจบแบบไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะโทษคนสร้างหรือใส่ความคนดูกันดี
ขืนรอของแถม ท่านมะนาวฯอาจได้สวรรค์หนึ่งภพกับนรกอีกสามขุมก็ได้นะขอรับ
หนังที่ดีมีที่ยืนโดดๆ ไม่เคยมีสถาบันรางวัลใดให้กับหนังรวมมัดย อดเยี่ยม
ที่ต้องเอาเรื่องนี้กับเรื่องนั้น ผสมกับอ ีกเรื่อง แล้วขึ้นแท่นบูชา
กลไกราคา ไม่ได้เป็นเครื่องสะท้อนคุณภาพของการบริโภค ที่อาจจะออกรสคุ้มค่า
ในความรู้สึก แต่ไม่คุ้มอารมณ์ในแง่การชื่นชมวัตถุปรัะสงค์หลัก
เพราะเป็นอิทธิพลของการหว่านซื้อ เพื่อได้ผล ที่ไม่ได้เห็นผลชนิดโป้งเดียวแล้วโป๊ะเช้
อันนี้แนะนำทางนะท่าน เพราะสงสารการบริหารคลังสินค้าหนังหนาวไม่ปลื้ม
จะล้นบ้านเอาก็เท่านั้น


ตกลง Wanee & Junah นี้ออกไปทางชอบเหรอ
อย่างนี้ก็ทำคะแนนตีตื้นกับเฮียต่อได้พอประมาณก้าวหนึ่งเห็นจะได้
งั้นขอถอนฟ้องยอมความ หวังว่าคนทางโน้นคงไม่เอาเรื่องจับความ
เพราะในฐานะที่เราทั้งสองมีดั้งจมูกไว้ประคองเเว่น ถ้าโด่งแบบไม่ใช่คุณศัลย์
ก็ถือว่าพอคบกันได้ ด้วยไม่อยากคอยดันซิลิโคนให้ตรงเหลี่ยมจนเล็บเสียทรง
ถ้าฟังความทุกอวัยวะที่แยกชำแหละในทางดี ผ่านวาจาท่าน
ท่านมะนาวฯต้องถือว่าเป็นนารีที่หน้าตาดีเอามากๆ จมูกโด่งแบบถั่วฝักยาว
สายตากลมดั่งลูกชิ้นปิงปอง ปากเรียวยาวดั่งต้นตะไคร้ โครงหน้าได้สัดส่วนทรงไข่
สีผิวขาวเผือกสีคล้ายผักกาดขาว แหม!อะไรจะเอ็มเคสุกี้ในหม้อเดียวกันเช่นนี้
อยากเอาน้ำซุปร้อนเดือดๆ เทราดให้หายอยากเสียจริงๆ

งานของคุณ ว อ่านแค่เล่มนี้เล่มเดียวอะท่าน
จำได้ว่าอ่านเพราะมีสาวหน้าตาอ่านแล้วไม่ยอมเก็บขึ้นชั้น ก็เลยอ่านเอาอารมณ์ซึ้ง
เพื่อเจอะเจอครั้งหน้า จะได้ปสาทะในเรื่องเดียวกัน เป็นการรังควานตามตื้อผ่านการยืมหนังสือ
แบบมีเธอต้องมีฉัน และมันอีกหลายๆคนก่อนหน้าฉันและเธอ
ไม่อยากบอกว่าผู้เขียนสร้างกติกาประหลาดๆ ในห้องสมุดไว้เยอะเเยะไป
แบบตั้งกฎเอง เล่นเอง ปฏิบัติเอง มีผลการบันทึกไว้เป็นหลักฐานผ่านบรรณารักษ์เป็นที่เรียบร้อย
ก็มีทั้งอ่านเอาจริง อ่านเอาเล่น และอ่านแบบสักให้มีชื่อว่าเคยครอบครองชั่วคราว
สมัยโน้นสมาธิจัดจ้าน แบบโลกนี้มีฉันกับหนังสือ อินเตอร์นงอินเตอร์เน็ตกินฉันยาก
เพราะราคาเครื่องยุคนั้น ซื้อชุดหนังสือธรรมโฆษณ์ได้ยกชั้น
น้ำใสใจจริงนี้ ดูเป็นละครเอานะท่าน สมัยนั้นจะมีศรราม เต๋าสมชาย นัทมีเรีย แคทอรียา อิงลิช
ดูกันติดหงอมแงมปานจะเป็นเพื่อนเก่าที่ไปได้ดีในงานละคร
แต่เนื้อเรื่องเป็นอย่างไร จำไม่ค่อยได้แล้วสินะท่าน นึกเลาๆว่ามิตรภาพของการเป็นเพื่อน
สูตรรักเพือ่น เสียดายเพื่อนอีกคน ถ้าจำไม่ผิด
สองฝั่งคลอง เหมือนจะพยายามยืมแต่มีคนอ่านเช่าแล้วเอาไปดองนาน
อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชในสยาม นี้ เพิ่งเห็นที่ศูนย์หนังสือจุฬานำมาจำหน่าย
ฉบับรีปริ๊นท์ใหม่ ครั้งที่สาม เห็นว่าราคาแพงขึ้นผิดกับค่าเงินในปัจจุบัน
แต่หนังสือราคาย่อมเยา เพราะทายาทลุงบัทสันนอกจากไม่เอาค่าลิขสิทธิ์
ยังช่วยออกงบในการแปลสู่สายตานักอ่านช่าวไทย แล้่วถ้าจะอ่านเหตุการณ์ให้
เข้าใจยิ่งขึ้น ก็แนะนำให้อ่านควบคู่กับ หนังสือที่ชื่อ
ปฏิวัติ 2475 : 1932 Revolution in Siam โดย ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ิ
และชาญวิทย์ เกษตรศิริ แต่เล่มหลังนี้ จะใช้ข้อมูลภายในประเทศ อย่างจดหมายเหตุ
เอกสารราชการ แต่ความสนุกพอประมาณไม่เท่างานลุงบัทสัน ที่อ่านไปก็อึ้งไป
เพราะเขาเอาเอกสารลับระหว่างฑูต มาตีเเพร่ให้เห็นไปอีกทาง



งานของหม่อมคึกฤทธิ์ ผู้เขียนมีไม่ครบ ส่วนใหญ่เป็นงานรวมเล่ม
ผ่านสนพ ดอกหญ้า หนังสือเล่มแรกที่ได้อ่านก็น่าจะเป็น มอม
อันนี้เป็นแบบเรียนบังคับสมัยประถมแบบคัดตัดตอน
เริ่มซื้อเองก็มีนิกายเซน กับยิว ที่ซื้อตอนนั้นก็เพราะไม่รู้จะหาอะไรอ่าน
เห้นปกออกแบบสวยงามเตะตาดีก็เลยซื้อ แต่ผู้เขียนติดในเงื่อนภาษาที่ดูโบราณไป
ส่วนโครงกระดูกในตู้ ไม่แน่ใจว่าเคยอ่านรึเปล่า แต่ใช่เกร็ดประวัติศาสตร์เป้นตอนๆ
ที่เป็นงานคล้ายๆงานเขียนของ ส พรายน้อยไหมครับ ว่าจะมีแผนซื้อสี่แผ่นดินครบชุด
แต่ดันไปซื้อสี่เเผ่นดินฉบับช่องเก้าอสมท แทน ทุกวั้นนี้แผ่นหายไม่รู้ใครหยิบยืมไป
เลยไม่เหลือให้แลสักแผ่นดิน หรือแผ่นเดียว เออ ราโชมอนด้วยที่มีไว้ในสังกัด
อ่านอยู่หลายรอบ แต่เห็นว่าแปลได้ไม่ดีแบบผิดเพี้ยนต่อต้นฉบับ
ผิดอย่างไรไม่รู้ เพราะยังไม่เห้นมีนักแปลคนอื่นนอกจากลุงคึกฤทธิ์นี้แหละ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:23:02:01 น.  

 
มะนาวได้ฟังข่าวเรื่องนักเรียนตีกันแล้วโดนลูกหลง ช่างน่าเศร้านะคะ
มะนาวได้เข้าไปอ่านบล็อกที่เขาบอกว่าอดีตเขาก็เคยทำแบบนั้นเหมือนกัน
เขาแนะวิธีแก้ มะนาวว่ามันเหมือนเกาถูกที่คันเลยค่ะ
ทำไมทางฝ่ายบ้านเมืองถึงไม่นำคนที่เคยร่วมในเหตุการณ์แบบนั้น
มาร่วมในการวางแผนแก้ปัญหานะคะ
เพราะปัญหานี้มันเกิดมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ลุงป้าแล้ว น่าจะหมดไปได้แล้วนะคะ
เขาบอกว่าการไล่ปิดสถาบันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาค่ะ
คนผู้นี้เขาบอกว่าวิธีแก้คือให้ตำรวจตั้งด่านตรวจค้นรถเมล์ที่เด็กกลุ่มนี้ขึ้นค่ะ
เพราะเด็กกลุ่มนี้เขาจะรวมกลุ่มกันขึ้นรถเมล์คันเดียวกัน
แล้วจะมีผู้นำเรียกว่าประธานคณะซึ่งจะเป็นคนนำแซวคู่อริหรือนำลงไปลุยคู่อริค่ะ
ถ้าค้นนี้เขาบอกเลยว่าจะเจออาวุธเพียบแน่นอนค่ะ
แล้วถ้าเหลือแต่มือเปล่าๆ เขาบอกว่าพวกนี้จะไม่กล้าลุยค่ะ
เขาบอกว่าการที่ตำรวจมาคุมหน้าสถาบัน มันแก้ผิดทางค่ะ
เพราะคงไม่มีคู่อริที่ไหนมาคิดตีกันตรงหน้าสถาบันหรอกค่ะ
เขาบอกว่าควรจับตาที่ป้ายรถเมล์ค่ะ ว่าถ้าเห็นรถเมล์สายไหนๆมาก็ไม่ขึ้น
ให้เฝ้าระวังกลุ่มนี้ได้เลย แล้วให้แต่ละสถาบันเลิกเรียนเหลื่อมเวลากัน
อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงแล้วให้เคลียร์ป้ายหน้าสถาบันให้หมดก่อนสถาบันอริจะเลิก
โดยไล่ขึ้นรถให้หมดไม่ให้รอเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะเขาบอกว่าพอคนน้อยจะไม่กล้าบู๊คะ
แล้วให้ใส่เสื้อและกางเกงให้เหมือนกันหมดทุกสถาบัน
เพราะทำให้แยกกันไม่ออกซึ่งจะลดปัญหาการปะทะได้ค่อนข้างมากค่ะ
เพราะพอไม่มีเสื้อคนล่ะสี เขาบอกว่าพลังมันจะลดลงไปเยอะค่ะ
แล้วอาจารย์แต่ละสถาบันจะต้องไม่ให้ท้ายด้วยค่ะ
คือไม่ใช่ไปรอประกันตัวให้ที่ส.น.หากเด็กของตนโดนจับ
เพราะเขาบอกว่าหากเด็กรู้ว่าสถาบันยังคอยประกันตัวให้
ฝากอาวุธได้ เรื่องตีกันก็จะไม่มีวันหมดไปหรอกค่ะ
มะนาวว่าเขาให้ข้อแนะนำที่ดีนะคะ
แหะ แหะ มะนาวไม่ได้คุยเรื่องการเมืองใช่ไหมคะ
มะนาวเพียงแต่คุยเรื่องประเด็นร้อนเท่านั้นเองน๊า

และมะนาวไม่เถียงเลยค่ะเรื่องมีสีเสื้ออยู่ในใจ
เมื่อก่อนมีพี่ที่ทำงานมะนาว ก่อนที่พี่เขาจะย้ายไปเติบโตที่อื่น
สามีพี่เขาเป็นแบบคุณchanpanakritค่ะ เปิดฟังช่องนั้นทั้งวันทั้งคืน
แล้วก็มีไปร่วมด้วย อันนี้บ้านเดียวกันความเห็นไม่แตกต่างค่ะ
ก็เลยไม่เกิดกรณีห้ามคุยเรื่องการเมืองที่บ้าน
แต่พี่เขาเป็นคนมีเหตุผลนะค่ะ เวลามาคุยกับมะนาว
เราก็ถกกัน แล้วประเด็นเดียวที่เราเห็นเหมือนกันและบ่นกันทุกครั้งเลยคือ
ทำไมถึงไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างจากตัวเองบ้างนะ
ใครไม่เห็นด้วยกับตัวเองนี้ เรียกว่าหยิบขึ้นมาว่าแบบขุดคุ้ยเสียๆหายๆไปหมด
ซึ่งพี่เขาก็จะมาเม้าท์สามีตัวเองให้ฟังว่าสามีพี่เขาพอฟังมากๆ
ก็เริ่มที่จะขาดเหตุผลไปแล้วเหมือนกัน
พี่เขาก็เลยต้องใช้ตำแหน่งผบ.ทบ.ตัวจริง
สั่งห้ามเปิดดูสถานีนั้นค่ะ จนกว่าอารมณ์สามีพี่เขาจะสงบ และมีเหตุผลเหมือนเดิม
555โธ่!ใครแน่กว่ากัน คุณchanpanakritเห็นไหมคะ
ต่อให้ขนาดคลั่งสีเสื้อขนาดไหน ยังไม่กล้าหือเลย555
แหม!เรื่องงีบกลางวันรีบอ้างงานวิจัยเชียวนะคะ
โอเคเห็นด้วยค่ะ ที่ว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
แต่มันก็ต้องใช้เวลานอนเป็นชั่วโมงๆเหมือนกันนะคะ
เพราะ30นาที กับ1ชั่วโมง ผลการทดลองหนึ่งชั่วโมงออกมาดีกว่าใช่ไหมคะ
คุณchanpanakritก็เลยยึดถือผลนี้ว่าต้องนอนให้เต็มชั่วโมง
จึงไม่ยอมทานข้าว แต่มะนาวว่านะ เรื่องนี้ไม่โปร่งใส มีกลิ่นตุๆค่ะ
เรื่องนอนกลางวันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นแค่ข้ออ้างแหงมๆ
จริงๆแล้วจะเก็บเงินไว้ส่งเสียเด็กใช่ไหมล๊า ฮิ ฮิ งานนี้ชัวร์ป๊าด
555รีบบอกเชียวนะคะว่าเวลาเป็นเรื่องที่มนุษย์สมมติขึ้น
แล้วไม่เห็นต้องแปลกใจอะไรแล้วนี่คะ
เพราะทั้งคุณchanpanakritและมะนาวต่างก็เพี้ยนเข้าขั้นทั้งคู่
สงสารแต่คนที่เผลอเข้ามาอ่าน คงได้แต่ตบกระโหลกตัวเองว่า
ตูข้าเผลอเข้ามาอ่านอะไรเนี่ย มึน(เฉพาะสำนวนคุณchanpanakritนะ ของมะนาวไม่)

ส่วนที่ว่าถามหน่อยเดียวก็ต้องว่าด้วย
คือมะนาวถามถึงว่ารูปผีเสื้อที่ปิดปากในหน้าปกDVDเรื่องThe Silence of the Lambs
มันสื่อความหมายว่าอะไรคะ แล้วคุณchanpanakritหาว่ามะนาวแกล้งโง่
ก็ถ้าไม่รู้ก็กลายเป็นว่าโง่จริงอ่ะดิ คำถนอมน้ำใจเขาไม่ใช้อย่างนี้กันนะเจ้าคะ
เขาต้องบอกว่าไม่รู้จริงๆเหรอ มันหมายถึงว่า....ฮึ ต้องให้บอกด้วย
แล้วก็เวลาไปซื้อDVDน่ะคุณchanpanakritไม่เคยเจอเหรอคะ
พอเราหยิบมาไม่ครบ เขาก็เชียร์อยู่นั่นแล้วว่า
ซื้อให้ครบ5เรื่องสิครับจะได้แถมหนึ่งเรื่อง
แล้วเขาก็จะกุลีกุจอช่วยแนะนำใหญ่เลย แล้วเป็นไงก็ต้องซื้อ5เรื่องอยู่ดีค่ะ
ก็เลยถ้าได้ไกด์จากคุณchanpanakritไป
ก็ไม่ต้องไปมะงุมะงาหราหาหนังอะไรก็ม่รู้มาไงคะ
ฮือ ฮือ แล้วก็โดนหลวงตาเทศน์อีกจนได้
555ฟังคุณchanpanakritบรรยายลักษณะมะนาวแล้ว
555ข้าเจ้าก็พลอยหิวสุกี้ไปด้วย
อู๊ย!ไม่อยากจะเล่าว่ามะนาวน่ะนอกจากไม่มีคุณศัลย์ฯแปดเปื้อนแล้ว
แม้แต่ make upก็ยังแทบจะไม่ได้แตะต้องเลยด้วยซ้ำค่า
ประเภทเห็นต่อหน้ายังไง ลับหลังก็อย่างนั้นเลยค่า
พวกมะนาวนะคะเคยถูกจับไปอบรมการพัฒนาบุคลิกภาพ
(ไม่ใช่บุคลิกภาพไม่ดีนะคะ แต่เป็นพวกบุคลิกภาพมีแนวโน้มว่าจะดีต่างหากล่ะค่ะ)
เขาจ้างสถาบันJohn Robert Powers มาtrainพวกมะนาวค่ะ
ก็มีทั้งฝึกของผู้หญิงและผู้ชาย
มีอยู่ช่วงหนึ่งต้องฝึกถือกระเป๋าให้ดูเก๋ สวยงาม มีมาด
คุณประนม ถาวรเวช ก็บอกให้พวกเราเอากระเป๋าถือกันออกมา
ปรากฏว่าเงียบกริบ คุณประนมก็สงสัยว่าทำไม
พวกเราเลยบอกว่าพวกเราไม่มีหรอกค่ะกระเป๋าถือแบบนั้น
คุณประนมก็ถามว่าทำไมไม่มีล่ะคะ
พวกเราบอกว่าก็พวกเรามีกระเป๋าเอกสารแล้วนี่
พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะถือกระเป๋าแบบนั้นมาทำไม
คุณประนมเค้าก็ถามว่า แล้วพวกกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือล่ะ
พวกเราบอกว่าก็ใส่ไว้ในกระเป๋าเอกสารไงคะ
คุณประนมเอามือตบหน้าผาก ร้องโอ้!พระเจ้า
(คงไม่คิดว่าจะเจอมนุษย์เผ่าพันธุ์พิเศษแบบพวกมะนาว)
ก็จะให้พวกเราแบกกระเป๋าถือมาอีกใบทำไมล่ะคะ ให้ยุ่งยาก
ก็ในเมื่อกระเป๋าเอกสารบรรจุได้ทุกอย่างทั้งตำราเรียนและอื่นๆอีกจิปาถะว่าไหมคะ
ทีนี้ก็มาถึงเรื่องสอนการแต่งหน้าก็มีลิสท์ว่าจะต้องเตรียมอะไรมาบ้าง
โดยอาจารย์ผู้สอนบอกว่าให้เอาของเก่าที่มีอยู่แล้วมาไม่ต้องไปซื้อใหม่
พอถึงวันสอนอาจารย์ก็บอกให้เอาของที่ให้เตรียมไว้ออกมา
ปรากฏว่าแต่ละคนเพิ่งแกะกล่องทั้งนั้นเลยค่ะ
อาจารย์ตกใจบอกว่าไม่ได้บอกให้ไปซื้อใหม่นี่คะ
พวกเราแทบทุกคนบอกว่าก็ของเก่าไม่เคยมีนี่คะ
ถ้าไม่ซื้อใหม่แล้วจะเอาที่ไหนมาฝึกล่ะคะ
555อาจารย์สอนแต่งหน้าเลยพระเจ้าไปอีกคนค่ะ
ของมะนาวยังดีหน่อยนะคะ มีแป้งพัฟกับลิปสติก
แต่บางคนแป้งพัฟก็ไม่มีใช้แต่แป้งกระป๋องกับลิปกรอสค่ะ
เห็นไหมคะ พวกเราต่อหน้ายังไงลับหลังอย่างนั้น ไม่มีหลอกลวงค่ะ อิ อิ
อย่างของมะนาวเรียนเสร็จก็เอากลับมาซุกอยู่ในตู้เย็นต่อค่ะ
ไม่คิดจะเอามาใช้อีกเลยค่ะ อย่างหนึ่งคือไม่ถนัด
อีกอย่างคืองานของพวกเราก็ไม่ได้ใช้หน้าตา
ก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจกับเรื่องเหล่านี้น่ะค่ะ
คุณchanpanakritว่าพวกมะนาวประหลาดไหมคะ

เข้าเรื่องเฮฮาของเราดีกว่านะคะ
มีข่าวหนังญี่ปุ่นเรื่องโอโอะคุ(Ooku)ค่ะ
มะนาวว่าน่าดูเชียวค่ะ คุณchanpanakritดูรายชื่อนักแสดงสิคะ
โค ชิบาซากิ นิโนมิยะ มากิ โฮริคิตะ และนี่เลยท่านจิ๊ค่า
ทามากิ ฮิโรชิ เนื้อเรื่องไม่ธรรมดาด้วยค่ะ
ให้ผู้หญิงเป็นโชกุนค่ะ แล้วให้มีนางในเป็นผู้ชายค่ะ น่าดูไหมคะ
แล้วมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะที่มะนาวแปลกใจ
คือทางญี่ปุ่นเขาเลือกJapan's Most Beautiful Celebrity 2010
คนที่ได้ฝ่ายหญิงคือโคยูกิ ส่วนฝ่ายชายคือฟุคุยามะ มาซาฮารุ
มะนาวแปลกใจน่ะค่ะ ทำไมป๋ายะไม่ได้ล่ะคะ ทำไมได้เป็นลุงฟุคุยามะล่ะค่ะ
ลุงแกมีคนชอบมากกว่าป๋าเหรอคะ เง็งค่ะ+ไม่พอใจ
แล้วคุณchanpanakritเคยอ่านเรื่อง"เมฆาสัญจร(Cloud Atlas)"ไหมคะ
ที่ประพันธ์โดยDavid Mitchell และแปลโดยจุฑามาศ แอนเนียนน่ะค่ะ
มะนาวอ่านที่โปรยโดยอ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
รู้สึกว่าค่อนข้างจะชื่นชมมากค่ะว่าเขียนได้
แตกต่างจากการแบบแผนดั้งเดิมของการเขียนวรรณกรรมน่ะค่ะ
และคุณโป่งข่าม(คอลัมน์ที่มะนาวอ่าน)บอกว่าหนังสือเล่มนี้
ตั้งใจกวนหัวใจคนอ่านทุกวิถีทาง เพราะไม่ว่าจะเลือกอ่านบางบท
หรืออ่านตามลำดับ หรืออ่านกระโดดไปกระโดดมา
ก็ต้องอ่าน อ่าน อ่าน เพื่อความสมบูรณ์และความเข้าใจที่กระจ่างค่ะ
เนื่องด้วยชั้นเชิงการประพันธ์ของDavid Mitchell นั้น
ยากที่จะสรุปถึงเนื้อหาที่เขาต้องการสื่อเพียงอ่านไม่กี่บท
แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอ่านให้จบ และต้องอ่านอย่างตั้งใจด้วยค่ะ
ตอนแรกที่อ่านโปรยมะนาวก็สนใจนะคะ
แต่พอบอกว่าต้องอ่านอย่างตั้งใจ เริ่มฝ่อเลยค่ะ
ก็โธ่!อ่านอย่างตั้งใจใช้กับตำราเรียนอย่างเดียวก็น่าจะพอแล้ว
นี่ยังต้องมาอ่านอย่างตั้งใจกับพวกวรรณกรรมที่เป็นอาหารสมองด้วยเหรอ
เฮ้อ!แล้วมันจะเรียกว่าอ่านเพื่อrelax ได้ยังไงกันล่ะเนี่ย
เรื่องนี้หนาตั้ง576หน้าด้วยค่ะ อ่านกันตาแฉะแน่ๆเลยค่ะ
แล้วหนังสือปฏิวัติ 2475เหมือนว่าที่บ้านมะนาวจะมีนะคะ
ส่วนเรื่องโครงกระดูกในตู้เป็นเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษของอาจารย์หม่อมค่ะ
ที่ชื่อเจ้าจอมมารดาอำภา ผู้ซึ่งเป็นครูละครหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๒น่ะค่ะ
ที่ตอนหลังมีเรื่องขัดอกขัดใจแล้วหนีไปอยู่เขมรน่ะค่ะ
อาจารย์หม่อมบอกว่าพระประวัติของเจ้าจอมมารดาอำภา
เป็นเหมือนเป็นโครงกระดูกในตู้ที่ทุกคนอยากปกปิดไม่ให้ลูกหลานรู้
เพราะไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมยินดีนักค่ะ
อาจารย์หม่อมเขียนได้สนุกนะคะ และมีเกร็ดความรู้เพียบค่ะ

อ้อ!พรุ่งนี้มะนาวอาจจะไม่ได้เข้ามาคุยนะคะ
เพราะจะไปซื้อNetbookและจะต้องเอา Notebookไปเทิร์นน่ะค่ะ
ไมรู้ว่าการติดตั้งโปรแกรมอะไรต่างๆจะเสร็จเรียบร้อยหรือเปล่า
ยิ่งเป็นคนโลว์เทคอยู่ด้วย ที่จริงบ้านมะนาว
สะสม point ของบัตรเครดิตจนได้NotebookของFujitsuมาเครื่องหนึ่งค่ะ
แต่เขาลงWindows 7มาให้แล้วค่ะ
ฟังจากคุณchanpanakritว่ายุ่งยากมะนาวก็เลยบอกไม่เอา ให้พี่เขาไป
ทุกคนก็เลยบอกว่าให้มะนาวใช้Netbookไปแล้วกันค่ะ
พรุ่งนี้มะนาวก็เลยต้องไปเดินหาซื้อNetbookน่ะค่ะ
มะนาวเลยไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะมีเครื่องคอมพ์ที่พร้อมใช้หรือเปล่า
ถ้ามะนาวไม่ได้เข้ามาคุยก็หมายความว่าทุกอย่างยังไม่เรียบร้อยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.45.201 วันที่: 3 กันยายน 2553 เวลา:17:57:46 น.  

 
เกริ่นเรื่องก็หยาบคายคุณน้ายุกิเอะแห่งโกคุเซนว่าป้าเลย
เดี๋ยวก็เจอลูกเตะกังหันพิฆาตของนายหญิงโอโจสักหรอกนะครับ
ก็คัดเอาเวอร์ชั่นนักแสดงที่มะนาวท่านไม่ปลื้มมาวางไว้ก่อน
แบบว่า โฮโอกุ (ไปเปรียบการออกเสียงแล้ว เขาให้ไปทางโฮโอกุนะครับท่าน)
เป็นเรื่องเล่าเชิงประวัติศาสตร์แบบไอปะทุไปทางเพลิงรักกระชากบัลลังค์ทอง
โฮโอกุ ก็เป็นพื้นที่เขตหวงห้ามของสนมนางในที่จักรพรรดิ์ทรงรับไว้ในราชนุปถัมภ์
รุ่งเรื่องอย่างมากในยุคเอโดะครองเมือง ที่ฝรั่งเข้าใจอย่างหยาบๆว่า
เป็นฮาเล็มขององค์จักรพรรดิ์ ถูกกำหนดขอบเขตพื้นที่รอบตัวปราสาทชัดเจน
ชนิดที่คนในก็อยากออก คนนอกก็อยากจะเข้า
ในความหมายของ wiki ให้ไปในทางพื้นที่ที่ถูกจัดสรรเชิงอำนาจ
ที่แม้ตัวจักรพรรดิ์เอง เวลาที่จะย่างเขตพื้นที่โฮโอกุเอง ก็ต้องมีตัวกลางที่คอย
เป็นพยานการส่งสัญญาณกระดิ่งให้นารีสนมในพื้นที่ได้ทราบ ที่เรียกว่า โอโสซุ โรกะ
ดังนั้นพื้นที่ในเขตโอสุ จึงคล้ายๆเขตพักผ่อนที่ปลอดภัยของโชกุน
อันเป็นกุศโลบายสร้างมุมอับเฉพาะภายในตัวปราสาทเอโดะ กลางปี 1670
ในยุคสมัยของ โตกุกาวา ฮิเดะโยชิ นะท่าน จึงมีข้อบังคับทีเข้มงวด
ชนิดที่ไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ขุนนางชาย แม้ว่าจะมีตำแหน่งยศฐาสูงแค่ไหนก้าวผ่าน
ขนาดเดียวกัน หญิงของโฮโอกุก็ไม่ได้รับอนุญาติให้ออกไปเดินในชุมชมภายนอกปราสาท
ฟังดูก็คล้ายๆจะแยกโลกภายนอกกับโลกภายในอย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกัน ภายในเขตโฮโอกุเองก็มีการแข่งขันทางการเมืองของเหล่าหญิงๆ
เพื่อสถาปนาอำนาจความเป็นนายหญิงใหญ่ในกลุ่ม เพื่ออนาคตของการเป็น
มเหสีคนสนิทแก่ตัวโชกุนหรือจักรพรรดิ์ตามแต่จะเรียก อันดับสูงที่สุดทางตัวบุคคล
ในเขตพื้นที่โฮโอกุ เรียกว่า โอโตะชิโยริ เทียบได้กับ ตำแหน่งโรจู แห่งปราสาทเอโดะเลยทีเดียว


เป็นไงครับ ความรู้ย่อๆ ที่อาจมีมั่วบ้าง
คงพอจินตนาการเทียบเคียง เรื่องราวของในหนังว่าจะไปในทิศทางใดได้นะขอรับ
ผู้เขียนไม่เคยได้ชมสักเวอร์ชั่น (หรืออาจจะเคย เพราะคุ้นๆแนวอยู่)
เดาเอานะว่า ต้องแอบไปพบชายในฝันนอกตัวปราสาท
จนอยากแอบหนีไปใช้ชีวิตคู่แบบสามัญชนตกยาก แล้วโชกุนก็สั่งการไล่ล่า
อันนี้เดาผสมน้ำเน่าเป็นเกณฑ์
แต่แอบไปเทียบข้อมูลฝ่ายบันเทิง ดูจะมีการสร้างมาแล้ว ห้าเวอร์ชั่น
โดยเวอร์ชั่นแรกและสอง ปาไปตั้งเวอร์ชั่นละประมาณครึ่งร้อยตอน
(เวอร์ชั่นแรกเป็นของสถานีฟุจิ เริ่มปลายปี ๖๐ เวอร์ชั่นนิรนามสถานีฉายต้นปี ๘๐)
แต่เวอร์ชั่นที่น่าหามาตาม เป็นเวอร์ชั่นสิบเอ็ดตอนแถมพิเศษสองตอน
มีเจ๊คานโนะ มิโฮะ จากเรื่อง last present รับบทเป็น นายหญิงโตกุโกะ
และมีเจ๊อาซาโนะ ยูโกะ จาก tokujo kobashi รับบทเป็นโอยุ
เพราะภาคนี้ฟังเรื่องย่อว่า คนในโฮโอกุถูกทำให้มีสมองและความงามควบคู่กัน
และใส่มิติมัดใจโชกุน แบบมิได้เล่ห์ก็ด้วยกลอุบาย
เป็นอารมณ์ครบรสแบบทั้งรัก โลภ โกรธ หลง มีบรรจุไว้เพียบ
โดยไปมุ่งเน้นในสมัยปลายก่อนการล่มสลายของยุคโตกุกาวะ
พร้อมกับการเสื่อมสลายไปพร้อมๆกันกับสถาบันโฮโอกุไปในตัว

ส่วนเวอร์ชั่นสี่ ดูสนใจเพิ่มขึ้น เพราะไปสโค้ปในสมัยโชกุนรุ่นที่สามของสกุล
โตกุกาวา คือ โตกุกาวา เลมิซึท เพราะเข้าใจก่อนนะครับว่า
เลมิซึท ได้รับการส่งเสริมการเชียร์สู่อำนาจโดยพระพี่เลี้ยขณะที่
พี่ชายของเลมิซึม คือ ทาดานากะ ก็ได้รับการเชียร์จากแม่บังเกิดกล้าวของตน
งานนี้ก็เลยเห็นการเชียร์ส่งเสริมเด็กอิฉัน อย่างออกนอกหน้า
มีพระเอกจากหนังเรื่อง Casshern อย่าง นิชิจิมา ฮิเดโตชิ รับบทเป็นโชกุนเลมิซึ
ให้หล่อกรี๊ดกันตายไปข้างหนึ่ง


ส่วนภาคห้า เขาให้ชื่อตอนว่า War of the Belles
เป็นในยุคสมัยของโชกุน โตกุกาวา ทซึนาโยชิ ถือเป็นโชกุนรุ่นที่ห้า
เล่นโดย ทานิฮารา โชสุเกะ จาก love shuffle
ส่วนนางเอกก็เป็น อุชิยามา รินะ จาก fire boys

ส่วนคลิปที่ผู้เขียนนำมากำนัล ผู้ใหญบ้านให้แก่ท่านมะนาวฯ
เป็นเวอร์ชั่นหนังใหญ่ เข้าฉายปลายปี ๒๐๐๖ แบบที่ยังเคารพข้อมูลทางประวัติศาสตร์
อยู่หน่อย แต่ไม่ถึงขึ้นตีความใหม่ขึ้นตามจินตนาการแบบที่ท่านมะนาวฯยกมาอ้าง
แต่ก็น่าสนใจนะครับ ถือเป็นการฉีกตามประสาถอดรื้อและตีความใหม่
ที่กำลังฮิตกันสำหรับการเอาเรื่องเก่ามารีเมกใหม่ ถ้ามีโอกาสดูคงได้มาร่ายให้ฟังเช่นกันนะขอรับ
ส่วนอย่าเเปลกใจไปเลยขอรับ ท่านมะนาวฯ ที่ป๋ายะจะไม่ได้ Most Beautiful Celebrity 2010
ก็เป็นเรื่องของกระแส กับผลงานที่ไปเข้าตา
แต่บังเอิญป๋ายะ อาจไปเล่น Moon Lover จนไปทิ่มตาหลายๆคน
ฝ่ายชายไม่ค่อยแปลกใจ ส่วนหญิงก็พอเดาได้ ก็เซเลปอะนะ
จะยังเหลือใครได้อีก ดีไม่เอาลุงทานาวาเบะ แทน ไม่รู้คิดเหมือนผู้เขียนไหม
ลุงทานาวาเบะดูจะได้รับความชื่นชมจากคนนอกประเทศ มากกว่าในประเทศ
อันนี้ไม่รู้ลุงแกไปสร้างวีรกรรมอะไรให้คนในประเทศได้ขุ่นเคืองใจอะป่าว
ไม่เคยเห็นงานหนังในประเทศของแกเอาสักเลย

ปัญหาเด็กตีกัน ผู้เขียนมองไปว่าเกินแก้ไขไปแล้ว
มันมีอะไรทับซ้อนปัญหาที่หมักหมมอยู่มาก ทั้งความเท่าเทียมกัน
ระบบพวกพ้อง อำนาจนิยม รุ่นอาวุโส โครงสร้างความเป็นสถาบัน
ตลาดทุนนิยมบริโภค ปัญหาครอบครัว
ที่ท่านมะนาวฯเล่ามา ทางแก้ที่ว่าได้ยินมาตั้งแต่รายการเจาะใจสมัยมาโนช พุฒตาล
ยังไม่ลงสมัคร สว เลยอะท่าน มันคล้ายๆทางแก้ค่อยถูกกลืน
กับสู่สภาพเดิมๆที่เคยเป็น ถ้าผู้เขียนมีลูกมีหลาน ก็คงหักดิบแบบใจแคบ
ด้วยการไม่ส่งลูกหลานไปเรียนในสถาบันที่มีประวัติต่อเนื่องในเรื่องดังกล่าว
ให้หลุดกรอบวัฒนธรรมผิดๆที่สืบทอดกันมา เพราะผู้เขียนก็เคยโดนอิทธิพล
พวกมากลากไป ไปดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ก็ตัวใครตัวมันเอาไว้ก่อน

สบถคำฮ่า กับเรื่องร่าวในองค์กรของท่านมะนาวฯจริงๆเลยนะขอรับ
ใช่สำนักชีสำนักสงฆ์ แล้วเวลาออกนอกพื้นที่ภาคสนามจริง
ต้องแบกสภาพศพของตัวเองไปล่ากลุ่มสัมภาษณ์ แล้วเขาเหล่านั้นจะสมยอมเหรอครับ
ไม่ทราบว่า เคยมีมาสคอร์ดอย่างตัวพริตตี้ สักคนในองค์กรบางรึเปล่า
เป็นงานที่ไม่ขายความเป็นหน้าที่เลยจริงๆ เป็นสาวเลือกได้
โดยเลือกที่จะไม่สวย จะบอกว่าขายจิตใจที่ดีงามอะสิ
ถึงขั้นจ้างสถาบันเสริมบุคลิกภาพเข้ามาเทรนด์ อันนี้ไม่รู้เข้าข่าย
ต้องกู่ให้กลับ เพราะเกินเยี่ยวยารึเปล่า แต่ปกติเด็กสายวิทย์ก็เป็นลักษณนามเช่นนี้ละครับ
ถามว่าประหลาดไหม ก็ถือว่าแปลกประหลาดพอควร
เพราะผู้เขียนอยู่ในองค์กร ที่นารีต่างต้องประชันปรับแต่งเรื่องหน้าตาเป็นหลัก
ส่วนอะไรดีๆจากข้างในเป็นรอง แต่ก็ดีน้อครับ
ไม่ต้องสั่งต้มจืดให้เสียเวลา แค่เห็นใบหน้าท่านก็จืดไม่ลงแล้ว (ฮาซ้ำซ้อน)


เอา โน๊ตบุ๊คไปเทรินด์เน็ตบุ๊ค มันจะคุ้มเหรอครับ
เพราะราคาความต่าง มันคนละขั้วกันเลย ไม่ลองนวัตกรรมกดๆจิ้่มๆ
แบบทัชสกรีนเหรอครับ เพราะตอนนี้ตลาดทุกเจ้าเขาจะเลิกผลิตเน๊ตบุ๊ค
แล้วไปให้ความสำคัญกับ แท็ปแล็บ เเทน เรียกว่าทุกเจ้าเทคโนโลยีกันเลย
ที่เปิดตัวโต้งแล้ว ตอนนี้ก็มี แอปเปิ้ล ซัมซุง อัสซุส โตชิบา
ก็ทำได้น่าใช้จนไอ้ประเภทกดบนแป้นพลาสติกกำลังจะกลายเป็นสิ่งล้าสมัยเสียแล้ว
มีโพลล์สำรวจว่า คนมะกันกว่าหกสิบเปอร์เซ็นท์ชะลอการซื้อคอม
เพื่อรอนวัตกรรมตัวนี้อยู่ แม้ผู้เขียนปากจะบอกว่าแค่นี้ก็พอแล้วในทุกๆครั้ง
ที่ซื้อเจ้าเทคโนโลยีสักชิ้นหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยพอสักที มีแล้วก็อยากจะมีอีก
แต่ก็ไม่แน่น้ อ อาจจะหักดิบเลยทันที อย่างที่ทำกับทีวี
จนไม่สนหรอกว่า ไอ้ไฮเดฟ พลาสม่า เเอลซีดี จอสามมิติจะล้ำสมัยอีกเท่าไร
จะจอกว้าง จอแบน ก็เหอะ แค่ไปเยี่ยมบ้านเพื่อน แล้วเห็นลูกหลาน
เขาเปิดทีวีชมกัน ยังรู้สึกหงุดหงิดที่จะมองหรือได้ยินเอาเสียด้วยสิ


David Mitchell ชื่อนี้ สมัยทำงานร้านหนังสือ ถือเป็นงานที่ขายได้เรื่อยๆ
ต้องเป็นนักอ่านที่มีรสนิยมเสียหน่อย เพราะมักจะเอาไปตั้งในจุดที่ถูกมองข้าม
ต้องทำใจนิดนะขอรับ เพราะเป็นงานเขียนของคนอังกฤษ
แต่เขาก็มีภรรยาเป็นชาวญี่ปุ่น เพราะเคยไปสอนที่โน้นกว่าแปดปีเชียว
ถือเป็นนักเขียนที่มีผลงานไม่เยอะนะครับ แค่ ห้าเล่มเท่านั้น
แต่ก็ถือว่าถ้านับปีสหัสวรรษที่เริ่มมีงานตีพิมพ์ ก็มองได้ว่าสร้างชื่อได้เร็ว
ผู้เขียนรู้จักงานเขาอีกเรื่อง ก็คือ Ghostwritten นะครับ แค่รู้นะครับ
เพราะไม่เคยเปิดอ่าน มากสุดก็แค่การพลิกดูรายละเอียดปกหลัง
แต่หมอนี้คงไม่ธรรมดา เพราะติดหนึ่งในร้อยคนที่มีอิทธิพลต่อฝูงชนใน Time
กระนั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นงานเหมาะสมต่อรสนิยมส่วนตัวอยู่ดี
แต่อ สมเกียรติ์ ชื่นชม ก็ไม่แน่ว่าเป็นหนังสือที่คนทุกคนควรอ่าน
เพราะเคยซื้อหนังสือที่แกร่ายย่อๆ หนังสืออื่่นๆ ผ่านรายการโลกยามเช้า
(ที่เช้าสุดๆจิรง) จำชื่อไม่ได้แล้วละท่าน
ก็คิดว่าอ่านได้แบบจริงๆจังๆ ได้เพียงไม่กี่เล่มเอง
แต่ยอมรับว่า แกเป็นนักอ่านระดับหนอนตัวเบ้ง พอๆกับอ ไสว บุญมา


เออ ท่านมะนาวรู้จักสำนักวิจัย ซินโนแวตไหมครับ
เขาวิจัยว่าวัยรุ่นไทย (ในกรุงเทพนะครับ จากจำนวนสุ่มแปดร้อยกว่าคน)
พบว่า หนึ่งในสี่ขาดมือถือ แล้วฉันจะตายให้ได้ และเป็นมือหนึ่งในมือถือในการเม้าท์
เกือบสองชั่วโมง ต่างจากที่สองคือ ฮ่องกง พอสมควร ที่สี่สิบกว่านาที
ท่านมะนาวฯคิดว่าพอเป็นไปได้ไหมครับ
ดูเป็นงานวิจัยที่วืดหวาไม่น้อยเลย ขนาดรายการ bisiness connection
ยั้งเอาข่าวนี้มาเล่าซ้ำเลยขอรับ และคิดว่ารายการเล่าข่าวทั้งหลายคงไม่พลาด
ที่จะเอามากล่าวซ้ำ
และมีข่าวเด็กอัจฉริยะ วัยแค่สิบห้า แต่เข้าเรียนหลักสูตรปริญญาเอกของเคมบริดจ์
ในรอบกว่าสองร้อยปี เป็นสองร้อยปีที่ว่า มีคนทำได้ก็อายุพอไล่เลี่ยก็เป็น
ไอแซค นิวตันกับสตีเฟน ฮอปกิ้นส์ เท่านั้น แต่ดูจากสายชำนาญแล้ว
คงสร้างผลงานที่ให้ผู้เขียนสำราญได้ยากแท้ เพราะไอ้หนูคนนี้ชำนาญทาง
คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ วรรณกรรมคลาสสิกและภาษาฝรั่งเศส
แล้วที่ยอดกว่านั้น คือ ไม่ได้เข้าโรงเรียนเต็มหลักสูตร แต่มีปะป๋าช่วยสอนให้ที่บ้าน
ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ น่าคิดดีนะขอรับ








โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:2:04:10 น.  

 
ส่วนแนะนำเรื่องการซื้อ netbook เหรอขอรับ

เอาเป็นว่า ท่องไปตามกลอนละกันนะขอรับ

"จะให้ดี คิดซื้อ ถือให้มั่น
เลือกที่ฉัน คิดว่าดี ที่ค้นหา
ทั้งยี่ห้อ ข้อประกัน วันเวลา
แหล่งร้านค้า ราคาต่อ ก็สำคัญ
จะให้ดี มีมิตร ร่วมคิดแนะ
ร้องแบะๆ ก็แบกไป เป็นเพื่อนฉัน
ให้ช่วยยก ยืนทำเท่ห์ เก๋สักวัน
ถือว่ามัน เป็นพยาน ว่าซื้อจริง"


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:2:29:41 น.  

 
555ชอบมากเลยค่ะกลอนน่ะค่ะ
แถมปฏิบัติได้จริงด้วย ไม่ยักกะรู้ว่าแต่งกลอนเป็นด้วย
คุณchanpanakritเคยเรียนวิธีการพูดในที่ชุมนุมชนมาหรือเปล่าคะ
คุณchanpanakritสังเกตไหมคะ คนที่เป็นนักพูดเก่งๆ
เขาจะจบลงด้วยการบอกเป็นกลอนที่จับใจ
และเป็นการสรุปประเด็นไปในตัวด้วยน่ะค่ะ
ตอนมะนาวเรียนอาจารย์ที่มาสอนก็บอกกล่าวแบบนี้ล่ะค่ะ
ว่าขึ้นต้นให้ดึงดูดใจ จบให้ประทับใจ
ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะจบกันด้วยโคลงกลอนหรือสุภาษิตค่ะ
พวกเราก็ได้การบ้าน ให้หาเรื่องมาพูดคนละ5นาที
แต่ทุกอย่างให้ยึดตามconceptนี้
พวกเราก็พูดกันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
แต่ที่เหมือนกันหมดคือรู้สึกถึงความเครียดที่เกิดขึ้น
มะนาวก็เครียดมากค่ะ5นาทีจะพูดอะไรที่เป็นเนื้อหาได้ล่ะ
แถมต้องจบเป็นกลอนหรือสุภาษิตอีก
แต่ในเมื่อทุกคนก็ต้องไปยืนตายอยู่หน้าห้องอยู่แล้ว เป็นไงก็เป็นกันค่ะ
มะนาวก็นึกเรื่องที่จะพูดใน5นาทีได้แล้ว
ทีนี้ตอนจบจะทำยังไง หาสุภาษิตก็หาไม่เจอ ยิ่งกลอนก็ยิ่งหาไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ
ก็เลยคิดว่าแต่งเองก็ได้ ไม่หาแล้ว เพราะไม่มีเวลาแล้วด้วยค่ะ
มะนาวก็แต่งกลอนเอง แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาท่องใหญ่เลยค่ะ
พอถึงตอนมะนาวขึ้นไปพูด คุณchanpanakritเชื่อปล่าวคะ
ไม่อยากจะบอกเลยว่าสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยค่ะ แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ
ขาก็แทบยืนไม่อยู่ กว่าจะรวบรวมให้เสียงมันออกมาเป็นคำพูดได้ แทบตายค่ะ
แล้วพอถึงตอนจบ จะท่องกลอนออกมา เกิดอะไรขึ้น
ไอ้ที่ท่องไว้หายออกไปจากความทรงจำหมดเลยค่ะ
ฮือ ฮือ ทำยังไงล่ะทีนี้ The show must go on ค่ะ
ไปตายเอาดาบหน้า แต่งกลอนสดๆมันเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ
แล้วก็เดินขาสั่นๆกลับมานั่ง อาจารย์ก็ถามมาจากหน้าห้องว่ากลอนแต่งเองหรือเปล่า
มะนาวตอบว่าค่ะ อาจารย์บอกว่าคุณกล้ามากนะ ถ้าเป็นผมไม่กล้า
อื้อฮือ! ไม่อยากจะบอกเลยว่าทั้งห้องกระหึ่มไปด้วยเสียงหัวเราะ ตบมือ กระทืบเท้า
มะนาวนี้แทบจะมุดลงไปอยู่ใต้โต๊ะ โอ๊ย!อายจนหน้าแดงก่ำไปหมด จำจนตายเลยค่ะ
คุณchanpanakritเคยเจอเหตุการณ์หน้าแตกแบบนี้บ้างไหมคะ
ต้องมีแน่เลยเพราะเรากรุ๊ปเลือดเดียวกัน

พอคุณchanpanakritบอกว่าคำนั้นออกเสียงว่าโฮโอกุ
มะนาวนึกออกเลยค่ะจากเรื่องAtsu Hime
ทางTPBSเรียกareaส่วนนั้นว่าโอโอขุค่ะ
ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ให้ผู้ชายเข้าใช่เลยค่ะ
แล้วถ้าคืนไหนท่านโชกุนจะเข้ามาพบท่านหญิงอัตสึก็จะมีการสั่นกระดิ่งก็ใช่อีกค่ะ
แล้วที่คุณchanpanakritอธิบายถึงสภาพของโอโอขุ
เหมือนทุกอย่างในAtsu Hime เลยค่ะ
มีการแย่งอำนาจกันเป็นใหญ่เพื่อที่จะได้ปกครองโอโอขุอย่างนั้นเลยค่ะ
แล้วเหล่านางในโอโอขุนี้จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกใช่เลยค่ะ
อย่างในAtsu Himeตอนที่โอโอขุล่มสลาย
เรียกว่าเหล่านางในเคว้งคว้างเลยค่ะ เพราะไม่มีที่จะไปกันค่ะ
เพราะเข้ามาอยู่ในโอโอขุกันตั้งแต่เด็กๆค่ะ
ในAtsu Himeเขากล่าวถึงแต่โอโอขุที่เป็นของโชกุนนะคะ
ส่วนของจักรพรรดิ์areaส่วนนั้นเขาไม่ได้กล่าวถึงน่ะค่ะว่าเรียกว่าอะไร
คุณchanpanakritเคยอ่านสี่แผ่นดินของคุณชายหม่อมแล้วใช่ไหมคะ
คุณchanpanakritว่าคล้ายกันไหมคะareaโอโอขุของญี่ปุ่น
กับareaนางในของไทยเรา แล้วจำได้ไหมคะตอนที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง
แล้วช้อยและคนอื่นๆต้องออกมาอยู่ข้างนอก
จะบอกว่ามีสภาพคล้ายกันเลยค่ะกับสภาพตอนที่โอโอขุล่มสลายในAtsu Himeน่ะค่ะ
อื้อ!เสียดายคุณchanpanakritไม่ได้ดูAtsu Hime
ไม่อย่างนั้นจะได้เห็นฝีมือสุดเจ๋งของป้าฮงจูอิน(รมต.สาธารณสุขในOrthros no Inuค่ะ)
แล้วนิชิจิมา ฮิเดโตชิ เป็นใครคะ ขนาดหล่อกรี๊ดเลยเหรอคะ
หล่อพอๆกับชุนในTokyo Dogs อ่ะปล่าว ถ้าไม่ ไม่กรี๊ดค่ะ
คุณchanpanakritอ้างดาราในLove Shuffle ยังไม่ได้ดูก็เลยไม่รู้จักอีกแล้วค่ะ
ทั้งๆที่Love Shuffleก็สั่งมาอยู่ในสต็อกเรียบร้อยแล้ว
คงหมักไว้จนเป็นปลาร้าแน่เลยค่ะ
ส่วนลุงเคน วาตานาเบ้ มะนาวว่าลุงแกโกอินเตอร์ไปแล้วนะคะ
แกก็เลยไม่สนใจงานในประเทศกระมังคะ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนชอบแก
หรือมะนาวว่าแกอาจเรียกค่าตัวแพงจนจ้างไม่ไหวหรือเปล่าคะ แหะ แหะเริ่มเดามั่วแล้วค่ะ

อ้าว!ตกลงวิธีแก้ปัญหาเด็กตีกัน แบบที่มะนาวเล่าเขามีมานานแล้วเหรอคะ
ทำไมจขบ.เขาถึงบอกว่ายังไม่มีคนทำล่ะคะ
เฮ้อ!แล้วก็คงมีลูกหลงเด็กตีกันให้ได้รับรู้กันต่อไป
เห็นข่าวในทีวีสัมภาษณ์คนที่ไปดูสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก แล้วลืมเล่าไปค่ะว่า
มีกระทู้ที่มีคนเอารูปนางเอก สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก มาโพสต์
สวยมากเลยค่ะไม่นึกว่าจะสวยอย่างนี้
เพราะภาพที่เห็นส่วนใหญ่จะหน้าดำๆใส่แว่น สวยแบบนึกไม่ถึงเลยค่ะ
แล้วในกระทู้"กวน มึน โฮ"มีบางคนบอกว่าเหมือนเรื่อง"Lost in Translation"ค่ะ
คุณchanpanakritเคยดู "Lost in Translation" ไหมคะ
มะนาวดูแล้วหนังน่าเบื่อมากเลยค่ะ
ต่อให้มีScarlett Johansson ก็เถอะ ก็ไม่หายจากความน่าเบื่อค่ะ
อื้อ!มะนาวดูเรื่อง “Offside”จบแล้วค่ะ
จะบอกว่าหนังง่วงนอนพอๆกับThe Classเลยค่ะ
หนังไม่มีจุดพีค ไม่มีจุดตื่นเต้น แต่ก็เข้าใจจุดประสงค์ที่หนังต้องการบอกนะคะ
ดูยังไงมันก็ยังเป็นการกดขี่ทางเพศอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ
ถึงแม้จะทำให้ดูเหมือนว่าผู้ชายในเรื่องนี้ดูนิสัยดี๊ ดี
แต่มะนาวดูแล้วไม่ได้รู้สึกไปด้วยเลยว่าผู้ชายประเทศนี้มีนิสัยดี๊ ดีอย่างนั้นจริงๆ
กลับดูว่าเป็นการสร้างภาพ เพราะดูดีเกินจริงกว่าข่าวที่ได้รับรู้มา
หนังรู้จักอิงเรื่องที่เป็นเหตุการณ์จริงเพื่อที่จะได้นำเสนอสิ่งที่ถูกปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้
เพราะแม้แต่การมีส่วนร่วมในความสุขเล็กๆก็ยังถูกปิดกั้นให้มีแค่คนเพศเดียวเท่านั้น
โดยมีเหตุผลที่แสนจะตลก มาอธิบายการปิดกั้นผู้หญิงในเรื่องนี้
มะนาวฟังเหตุผลแล้วเหมือนคนแก้ตัว แถไปข้างๆคูๆเลยค่ะ
ดูจบก็คงต้องพูดคำเดิมว่า โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิงในประเทศนี้ค่ะ

แล้วนี่ค่ะ อย่ามาสบประมาทกันนะคะ
ไม่อยากจะเล่านะคะว่าพวกมะนาวออกภาคสนามน่ะมีคนตามมาถึงที่ทำงานแล้วนะคะ
คุณchanpanakritจำเพื่อนมะนาวที่มะนาวเคยเล่าให้ฟังได้ไหมคะที่ว่า
เขาบอกธุรการให้สั่งซื้อปืนให้มะนาวน่ะค่ะ
เขาไปออกพื้นที่มา รุ่งเช้าได้เรื่องค่ะ มีสาวจากที่เขาไปออกพื้นที่ตามมาหาถึงที่หน่วยงานค่ะ
555พวกเราก็ชอบอกชอบใจแซวเขากันใหญ่
เขาเขินมากปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้อง สาวที่ตามมาทำยังไงรู้ไหมคะ
เลื้อยค่ะ เธอเลื้อยเพื่อจะได้มองเขาลอดช่องใต้ประตูให้ได้ค่ะ
555พวกเราเลยยิ่งหัวเราะสนุกสนานกันใหญ่
แต่ปรากฏว่าสาวทนมากไม่ยอมไปไหนเลยค่ะ เฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างนั้น
พวกเราก็เริ่มสงสารเพื่อนแล้วสิคะ เพราะออกมานอกห้องไม่ได้เลยค่ะ
เพราะถ้าออกมามีสิทธิ์ถูกสาวตระครุบแน่นอนค่ะ555
ก็เลยวางแผนช่วยเพื่อน โดยให้คนงานปลอมตัวเป็นภรรยาเพื่อน
แล้วให้ออกไปแสดงตัวให้สาวที่ตามมาได้รับรู้
555ไม่อยากจะบอกเลยค่ะว่าคนงานตีบทแตก แสดงได้สมจริงสมจังเกินบทมากเลยค่ะ
ปรากฏว่าได้ผลเกินคาด สาวถอนสมอกลับไปค่ะ
555จนป่านนี้พวกเรายังแซวเขาถึงเรื่องนี้อยู่เลยค่ะ
(กระซิบๆ ความลับค่ะ สาวที่ตามมาเธอจิตไม่ปกติค่ะ555)

คอมพิวเตอร์แท็บเล็ทมันมีประโยชน์
กับงานทางด้านกราฟิคและการเรียนการสอนไม่ใช่เหรอคะ
หรือคนที่ต้องเดินทางและประชุมอยู่ตลอดเวลา
แต่อ่านคุณสมบัติแล้วก็น่าใช้นะคะ
เพราะมันก็ยังใช้กับWindows XP ได้
แต่งานของมะนาวมันก็ไม่เข้าข่ายว่าเป็นงานกราฟิคหรือต้องเดินทางตลอดนี่หน่า
แล้วที่สำคัญราคามันน่าจะสูงกว่าคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปนะคะ
ไม่ใช่ซื้อทีจนไปเจ็ดเดือน กินแกลบไม่ได้ด้วยสิคะ ฮิ ฮิ
ดูขนาดอย่างฟูจิตสึ ไลฟ์บุ๊ค P770 สิคะ
โน้ตบุ๊คอะไรก็ไม่รู้ราคาเกือบแสน
แล้วเจ้าแท็บเล็ทมันมิราคาเป็นแสนหรอกเหรอคะ
เอ๊!หรือว่ามะนาวจะไม่เทิร์น Notebookดี
แต่ว่าซื้อNetbookเพิ่มขึ้นอีกเครื่องเพื่อว่าจะได้แบกไปไหนมาไหนได้สะดวก
ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ให้ข้อมูลเพิ่ม จะได้เก็บเอาไว้พิจรณาค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.44.115 วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:17:11:45 น.  

 
แต่งกลอนเอามึนนะท่าน
ว่าแต่ผู้เขียนก็ได้รับอิทธิพลของกลอนที่ดลสด ในฐานะที่ใช้เป็นสูตรจำขึ้นใจในเวลาสอบ
แต่ประเด็นคือ ไปจำเอาได้ช่วงกลอนสดับ กับรับ เท่านั้น
ส่วนรอง กับ ส่ง ท่องไว้ที่ไร ดันไปลืมที่ปลายทางทุกที่
ผู้เขียนว่า กุศโลบายทางภาษาไทยเรานี้ ไม่ได้รองชาติไหนเลยนะครับ
ต้องซูฮกให้กับเหล่านักปราชญ์ราชบัญฑิตภาษาของไทย
จะว่าไปกวีไทย ท่านเล่นทรัพยากรของการไล่ระดับเสียงทางภาษาได้เยี่ยมยอด
และแตกรายผลิตภัณฑ์ทางกลเม็ดรูปแบบที่หลากหลาย
ทุกวั้นนี้ ก็ผู้เขียนก็สรรสร้าง ร่าย กาพย์ กลอน โคลง
แต่จะเอาไปลงไว้ใน facebook ส่วนตัวเสียมากกว่า
ทำเอาเพื่อความครื้นเคร่งส่วนตัว ฉบับทีเล่นทีจริง สุดแท้แต่กลอนจะพาไป
แต่พอจะเริ่มร่ายละเลงครั้งใด จำต้องเอาหนังสือ ฉันทลักษณ์ไทย ของ อ.พรทิพย์ แฟงสุด
มาประกอบการมั่วไม่ให้รั่ว ในรูปแบบฉันทรักษานะท่าน
ทุกวันนี้คู่มือฉบับนี้เก่าพอจะมีกลิ่นเนื้อกระดาษโชยอมเหลือง
ซื้อมาเมื่อกลางเดือน พ ค ปี ๒๕๔๓ เรียกว่าเพิ่มฉลองวันเกิดครบทศวรรษไปไม่นาน
ถือเป็นหนึ่งในสิบเล่ม ที่ซื้อแล้วคุ้มค่าในชีวิต ส่วนเก้าเล่มที่เหลือก็มี
ดิกชันนารีของอ วิทย เที่ยงบูรณธรรม ,พุทธธรรมของ ปยุตโต
advanced english gramma ของ สำราญ คงยิ่ง
พจนานุกรมประมวลศัพท์และธรรม ของ ปยุตโต time almanac
ประวัติย่อของทุกสรรพสิ่ง ของ บิล ไปรสัน การเมืองสมัยกรุงธน ของนิธิ
ทฤษฎีบุคลิกภาพและการปรับตัว ของ นพมาศ อุ้งพระ เป็นต้น
เพราะเจ้าพวกนี้จะกองอยู่ใกล้มือ ในฐานะสิ่งที่ถูกปู้ยี้ปู้ยำกระทำชำเราสาแก่ใจ
ว่าแต่ชักอยากรู้หนังสือ ที่ถูกใช้งานคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ของท่านบ้างจริงๆ
เอาไปเป็นการบ้านวันอาทิตย์หรรษานะขอรับ แค่อยากรู้สิ่งกลอมเกลา
ให้ท่านมะนาวฯเป็นมะนาว อย่างที่นึกคิด และผิดวิสัยปกติชน


เรื่องการพูดน่าชุมชนเหรอครับ ไม่คอ่ยเอาเรื่องส่วนตัวมาแถลงนโยบายด้วยสิ
ไม่อยากบอกว่า เคยเป็นหัวหน้าโต้วาทีของกลุ่มมาแล้ว
เห็นอย่างนี้ที่ไม่ค่อยสิงสู่ผู้คน เวลาเข้าเรียนก็ปล่อยให้คนอื่นเข้าเต็มชั้น
แล้วค่อยๆสอดตัว เมื่ออาจารย์แบกตำราเข้าชั้น
ไปได้เป็นหัวหน้า ด้วยบาปที่ถูกโยนอย่างยากจะปฏิเสธ
ถือเป้นการจับกลุ่มกันเอง ที่ก๊วนอื่นเขาก็มีสังกัดเป็นหลักแหล่ง
แต่ไอ้เรามันกระเทียมหลิบหัวหนึ่ง ก็ได้เศษเหลือของพวกโอโตกุที่่เหลือ
จนตั้งเป็นทีม เป็นโคตรพ่อของเหล่า a team ที่ท่านมะนาวฯได้ชมแล้วนั้นเอง
ประทานโทษนะขอรับ เห็นไม่พร้อมอย่างนี้ ก็เข้ารอบลึกๆนะขอรับ
เรียกว่าแบกลูกทีมที่ลงเรียนแบบไม่เอาวิชา เพราะหัวหน้าต้องเริ่มและแย้งสรุปที่เหลือ
ที่โดนอีกฝ่ายรุมตั้งแต่ต้น ฝ่ายโน้นเขาใช้หลักตรรกะวิชาการสำรวจ
แต่ไอ้กระผม ใช้หลักมั่ว นั่งเทียน และประกอบกับแทงวีรกรรมรุ่นพี่
จำได้เลยว่า เขาให้โต้หลังโรงอาหารซึ่งก็เป็นหลังเวลาปิดตึกเรียบร้อย
ดังนั้น คนดูก็เลยมีมากกว่าคนที่ลงทะเบียนเรียนทั้งชั้น เวลาคุยกับหน้าฝูงชน
ก็ประหม่าเป็นนะครับ มิใช่ผักปลา แต่เวลาขึ้นโพเดียมนี้ ตายเป็นตายครับ
ก็มองมุมกลับ ว่าไอ้คนดูพวกนี้ ก็คือผักปลาดีๆของเรานี้เอง
อย่าเอาความเป็นสายเลือดคนพันธ์เอมาพ่วงกับเรื่องอย่างนี้สิครับ
เวลาคนที่ลงนรกกับขึ้นสวรรค์ เขาไม่ได้ตรวจวัดกันที่กรุ๊ปเลือด
แต่เขาอาศัยผลวัดจากการกระทำ แต่เด็กวิทย์ต้องติดกลอนปลายนวมด้วยเหรอครับ
ไปลงวิชาอีท่าไหนครับ ถึงได้ไปสร้างวิบากฮาได้ถึงเพียงนี้
มีคลิปที่ว่านี้ปล่อยลงยูทูบไหมเอ่ย จะได้ฟอร์เวริดประจานเสียเลย


อืม ช่ายเลย ในwikiที่แปลมา ก็เอ่ยถึง อัตสึฮีเมะด้วยละ
แสดงว่า การแปลของเราไม่มั่วจะลอยตกขอบทะเลที่ปนเปื้อนสารพิษ
แต่ในหน้าเว็บประเภทขายซีรีย์ชุด เขาดันเรียกว่าโอกุ ก็เลยงงๆเอาอย่างไรกันแน่
ไปเทียบกับใน wiki มีสะกดออกเสียงโฟเนติก ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนี้
แต่เรื่องนางสนมคนใน มันมีในทุกชาติของเอเชียอะท่าน
สมัยซุสีไทเฮาก็มี ฮาเร็มในสมัยอ็อตโตมัน
แต่ในประวัติศาสตร์ไทยค่อนข้างคลุมเครือ เพราะไม่ใช่สังคมที่มีกฎต้องห้ามขนาดนั้น
แต่ไปเน้นกฎประเพณีผิดผีแทน สังเกตอยู่อย่างว่า การจะสร้างพื้นที่เฉพาะสตรีได้
ส่วนหนี่งผู้นำต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างล้นเหลือ ขนาดเดียวกันก็ต้องการพื้นที่ที่
มีความมั่นใจว่าปลอดภัยสูงสุด ผู้หญิงก็คล้ายจะเป็นสัญลักษณ์ของมาตราฐานความปลอดภัย
แบบที่ไม่ต้องพึ่ง ไอเอสโอหรือ มอก.
แต่กับท่านมะนาวฯแล้ว อาจไม่ใช่ เพราะต้องยิงชุดแถลงในจุดตรง ระวังประเด็น
เพราะความที่รู้ไส้รู้พุงในจุดจี๊ดใจดำของอีกฝ่าย เจ๊ทางโน้นก็มักแสวงหาช่องสบโอกาส
ทิ่มแทงแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งแก่บ้าง เลี้ยงต๋อยบ้าง ซกมกบ้าง
ทำไงได้ ก็คนมันบาดแผลเยอะ และไม่ได้สร้างภาพพจน์สุดประทับใจ
แถมแอบมาโชคิสซึมเล็กๆ ที่รู้ว่าสร้างประเด็นเข้าทางเขาจนตกเป็นเป้าเล็ง
เพราะเดาว่าคนทางโน้นคงกำลังเครียด ก็ทำเป็นกระสอบเบอร์ห้า
ให้ฝ่ายทางโน้น ได้ 555 เยอะๆ ในฐานะเจ๊ซาดิสต์โดยไม่รู้ตัว


ป้าฮอนจูอิน เล่นในอัตสึฮีเมะด้วยเหรอครับ
ชักอยากดูเสียแล้ว แต่ไม่แน่นะครับ บทแตกจากอีกเรื่อง
ในขณะที่ย้ายไปเล่นอีกช่อง อาจได้บทที่ดูสามัญทั่วไป
ส่วนดาราชายที่ยกมา ล้วนเป็นคนที่มีอายุ หน้าตาก็ประมาณไม่เด่น
แต่เน้นหลอ่ สูง ยาวและดูสะอาดภูมิฐาน กะมาล่อท่านมะนาวฯโดยเฉพาะเลย
ส่วนลุงเคน เรื่องค่าตัวอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับดาราจีน
สุดท้ายก็ต้องมาตายรัง รับเล่นสักเรื่องสองเรื่องให้กับประเทศแม่
แต่ลุงเคนนี้แทบจะไม่เห็นเอาสักเลย ก็เลยตั้งคำถามดูเล่นๆ
ไม่รู้ลุงแกจะเหมือนกับนักเขียน มูราคามิ อะป่าว ประมาณว่าติสท์ข้ามชาติ
เลยไปเล่นในตลาดใหญ่กว่า และไม่ปลื้มในสภาพสังคมที่เป็นอยู่
เพราะเหมือนจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว

Lost in Translation ผู้เขียนออกไปในทางชอบนะขอรับ
มันสะท้อนอารมณ์ซึม เศร้า เหงาและอยากคบชู้ ที่ดูไปแอบลุ้นให้
ทั้งคู่นอกใจกันและกันเสียเหลือเกิน ไม่ง่ายนะครับที่จะทำให้หนังมีอารมณ์เหงา
บนความครึกครื้น อีกด้านก็สะท้อนสังคมญี่ปุ่นในสายตาฝรั่งได้ดีเอามากๆ
ขาอ่อนสกาเร็ต ก็เรียวได้ใจสะกดทุกด้วยตา ละลายสายตาไม่ได้ทุกมิติ
เป็นงานกำกับชิ้นแรกๆของบุตรสาว ลุงคอปเปล่า ที่ก้าวกระโดดได้ดี
ความจริงในเรื่อง Marie Antoinette ก็เป็นงานที่ดี แต่ไม่ดังเท่า
ป้าแกทั้งเขียนบทและกำกับเอง ในสังคมต่างสถานที่ต่างวัฒนธรรม
ให้คนร่วมเผ่าพันธ์เป็นคนปกติบนความประหลาดของสังคม
ถ้าให้นึกถึงชื่อ บิล เมอร์เรย์ นอกจาก chicago และ ก็ต้องเรื่่องนี้แหละครับท่าน

แล้วแม่คนหน้าตาดี ไม่ต้องเชื่ออะไรมากกับการยุในบริโภคสินค้าแท็บแล็บเลยนะขอรับ
เพราะยังเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มีข้อจำกัด และต้องใช้
เวลาในการเข้าทีเข้าทาง ร่วมกับคอนเทนด์ หน่วยโปรแกรม และอุปกรณ์เสริม
ที่จะไปสร้างภาระให้อีกในอนาคต ถ้าเน้นการโชว์ออฟเกินหน้าใครๆก็อาจจะเหมาะ
ถ้าบอกว่าตัวเองเป็นคนโลว์เทค เน็ตบุ๊คก็น่าเป็นทางเลือกที่เทคโนโลยีและตลาด
ใกล้จะอิ่มตัว ถ้าเทียบในแง่ของเส้นกราฟทางราคา กับ นวัตกรรมใหม่ๆที่ต่อเติมขึ้น
เพราะคุณสมบัติของเน็ตบุ๊ค คือ อะไรที่ยิ่งต่อเติมมาก ก็ยิ่งรกรุงรังระเกะระกะไป
เก็บตังค์ไว้บริโภคเจ้าพวกซอฟแวร์หนังและซีรีย์ดีกว่า
แล้วเอามาเล่าให้กับผู้เขียน ได้ฉลาดเลือก อันเป็นประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
ทุกวันนี้ที่มาคุย หว่านพืชเพื่อหวังผลนะเนี่ย ดังนั้นไปหาหนังแปลกๆมาเล่าเสียดีๆ



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:22:54:23 น.  

 
พูดถึงหนังสือที่หยิบใช้เยอะเหรอคะ
แหะ แหะไม่อยากจะบอกเลยว่าเป็นMedical Dictionaryค่ะ
แบบว่าเปื่อยหลุดเป็นชิ้นๆเลยค่ะ
กับตำราทางระบาดวิทยาค่ะ อันนี้ยังไม่หลุดเป็นชิ้นๆค่ะแต่ก็ใกล้แล้วค่ะ
และหนังสือทางBiostatisticsค่ะ อันนี้ก็เริ่มเปื่อยแล้วค่ะ
ส่วนหนังสืออื่นๆที่เป็นอาหารสมองและความบันเทิง
ไม่ค่อยได้หยิบเปิดอ่านเกินหนึ่งครั้งค่ะ
อ้อ!มีแต่ชุดหนังสือของคุณหมอเจมส์ เฮอร์เรียตทั้งชุดหมอๆและชุดหมาๆค่ะ
อันนี้สะสมค่ะ และมีครบทุกเล่ม อ่านมากกว่าหนึ่งครั้งค่ะ
ชอบสำนวนคุณหมอ ตลก อ่านง่าย อ่านแล้วมีความสุขค่ะ
แล้วผลที่ตามมาก็คืออยากไปเยือนถิ่นที่คุณหมอเขียนถึงมากเลยค่ะ
ติดอยู่อย่างเดียวค่ะ ค่าเงินปอนด์สูงเกิ๊น
อ้อ!มีอีกชุดที่ชอบและสะสมเป็นcollectionค่ะคือหนังสือชุดของโรอัลด์ ดาห์ลค่ะ
แต่อันนี้ไม่ได้อ่านซ้ำเหมือนของคุณหมอเจมส์นะคะ
แต่ชอบอ่านงานเขียนของโรอัลด์ ดาห์ลค่ะ
นอกนั้นส่วนใหญ่ที่มะนาวซื้อเองก็จะเป็นวรรณกรรมเยาวชนทั้งนั้นเลยค่ะ
แต่ช่วงหลังๆก็เริ่มมีเป็นหนังสือแนวหลากหลายมากขึ้น
แล้วแต่ว่าไปอ่านเจอว่าเขามีการแนะนำหนังสืออะไรที่เราสนใจค่ะ
ส่วนหนังสือที่บ้านมะนาวมีเยอะก็เพราะที่บ้านชอบซื้อหนังสือกันค่ะ
เรียกว่าที่บ้านนี้เป็นห้องสมุดขนาดย่อมเลยค่ะ
ซึ่งที่ทำงานก็รู้เรื่องนี้ดีค่ะ ติดขัดค้นอะไรไม่ได้
หรือต้องการหนังสือเล่มไหนก็จะมาบอกให้ช่วยค้นหรือขอยืมค่ะ
แล้วบางครั้งมะนาวให้ใครยืมไป มะนาวก็จำไม่ได้ค่ะ
พอคนที่ยืมไปไม่เอามาคืน แล้วเป็นหนังสือที่เขาไม่พิมพ์ซ้ำอีกแล้ว
หนังสือนั้นก็กลายเป็นของหายากใช่ไหมคะ มะนาวก็จะถูกที่บ้านเล่นงานยับเลยค่ะ
พูดถึงพฤติกรรมการอ่านหนังสือ มะนาวได้อ่านในมติชน
เขาแนะนำหนังสือเรื่อง ห้องสมุดลับของฮิตเลอร์( Hitler’s Private Library)
ที่Timothy W. Ryback เขียน แล้วโรจนา นาเจริญ แปลค่ะ
คุณchanpanakritได้อ่านแล้วหรือยังคะ
เขาบอกว่าฮิตเลอร์มีหนังสือในครอบครองถึง 16,000 เล่มน่ะค่ะ
หนังสือของฮิตเลอร์มีทั้งแนวประวัติศาสตร์
ปรัชญา การเมือง กวีนิพนธ์ และวรรณกรรมคลาสสิคค่ะ
ทิโมธี ดับเบิลยู โรแบ็กได้นำมาวิเคราะห์แนวหนังสือที่ท่านผู้นำอ่าน
ว่ามันมีอิทธิพลต่อผู้นำนาซีคนนี้อย่างไร
คนที่อ่านบอกว่าเป็นสิ่งค้นพบที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งค่ะ
และจะบอกว่ามะนาวไปสอยมาเรียบร้อยแล้วค่ะวันนี้

ส่วนที่ว่าจับผลัดจับผลูยังไงมะนาวถึงได้ไปสร้างวิบากฮาได้น่ะค่ะ
ก็นี่เลยค่ะ คอร์สพัฒนาบุคลิกภาพนั่นล่ะค่ะตัวต้นเหตุ
คือต้องมีการฝึกบุคลิกภาพด้านการพูดด้วยไงคะ
ถึงได้เกิดวิบากกรรมขนาดนั้นไงคะ
ทำไมกรุ๊ปเลือดเดียวกันถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้นะ
คนหนึ่งพูดเก่งขนาดโต้วาทีได้ ส่วนอีกก็เอาปี๊บคลุมหัวได้
เฮ้อ!โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลย ว่าไหมคะ
แล้วแหม!หมั่นไส้ค่า คุณท่านคนดี คุณท่านเบอร์ห้า
ใครเขาเครียดกันยะ ตัวคุณท่านนั่นล่ะน๊าที่ชอบนักล่ะmasochismนั่นน่ะ
ชอบได้มาแหย่รังแตนให้ถูกแตนต่อยแล้วชอบใจใช่ไหมล่ะค่า
แล้วแหม!มีการพูดเอาความดีใส่ตัวว่าไม่สร้างภาพ
ข้าเจ้าว่านะคุณท่านน่ะไม่มีภาพให้สร้างต่างหาล่ะค่าอิ อิ

คุณchanpanakritรู้จักผู้กำกับทาเคชิ คิตาโนะหรือเปล่าคะ
เขาได้รับเลือกเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในญี่ปุ่นค่ะ
โดยเขารวบรวมความคิดเห็นจากเว็บไซต์ดังๆ
และชุมชนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในประเทศค่ะ
โดยหนังสือพิมพ์Sankei Newsเป็นผู้รายงานผลสำรวจค่ะ
ว่าคุณคิตาโนะได้ลำดับที่1 และคุณอิจิโระ ซูซูกิ นักเบสบอลได้ลำดับที่2ค่ะ
แล้วมะนาวจำได้ว่าคุณchanpanakritเคยพูดถึงเรื่องPaprika
มะนาวอ่านข่าวเจอว่าคุณซาโตชิ คอน เสียชีวิตแล้วค่ะจากโรคมะเร็งตับอ่อนค่ะ
คุณซาโตชิกำกับเรื่องPaprika ใช่ไหมคะ
อายุยังไม่มากเลยนะคะแค่47ปีเองค่ะ
เห็นข่าวบอกว่าช็อควงการแอนิเมชั่นทั่วโลกเลยค่ะ

วันนี้มะนาวล้ามากเลยนะคะ ออกไปตั้งแต่9โมงครึ่ง
กว่าจะกลับถึงบ้านก็5โมงเย็น ไม่รู้ทำไมมันใช้เวลานานอย่างนั้นคะ
กะอีแค่ซื้อNetbookเครื่องเดียวเองค่ะ
กว่าจะลงโปรแกรมเสร็จกินเวลาเกือบ2ชั่วโมง
เสร็จแล้วยังต้องไปหุ้มกันรอยขีดข่วนอีกกินเวลาไปอีกเกือบชั่วโมง
ตกลงมะนาวลงเป็นโปรแกรมWindows 7ค่ะ
เพราะฟังเหตุผลคนขายแล้วมันก็จริงของเขาที่ว่าต่อไปWindows XPก็จะค่อยๆหายไปค่ะ
อีกอย่างคือมะนาวก็ยังคงเก็บ Notebookไว้ค่ะ ไม่ได้เอาไปเทิร์นหรอกค่ะ
มะนาวก็เลยมีใช้2เครื่องไงค่ะ ถึงแม้ว่าจะใช้Windows 7ไม่คล่อง
แต่ก็ยังมีWindows XPไว้ใช้สำรองอยู่ด้วยไงคะ
มะนาวรอบคอบไหมคะ อิ อิ
อ้อ!ลืมเล่าไปค่ะวันนี้มะนาวได้หนังมาอีก5เรื่องค่ะ
เรื่องSevenไม่มีค่ะ ส่วนเรื่อง12 Monkeys มีแต่พากย์ไทยค่ะ มะนาวเลยไม่ซื้อมาค่ะ
วันนี้คุยได้ไม่ยาวนะคะ เหนื่อยมากเลยค่ะ ไว้พรุ่งนี้มาคุยต่อนะค่า

อ้าว!คุณchanpanakritอัพบล็อกด้วย ไว้มะนาวอาบน้ำเสร็จแล้วจะไปเม้นต์ให้นะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.4.150 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:20:31:38 น.  

 
พูดถึงยาอาจทำให้ผู้เขียนหายจากอาการของโรค
แต่ถ้าเป็นตำราทางการแพทย์แล้ว อันนี้อาจทำให้ผู้เขียนมีอาการปางตายจากโลกก็เป็นได้
ที่แท้ท่านมะนาวฯ อาจจะเป็นทายาทหมอจิน รุ่นย้อนเวลาหาฟอร์มาลีนคุงก็เป็นได้
ผู้หญิงบ้าอะไรกันมีความสุขอยู่กับตำราแพทย์ เกิดมาไม่ผิดในสายวิชาชีพแล้วละ
สงสัยเวลานำมาอ่านเวลากลางคืนคงหิวจัด ฉีกหนังสือกินเป็นชิ้นๆ หลุดเป็นแผ่นๆ
ไม่เห็นจะบันเทิงตรงไหน แต่ก็เป็นสมบัติข้างคอม ที่ควรยกย่องบูชา
เดี๋ยวจะตบรางวัล สตรีกาชาดแห่งปีให้ แต่ถ้าเขาไม่ให้
ก็อย่าน้อยใจ เพราะเบื้องหลังใจความปฏิบัติ ยังมีกิเลสอาสวะหนา
แอบทำเป็นตัวเป็นสาวโฮตารุให้เห็นอยู่

อืมหนังสือชุดของเจมส์ เฮอร์เรียล ท่านผู้นี้เป็นสัตวแพทย์ใช่อะป่าวครับ
แต่สายที่อ่านมะนาวฯศึกษามามันไม่ใช่ นี้ขอรับ แอบไปค้นวิกิมา
ชื่อจริงของแก คือ เจมส์ อัลเฟรด (อัลฟ์) ไวจ์ อ้อ มีงานแปลโดยคุณ ปาริฉัตร เสมอแข
ของ สนพ ผีเสื้อนี้เอง เห็นในรายชื่อลิสต์หนังสือมีตั้ง สิบเอ็ดเล่ม แล้วส่วนที่แปลไทย
นี้เขาแปลจนหมดเลยรึเปล่าครับ แต่ดูเหมือนจะไม่นะขอรับ
ส่วน โรอัลด์ ดาห์ล อันนี้ยังอยู่พอทันขาย แต่การ์ตูนแนวดาร์กสยองขวัฯผจญภัยนี้ครับ
แต่ทุกวันนี้ ยังหาจุดอวสานสำหรับหนังสือเล่มนี้ไม่ได้นี้หน่า
เอ๊ ทำไมอ่านแต่ละอย่างเป็นหนังสือเยาวชนแอ็บเด็กกันเสียเหลือเกิน
ไม่เข้ากับสภาพยัตถากรรมปัจจุบันเอาเสียเลย เวลาซื้อต้องเอาปีบในงานสัมมนา
มาคลุมซ้ำกันอายเด็กอะป่าวละครับเนี่ย
แต่เชื่อแล้วละว่า ต้องเป็นคลังหนังสือย่อมๆภายในบ้านแน่นอน
ว่าแต่ เวลาที่บอกว่าคนในบ้านนี้ หมายถึงญาติพี่น้องทุกคนอะป่าวครับ
อย่างนี้ ก็จะได้งานที่หลากหลายแนว พหุทาง กันสิน้อ
แล้วมีประเภทซื้อมาซ้ำกันเอง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวด้วยรึเปล่า
อย่างไรก็ดูแลฟืนไฟให้ดีนะขอรับ มันเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเชียว
แล้วก็ระวังตาชั่งด้วย เผื่อมีใครไม่ปรารถนาดีเอาไปชั่งกิโลขายกำเงินสดเอาไว้ก่อน
เคยดูเรื่อง the day after tomorrow ไหมละครับ
นี้แหละเชื้อเพลิงชั้นดีเวลาที่เข้ายุคคริเตเชียลอย่างฉับพลันเลยละเธอ


ไม่มีภาพให้สร้าง อันนี้ก็พูดกันไป
ดีกว่าใครบางคน เลิกเอาแป้งผลัดหน้าไปซ่อนไว้ในแฟ้มเอกสารได้แล้ว
เดี๋ยวเอกสารสรุปรายงาน มันจะหน้าตาขาวผ่องใสจนเกินพรีเซ็นต์กัน
คิตาโนะนี้ รู้จักครับ แกชอบเล่นเป็นยากูซา ไม่ก็พวกซามูไรโรนิน
แต่ความมีอิทธิพลระดับนั้น เกินคาดอะท่าน
เข้าใจว่าคงมีคุณูปาการต่อแวดวงบันเทิงญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย
ผู้เขียนนึกว่าจะเป็นตัวโดราเอมอนสักอีก
โอ้!พี่คอนเสียชีวิตไปแล้วเหรอครับ มิหน่างานใหม่ของค่ายนี้แทบไม่มีเกิด
มานานมาก บอกได้แค่ว่าเสียดาย แต่ก็จะหยิบงานที่เคยพลาด
มาหาชมกันหน่อยดีกว่า


ว่าแต่ไปหิ้วเครื่องยี่ห้ออะไร จากที่ไหน
แล้ววีรกรรมที่่ว่าทำไมถึงไปซื้อนานนักละครับท่าน
เอ๊ ตอนเราไปซื้อก็เล่นเอาทั้งวันเช่นกัน wndow7 ผลความละเอียดของโปรแกรม
มันเยอะนะท่าน แต่ขอเถียงนะว่า xp จะเลิกฮิตไป
คงเป็นความเข้าใจด้วยการสรุปติต่างกันเอาเอง เพราะแหล่งข่าวจาก blognone
แจ้งว่า แม้ window 7 จะชนะส่วนต่างทางการตลาดเหนือ vista ไป
14.46% ต่อ 14.34% อย่างฉิวเฉียด แต่ทว่า window xp ยังกินตลาดผู้ใช้ระดับกว่้าง
ที่ 61.87% ทางไมโครซอฟแทนที่จะพัฒนาโปรแกรมตัวใหม่
กับไประดมพัฒนาขอบเขต xp เดิม จนล่าสุดอยู่ pack3 เวอร์ชั่น
ดังนั้นระดับนี้ต้องถือว่า อยู่กันอีกนานครับท่าน
และมีปัญหาร้องเรียนต่อระบบ วินโด้วเซเว่นมากมาย
อย่างของผู้เขียน โปรแกรมวาดภาพ print พัฒนาได้ไม่ดีเท่าของเก่า
ส่วนที่เป็นกราฟฟิกงดงามขึ้น ก็กินความจุของแรมและการประมวลผล
และพลังแบตพอสมควร ชักอยากจะกลับไปใช้แบบเก่า
อย่างนี้ทำตัวโลว์เทคจริงนิท่าน อิอิ อยากอัพเกรดตัวเองกลัวเด็กมาแย้งว่าป้า
อะสิ เพราะติดนวัตกรรมเดิมๆ
วันนี้อัพบล็อกเสียเหนื่อย นิ้วก็ชักแข็งง้อไม่ค่อยลง
ที่อัพบล็อกก็สั้น ห้วน ตามปรารถนา ระยะหลังยิ่งเยอะแล้วประเด็นยิ่งซ้ำ
จึงเล่นอะไรง่ายๆไม่ถนอมตาเราและตาท่านไปพร้อมๆกัน ดีหน่อยที่ไม่มีบอลนอกดู
เลยมีเวลาทำอะไรอื่นๆมากมายได้ตั้งเยอะเชียว



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:21:42:22 น.  

 
ก็คุณchanpanakritถามถึงหนังสือที่ถูกใช้งานคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ไม่ใช่เหรอคะ
ไม่ได้ถามถึงหนังสือที่อ่านแล้วมีความสุขสักกะหน่อย
มะนาวก็บอกไปตรงจุดประสงค์ที่ถามแล้วนี่หน่า
ก็คุณchanpanakritนั่นแหละถามไม่เคลียร์ อยากรู้อีกอย่าง ถามอีกอย่าง
อย่างนี้นะคะต้องให้เจ้านายส่งไปอบรมคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพซะให้เข็ดค่ะ
แล้วฮึ!ไม่อยากจะบอกเลยว่าคุณท่านอัพบล็อกน่ะ
ได้ดูหรือเปล่าว่าตัวเองอัพบล็อกเรื่องอะไร
ซีรีส์เขาชื่อ"Precious Time "ไม่ใช่เหรอคะ
แล้วไปตรวจดูนะคะว่าคุณท่านใช้ชื่อเรื่องว่าอะไร ข้าเจ้าล่ะอ่อนใจเจงๆค่า
แล้วคงคิดว่าข้าเจ้าหมกมุ่นแต่ตำราอ่ะดิ บ่ใช่เลยค่า
ก็เพราะว่าไม่ค่อยได้เรื่องต่างหากล่ะคะ ถึงต้องเปิดตำราบ่อยๆ
ตัวจริงข้าเจ้าชอบน่ะชอบอ่านนิยายจะตายไปค่ะ
เพียงแต่ไม่ยอมเสียเงินซื้อไงคะ ถึงอ่านซ้ำไม่ได้
แล้วเวลาอ่านนิยายนะคะ จะทานขนมอร่อยมากเลยค่ะ ขอบอก
แต่แย่ตรงที่พลอยหูดับไปด้วยนะสิคะ
ทำให้ถูกดุบ่อยๆว่าเวลาใครถามอะไรทำไมถึงไม่ยอมตอบ
ก็จะตอบได้ยังไงล่ะคะก็มันไม่ได้ยินนี่คะ
คุณchanpanakritเคยเป็นแบบนี้บ้างไหมคะ
หรือว่าไม่เป็น เป็นแต่เอาแผ่นDVDไปคั่นหนังสือคะ

ใช่ค่ะคุณหมอเจมส์ เฮอร์เรียต เป็นสัตวแพทย์ชาวอังกฤษ
กว่าคุณหมอเจมส์จะลงมือเขียนหนังสืออายุก็ปาเข้าไป50ปีแล้วล่ะค่ะ
แต่หนังสือของคุณหมอเจมส์ส่วนใหญ่จะขายดิบขายดีเป็นBest Seller นะคะ
อย่างเล่มล่าสุดที่ออกมาเมื่อปีที่แล้วนี้เองคือเรื่อง"เกือบไม่ได้เขียน "
หรือThe Best of James Herriot จนป่านนี้มะนาวยังหาซื้อไม่ได้เลยค่ะ
ของหมด ต้องรอสั่ง ดูสิคะขนาดเพิ่งวางจำหน่ายเอง ยังขาดตลาดไปแล้วเลยค่ะ
คุณ chanpanakritไม่คุ้นชื่อคุณหมอเจมส์เหรอคะ ถึงนึกว่าคุณหมอเจมส์เขียนตำรา
จริงๆคุณหมอเจมส์เขียนถึงประสบการณ์การทำงานน่ะค่ะว่าพบเจออะไรบ้าง
คล้ายๆกับที่มะนาวเล่าประสบการณ์ของมะนาวให้คุณchanpanakritฟังไงคะ
แต่เนื่องจากคุณหมอเจมส์ทำงานกับชาวไร่และสัตว์ต่างๆ
ในสมัยที่คุณหมอเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากเมืองกล๊าสโกว์ค่ะ
แล้วไปอยู่ ณ มณฑลยอร์คเช่อร์อันแสนไกลของอังกฤษ
เพื่อทำหน้าที่รักษาม้า วัว หมู แกะ และสัตว์เลี้ยงตามไร่
หรือสัตว์เล็กๆเช่นหมา แมว ชึ่งเจ้าของอยู่ในพื้นที่ชนบท
แล้วเวลาคุณหมออธิบายถึงสัตว์แต่ละตัวหรือเจ้าของๆมัน
เราสามารถจินตนาการตามไปได้เลยค่ะ
คุณหมอเจมส์เป็นคนอารมณ์ดี อบอุ่น มีอารมณ์ขัน และมองโลกในแง่ดีค่ะ
หนังสือที่คุณหมอเจมส์เขียนจึงอ่านง่ายและมีเสน่ห์ค่ะอ่านแล้วมีความสุขค่ะ
หนังสือของคุณหมอเจมส์ยังมีอยู่ตามห้องสมุดในโรงเรียนด้วยนะคะ
ส่วนแปลครบทุกเล่มหรือเปล่ามะนาวว่ายังนะคะ
เพราะที่แน่ๆอีกเล่มหนึ่งที่ยังไม่ได้แปลแน่นอนคือ"เกือบไม่ได้อ่าน" ค่ะ
ส่วนโรอัลด์ ดาห์ล มะนาวว่าบ้านเราก็ยังแปลไม่ครบทุกเล่มเหมือนกันนะคะ
มะนาวว่าวรรณกรรมเยาวชนอ่านสนุกนะคะ ความรู้สึกคือแบบวางไม่ลง
แล้วมันมีจินตนาการที่เราเข้าถึงได้ไม่ยากด้วยค่ะ
ส่วนพฤติกรรมก็เอาตัวเราไปสวมแทนตัวละครได้เลยค่ะ
อยากรู้อยากเห็น อยากผจญภัยแบบนั้นเหมือนกัน
มันถึงสนุกแบบวางไม่ลงไงคะ มีเล่มหนึ่งเป็นเรื่องแปลของฝรั่งเศส
เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กอนุบาลสอง ซึ่งเรียกว่าฉลาดแสบจนครูส่ายหน้า
เรื่องนี้เพื่อนให้มะนาวยืมอ่าน มะนาวหาซื้อไม่ได้เลยค่ะ
สนุกมากๆ หัวเราะกับความแสบของเจ้าหนูได้ตลอดเล่มเลยค่ะ
คือไม่ใช่แนวเด็กเกเรรังแกเพื่อนนะคะ แต่เป็นเรื่องการตีความของเจ้าหนูค่ะ
คุณchanpanakritคงไม่อ่านอะไรแบบนี้มังคะ
ที่บ้านไม่แน่ใจว่าซื้อซ้ำกันบ้างหรือเปล่า คงไม่มังคะ
เพราะมันเรียงแบบพอไปค้นดูได้ค่ะ แล้วแต่ละคนที่ซื้อมาก็มักเอามาคุยกันด้วยค่ะ
ส่วน The Day After Tomorrow ไม่แน่ใจค่ะ น่าจะไม่ได้ดูมังคะ

ใคร ใครคะ เอาแป้งผัดหน้าไปซ่อนไว้ในแฟ้มเอกสาร ไม่มี๊ ไม่มี
อย่ามากล่าวหากันลอยๆโดยไม่มีมูลนะคะ
คนเขาซ่อนอย่างอื่นที่กินได้ต่างหากล่ะค่า
ซ่อนแป้งผัดหน้าไม่มีประโยชน์ค่า ซ่อนขนมมีประโยชน์มากกว่าค่า
มะนาวไปหิ้วNetbook ของAcerมาค่ะ ก็เบาดีค่ะ ราคาก็โอเคนะคะ
โดยไปซื้อที่ไอทีมอลล์ ฟอร์จูนมาค่ะ
เพราะสะดวกมีรถไฟฟ้า MRTผ่านไงคะ
วันนี้ได้ทดลองใช้ปวดหัวชะมัดเลยค่ะ
กลับมาบ้านเลยใช้ Notebookตัวเก่าไปก่อนดีกว่าค่ะ
เพราะที่ก็อปปี้ไว้ในHandy Drive เปิดดูก็กลายเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว
แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ค่ะ ทำให้ทำอะไรต่อไม่ได้เลยค่ะ
โชคดีนะคะที่มะนาวไหวตัวทันเก็บ Notebookตัวเก่าไว้
(เอาคำบ่นของคุณchanpanakritมาใช้ให้เป็นประโยชน์ไงคะอิ อิ)
คุณchanpanakritได้ข่าว”โอ”อนุชิตพระเอกโหมโรงป่วยเป็น"Bell’sPalsy"ไหมคะ
น่าสงสารนะคะ เพราะคงเสียเซลฟ์น่าดู
แต่อีกไม่นานก็คงหายเป็นปกติอ่ะค่ะ
วันนี้มะนาว ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ( seasonal flu vaccine ) มาค่ะ
ว่าจะรีบเข้านอนแต่หัวค่ำหน่อยค่ะ ตอนนี้ระบมแขนอยู่ด้วยค่ะ
อ้อ!คุณchanpanakritได้ข่าววงบิ๊กแบงมาแสดงที่รอยัล พารากอนหรือเปล่าคะ
เห็นว่าเป็นแฟนบิ๊กแบงไม่ใช่เหรอคะ บอกว่าถ้าฟังบิ๊กแบงแล้วไม่ใช่คนแก่ไม่ใช่เหรอคะ
แต่ราคาบัตรนี้แบบอื้อฮือ!เกือบครึ่งหมื่น แต่เห็นว่าก็ขายดิบขายดีนี่คะ
เผื่อหลวงตาสนใจ เขาแสดงวันที่9กยนี้นะคะ
ส่วนพรุ่งนี้มะนาวขอเวลานอกนะคะ เจองานด่วนค่ะ
เจอกันวันพุธนะคะ ดูซีรีส์ให้สนุกนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.91.215 วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:20:27:22 น.  

 
บังเอิญว่าผู้เขียนไปเหมารวมตรรกะระหว่าง
ความคุ้มค่า กับ ความสนุก นำมาผนวกกันนะขอรับ ผลลัพธ์ก็เลย
มีตัวเองเป็นบัญญัติยางค์ตามไปด้วย เพราะหลงนึกไปว่ากระทำไปด้วยแรงจูงใจ
จากความสนุกหรรษา ปรากฎว่า มันใช่ตรรกะนี้กับท่านมะนาวฯไม่ได้
อันนี้ต้องแอบจดบันทึกความอัศจรรย์ข้อหนึ่งในตัวของท่านอีกข้อสักแล้ว
แต่ส่งเข้าคอร์สอบรมฟรีอะป่าวครับ อยากไปอยากไป๊
เกิดจากท้องแม่ที่ไม่ใช่ท้องพ่อมานาน ไม่เคยเลยที่จะถูกอบรมสั่งสอน
อะไรที่เป็นหลักสูตรประกอบค่าใช้จ่าย แต่คงไม่ใช่บ้านเมตตาทำนองนั้นหรอกนะครับ
เพราะอันนั้น คงมีนักเรียนนักเลงหลายคนไปปูผ้าปูที่นอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


โอ้ๆ ผิดอีกแล้ว นับวันเป็นความผิดซับซ้อน
ถึงขั้นผิดในตัวหัวข้อ แสดงว่าผู้เขียนหลงจำชื่อผิดๆจากซีรีย์เรื่องนี้มาเป็นสิบปีแล้วเหรอเนี่ย
อย่างนี้คงต้องฉลองแอดนิเวอร์เซลีกันหน่อยแล้ว หรอืไม่ก็ฉลองล้างป่าช้ากันเลยทีเดียว
อันนี้ โดยแท้แล้วมักจะจำชื่อไทยว่า "อยู่เพื่อรัก" มากกว่าชื่อภาษาปะกิตละท่าน
เพิ่งมาเห่ออินเทรนด์โกอินเตอร์ในชื่อต่างชาติไม่นาน ที่จำชื่อต่างชาติ
เพราะยังไม่ค่อยมีสถานีเจ้าไหนรับลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดนะท่าน
แค่อยากทำให้ใครบางคนที่ใจแข็งกระด้าง ให้อ่อนละทวยไปบ้างก็แค่นั้น
อืม...แหมมีถมตัวเสียด้วย เป็นปรากฎการณ์นานๆที
แสดงว่าวันนี้ฝนคงไม่ตกทั่วกรุงเทพ ให้รถแช่ถนนเล่นแน่เลย
แต่คงจริงอย่างท่านว่า เคยมีคนถามว่าทำไมชอบอ่านหนังสือ
อย่างงี้แสดงว่าต้องเป็นคนเก่งแน่เลย ไอ้เราก็สวนไปเลยว่า
ถ้ามันเก่งก็คงไม่อ่านหรอกพี่ ที่อ่านนี้แสดงว่ามันโง่ เลยต้องหาความรู้
เติมเต็มสักหน่อยนะ แต่ถ้ายืมหายโง่ขอร้องอย่างหนึ่ง
ว่าอยากยืมไปดอง มันเสียดายค่าเสื่อมโอกาสของผู้ซื้อกันหมด
เวลาอ่านหนังสือ ผู้เขียนไม่ค่อยจะมีอะไรกิน
ไอ้โควต้าที่เอาไว้เป้นของกิน ก็หมดไปกับหนังสือที่ถือแล้วละท่าน


ขอบคุณนะขอรับ สำหรับข้อมูลหมอเจมส์ เฮอร์เรียต
เวลาใครเผลอไปคุย จะได้ไปเสลอเข้าหากลุ่มกันเขาบ้าง
แล้วตกลง โรอัลด์ ดาห์ล เป็นเรื่องของเด็กจอมแก่นเหรอครับ
ใครบอกกับผู้เขียนนะว่า เป็นหนังสือเยาวชนสยองขวัญ
คิดว่าผู้เขียนต้องไปจำเรือ่ง ของ ดาร์เรล ชาน แน่เลย
ข้อมูลภายในตีกันสักแล้ว ทั้งๆที่มีสมองเป็นสถาบันเดียวกันแท้ๆ
ส่วน The Day After Tomorrow เป็นงานของผกก. โลกาวินาศสันตะโร
Roland Emmerich
งานของเขาส่วนใหญ่ทุนเยอะ มาตราฐานคุณค่าเขาว่าน้อย
แต่กินเงินตราต่างประเทศได้เยอะ
ก็อย่าง id4 ,2012, 10000 BC ,Godzila ประมาณนี้แหละ
ส่วนใหญ่ก็รอเป็นแผ่นดู เอาสนุกสนานเฮฮาก็ว่ากันไป


อ้าว แล้วที่ว่าเอาเครื่องสำอางอยู่ในกระเป๋าใส่แฟ้มเอกสาร
ตกลงไม่ใช่แฟ้มอะสินะท่าน จำผิดอีกแล้ว
แต่ความหมายโดยรวมก็ไม่ค่อยต่างกันหรอก
เพราะมันไม่ใช่อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ควรอิงแอบ
เดาว่ารุ่นที่ท่านมะนาวฯบริโภค น่าจะเป็น รุ่น N455 ที่รองรับ DDR3 แน่เลย
ที่ฝาเครื่องแปะว่า aspire one อะป่าว
เออ ไม่เข้าใจอยู่อย่าง ทำไมผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งถึงได้นิยมการเอาฟิลม์สติกเกอร์
ไปแปะโชว์ลวดลายบนฝาเครื่องกันจัง ทั้งๆที่ผู้ผลิตเขาก็ระดมทีมงาน
ออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวเครื่องให้ดูโดดเด่นและสวยงามในตัวอยู่แล้ว
อันนี้แปลกใจ คล้ายเสียทรัพย์ไปโปะทรัพย์อย่างไรอย่างนั้น
แล้วเห็นอิทธิฤทธิ์คำบ่นแล้วละสิ ว่ามีคุณค่ายามยากแค่ไหน
แต่เอ๊ เอาคำบ่นไปเก็บมาคิด แสดงว่าไม่ได้ละวางความชิงชังไปตามกาลเวลานี่หน่า
ข่าวพี่พระเอกโหมโรง ทราบอยู่บ้าง แต่ไม่รู้หรอกว่าเจ้าโรค Bell’s Palsy
เป็นเช่นไร อธิบายมูลฐานของโรคหน่อยสิ
แล้ว seasonal flu vaccine ถ้าไม่ได้ฉีด มีแนวโน้มเป็นได้หนักสักแค่ไหน
รับยาเข้าสู่ร่างกายมากสุด ก็แค่ยาสีฟันเช้าบ้าง แต่ค่ำทุกวัน
บิ๊กแบงค์ ก็เห้นในออฟฟิคกรี๊ดกันในสนั่นขจรประสาทจะรับประทาน
แว้บๆว่า บัตรหกร้อยหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
แล้วพารากอน มันมีลานคอนเสิรต์ด้วยเหรอครับ ไม่ยักจะรู้
คงไม่ไปหรอกคับ ต้องเหลือที่ให้ท่านมะนาวฯได้โลดเเล่นลืมแก่เช่นกัน


ว๊า พรุ่งนี้ไม่ได้เจอกัน ก็ด่วนดั่งที่ท่านว่าแหละน้อ
สะดวกเมื่อไรก็เมื่อนั้น ช่วงนี้ทำตัวปางตายบ่อยก็ระวังชราภาพมาเยือนไวนะเออ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:23:42:38 น.  

 
ที่ทำงานคุณchanpanakritไม่ค่อยส่งบุคลากรไปอบรมกันเหรอคะ
แสดงว่าที่นั่นพนักงานนิสัยดีอยู่แล้ว ถึงไม่ต้องถูกจับตัวไปอบรม
(ยกเว้นคุณchanpanakritต้องจับไปอบรมเยอะๆ โดนเฉพาะเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคลอิ อิ)
ส่วนที่ทำงานมะนาวอบกันจั๊ง บางคนอบจนไม่มีเวลาทำงานเลยค่ะ
แต่มะนาวชอบนะคะ เป็นการเปิดหูเปิดตา ที่สำคัญได้รู้อะไรใหม่ๆค่ะ
อย่างบางเรื่องไปต้องไปขวนขวายหามาอ่านเองเลยค่ะ
มีคนหามาให้เราเสร็จ เราแค่ตั้งใจฟังเท่านั้นเอง สุดแสนจะแฮปปี้ค่ะ
แล้วก็ไม่ต้องกังวลด้วยค่ะ เพราะทุกการอบรมฟรีหมดค่า
แล้วก็มีไปดูงานด้วยนะคะ หาดใหญ่มะนาวก็เคยไปนะคะ
แหะ แหะ แต่ส่วนใหญ่พวกเราจะหนักไปทางดูงานที่ตลาดกิมหยงกันค่ะ
แต่แปลกจังทำไมดูงานที่นั่น กลับบ้านตัวถึงเบ๊า เบา ก็ไม่รู้นะคะ ฮิ ฮิ
ส่วนNetbookที่มะนาวซื้อเป็นAcer Aspire One D255 ค่ะไม่ใช่ N455 ค่ะ
ก็คนขายเขาเชียร์รุ่นนี้นี่คะ ฟังที่เขาพูดแล้วก็ไม่ได้ไปดูร้านไหนอีกเลยค่ะ
คนขายพูดอธิบายเก่งค่ะ ฟังดูแล้วมีเหตุมีผลสมควรที่จะซื้อค่ะ
ส่วนเอามาใช้แล้วจะเวิร์คหรือเปล่า อยู่ที่ความสามารถของเราเองค่ะ
ตอนนี้เลยใช้ดูหนังไปพลางๆก่อนค่ะ
อื้อ!ลืมเล่าไปค่ะ มะนาวได้หนังญี่ปุ่นเรื่องSnakes and Earringsมาด้วยค่ะ
นางเอกยูริโกะ โยชิทากะ(Tokyo Dogs)แสดงนำค่ะ
แล้วรู้ปล่าวคะว่าทำไมมะนาวถึงซื้อเรื่องนี้ มะนาวได้อ่านในมติชนมาค่ะ
แล้วเจอประโยค "เธอตัดสินใจไปผ่าลิ้นออกเป็น 2 แฉก"
อื้อ!แบบสะดุดกึกเลยค่ะ อะไรจะขนาดนั้น
ตอนหยิบขึ้นมาครั้งแรกเพราะหน้านางเอกยูริโกะ
แต่พออ่านเรื่องย่อ เอ๊!นี่มันเรื่องที่เราอ่านเจอในมติชนนี่หน่า
ไม่ต้องคิดอะไรมากอีกแล้วค่ะ เตรียมจ่ายเงินได้เลยค่ะ
ไว้มะนาวดูแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
ส่วนที่ว่าทำไมถึงเอาไปหุ้มฟิล์ม เพราะมันป้องกันเครื่องเป็นริ้วรอยไงค่ะ
แล้วไม่ได้เลือกลวดลายหรอกนะคะ เป็นฟิล์มใสๆเฉยๆค่ะ
ไม่อยากจะบอกเลยว่าNotebookตัวเก่าของมะนาว
ไม่ได้หุ้มฟิล์มหรอกนะคะ แต่มะนาวเอาสติ๊กเกอร์ตัวKitty
มาติดเต็มไปหมดเลยค่ะ คนที่เห็นบอกว่าน่ารักดีค่ะ

ส่วนโรอัลด์ ดาห์ลที่เพื่อนคุณchanpanakritบอกก็มีส่วนถูกค่ะ
เพราะบางเรื่องก็ออกแนวดาร์กจริงๆค่ะ อย่างเรื่อง "แม่มด The Witches "
แต่บางเรื่องก็ไม่ดาร์กนะคะ เพียงแต่มีตัวละครที่พิลึกพิลั่นเท่านั้นเองค่ะ
อย่างเรื่อง"Charlie and the Chocolate Factory"
ที่สร้างเป็นหนังมีป๋าเดปป์แสดงนำ ของผกก.ทิม เบอร์ตันไงคะพอจะนึกออกบ้างไหมคะ
ส่วนหนังของผกก.Roland Emmerich คงได้ดูแต่เรื่อง"2012 วันสิ้นโลก "มังคะ
ส่วนเรื่องเครื่องสำอางคงจะเป็นตอนที่มะนาวเล่าให้ฟังเรื่องกระเป๋าเอกสารมังคะ
ที่ว่าใช้ใส่กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือลงไปได้ด้วยไงคะ
โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอากระเป๋าถือมาด้วย แล้วมะนาวก็เล่าต่อเรื่องคอร์สสอนแต่งหน้า
คุณchanpanakritก็เลยเอาสองเรื่องนี้มาเชื่อมกัน แล้วก็แปลงสาร
จากกระเป๋าเอกสารก็เป็นแฟ้มเอกสาร จากกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ
ก็เป็นเครื่องสำอาง คุณchanpanakritว่าคุณchanpanakritควรได้โล่ห์ไหมคะ
หรือว่าที่ป้ำๆเป๋อๆนี้เพราะงานหนักกันคะ เอ๊!ก็น่าจะพักผ่อนพอนะคะ
เพราะได้มีนอนเสริมตอนเที่ยงเหมือนเด็กอนุบาลด้วยนี่หน่า

ส่วนเจ้าโรคBell's palsyหรือว่า idiopathic facial paralysisนี้
เป็นอาการอัมพาตหรืออ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า
อันเนื่องมาจากเส้นประสาทสมองคู่ที่7ค่ะ
เส้นประสาทสมองของคนเรามีทั้งหมด12 คู่ค่ะ
แต่ที่ทำให้ปากเบี้ยว หน้าอ่อนแรงคือเส้นประสาทสมองคู่ที่7(facial nerve)ค่ะ
เพราะหน้าที่หลักของเจ้าเส้นประสาทคู่นี้คือควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า
อย่างเช่นเราจะแสดงสีหน้า ยิ้ม หัวเราะ หรือว่าโกรธก็ขึ้นอยู่กับเส้นประสาทสมองคู่นี้ล่ะค่ะ
หรือการที่เรามีตีนกา ร่องแก้ม หรือว่าลักยิ้ม ก็เส้นประสาทคู่นี้เหมือนกันค่ะ
ดังนั้นพอมีอะไรเกิดขึ้นกับเส้นประสาทคู่ที่7นี้
ซึ่งอาจเนื่องจากอุบัติเหตุ หรือจากการผ่าตัด
ส่วนกรณีที่เป็นเองจากที่ปกติแข็งแรงดีมาก่อน
ก็มักสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส อย่างการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด
หรือบางคนอาจมีอาการหลังเป็นหวัดก็ได้ค่ะ
แต่ส่วนใหญ่ถ้าบอกว่าติดเชื้อไวรัสก็คือไม่ทราบสาเหตุนะเองค่ะ
ซึ่งเมื่อเกิดปัญหากับเสันประสาทคู่นี้
อาการก็จะอยู่ที่ใบหน้าทั้งหมด ทำให้เราแสดงสีหน้าไม่ได้ค่ะ
และจากที่เส้นประสาทคู่ที่7นี้มีอยู่2เส้นแยกซ้าย ขวา
คนไข้ส่วนใหญ่ก็จะไม่เป็นพร้อมกันทั้ง2ข้าง โดยมากมักจะเป็นข้างใดข้างหนึ่ง
จึงเหมือนหน้าแบ่งครึ่ง คือข้างหนึ่งปกติ อีกข้างหนึ่งผิดปกติค่ะ
อย่างของคุณโอ อนุชิต ก็จะเป็นข้างเดียวเหมือนกันใช่ไหมคะ
และเจ้าโรคนี้ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่จะก่อให้เกิดความกังวล
และ สูญเสียความมั่นใจในการเข้าสังคมของผู้ป่วย
พูดง่ายๆคือ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แต่น่าอายค่ะ
และโดยส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโรคนี้จะหายเป็นปกติค่ะ
ส่วนน้อยเท่านั้นค่ะที่เส้นประสาทเสียหายถาวร
พอจะเป็นการอธิบายมูลฐานของโรคได้ไหมล่ะเจ้าคะ คุณท่าน
ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลนี้นะคะ
เขาก็มีเกณฑ์พิจรณานะคะว่าใครบ้างที่สมควรได้รับวัคซีนค่ะ
อย่างคนที่สมควรได้รับก็มีอาทิเช่นบุคลากรทางการแพทย์
คนท้อง คนอ้วน คนพิการทางสมอง
คนที่มีโรคเรื้อรังซึ่งได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน
โรคธาลัสซีเมีย ผู้ป่วยไตวาย ผู้ป่วยที่ได้ยาเคมีบำบัด ผู้ติดเชื้อHIV
ผู้สูงอายุ และเด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี
ส่วนคุณchanpanakritไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้
ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดค่ะเอ๊ะ!หรือว่าอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุคะ
เพราะคนที่สุขภาพแข็งแรง เมื่อได้รับเชื้อโรค
ร่างกายก็จะสร้างสารภูมิคุ้มกันได้เร็วและมากพอที่จะกำจัดเชื้อโรคค่ะ
หรือคือสามารถทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งต่างๆที่แปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายได้ดีค่ะ
ส่วนคนที่ร่างกายอ่อนแอก็ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอไปด้วยค่ะ
ก็คุณchanpanakritคุยเสมอไม่ใช่เหรอคะว่าตัวเองแข็งแรง
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ แต่ถ้าหมั่นล้างมือบ่อยๆ
ไม่ขยี้ตา หรือว่าไม่แคะจมูกก็จะยิ่งดีค่ะ
555ไม่ต้องแปลกใจนะคะที่เตือนแบบนี้
ก็คุณท่านสุขอนามัยส่วนบุคคลบกพร่องมีปัญหานิเจ้าคะ อิ อิ
ถ้าปฏิบัติตามนี้นะคะ รับรองห่างไกลหวัดได้แน่นอนค่ะ

ส่วนที่คุณchanpanakritสงสัยว่าพารากอน มันมีลานคอนเสิรต์ด้วยหรือ
แหะ แหะมะนาวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่ามีหรือเปล่า
เพราะถึงจะเป็นเด็กเทพฯ ก็เดินพารากอนไม่ถึง5ครั้งเลยค่ะ
ก็ไม่ใช่สเป็กมะนาวนี่คะ เพราะมะนาวชอบเดินตลาดคนเดินมากกว่าค่ะ
ซื้อของสนุกกว่ากันเยอะว่าไหมคะฮิ ฮิ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.55.81 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:20:48:13 น.  

 
เท่าที่สังเกตุดูเหมือนจะไม่มีนะครับ
สงสัยว่ากลัวค่างบประมาณส่วนกลางของบริษัทจะบานปลาย
หรือไม่ก็แก่เกินเยี่ยวยาแล้วกระมัง วันๆก็เลยจ้ำแต่งานเดิมๆ
ไม่ค่อยได้รับการอบรมสั่งสอนเท่าที่ควร ว่างๆก็แทงกันเองในออฟฟิคเป็นการฆ่าเวลา
แต่นั้นก็ไม่สำคัญแล้วกระมัง เพราะได้ท่านมะนาวฯนำวรยุทธจากคอร์สอบรม
มาถ่ายทอดลมปราณแก่ผู้เขียน จนลมปราณแทบจะกระอักแตกสาน่ไปตามๆกัน
แต่พอแปลงวิชายุทธผ่านตัวท่านมะนาวฯ ไงกลายเคล็ดวิชาต้องห้าม
ออกฤทธิ์ร้ายแรงสั่นประสาท แทงแต่ละดอกแต่ละเม็ด เจ็บๆแสบๆคันๆ
จนผู้เขียนว่าจะโค้ดคำเตือนเด็กอายุสิบห้า ควรมีผู้ใหญ่ควรชี้นำ
เวลาที่เผลอมาเปิดอ่านคอมเมนต์ฮาร์ดคอร์เช่นนี้เสียแล้่ว
ว่าแล้ว เราก็มาเข้าสู่สถานการณ์ปรองดองร่วมกันที่กำลังฮิตในช่วงนี้กันดีกว่า
เพราะผู้เขียนรู้สึกปะทะคารมได้ไม่ชนะท่าน อยู่ไม่คลายจุดอ่อนให้ผู้เขียนเล่นบ้างเลย
สร้างภาพครอบคลุมจุดเสื่อมในทุกมิติอย่างนี้ ผู้เขียนก็แย่ฝ่ายเดียวสิท่าน

Acer Aspire One D255 เหรอ เดี๋ยวขอกลับไปเปิดโบชัวร์
ตอนที่ไปหิ้วซื้อเครื่อง แล้วหยิบกระดาษโฆษณาโน้นนี้นั้นเต็มมือไปหมด
แอบสำรองแทนตอนเข้าห้องน้ำก็หลายแผ่น ก็ยังติดมือผุ้เขียนมาอยู่ดี
เอ๊ เปิดดูจนทั่วแล้วหาไม่เจอแหะ เพราะที่เจอมีแต่ D260 ที่เป็นรุ่นล่าสุด
อย่างเดียวเลย แต่ช่างปะไรซื้อแล้วถูกใจไม่ถูกทิ้งขว้าง ก็มะสมมะควรแล้ว
แต่ไปหลงเชื่อวาจาคนขายประการเดียว อันนี้น่ากลัวนะครับ
เพราะผู้เขียนเจอบ่อย เวลาที่ศึกษาข้อมูลกับไปเจอะในสถานการณ์จริง
พนก ขาย มักบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว แล้วเป็นชุดข้อมูลที่ฟังดูดี
แต่ฝีปากเจรจา ถือเป็นเครื่องมือการขายที่ทรงประสิทธิ ภาพอันสำคัญ
ยิ่งถ้าเเม่นในข้อมูล หรือเดาสุ่มจริงแต่เชื่อมร้อยปะติดปะต่อเป็นเรื่องเป็นราวได้
อันนี้ก็เสร็จคนรับฟังเทศนาพาณิชย์มานักต่อนักแล้ว
ขอให้เป็นสมบัติที่ติดตัวผู้ใช้ไปนานๆนะคับ ว่าแต่คราวนี้่จะถอยสติกเกอรฺ์กัปตันเกโรโระ
มาเจิมหน้าเครื่องอีกรึเปล่าละน้อ?
แต่เอ๊ ดูหนังในเมื่อเน็ตบุ๊ตมันไม่มีเครื่องเล่นซีดี แล้วท่านมะนาวฯชมผ่านอะไรขอรับ
หรือว่า มีเครื่องเล่นต่อมาด้วยอีกชุดหรือผ่านตัวฮาร์ดดิสต่อนอกอีกที


Snakes and Earrings อันนนี้ไม่คุ้นเสียงสำนองเอาเสียเลย
แต่ฟังพล็อกแล้วน่าสนุกดีนะขอรับ
อืมแล้วเจ้า Bell's palsy ทำไมมันถึงมีสองชื่อได้ละครับ
ทั้งตัวidiopathic facial paralysis อันนี้พอเข้าใจว่าเป็นศัพท์ทางการเเพทย์
แต่ Bell ที่มีความหมายคล้ายระฆังก้องแก๊งค์นี้ มันมีที่มาจากไหนเหรอครับ
แสดงว่าโจ๊กเกอร์ในเรื่อง batman ก็น่าจะมีอาการจากโรคด้วยสินะครับ
แต่พี่โจ๊กแกยิ้มได้สองข้าง งั้นก็ต้องมิสเตอร์ two face สิน้อ
เส้นประสาทบนหน้านี้ มีเต็มเตงตั้งสิบสองเส้นเลยเหรอครับ
ถ้าไม่มีเส้นตีนกาได้ คงอุ่นใจท่านมะนาวฯวัยอันควรดีน้อครับ
แต่กระนั้น ถ้าไร้เส้นนี้มันก็อาจทำให้ท่านมะนาวฯดูไร้ความอาวุโสชวนเคารพ
ส่วนถ้าจำเป็นต้องฉีดสารภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ ก็น่าจะเกิดจาก
ใบหน้าอ่อนวัยปานเด็กอายุ สองปีมากกว่านะครับ
แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยแน่ใจแล้ว เพราะระยะนี้มีฝนตกกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์บอ่ย
เลยทำให้แป้งที่โปะบนใบหน้าแตกละลายเป็นคราบเสียด้วยสิ
หล่อทั้งที ยังมีอาเพทจากฟ้าฝนอีกนะขอรับ หล่อทำใจลำบากจริงๆ


อ่าน ประวัติลุงกรีนจบเสียที หกร้อยกว่าหน้าเล่นเอาค่อยๆไล่เลาะไปเรื่อยๆ
บางช่วงก็พีคอ่านเร็วรวด บางช่วงต้องค่อยๆอ่านถอดความกันหนักหนา
เหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย ได้หนั้งสือเล่มใหม่มาอีกแล้ว
ที่ชื่อ ศาสตร์และศิลป์แห่งการระงับความขัดแย้ง เป็นงานแปลของ
จอห์น แมคคอนแนล เห็นว่าพิมพ์ครั้งที่สองแล้ว
ส่วนใหญ่จะอิงงานจากพระไตรปิฎกประกอบนิทาน กว่าจะรวบรวมเป็นเล่มได้
ต้องผ่านการเข้าสัมมนาหลายสิบครั้ง ทั้งไทย กัมพูชา ((แหมเข้าสมัยจริงๆ)
และศรีลังกา ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เข้าร่วมล้วนแล้วแต่เป็นไม่พระก็ชี
คงมีแกที่ผมหงอกดูเด่นกว่าใครๆในที่ประชุม เล่มก็หนาดี
ดูจะตั้งใจในการรวบรวมข้อมูลจัดเรียงดี เกือบห้าร้อยหน้าคงค่อยๆไล่เลาะ
ระงับความเหงาเล่นๆ เพื่อจะหาทางลับเขี้ยวสายเหยี่ยวของใครบางคนได้
แล้วท่านมะนาวละ อ่านหนังสือปัจจุบันเล่มอะไรอยู่เอ่ย


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:22:05:27 น.  

 
แล้วเกือบลืมบอกไป
ว่าตลาดกิมหยงนี้ถิ่นถนัดผู้เขียนนักเชียว
แสดงว่าไปแค่แหล่งรับประทานประการเดียว
เพราะไม่อย่างงั้น ยังมีตลาดสันติสุข
ที่เป็นแหล่งช้อป แต่ปัจจุบันก็ซบเซาะไปมาก
เพราะการเกิดขึ้นของห้างค้าส่งข้ามชาติ
อย่างบิ๊กซี คาร์ฟู โลตัส
แต่สัญจรไปแต่ละทีนี้ไกลมิใช่เล่นเลยนะขอรับ
มิน่า ไม่ค่อยปฏิเสธงานสัญจรนอกพื้นที่สักเท่าไร
แอบอ้างงานสั้มมนา แต่ในมือกางเเผ่นที่หาตลาดโต้รุ่งกันยกใหญ่นี้
เข้าข่ายเอาทรัพย์ของบ ไปใช้เพื่อเป็นเส้นทาง
เชิงพาณิชย์อะป่าวละน้อ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:22:13:38 น.  

 
คุณchanpanakritต้องทำใจนะคะ ที่จริงมะนาวก็เห็นใจนะค่า
แต่ทำไงได้ล่ะคะ คุณchanpanakritต้องรู้ว่าคุยอยู่กับใครน่ะค่า
กุลสตรีดีเด่นแห่งปีไงคะ ถึงได้หาข้อบกพร่องไม่เจอไงค่า คิก คิก
ยิ่งอ่านวีรกรรมของคุณท่านยิ่งไม่ไหวค่าขนาดใช้กระดาษโฆษณาเข้าห้องน้ำ
เหอ เหอ เหอ มิบาดริดสีดวง เลือดกระจุยเลยเหรอค่า555
แล้วที่หาแผ่นโฆษณาAcer Aspire One D255ไม่เจอน่ะ
มะนาวว่านะ มันคงถูกใช้ทำภารกิจในห้องน้ำไปแล้วล่ะค่า อิ อิ
ส่วนสติ๊กเกอร์คราวนี้ว่าจะเอาKathyกระต่ายสาวน้อยเพื่อนของKittyมาติดค่ะ
Kittyจะได้มีเพื่อน ส่วนกัปตันเคโรโระ รู้สึกฉีกแนวไปหน่อยค่ะ ไม่เข้าพวกค่ะ
ส่วนหนังมะนาวก็ดูผ่านเครื่องเล่น External DVD ไงคะ
มะนาวไม่ได้ซื้อใหม่ค่ะ เพราะเครื่องนี้มะนาวใช้กับ Notebookตัวเก่าอยู่แล้วค่ะ
แล้วจะบอกว่าพวกมะนาวเดินตลาดกิมหยงที่เดียวก็ไม่มีมือจะถือของแล้วค่ะ
แถมโดนค่าน้ำหนักเกินตอนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯด้วยค่ะ
คุณchanpanakritอย่าได้อิจฉานะคะ ว่ามีให้บินไปบินกลับด้วย
เปล่าเลยค่ะ ใครอยากบินกลับต้องจ่ายเงินเองนะคะ
คือว่ามะนาวนั่งรถกลับไม่ไหวแล้วค่ะ
แล้วมะนาวก็ไม่ชอบนั่งรถทางไกลกลางคืนด้วยค่ะ
มะนาวเลยยอมจ่ายเงินขึ้นเครื่องกลับค่ะ
แล้วอีตอนCheck inนะคะ พนักงานแบบเบื่อพวกเรามากเลยค่ะ
พวกเราก็แหมระวังสุขภาพปิดmaskเหลือแต่ลูกกะตาไปขึ้นเครื่อง
แถมพอน้ำหนักเกินรื้อกระเป๋าถัวเฉลี่ยกันใหญ่เลยค่ะ
ของมะนาวโชคดีรู้ว่าเขาให้ได้แค่15กก.
มะนาวก็พยายามแพ็คกระเป๋าที่จะโหลดไม่ให้เกิน
ส่วนที่เหลือก็หิ้วเอาค่ะ พอชั่งนะคะ15กก.เป๋งเลยค่ะ
แต่พี่บางคนถึงจะแบ่งออกมาถือแล้วมันก็ยังเกินไงคะ
พอไปรื้อเอาของออกชุลมุนที่สนามบิน
พนักงานมองมาแล้วก็บอกว่ายังไงก็เกินอยู่ดี(ด้วยสีหน้าบึ้งๆเบื่อๆ)
ส่วนพี่อีกคนดีหน่อยค่ะ รู้ว่าเกินก็ยอมรับสภาพโดยดี
เสียค่าน้ำหนักเกินไปห้าร้อยกว่าบาทค่ะ
แล้วคุณchanpanakritคิดดูนะคะถ้าให้พวกเราไปเดินตลาดสันติสุขอีก
อะไรจะเกิดขึ้น พอจะนึกภาพออกไหมคะ

มะนาวมีข่าวล่ามาฝากค่ะ เป็นข่าวซุบซิบจากแดนปลาดิบค่า
ว่านางเอกBuzzer Beat เคโกะ คิตางาว่า
เธอไม่สนใจคุณchanpanakritแล้วนะค่า
เพราะตอนนี้เธอปิ๊งๆกับ.............ยามะพีค่า
มะนาวว่าคู่นี้เหมาะสมกันดีนะคะ เคมีเข้าเข้ากั๊น เข้ากัน
แล้วไม่ต้องเสียใจนะคะ มะนาวจะส่งน้ำใบบัวบกไปให้ค่า
ปิ๊บหนึ่งพอไหมคะ ให้ใช้ทั้งกินใช้ทั้งอาบเลยค่า อิ อิ
แต่อาการคงไม่หนักหนามั๊ง เพราะยังไงหนูโนโซมิก็ยังอยู่ใช่ไหมคะ ฮิฮิ
คุณchanpanakritได้ข่าวซีรีส์เรื่องGOLDของค่ายFuji ไหมคะ
ที่มียูกิ อามามิ แสดงนำน่ะค่ะ มะนาวอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือแล้วน่าดูมากเลยค่ะ
แถมดาราที่ร่วมแสดงด้วยก็น่าสนใจด้วยค่ะ อย่างมาซามิ นางาซาว่า ทาคาชิ โซริมาจิ
อามามิกับโซริมาจิ ทั้งสองเคยเจอกันมาจากเรื่องBossแล้วนี่นะคะ

มะนาวเพิ่งดูเรื่องThe Return จบไปค่ะ
เป็นหนังรัสเซีย กำกับโดยAndrei Zvyagintsev
หนังเข้าชิงลูกโลกทองคำหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมค่ะแต่กินแห้วค่ะ
เพียงแต่เป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์เท่านั้นค่ะ
เป็นเรื่องของพ่อที่หายไป12ปี แล้วเพิ่งกลับมาบ้าน
โดยที่ลูกๆไม่มีใครรู้จัก ทำให้เกิดความห่างเหินและไม่ยอมรับ
จนสุดท้ายก็เกิดโศกนาฏกรรมโดยอุบัติเหตุ
เป็นหนังที่เงียบมาก ไม่มีดนตรีประกอบ
ค่อยๆเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ
ทำให้มะนาวหลับไปหลายรอบเลยค่ะ
มะนาวว่าหนังยังทำได้ไม่กระแทกใจนะคะ
ถ้าไม่ได้ลูกโลกทองคำก็ไม่น่าแปลกใจเลยค่ะ

ส่วนหนังสือมะนาวเพิ่งอ่านเรื่อง"ใครเอาเนยแข็งของฉันไป"จบค่ะ
ที่แปลมาจากเรื่องWho Moved My Cheese?
ที่เขียนโดยนายแพทย์ Spencer Johnson
ประภากร บรรพบุตรแปล เป็นหนังสือปกแข็งเล่มบางๆ
ที่บ้านมะนาวซื้อมานี้เป็นพิมพ์ครั้งที่17แล้วนะคะ(ขายดีจัง)
พออ่านดูแล้ว เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงขายดี
เพราะมันช่วยในการสำรวจตัวเอง นะเองค่ะ
ว่าตอนนี้เรากำลังเป็นตัวละครตัวไหนอยู่
ในตัวละคร4ตัวที่ผู้ประพันธ์ไดักำหนดบุคลิกลักษณะนิสัยไว้
อย่างเจ้าหนูสนิฟฟ์ที่เป็นหนูช่างสังเกตและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้แต่เนิ่นๆ
เจ้าหนู สเคอร์รี่ ที่รีบลงมือปฏิบัติ
หรือมนุษย์จิ๋วเฮม ที่มักปฏิเสธและต่อต้านการเปลี่ยนแปลง เพราะกลัวว่าจะแย่กว่าเดิม
หรือมนุษย์จิ๋วฮอว์ ที่รู้จักปรับตัวได้ทันเวลาเมื่อเห็นว่าความเปลี่ยนแปลงนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
มะนาวอ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรเยอะเหมือนกันค่ะ
มะนาวชอบคำโปรยของคุณชาติศิริ โสภณพนิชที่ให้กับหนังสือเล่มนี้ค่ะ
ที่ว่า"Who Moved My Cheese?ทำให้เราตระหนักว่า
ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา
การจะอยู่ในกระแสโลกาภิวัฒน์ได้อย่างปลอดภัยและประสบความสำเร็จ
เราจะต้องปรับความคิดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างเหมาะสม"
เป็นคำพูดที่โดนใจมะนาวที่สุดเลยค่ะ
คุณchanpanakritจำได้ไหมคะที่มะนาววิจารณ์พระเอกเรื่องThe Legend of 1900
ที่มะนาวบอกว่าเขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเขาเลยอยู่ไม่ได้
เขาเป็นแบบมนุษย์จิ๋วเฮมเลยค่ะ ที่กลัวไปหมด
ไม่ยอมรับรู้ถึงว่าควรต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะอยู่ไม่ได้
คุณ chanpanakritต้องเคยอ่านแน่ๆเลยใช่ไหมคะ หนังสือเล่มนี้
กลายเป็นว่ามะนาวเอามะพร้าวน้ำหอมมาขายสวนซะงั้น
ไม่อยากขายมะพร้าวห้าวค่ะ ไม่อร่อย ฮิ ฮิ
แล้วสงสัยจังหนังสือที่คุณchanpanakritซื้อเล่มล่าสุด
เรื่องศาสตร์และศิลป์แห่งการระงับความขัดแย้ง
ทำไมถึงเกี่ยวกับพระไตรปิฎกคะ ก็ฝรั่งเป็นคนเขียนไม่ใช่เหรอคะ
ฟังยังกะเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกอย่างนั้นล่ะค่ะ

ส่วนที่มาของชื่อ Bell's Palsy
ก็มาจากชื่อของนักกายวิภาคศาสตร์ชาวสก็อตต์(Scottish anatomist)
ที่ชื่อ Charles Bellค่ะ เหตุที่ใช้ชื่อนี้เพราะท่าน
เป็นผู้บรรยายอาการของโรคนี้ไว้เป็นท่านแรกตั้งแต่ศตวรรษที่ 19น่ะค่ะ
แล้วเส้นประสาทสมองนะคะที่มะนาวบอกว่าของคนเรามีทั้งหมด12 คู่ไม่ใช่12เส้นค่ะ
แล้วคู่ที่7(facial nerve)เป็นคู่ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า
ไม่ใช่เส้นประสาทบนใบหน้ามีทั้งหมด12เส้นอย่างที่คุณchanpanakritเข้าใจนะคะ
เปลี่ยนความเข้าใจใหม่ด้วยนะคะ
แล้วแน่ใจนะคะว่าเป็นใบหน้าที่อายุ2ขวบไม่ใช่อายุ........555
เพราะมะนาวว่ามันจะไม่ใช่อายุใบหน้าน่ะสิคะ ฮิฮิ
วันนี้คงแปลกใจใช่ไหมคะ ว่าทำไมมะนาวเข้ามาคุยได้เร็ว
ฮิ ฮิวันนี้มะนาวพักร้อนนอนตีแปลงค่า

ปล.ถ้าจะโยกไปตอบบล็อกPrecious Time บอกมะนาวด้วยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.61.0 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:17:02:28 น.  

 
อะไรกันเนี่ย ได้หยุดพักอีกแล้ว
การหยุดพักนี้ ผู้เขียนเคยเชื่อเอาไว้สองอย่าง
คือ หยุดเพราะร่างกายชราภาพด้วยฤทธิ์ของการตราตรำหนัก
ส่วนอีกข้อ คือหยุดเพราะเป็นจริตที่ทำอะไรก็รู้สึกหนักอย่างไม่ควรจะเป็น
ไม่รู้จะมีส่วนถูกในข้อแรกหรือข้อที่สองบ้างอะป่าว แต่ก็ไม่แน่
อาจจะมีข้อที่สามที่ตั้งขึ้นมาเอง เพื่อความการสมเหตุสมผลเข้าข้างตัวก็เป็นได้
อันนี้เป็นการคิดเล่นๆ ไม่มีอะไรมากมาย

และข้อแก้ความเลยเทิดในจินตนาการของใครบางคน
ที่ว่าเข้าข่ายลัทธิคิดเองเออเอง แล้วชอบมากล่าวโทษของคนฝั่งนี้
ก่อนอื่นโบชัวร์ไม่ใช่อาวุธทำลายอานุภาพสูงเยี่ยงที่ท่านคิดปานนั้น
ถ้ามันสามารถเป็นพิษร้าย ให้ผู้คนเลือดทรงเลือดสาดได้จริง
ต่อไปคงต้องวางเอาไว้ให้ห่างไกลเด็กเล็ก ผู้ใดหยิบฉวยจะต้องมีเจ้าหน้าที่
หรือเครื่องมือสวมใส่ให้มิดชิด ก่อนจะหยิบฉวยกลางคัน
ผู้เขียนว่า ท่านมะนาวฯกำลังเอา a team ผสมกับ kick ass
มาผนวกความบรรเจิดของท่านไว้กับการใช้โบชัวร์อย่างไม่ถูกคุณสมบัติการใช้่
ของผู้เขียน ถึงกระนั้นในภาวะที่สถานการณ์ฉุกเฉินเกินคาดเดา
ด้วยสัญญาณเตือนภัยส่วนบุคคลเริ่มทำงาน สัญชาติญาณการเอาตัวรอด
ย่อมเกิดขึ้นได้บนพื้นฐานของเครื่องมือหยิบฉวยที่พอจะสามารถแก้ไขได้ชั่วคราว
อย่าบอกนะครับว่า ท่านมะนาวฯไม่เคยประสบกับภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้สวมมงกุฏกุลสตรีดีเด่นก็ยากที่จะแสนดีบนเครื่องสุขภัณฑ์ได้
ท่านมะนาวฯต้องนึกถึงฉากบรรจงตวัดเพื่อเก็บมวลสสารให้ครบองค์ประกอบสิครับ
มิใช่เรื่องง่ายในอุปกรณ์ความสะดวกเฉพาะกาล นอกจากจะต้องเก็บเกี่ยวให้ครบครันแล้ว
ยังต้องบรรจงเก็บรายละเอียดบนความแข็งกระด้างของพื้นผิวที่ไม่อาจจะปรับตัวตามฐานสรีระ
เสียดาย ที่วันนั้นดันสวมรองเท้าแตะ ไม่งั้นอาจจะมีการให้ถุงเท้่าพลีชีพ
เหมือนกับเช่นทุกกรณี ที่สุขาไม่พาสุขีด้วยองค์ประกอบไม่ครบต่อองค์สถาปัตถ์

แต่ข้องใจกับสินค้าน้ำหนักเกินก่อนขึ้นเทื่ยวบินของท่านมะนาวฯเหลือเกิน
ในเมื่อ ทุกท่านต่างก็มีข้าวของคนละไม้เต็มสองมือบนฐานของความบริโภคเกินงามแล้ว
ไหน มาตราฐานของสินค้าระวางถึงได้ไม่เท่ากันทุกคนละขอรับ
หรือท่านมะนาวฯมีเจตนาทำเหมือนผู้ค้ายาเสพติด
ด้วยการยัตทะนานสินค้ากลืนลงกระเพาะสักพุงกางออกเยี่ยงนั้น
น้ำหนักของกระเป๋าก็เลยถูกถ่ายลงมายังน้ำหนักส่วนเกินของตัวบุคคลแทน
แสดงว่าซื้อปุบ ก็โซ้ยปับเลยสิขอรับ ต้องมีสื่อบันเทิงเป็นเครื่องช่วยย่อยแน่เลย
ตกลงไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะงานเข้าหรือเอาเที่ยว
ก๊วนมาม๊าอย่างกรุ๊ปทัวร์ของท่านมะนาวฯ คงนิยมนโยบายกว้านซื้อ
แล้วผ่องถ่ายทีหลังสินะครับ มือเติบกันทุกท่านเชียว มิน่าเพื่อนถึงได้เยอะ
มีกระเป๋าเป็นดั่งเช่นที่เก็บของฝาก ช่วงนี้มีข่าวอุบัติเหตุเครือง่บินบ่อย
ข้อสันนิษฐานจากของฝาก อาจจะเป็นสาเหตุประการหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้สอบสวน
อาจจะละเลยก็เป็นได้


ส่วนข่าวคิตะงาวากับโทโมฮิสะ อันนี้รู้มานานแล้วครับท่าน
แต่ไม่ค่อยอยากจะกล่าวถึง แถลงไปก็ไม่สบอารมณ์กันป่าวๆ
ช่างปะไร เพราะเคโกะจังไม่ได้อยู่ในสารบบตัวเลือกลำดับต้นๆของอาหารตาเสียเท่าไร
ถึงแต่งานไป ก็ไม่น่าจะรอด อันนี้ไม่ได้แช่งหรอกนะ
เพราะน้องฮีโระสุเอะจัง กับ ก็เป็นอุทาหรณ์เรือนรักล่ม หรือเตียงถล่มกันมาแล้ว
ทำอะไรไม่ยอมปรึกษา แล้วมีหน้ามาทำตัวเป็นบทเรียนให้กับผู้เขียนอีกต่างหาก
สงสารก็แต่แม่ของลูกนี้สิ ส่วนลูกนี้คงไม่ค่อยสงสารเท่าไร เพราะดันเป็นลูกชายทั้งคู่
อย่างไรเสีย โนโซมิก็เป็นตัวเลือกสุดท้ายที่มีเหลืออยู่ แต่ไม่ยักจะมีผลงานใหม่เลย
ชักจะเซ็งๆ ที่โดนหนูยูกิแย่งโผล่หน้าจอเสียหลายต่อหลายบเรื่องเชียววุ้ย
ส่วนบัวบกนี้ เก็บไว้เพาะชำที่หลังบ้านท่านเถอะขอรับ
แต่อย่างว่าอะน้อ สตรีมากใจไม่จริงจังต่อดาราคนใดสักคน
ชีวิตนี้อาจรู้ตัวว่าสาย เมื่อได้เห็นดาราหน้าเด็กโผล่แจ้งเกิดแล้วมาทักทายเราอีกทีว่าป้า


ท่านมะนาวฯมีความเข้าใจผิดอะไรรึเปล่าครับท่าน
ซีรีย์เรื่อง Boss ไม่มีทั้งมาซามิจังและเจ้าโซริมาจิ มาโผล่กระทบซีนสักเอะเลย
เลิกเร็วจนผิดสำแดงไปอะป่าวน้อท่าน หรือยาต้านไข้หวัดใหญ่กำเริบ
ดูป้ำๆเป้อๆชอบกล ไม่สนเป็นคุณนายระเบียบเม็ดอย่างที่เคยสร้างภาพกันมา
และอาศัยความเข้าใจส่วนตัว คิดว่าทั้งสองไม่น่าจะเคยโคจรปะทะคารมกันมาก่อน
แต่ถ้ามาเจอกันใน Gold ของค่าย ฟูจิทีวี ก็ถือว่ามีความน่าสนใจอยู่บ้าง
เพียงแต่ มันไปมีเจ๊อามามิ ยูกิ จากซีรีย์ boss นี้สิ
อันนี้ไม่ค่อยถูกปฏิกิริยาในเชิงบวกด้วยสิ พล็อกเรื่องเกี่ยวกับอดีตนักกีฬาโอลิมปิก
ซึ่งไอ้รางวัลสถาบันกีฬาระดับโลกนี้ ถูกชะตาการรับชมของคนญี่ปุ่นด้วยสิ
แต่กระนั้นโดยภาพรวมแล้ว น่าสนใจแค่ประการหนึ่ง
เพราะช่วงนี้ ผู้เขียนดันกลับไปสนใจซีรีย์เก่าๆ อย่างตอนนี้
ก็กำลังดู tomorrow และ Hotaru ภาคแรก ด้วยความสนุกสนานครื้นเครงนักแล


ไม่ทราบว่าช่วงนี้ ดูสัปดาห์หนังหลับอยู่อะป่าวละท่าน
เพราะเห็นส่วนใหญ่เลือกไปทางหนังสายอาร์เขตแหลมบอลติก
มันคล้ายๆกับว่า ท่านมะนาวฯกำลังเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อไปแสวงหาแจ็กพอตหนังดีสักเรื่อง
เลยไปซุ่มหนังสถาบันการันตี ที่เป็นสายดูหนังยากทำเพื่อเอาใจนักวิจารณ์รักของแปลก
ก็ขอให้ท่านได้ค้นพบหนังที่ถูกใจนะขอรับ แต่คงต้องแลกกับอาการหลับเสียหลายตื่นหน่อย
ทางที่ดี ตักน้ำสักขัน เตรียมไว้ล้างหน้าประกอบการชมอรรถรสหน่อยก็น่าจะดี


ใครเอาเนยแข็งของฉันไป หรือ Who Moved My Cheese?
ถือเป็นโคตรบรรพฯ ของหนังสือแปลฉบับตีพิมพ์ซ้ำตีพิมพ์ซาก
ตอนนั้นถือเป็นช่วงงานแปลหนังสือแนวบริหารและการจัดการกำลังเปรี้ยง
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ได้ยินชื่อเสียงเล่มนี้มานานและกล่าวขวัญมาเยอะ
แต่อ่านเข้าจริง ไมได้รู้สักตื่นเต้นหรือสายตาปรับเปลี่ยนมุมมองแต่โลกอย่างใด
อาจเพราะมาอ่านช้าไป หรือไม่ก็มีหนังสือแนววิเคราะห์โลกที่ให้มุมมองนี้
แบบมีตัวอย่างที่ชัดเจนและยกของจริงในสถานการณ์ธุรกิจมาให้เห็น
ดูเหมือนว่า หมอสเปนเซอร์จะแตกยอดงานเขียนชุดนี้ออกมาอีกตั้งหลายเล่ม
อาทิ
จะว่าไป คนส่วนใหญ่คงอยากจะเป็นทั้งสามหนูในแต่ละสภาวการณ์
คงไม่อยากวิ่งหมุนอยู่ตลอดเวลา และไม่อยากแช่นิ่งอยู่กับที่
เมื่อก่อนก็เชื่อว่าตัวเองต้องเปลี่ยนหมุนไปตามโลกอยู่อย่างไม่หยุดนิ่ง
เพราะสุดท้ายโลกก็จะบังคับให้เราต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง หรือการที่เราหยุดเดินหนึ่งก้าว
ก็เท่ากับมีคนที่แซงเราไปหนึ่งก้าว จนกระทั่งไปอ่าน as the future catches you
ที่เอากรณีความเสื่อมของเขมร เป็นตัวสะท้อนความล้าสมัยเพราะไม่ยอมปรับเปลี่ยนตามยุค
พยายามบอกว่า ควรจะเป็นแบบเมืองบังกลาลอร์ อนาคตคือนาโนชีวภาพอย่างแน่นอน
ก็เลยรู้สึกว่า การพออยู่พอกินและรักษาสมดุลตามสภาพ
ว่าจะเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับอัตราเร่งแข่งไปตามโลก ที่เราน่าจะตกเป็นเหยื่อประเทศที่เขาพัฒนากว่า
หลังๆอะไรที่บอกว่า ต้องเปลี่ยนๆ ก็สักแต่ฟังเอาความเท่านั้น ไม่ได้กระตือรือล้นเหมือนในอดีต
แล้วท่านมะนาวฯเคยอ่าน the speed of truth รึเปล่าครับ
เป็นงานของยอดนักแนะชาวบ้านเขา คือ stephen covey ผู้เขียน 8 habits นะท่าน
ผู้เขียนว่าสังคมไทยกำลังต้องการความเร็วในการสร้างความเชื่อใจ
ในทุกๆองค์ประกอบของสังคมนะขอรับ เร็วอย่างอื่น ชะลอไว้นิดนึงก็ไม่น่าเสียหายอะไร
ส่วนพี่แมคคอลเนล ที่เขียนหนังสือ ศาสตร์และศิลป์แห่งการระงับความขัดแย้ง
แกเป็นคนที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับคำสอนของพระสายเถรวาทลังกาวงศ์นะขอรับ
เลยเป็นจริงเป็นจังกับแนวการประนีประนอมความขัดแย้งในสายตะวันออก
เพราะในตะวันตก เอะอะก็จะลงเข้าสู่ศาลท่าเดียว
เป็นงานฝรั่งที่ศึกษาวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยๆ และมีเรื่องความขัดแย้ง
ในพม่าของชนกลุ่มน้อยหรือการสู่รบของกบฎพยัคฆ์ทมิฬกับคนพุทธ คิดว่าน่าสนใจ
เพื่อจะชำระล้างจิตใจผู้เขียนที่ค่อยมีความเกลียดชัง เพราะไม่อาจลับความคมอันจัดจ้าน
ของแม่นางท่านนึ่ง ที่ดีวันดีคืนเรื่อยมา จนมงกุฎแห่งสตรีดีเด่นเริ่มเลือนหายไปเป็นระยะๆ


ขอบคุณนะครับสำหรับป๋าเบลล์
ไม่ได้มีระฆังกังวาลไกลอย่างที่คิดไว้ ท่านมะนาวฯนี้ช่างรอบรู้ในเรื่องแพทย์ๆเสียเหลือกำลัง
แถมเก็บลูกมั่วของผู้เขียนที่ตกๆหล่นๆได้ทุกเนื้อเม็ดเสียอีก นับถือๆ
ใครได้เป็นคนใช้ คงเป็นนางแจ๋วที่สกัดฝุ่นไรขนได้ทุกอณูผ้าห่มนักเชียว
ตกลง ยังคงสนทนาอยู่ที่หน้าบล็อกนี้ต่อสักระยะนะขอรับ
ยังไม่ถึงยี่สิบต้นๆของคอมเมนต์ อย่างไรเสียต้องหาทางโค่นใครบางคนให้มีแผลซึมเล็กๆน้อยๆ
ได้บางก็ยังดี เพราะไม่อยากแพ้บนเวทีนี้








โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:23:09:04 น.  

 
555ข้อสันนิษฐานการหยุดพักร้อนไม่เข้าข่ายทั้ง2ข้อเลยค่ะ
เพราะเหตุผลของการลาพักร้อนครั้งนี้คือ วันลาพักร้อนของมะนาวเหลือค่ะ
มะนาวเพิ่งมาเช็ควันลาค่ะแล้วพบว่าเหลือวันลาอยู่อีก7วัน
มะนาวก็ใช้ของเดือนสิงหาไป3วัน เหลืออีก4วันต้องลาให้หมดภายในกันยายนนี้ค่ะ
ก็เลยลามานอนเล่น2วันนี้ค่ะ ส่วนอีก2วันค่อยดูอีกทีว่าจะลาได้วันไหนบ้างค่ะ
คุณchanpanakritไม่มีวันลาเหลืออยู่บ้างเหรอคะ
พอดีมะนาวไม่ค่อยได้ลาค่ะ
เพราะเวลาไปเที่ยวตจว.มะนาวก็ไปช่วงวันหยุดหลายๆวัน ก็ไม่ต้องลาไงคะ
แล้วจะบอกนะคะว่าภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานของมะนาวไม่มีการไปตายเอาดาบหน้าค่ะ
มะนาวมีเตรียมพร้อมไว้เสมอค่ะ ของมะนาวนะคะ
มีซองพลาสติกอย่างสวยใส่กระดาษทิชชู่พร้อมใช้ติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลาค่ะ
เวลาจะออกไปข้างนอกก็มีการเช็คจำนวนทิชชู่ให้มีพร้อมพอใช้ด้วยค่า
ไม่อิหลักอิเหลื่อจนต้องใช้ถุงเท้าหรอกนะค่า
แล้วช่างกล้าบรรยายเน๊อะ เชื่อแล้วว่าไม่สร้างภาพจริงๆ ได้แต่ถอนใจ เฮ้อ!
แล้วสำหรับสายการบินLow-cost เขาให้ถือสัมภาระขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัมค่ะ
และน้ำหนักสัมภาระที่จะโหลดใต้เครื่องได้ไม่เกิน 15 กิโลกรัมเหมือนกันทุกคนค่ะ
แต่พี่เค้าซื้อเยอะเกินไงคะ เกินน้ำหนักที่สายการบินกำหนด
ส่วนมะนาวเงินเดือนน้อยก็ซื้อแต่พอประมาณตามกำลังทรัพย์
ก็เลยน้ำหนักไม่เกินไงคะ ไม่ใช่มะนาวมีตุกติก ฮึ!ชอบมองคนในแง่ร้าย
คนเค้าเป็นคนดีย่ะ ไม่เหมือนใครบางคนหรอกนะคะ
แล้วช่างสันนิษฐานหาสาเหตุเครื่องบินตกนะเจ้าคะ
เชี่ยวชาญไปหมดทุกอย่างจิง จิ๊ง

แล้วทำไมคุณchanpanakritถึงได้รู้ข่าวซุบซิบของดาราด้วยล่ะคะ
อ่านข่าวแบบนี้ด้วยเหรอคะ แปลกใจจริงๆนะคะ
ถ้าอย่างนั้นรู้ปล่าวคะว่าอาคานิชิ จิน จะออกจากวงKAT-TUN
ไปโกอินเตอร์แล้วนะคะ แต่KAT-TUN ก็ไม่ยุบวงค่ะ
แต่จะเหลือสมาชิกอยู่แค่5คนไม่รับใครเพิ่มค่ะ
แล้วก็...ฮิ ฮิ เตรียมตัวอ่านดีๆนะเจ้าคะ ว่าใครป้ำๆเป๋อๆกันแน่
มะนาว:คุณchanpanakritได้ข่าวซีรีส์เรื่องGOLDของค่ายFuji ไหมคะ
ที่มียูกิ อามามิ แสดงนำน่ะค่ะ มะนาวอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือแล้วน่าดูมากเลยค่ะ
แถมดาราที่ร่วมแสดงด้วยก็น่าสนใจด้วยค่ะ
อย่างมาซามิ นางาซาว่า ทาคาชิ โซริมาจิ
อามามิกับโซริมาจิ ทั้งสองเคยเจอกันมาจากเรื่องBossแล้วนี่นะคะ
คุณchanpanakrit:ท่านมะนาวฯมีความเข้าใจผิดอะไรรึเปล่าครับท่าน
ซีรีย์เรื่อง Boss ไม่มีทั้งมาซามิจังและเจ้าโซริมาจิ
มาโผล่กระทบซีนสักเอะเลย
มะนาวพูดตรงไหนคะว่าเรื่องBossมีมาซามิจังมะนาวพูดว่ามี"อามามิ"ต่างหากล่ะคะ
แล้วคนดูBossไม่จบอย่าได้มาเถียงว่าไม่มีโซริมาจิค่า
ไปดูใหม่ได้เลยค่ะตอนท้ายๆน่ะมีโซริมาจิหรือเปล่า
ถ้ามีดีดมะกอกตัวเอง10ทีนะเจ้าคะ ลูกผู้ชายห้ามเบี้ยวเจ้าค่ะ

มะนาวดูเรื่องSnakes and Earrings จบแล้วล่ะค่ะ
ไม่ชอบเลยค่ะ หนังอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าหนังต้องการบอกอะไร
รู้แต่ว่าเหมือนเป็นด้านมืด เหมือนว่าคนบางคนพอค้นตัวเองเจอ
จึงได้พบว่าตัวเองชอบอะไรที่มันผิดมนุษย์มนาอย่างนั้นล่ะค่ะ
อย่างนางเอกดูภายนอกคือสวย หวาน แต่รสนิยมของเธอจริงๆ
คือชอบอะไรที่มันไม่เหมือนรูปลักษณ์ภายนอกเลยค่ะ
แล้วยูริโกะ โยชิทากะ ก็แสดงเรื่องนี้ได้เปลืองตัวมากๆเลยค่ะ
แล้วต่อไปเธอจะไปรับบทใสๆได้อีกหรือเปล่าน๊อ
แต่เรื่องนี้เธอสวยกว่าTokyo Dogs อีกค่ะ
แล้วคุณchanpanakritรู้จักเคนโกะ โคระไหมคะ
แสดงเป็นหนุ่มพั้งค์ได้น่ารักดีค่ะ
ส่วนตอนจบก็ตามสไตล์หนังญี่ปุ่นเลยค่ะคือจบมันดื้อๆอย่างนั้นแหละค่ะ
ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนึกจะจบก็จบ หรือเป็นเพราะมะนาวดูไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้นะคะ
เพราะคนที่ดูรู้เรื่องเขาคงตีความตอนจบได้มังคะ
สรุปมะนาวกลับไปดูหนังกล่องของมะนาวเหมือนเดิมดีกว่า
ถึงจะหลับบ้างดูบ้างก็ยังบันเทิงใจกว่ากันเยอะค่ะ

คุณchanpanakritเคยได้ยินหนังเรื่องKate & Leopoldบ้างหรือเปล่าคะ
มะนาวซื้อมาเพราะเห็นเป็นNominated OscarและNominated Golden Globe Awards
แต่พอดู อื้อ!หนังธรรมดามากเลยค่ะ เป็นหนังแนวRomance
ประเภทรักข้ามเวลา โดยพระเอกข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ 19
มาโผล่ที่นิวยอร์คในศตวรรษที่ 21 แล้วเจอหญิงเก่งอย่างนางเอก
แล้วก็รักกัน พระเอกก็ต้องกลับไปในโลกที่ตัวเองจากมา
นางเอกก็ต้องเลือกระหว่างหน้าที่การงานหรือหัวใจ
แต่เรื่องนี้จบแบบ happy ending ค่ะ
อ้อ!ลืมบอกไปเรื่องนี้Hugh Jackmanกับ Meg Ryanแสดงนำค่ะ

ส่วน the speed of truth และ8 habits มะนาวไม่เคยอ่านค่ะ
ของคุณchanpanakritอ่านหนังสือหลากแนวและมีสาระมากกว่ามะนาวเยอะค่ะ
ของมะนาวถ้าแนวให้ความรู้และสาระก็คงเป็นพวกJournalและวารสารทางสายวิชาชีพค่ะ
ส่วนนอกนั้นก็เป็นแนวเฮฮาสาระน้อยๆบันเทิงเยอะๆอย่างของคุณชาติ ภิรมย์กุลค่ะ
คุณchanpanakritเคยอ่านไหมคะของคุณชาติ มะนาวว่าแกมีอารมณ์ขันดีนะคะ
อย่างเล่ม"กาแฟ หมา เมีย"อ่านไปขำไป น้องหมาของแกก็ช่างกวนโอ๊ยจริงๆค่ะ
ส่วนตอนนี้เล่มล่าสุดก็"สุขใจที่ได้เที่ยว"เปิดอ่านคร่าวๆแล้วค่ะ
ก็สนุกกับสำนวนของแกเหมือนเดิมค่ะ
คุณchanpanakritได้ข่าวที่ว่าจะเกิดสึนามิที่ทะเลแถบหัวหินไหมคะ
ไม่น่าเป็นไปได้นะคะ เพราะทะเลหัวหินมันอยู่ฝั่งอ่าวไทยไม่ใช่เหรอคะ
มันไม่น่าจะเกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกนะคะ
แต่ตอนนี้อะไรก็เกิดได้ ดูอย่างแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์สิคะ
ไม่น่าจะเกิด ยังเกิดได้เลยนะคะ

เอ่อ!จะถามว่าคุณchanpanakritเขียนคำเตือนเรื่อง hotlinkไว้ใช่ไหมคะ
หรือทางพันทิปทำให้คะ เพราะจากกรณีThaiTicketMajorใช่ไหมคะ
มะนาวเห็นขึ้นเป็นกระทู้แนะนำน่ะค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.173.95.242 วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:19:38:10 น.  

 
กว่าจะรอสถานการณ์ฝนอารมณ์คลุ้มคลั่งได้ ก็แทบแย่
สงสัยจะเก็บกดมานานนะขอรับ กว่าจะเล็ดรอดกลับมาเคหะสถานได้เล่นได้แย่
ท่านมะนาวฯคงไร้ความรู้สึกร่วม เพราะเล่นกบดานอยู่ใต้หลังฝาเพดาน
วันหยุด แทบจะข้อลำดับสุดท้ายเวลาคิดในภาคการทำงานนะท่าน
มิใช่ไม่อยากใช้หรอก นะ แต่ไม่แน่ใจที่จะปล่อยงานไปโดยไม่มีเรา
โคตรสำคัญตัวเองมากเลยใช่ไหมขอรับ
แต่ขืนหยุดจริง ก็คงเอาเวลาสว่นใหญ่มาอัพบล็อกนะท่าน
แม้จะรู้ว่าหลายหัวข้อ ไม่ค่อยมีใครเสี่ยงเกียรติ์ให้การคอมเมนต์
คงด้วยฝ่อยพยางค์อักษรมากจนเกินทน และใช้ภาษาคำผิดๆถูกๆบ่อย
อย่างว่าอะน้อ เขียนมากเสียจนเกียจคร้านที่จะพิสูจน์อักษร
ช่างเป็น จขบ. ที่มักง่ายเสียจริงนะขอรับ ก็ขอบพระคุณที่ให้ความสำคัญอย่างยาวนาน
นะขอรับ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเกี่ยวเนื่องกับความเป็นซีรีย์ในคอมเมนต์ที่สามเท่าไรอะน้อ
ความจริงผู้เขียนเป็นคนมองโลกในแง่ความเป็นจริงนะขอรับ
แต่กับท่านนี้ ทำใจให้คิดอย่างนั้นไม่ได้ลงคอ ไม่งั้นชีอาจจะได้ใจจนเหลิงเถกิงทน

ข่าวซุบซิบ ความจริงแล้วไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไรนักหรอกครับ
เพียงแต่ เวลาที่ตัวเองพลาดการกระจายข่าวภาคแรก
ก็มักไปเจอะในการกระจายข่าวที่สองที่สาม และส่วนมากจะได้รับฟังจากรายการ
ชวนคิดชวนคุยในทุกวันศุกร์นะขอรับ ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่ไม่ค่อยตรวจสอบข้อมูลเท่าไรเพราะไม่ได้ให้ราคากับเรื่องอย่างนี้
ส่วนน้องจิน นี้จำได้ว่าไปอ่านในผู้จัดการออนไลน์ แต่ดูคล้ายว่า
น้องแกจะหยุดชั่วคราวแบบเงียบๆมากกว่าลาออกอย่างเป็นทางการ
น้องแกอาจปลื้มวัฒนธรรมมะกันชนมากเสียจนลืมสัญชาติการเป็นส่วนตัว


จริงเหรอที่ท่านมะนาวฯเบนประเด็นว่า กำลังผู้ถึง อามามิกับโซริมาจิ
ใน ซีรีย์ Boss จริงอะ ไหนขอตรวจก่อนสิ....เออ จริงด้วย
แหะๆ จำมาผิดๆไม่เคยถูกอีกแล้ว อามามิจริงด้วย
ก็เห็นเรียงชื่อตัวนักแสดงโดยไม่ใส่ลูกน้ำจนทำให้ผู้เขียนไขว้เขว้
อันนี้คงให้เป็นความผิดของท่านมะนาวฯไปก่อนละกัน
แบบว่า ผู้เขียนผิดมาเยอะจนต้องทำใจได้แล้ว
แล้วมีกระทาชายนายโซริมาจิด้วยเหรอ ไหนขอตรวจสอบแหล่งข้อมุลอ้างอิงก่อนสิ
ว่ามาเป็นดารารับเชิฐอะป่าว อ้าว!จริงอีกแล้วเหรอเนี่ย
เคยทำอะไรผิดสักครั้งบ้างในชีวิตไหมครับ ไม่สิต้องขอบคุณ
การกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระของผู้เขียนมากกว่าสิ
ไม่งั้น ท่านมะนาวฯไม่มีวันถูกวัน มีแต่จะเสมอตัวถ่ายเดียว
ค่อยทำให้ตัวเองดูดีขึ้นนิดนึง


แล้วอย่าไปเชื่อะนะว่า ผู้เขียนเป็นนักอ่านชั้นยอด
เพียงแต่อ่าจตามกระแสการบ้าเห่อเป็นช่วงๆ แล้วอ่านเพื่อการเอาเพลิน
มากกว่าอ่านแล้วจับใจความอะไรในแก่นได้
สมัยเรียนนั้น เวลาวิชาภาษาไทยในศาสตร์ด้านจำแก่นใจความ
ผุ้เขียนทำคะแนนตกเกณฑ์ไปทุกครั้งทุกคราว เพราะอ่านอย่างไร
ก็ไปเห็นส่วนข้ออื่นที่น่าจะเป็นแก่นกลางเสียมากกว่า แต่ทำไมทำไม๊มันถึงไม่ใช่
เลยอาจเป็นปมปัญหาในชีวิตทักษะการอ่านส่วนตัว
และส่วนนี้ก็สะท้อนในทุก ๆการจับประเด็นของท่านมะนาวฯทุกที่
ถือเป็นโฟโต้ฮันให้ท่านมะนาวฯมีให้จับผิดเล่นรายวัน
งั้นพรุ่งนี้จำต้องทำการลงโทษตัวเองสักวัน ด้วยการละเว้นการสนทนานะขอรับ
ความจริงก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่จะไปทำธุระนอกเครือข่ายคอมพิวเตอร์สักนิดหน่อย
เป็นเรื่องทางจิตวิญญาณและศิลปะนะท่าน ขืนเอาคอมไปด้วย
มีหวังจิตสมาธิธรรมคงกระเจิง ก็ท่านมะนาวฯพราวเสน่ห์ทางวาทะศิลป์ปานนั้น
อ่านทีไร ลมปราณแทบจะแตกซ่านทุกที

Snakes and Earrings ก็ยังทำพิษเข้าเส้นสมองท่านมะนาวฯอีกเรื่องด้วยเหรอครับ
ทำไงดีละ สม! ฟังแล้วพล็อกไม่น่าอาร์ตปานนั้น
แต่สนใจในการเปลืองตัวของยูริโกะจังนี้สิ ดูน่าแสวงกายกองขึ้นเยอะ
ต้องพึ่งยูทูบว่าสิ้นเปลืองแค่ไหนเเละเพียงใด
ate & Leopold นี้ชื่อเสียงก็ไม่ต่างกับ Snakes and Earrings แต่ดาราดังนะครับ
ฟังดูซึมซับง่าย เข้าสุขภาวะทางอารมณ์หลับไม่ให้พร่อยจนเกินงาม
ชาติ ภิรมกุลย์นี้ไม่เคยอ่านเลยสักเล่มครับ
ดูคล้ายว่าท่านมะนาวฯจะติดใจทีมนักเขียนสัญจรของค่ายมติชนเอาการนะครับ
เห็นแหล่งสะสมมักมาจากค่ายนี้เสมอมา
สึนามิหัวหิน คงเป้นเรื่องเล็กไปแล้วนะคับ
ถ้าท่านมะนาวฯเคยดูสารคตี 6 degrees เห็นข้อมุลส่วนนี้ สว. กรุงเทพนำไปกล่าวอ้าง
ในที่ประชุมสภาว่าด้วยเรื่องงบประมาณ ผู้เขียนว่าน่าจะเป็นปรากฎการณ์เอลติโน
เพิ่งเข้าเช็คข่าว เห็นว่าที่อ่าวญี่ปุ่นก็ปรากฎกับความอุ่นของน้ำทะเลเพิ่มขึ้นหนึ่งจุดองศา
อันนี้ถือว่าเรื่องใหญ่นะครับ มีผลต่อปรากฎการณ์ทางชีววิทยาของสิ่งมีชีวิตทุกระบบเลย


แล้วผู้เขียนไปทำอะไรกับ hotlink ละครับ
เป็น งง อีกแล้วที่ท่านมะนาวฯ่รายงานมา เพราะประเด็นสิ่งแวดล้อม
ผู้เขียนเลิกสนใจไประยะใหญ่แล้ว อย่างล่าสุดก็โม้เรื่องหนังสือปู่อลัน
ก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมสักอย่างเลย เฮ อย่างนี้จะได้สบถ
คำๆนี้ เต็มปากเต็มคำแบบหวังรอมานาน เย้ ท่านมะนาวฯ "มั่ว" เป็นสักที




โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:23:59:15 น.  

 
มะนาวไม่ได้มั่วจริงๆนะคะ มะนาวเห็นจริงๆค่ะ
ว่ามีคำเตือนเรื่อง hotlinkอยู่ในกรอบคอมเมนต์ของคุณchanpanakrit
เขียนด้วยตัวหนังสือสีแดง อยู่ใกล้ๆตัวการ์ตูนของช่องคอมเมนต์ของวันที่ 9 กันยายนน่ะค่ะ
แต่ตอนนี้มันหายไปแล้วล่ะค่ะ สงสัยคุณchanpanakritไม่ทันสังเกต จึงไม่เห็น
ฮื่อ!แปลกนะคะ อยู่ๆก็ผุดขึ้นมา อยู่ๆก็หายไป
เหมือนNetbook ของมะนาวเลยค่ะ มะนาวพิมพ์แล้วก็โพสต์โดยใช้ Notebook
แล้วส่วนมากมะนาวก็จะออกจากบล็อกและกลับเข้ามาดูใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นการrecheckน่ะค่ะ
ก็เจอว่าโพสต์ผ่าน แต่พอมะนาวมาเปิดในNetbookดู เชื่อไหมคะ
ไม่มีข้อความที่มะนาวโพสต์ปรากฏให้เห็นเลยค่ะ
มันด้วนอยู่แค่ของคุณchanpanakrit มะนาวก็ตกใจ
รีบกลับมาเปิด Notebookดูอีกที
อ้าว!ข้อความที่เม้นต์ของมะนาวก็ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหนนี่หน่า
แล้วมันอะไรกันคะ มะนาวล่ะงงจริงๆค่ะ
ไว้ตอนหลังมะนาวจะลองโพสต์ผ่านNetbook ดู
แล้วค่อยกลับมาย้อนดูในNotebookว่าข้อความที่เม้นต์จะยังอยู่หรือเปล่านะคะ
แล้วถ้าคุณchanpanakritไม่ได้ลา แล้วสะสมวันลาได้ไหมล่ะคะ
อย่างว่าล่ะนะคะ พอหน้าที่การทำงานสูงขึ้น ความรับผิดชอบก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว
แล้วเห็นไหมล่ะคะว่าType A Personalityออกฤทธิ์ซะแล้ว
ไม่ไว้ใจคนอื่นกลัวคนอื่นทำได้ไม่ดี นี้น่ะPerfectionismชัดๆเลยล่ะค่า

คุณchanpanakritได้ข่าวรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2553แล้วหรือยังคะ
ที่ว่า"ไม่มีหญิงสาวในบทกวี"ของ ซะการีย์ยา อมตยา ได้รับรางวัลนี้น่ะค่ะ
เห็นว่าเป็นการฉีกกรอบประเพณีการให้รางวัลกันเลยทีเดียวค่ะ
เพราะบอกว่า"ไม่มีหญิงสาวในบทกวี"เป็นกวีนิพนธ์ที่ไร้ซึ่งฉันทลักษณ์หรือfree verse
แต่ที่ได้เพราะกรรมการเห็นว่าเป็นกวีนิพนธ์ที่นำเสนอภาพและแนวคิด
เพื่อการดำรงและดำเนินชีวิตอย่างสันติสุข
ที่ผสมผสานวรรณศิลป์ ปรัชญา และศิลปะเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
มีเนื้อหาหลากหลายมิติ ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลไปจนถึงระดับสังคม
โดยไม่ผูกกับยุคสมัย ไม่มีพรมแดน ข้ามมิติเวลา และมิติพื้นที่
มีความลุ่มลึก และกระตุ้นให้เกิดจินตนาการและความคิดต่อยอด
แต่ที่มะนาวสงสัยคือ"ไร้ซึ่งฉันทลักษณ์"มันเป็นยังไงหรือคะ
ผู้รู้ช่วยอธิบายให้มะนาวฟังหน่อยสิคะ นะคะ นะนะ

มะนาวเพิ่งดูThree Men and a Cradleจบไปค่ะ
คุณchanpanakritรู้จักไหมคะ เป็นหนังฝรั่งเศสปี1985ค่ะ
เป็นหนังNominated Golden Globe AwardsและOscar
หนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมน่ะค่ะ
เป็นหนังที่น่ารักมากเลยค่ะ เป็นเรื่องของหนุ่มโสด3คน
ที่ต้องมารับบทพ่อจำเป็น เนื่องจากหนึ่งในสามไปไข่แล้วทิ้ง
แม่เด็กเลยแก้แค้นโดยแอบเอามาวางแหมะทิ้งไว้ให้เลี้ยงค่ะ
จนเกิดเป็นความชุลมุนวุ่นวายสำหรับคุณพ่อมือใหม่ที่แสนน่ารัก
ได้เห็นภารกิจที่ทุกคนบอกว่าสุดจะทน
ได้เห็นการยอมละทิ้งพฤติกรรมที่เคยประพฤติปฏิบัติ
ได้เห็นภาพที่แม่หนูน้อยได้เข้าไปนั่งในใจของคุณพ่อจำเป็นทั้ง3คน
เป็นหนังที่เรียกรอยยิ้ม และมีแอบน้ำตาซึมนิดๆ
เป็นหนัง Feel Goodที่น่ารักมากเรื่องหนึ่งเลยค่ะ
แล้วเรื่องนี้ก็ช่างเลือกเด็กมาแสดงได้น่ารักมากค่ะ
แก้มยุ้ย ตัวกลม น่าฟัดมากเลยค่ะ
คุณchanpanakritคงไม่ชอบเพราะแม่หนูเพิ่งตัวกระเปี๊ยก
ยังโตไม่เท่าหนูโนโซมิค่ะ

ส่วนข่าวอาคานิชิ จิน นี้นะคะ เห็นว่าค่ายจอห์นนี่ให้ลาออกไปเลยนะคะ
เพราะเห็นบอกว่าถ้าจินไม่ประสบความสำเร็จที่อเมริกาแล้วกลับมา
ทางจอห์นนี่ก็ไม่รับกลับให้เข้ามาอยู่ในวงKAT-TUNอีกแล้วนะคะ
ประเภทไปแล้วไปเลยน่ะค่ะ แต่จินก็คงตัดสินใจแล้วล่ะค่ะ มะนาวว่านะ
แล้วคุณchanpanakritรู้จักเกิร์ลแบนด์วง AKB48 หรือเปล่าคะ
ได้ข่าวว่าดังมากเลยเหรอคะ เพราะเห็นว่าหนุ่มๆชาวยุ่น
ต่างแย่งกันซื้อแผ่นรองเม้าส์ ที่เป็นรูป6สาวAKB48 จนขาดตลาดเลยล่ะค่ะ
หุ หุ มะนาวว่านะถ้าคุณchanpanakritเห็นที่รองเม้าส์คงร้องว้าว!แน่ๆค่ะ อิ อิ
แล้วมีอย่างที่ไหนคะตัวเองอ่านเองสับสนเองแล้วมาโทษคนอื่นว่าไม่ใส่ลูกน้ำ
แถมมีการพูดให้ตัวเองดูดีอีกต่างหาก เชื่อแล้วค่ะว่าคุณท่านโมเมชั้นยอดเจงๆ
ตอนนี้คุณchanpanakritรู้สึกแสบๆสีข้างบ้างหรือเปล่าคะ
เพราะมันคงถลอกไปหมดแล้วกระมังคะ ฮิ ฮิ
แล้วแหมพอรู้ว่ายูริโกะ มีฉากเปลืองตัว ตาโตเชียวนะคะ
นีเหรอคนจะไปทำจิตสมาธิธรรม จะสำเร็จเร้อ

ดีจังเลยนะคะมีไปทำจิตอาสาด้วย
มะนาวเดาเอาจากที่บอกว่าไปทำธุระทางจิตวิญญาณและศิลปะ
เลยคิดว่าคงจะมีการรวมกลุ่มกันไปทำจิตอาสาให้วัดวาอารามน่ะค่ะ
คงจะได้กุศลกันโดยถ้วนทั่วนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.3.232 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:20:53:19 น.  

 
อะไรทำให้ท่านมะนาวฯคิดว่าผู้เขียนแสวงโมกขธรรมเช่นนั้นละขอรับ
สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอด ต้องกลับมานั่งขัดสมาดหน้าคอมเช่นเคย
คงมีท่านมะนาวฯเป็นกิเลสชนิดตายรัง ที่ทำให้สมาธิเพ่งจิตพิจารณาได้ไม่ถึงไหน
แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะฝนขัดศรัทธามันช่างกระหน่ำซะ.....
ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ว่าน้ำจากฟ้านอกจากจะทำให้รถราติดขนัดแล้ว
ยังทำให้คนบางคนอยู่ติดที่ เคยได้ยินเรื่องฝนโบกขพรรษ ในสมัยที่พระพุทธเจ้า
เสด็จโปรดพุทธบิดา และพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ แต่เจอะฝนกรุงเทพ
มีแต่ขัดปสาทะธรรมเอาเหลือหลาย เซ็งชะมัดป้าดเลย

เข้าใจแล้วละ เรื่อง hotlink จริงๆแล้วเป็นความต้องการโชว์ภูมิอวดลิงค์
เพราะท่านมะนาวกำลังสาธยายเรื่องซีรีย์ Gold
ผู้เขียนก็เลยกะเอาใจธรรมญาติซีรีย์ ด้วยการไปอาศัยลิงค์ที่อยู่ที่เรียกว่า
location link จากหน้าเว็บ d-addict แต่เข้าใจว่า
ทางเว็บคงวางรหัสโค้ดส์ป้องกันการลิงค์ภาพ ผลที่ได้ก็เลยโชว์ประจานหล้า
ประมาณว่า ถ้าอยากเห็นภาพจะๆตา ก็ช่วยมาดูหน้าเว็บฉันเสียโดยดี
ดังนั้น ก็ไม่มีอะไรในก้อไผ่ ท่านมะนาวฯยังไม่เสียเครดิตค่ามั่ว
ผลกรรมอันนี้ ก็ตกมาสู่ตัวผู้เขียนอีกวาระหนึ่งซึ่งทุกวันอีกแล้ว


ท่านมะนาวฯใช้เน็คบุ๊ค รู้สึกถึงความลำบากลำบนใจในการพิมพ์ไหมขอรับ
นอกจากปุ่มที่เล็กจนไม่อาจริพิเรนด้วยการนำหัวแม่เท้ามาช่วยพิมพ์ได้แล้ว
เจ้า touch pad ตัวดีดันมาชิดกับสันฝ่ามือ ทำให้เผลอไปแตะโดนด้วยความ
ไม่ตั้งใจ ทำให้ช่องพิมพ์มักเลื่อนไปโน้นมานี้อยู่เสมอ ไม่ทราบว่า
ท่านมะนาวฯมีทางแก้ในแบบเฉพาะตนบ้างรึเปล่า
อันนี้ไม่ต้องเอาสรีระไหล่ห่อเรียบเปลี้ยเป็นตัวได้เปรียบมาอธิบายนะครับ
ก็ผู้เขียนดันเกิดมาปกติแบบทารกชนเขากำเนิดกัน ถ้ารุ้ว่าเกิดแบบเเปลก
แล้วทำให้พิมพ์เน็ตบุ๊คได้คล่อง ก็อยากลองฝืนธรรมชาติดูบ้าง
เพราะงานนี้ แม้แต่ Type A Personality ก็ไม่อาจร่วมช่วยเชื้อเลือดเดียวกันได้อะน้อ

Three Men and a Cradle พล็อกเรื่องนี้คุ้นมาก
แต่จริงๆมันน่าชื่อ three men and a baby มากกว่านะขอรับ (เย้ มั่วแล้ว)
เพราะเรื่องนี้ roger ebert นักวิจารณ์โลกประทานปลื้มเอามากๆ
และรู้รึเปล่าว่า สมัยรายการสี่ทุ่มสแควร์ช่องเจ็ด เขานำภาพแว้บที่มีผีจริงๆโผล่
ติดเข้ามาในฉากด้วยอะ ว่าแล้วหาให้สยองกล้าวเล่นๆดีกว่า
ไม่รู้ท่านมะนาวฯจะจำฉากแว้บนี้ได้อะป่าว
เข้าใจว่า ผู้เขียนเคยชมสมัย big cinema นำมาฉายแบบภาคไทย



แต่มันก็เป็นหนังหลายปีมากโขแล้ว เป็นหนังคอเมดี้ตลกร้าย
ที่อยู่ๆ ผู้ชายเหลาเย๋ ก็มาทราบอีกทีว่าตัวเองเป็นพ่อของเด็ก
ที่ใครไม่รู้นำมาวางไว้ที่หน้าบ้าน ตอนแรกก็ทำท่าว่าจะเอาไปโยนทิ้ง
แต่ไปๆมาๆ ด้วยความรักและผูกพันกับเจ้าหนูน้อย (เพศหญิงช่ายป่าว)
จนในที่สุด ตอนท้ายเรื่องก็มาเฉลย แล้วทั้งสองก็เต็มใจที่จะเป็นพ่อบุญธรรม
โดยไม่สืบสาวว่าจริงๆแล้วในสายเลือดที่แท้จริงใครคือพ่อของเด็ก
ใช่ตามที่ความทรงจำอันค่อนแคะ ต้องแงะเอามาระบายอย่างบที่ว่าอะป่าว
แต่คิดว่าใช่แหละ ถ้าไม่งั้นแล้ว ผู้เขียนก็อาจชมในภาครีเมกฮอลีวู้ดเอามาสร้างก็เป็นได้
เป็นหนังที่สนุกดี ดูจนจบแบบไม่รู้อะไรเลยมากอ่น เป็นหนังฝรั่งเศสหรอกเหรอเนี่ย
ไง มันดูง่ายไม่มีเค้ากลิ่นหอไอเฟลและขนมปังครัวซองเอาเลย


AKB48 เพิ่งไปเห็นปกอัลบั้นที่เซ็นทรัลลาดพร้าวมา
เดี๋ยวนี้มีวงหญิงครบทีมอภินิหารย์มากมายหลายทีมเลยนะขอรับ
จำชื่อวงไม่ค่อยจะได้ แต่จำหน้างามๆเรียวๆคมๆ ได้ถนัดตา
แต่ดูเหมือนว่าจะมาแนวไม่พังค์แบล็ก ก็แอ็บใสกันไปข้างหนึ่งเลย
ไม่ค่อยได้เดินแวะแผงซีดีบ่อย มาอีกทีก็เเปลกใจ
ปกติจะมีเซกชั่นไม่ไทย ก็ตะวันตกเป็นโซนทิวเขายาวเรียงเป็นตับนับเป็นลำไส้
แต่บัดนี้ เจอะตับแผงวงเกาหลียาวเป็นปาน แต่ทว่าจะมีแต่วงเต้นทั้งหมด
ไม่เห็นประเภทมือถือกีต้าร์ เท้าเหยียบกลองเอาสักเลย
อย่างนี้เรียกว่า ขายหน้าเอาซึ้งกันไปอะป่าว เห็นแล้วอยากจะซาราเยโยเหลือเกิน


แล้วเฉลยเลยนะครับว่า จิตอาสาแบบธรรมะและศิลปศาสตร์
ไม่ได้มีกลุ่มมีก๊วน แบบที่แบกเป๋าเข้าตาชั่งแบบกรุ๊ปมะนาวฯหลั๊นลาหรอกครับ
ลืมคอนเซ็ปต์หัวเดียวกระเทียมหลีบไปแล้วเหอรครับ
ผู้เขียนมันเป็นคนที่มีบล็อกไว้หนาว มีท่านมะนาวฯเป็นเพื่อน
ดังนั้น วันนี้ที่จริงต้องการหาหนังสือเล่มต่อไปเพื่อแทนที่ age of turbulence
ต่างหากละครับ เวลาผู้เขียนเข้าซื้อหนังสือสักเล่ม ก็เล่นเอาทั้งวันนะจะบอกให้
ไปแว้บๆแตะๆ มาหลายเล่ม ได้ dears undercover economic
globlization and distence และ Power Ambition Glory
แต่ทั้งหมดนี้แปลไทยนะครับ ไม่อาจเอื้อมไปแตะภาษานอกเขา
เพียงแต่เวลาจำชื่อภาษาต้นฉบับได้ มันง่ายต่อการหาข้อมูลเเบบกลางๆที่ชาวโลกเขารู้กัน
(งั้นพรุ่งนี้ หยุดอัพบล็อกซีรีย์อีกสัปดาห์ ด้วยอารมณ์เห่อหนังสือใหม่)
หนังสือธรรมะก็น่าซื้อเยอะใช่ได้ สงสัยพระท่านจะว่างหลังจากเข้าพรรษากัน
แต่ที่น่าแปลกใจที่ว่า ทำไมไม่เห็นหนังสือรางวัลซีไรต์ ที่ชื่อ ไม่มีหญิงสาวในบทกวี
ของ ซะการีย์ยา อมตยา สงสัยเรียกเก็บคลังสินค้าเก่า เอาไปตีตราปั้มซีไรต์มั้ง
ก็ระคนใจในไร้ฉันทลักษณ์แบบที่ท่านมะนาวว่าเหมือนกันแหละ
กลัวจะเป็นอารมณ์คล้ายๆ กับ งานของปราบดา หยุ่น ในอุทุกภัยในดวงตา
เพราะว่ากันด้วยข้อพร่องของฉันทลักษณ์ ที่กลายเป็นจุดเด่นเสียได้
ต้องขอไปฟังรายการโลกหนังสือทาง คลื่น fm 105 ด้วยในทุกๆรางวัลซีไรต์
จะมีช่วงพิเศษในการสร้างไฮไลต์เต็มเวลาช่วงให้กับหนังสือที่ได้รางวัลนี้นะท่าน


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:22:52:42 น.  

 
ก็ไม่รู้นี่คะ มะนาวมีความรู้สึกเหมือนคุณchanpanakritอยู่ใกล้วัดอย่างนั้นล่ะค่ะ
ก็เห็นถามมะนาวอยู่เรื่อยว่าเข้าวัดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
อ่านหนังสือธรรมะอะไรบ้าง มะนาวก็เลยนึกว่าคุณchanpanakrit
เป็นพวกธรรมะธรรมโม นะสิคะ(แต่พฤติกรรมไม่เห็นเข้าข่ายเลยเน๊อะ)
มะนาวไปอ่านข่าวเจอว่า เขามีจัดนิทรรศการชุด"พุทธศิลป์ในจินตนาการ"
ขึ้นที่ศูนย์การค้าโอพีการ์เด้นซอยเจริญกรุง36 ในวันที่11-19ก.ย.นี้ค่ะ
มะนาวยังกะว่าจะเอาข่าวมาฝากเลยค่ะ เพราะคิดว่าคุณchanpanakritคงจะสนใจน่ะค่ะ
ที่แท้เป็นมะนาวเข้าใจผิดไปเอง เพราะการเล่นคำของคุณchanpanakritแต้ๆ ร้ายจริงๆหลวงตาคนนี้
แล้วคุณchanpanakritชอบดูหรือเปล่าคะพวกนิทรรศการภาพเขียนนี้น่ะค่ะ
มะนาวไม่เคยไปดูหรอกนะคะ แต่เวลามะนาวไปB2S
มะนาวชอบไปดูหนังสือที่ลงภาพเขียนของศิลปินดังๆอย่างของMonet
มะนาวชอบมากเลยค่ะ มะนาวว่ามันสวยคลาสสิคดีค่ะ
แล้วคุณchanpanakritล่ะคะ ชอบภาพเขียนของศิลปินคนไหนบ้างคะ

อย่างที่มะนาวบอกล่ะค่ะว่าตอนนี้hotlinkกำลังเป็นประเด็นร้อนในพันทิป
จากกรณีที่ThaiTicketMajorไปทำไม่ดีไว้น่ะค่ะ
มะนาวเลยนึกว่าคุณchanpanakritทำคำเตือนไว้บ้างน่ะค่ะ
แม้จะอ่านข้อความแล้วแปลกๆว่าเหมือนจะถูกเตือนมากกว่า
แต่ไปคิดในแง่คุณchanpanakritวาดการ์ตูนไงคะ
อาจถูกคนอื่นเอาภาพไปใช้โดยไม่ขออนุญาตน่ะค่ะ
ที่แท้คุณchanpanakritจะไปลิงค์ภาพเรื่อง Gold มาให้มะนาวดูเหรอคะ
เลยถูกต่อว่าเลย แหะ แหะ ไม่เป็นไรนะคะ เรารู้กันอยู่สองคนนะคะ
ตอนนี้เขาก็ลบทิ้งไปแล้ว ต่อไปคุณchanpanakritแปะลิงค์ให้มะนาวไปดูเองก็ได้ค่ะ
แล้วพูดจริงเหรอคะที่บอกว่าใช้หัวแม่เท้ามาช่วยพิมพ์ด้วย
มีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอคะ สุดยอด
ส่วนเรื่องNetbookมะนาวไม่มีปัญหาเรื่องtouchpadค่ะ
เพราะ แหะ แหะไม่ได้ใช้เลยค่ะ มะนาวใช้เม้าส์อย่างเดียวค่ะ
คือมะนาวใช้touchpadไม่ถนัดน่ะค่ะ ก็เลยเลือกใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้นค่ะ
คุณchanpanakritไม่ใช้เม้าส์ล่ะคะ จะได้ไม่มีปัญหา
ตอนนี้เม้าส์ก็มีแบบไร้สายด้วยแล้วไงคะ สะดวกออกค่ะ
แล้วใครเขาไหล่ห่อกันยะ คนเขาแค่ไหล่ลาดเท่านั้นเองค่า
ฮึ!ชอบว่าคนอื่น ตัวเองปกติดีนักแล นิ้วเท้ามีครบ10นิ้วดีเหรอคะ เชอะ

หนังที่มะนาวดูชื่อThree Men and a Cradle ชัวร์100%ค่ะ
หน้าปกDVDเขียนออกชัดเป้งๆแบบนั้นไม่มีทางอ่านผิดแน่นอนค่ะ
แล้วมันเป็นหนังฝรั่งเศสนะคะ ไม่ใช่หนังฮอลลีวูดซะหน่อย
คลิปที่แปะให้ดูดาราก็ไม่ใช่ เด็กก็ไม่ใช่ของมะนาวน่ารักกว่าเยอะค่ะ
แต่จงใจแปะให้ดู Ghost Boyใช่ไหมคะ เหมือนเด็กเอเชียนะคะ
แล้วผลสรุปว่าไงคะ เป็นผีเด็กจริงๆหรือเปล่าคะ
คงอยากมาเข้าฉากด้วยมังคะ หรือไม่ก็คงอยากมาดูกองถ่ายนะคะ
ส่วนThree Men and a Baby มะนาวรู้แล้วค่ะมันเป็นหนังอเมริกันสร้างปี 1987
สร้างหลังThree Men and a Cradle 2ปี
เพราะThree Men and a Cradleสร้างปี1985ค่ะ
เพราะฉะนั้นของมะนาว original นะเจ้าค่ะ
และมะนาวไม่ได้มั่วนะคะ เพราะฉะนั้นรู้แล้วใช่ไหมคะว่าใครมั่ว
ยอมรับมาซะดีๆค่ะ โทษจะได้เบาลงค่ะ

เอ่อ!คุณchanpanakritสะสมหุ่นกันดั้มบ้างหรือเปล่าคะ
มะนาวได้อ่านข่าวหนุ่มยุ่นเขาเผาบ้านตัวเอง
เพราะโกรธที่แม่เอาหุ่นกันดั้มสุดรักไปทิ้ง
มะนาวอ่านข่าวแล้ว ได้แต่ปลงว่าตาหนุ่มคนนี้เป็นเอามาก
แต่ความรู้สึกของเขากับหุ่นกันดั้มก็คือเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้ที่อยู่กับเขามานานค่ะ
แล้วแบบนี้เขาเรียกโอตากุหรือเปล่าคะ
จะว่าไปแล้วเรื่องDensha Otoko ไม่เห็นมีใครเขียนเลยนะคะ
แต่มะนาวว่ามะนาวหเมือนได้อ่านที่คุณต่อพงษ์เขียนนะคะ
คุณchanpanakritเคยได้ยินคุณต่อพงษ์คุยกับอ.สุวินัยบ้างหรือเปล่าคะ
แล้วคุณchanpanakritเคยอ่านDaddy'Diaryไหมคะที่พ่อเมฆเขียนน่ะค่ะ
รู้สึกว่าพ่อเมฆจะเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์หนังสือสำหรับเด็กด้วยนะคะ
มะนาวชอบอ่านมากเลยค่ะ พ่อเมฆเขียนได้น่าอ่าน และมีคำแนะนำที่ดีๆค่ะ
วันนี้มะนาวได้หนังสือใหม่มาอีกเล่มหนึ่งค่ะเรื่อง"ศานตินิเกตันอินเดียใต้ต้นไม้"ค่ะ
เป็นเหมือนอีกเรื่องหนึ่งที่เราไม่เคยรู้ของอินเดียค่ะ
มะนาวเห็นว่าน่าสนใจดี เลยลองซื้อมาอ่านดูค่ะ
และมะนาวก็ไม่เห็นหนังสือ"ไม่มีหญิงสาวในบทกวี"ที่ซีเอ็ดเหมือนกันค่ะ
สงสัยจะเก็บไปทำปกสวยๆมังคะ
ว่าจะไปยืนเปิดอ่านหน่อย อดเลยค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 118.173.68.53 วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:16:35:45 น.  

 
เจ็บใจอีกตามเคย ที่ไม่อาจทำให้ท่านมะนาวฯออกรู้มั่วตัวดีแบบคุณผูุ้เขียนได้
ถ้าสำนวนท่านว่า พลั้งผิดเป็นครู ท่านมะนาวฯก็คงเป็นศิษย์ที่ไร้อาจารย์
หาฝึกวรยุทธ์จากความดีงามที่ถูกต้อง ไม่เหมือนกับผู้เขียน
คงตั้งโรงเรียนประจำอำเภอย่อมๆได้แห่งหนึ่ง ก็ไปค้นหาในยูทูบแล้ว
มันไม่โผล่ขึ้นมาปรากฎสักคลิป ผู้เขียนก็อุตสาห์ดีใจสุดปลื้มว่าได้กำราบท่านมะนาวฯ
ได้สักเม็ดนึงก็ยังดี ปรากฎว่าไม่ใช่อีกตามเคย แสดงว่า three Men and a Baby
กลายเป็นหนังรีเมกอีกชิ้นที่ฮอลีวู้ดนำไปจัดสร้าง และทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
ทำไมไม่หาหนังอินเทรนด์เเบบต่อกันติดบ้างอะน้อ
ทำเอาผู้เขียนไปไม่ถูกอีกเรื่อง ได้แค่ข้างๆคูๆ จนรอบเอวลดไปตั้งหนึ่งนิ้วก้อยกับเล็บมือนาง


ธรรมะธัมโมไปตามสภาพนะท่าน
ยกขึ้นทีไร มันได้ภาพความเป็นพระ แม้จะไม่ถึงขั้นพระเอกก็เหอะ
แต่อ่านแล้วมันดี เพราะมันแทงถูกใจดำใครทุกๆคนที่ยังเป็นมนุษย์ผู้มีกิเลส
เข้ากับความสันโดษปลีกวิเวกของตัวผู้เขียนดีจริงๆเลย
อย่างน้อย ถ้าคนฝั่งตรงข้ามปรี๊ดแตกเมื่อใด เราก็ยังพอมีเครื่องมือเอาไว้ขมเขาได้
ความจริง มีนักวิทยาศาสตร์ไทยหลายๆคน สนใจพุทธศาสนาเยอะมากเลยนะขอรับ
อย่าง อ.อาจอง อย่างนี้ อ. ประเวศ อย่างงี้ และดร.อะไรที่ที่นามสกุล ภาวิไล
ที่สำคัญไม่ใช่เข้าใจธรรมดานะขอรับ เข้าใจชนิดกระจ่างแจ้ง
แล้วยังเอาไปลิงค์กับหลักวิทยาศาสตร์ได้อย่างเห็นภาพออกรส
แต่ดูเหมือนเด็กสายวิทย์บางคน จะเห็นเป็นยาเบื่ออยู่แคร่
ดีเลยอย่างงี้ ต้องมั่นวางยาวันละนิด ให้จิตเกิดอุเบกขาธรรมเสียบ้าง
ขนาดการ์ตูนธรรมะ ก็ไม่ค่อยเห็นท่านมะนาวฯผลุบๆโผล่ๆแวะไปบ้าง
แต่ไม่เป้นไร เดี๋ยวจะแอบใส่วรรคธรรมไปกับซีรีย์ญี่ปุ่นซะบ้่างแล้วกัน
เมื่อก่อนทำบ่อยนะ แต่ระยะนี้ดูจะห่างหายไป ต้องฟื้นฟู่กลับมาใหม่เสียบ้างแล้วละ


ผู้เขียนคงมีดีเอ็นเอน้ำมันจักรของโดเรมอน
เลยทำให้อะไรที่ฟังดู เมาส์ๆหนูๆ แล้วรู้สึกใช้งานอย่างไม่สบายใจ
กล่าวง่ายๆ เลยคือ ไม่ถนัดเอาเสียเลย มันคล้ายกับเรากำลังคลำหางเครื่องคอมพิวเตอร์
ขยะแขยงอย่างไรชอบกล ขนาดปลั๊กไฟที่เป็นแหล่งพลังงาน
ยังต้องจัดวางไม่ให้เห็นอยู่คาตา ยาวๆยื่นๆ เวลาใช้งานคอมแล้วขัดใจชอบกล
ไม่รู้ตัว วัยเด็กไปเจอ passion อะไรแรงรุน เลยทำให้โตมามีพฤติกรรมประหลาดนิดหน่อย
ถ้าท่านมะนาวฯไว้ขนจมูก ก็มั่นตัดเล็มเสียบางนะครับ
ผู้เขียนไม่ชอบเอาเสียเลย แล้วเอาหัวแม่คุณเท้าขึ้นมาพิมพ์อันนี้นานๆทีครับ
เวลาหมั่นไส้เอาคนอีกฝ่ายไม่ลง แล้วขยายฐานความผิดเอาคนอีกฝ่ายให้หลาบจำ
ใช้ตรรกะไม่ได้ ก็ใช้แม่โป้งบันดาลโทสะซะเลย แก้ตัวไม่ได้ แต่แก้ขุ่นมัวไปได้เปลาะหนึ่ง


กัมดั๊มตัวน้อย ถึงขั้นเผาบ้านเลยเหรอครับ
เวลาพูดถึงกันดั๊ม นึกได้สองอย่าง คือ พวกโอตากุ กับ กับตันเกโรโระ
โอตากุนี้ เราคงคิดตรงกันนะขอรับ แต่เกโระโระคราวก่อนกล่าวนิดหน่อย
แล้วท่านมะนาวก็ลิงค์ติด แสดงว่าคงเคยผ่านตา เพราะเจ้าเกโรโระ
มันเป็นมนุษย์อวกาศหน้ากบ ที่มีแผนการยึดครองโลก
แต่ทว่าดันไปปลื้มหุ่นกันดั๊มเอามากๆ ก็เลยคิดหาหนทางที่จะครองโลก
และยึดของเล่นชิ้นนี่เป็นสมบัติอาณานิคม วันเสาร์ก็เพิ่งไปแวะแผนกของเล่น
ไปจับไปต้อง หุ่มพลาสติกจำลองเจ้ากันดั๊ม
ท่านมะนาวฯรู้รึเปล่าว่า กันดั๊มซูส f 91 กล่องขนาดเท่ากล่องโน็ตบุ๊คตัวราคา
ตั้งเก้าพันหก แม้จะลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็เหอะ ส่วนขนาดตัวย่อมๆ
จะธรรมะหรืออธรรมะก็เหอะ ตัวราคาสองพันขึ้นทั้งน่าน
แต่หน้ากล่องเขาจัดทำได้น่าซื้อมากเลย สมัยก่อนหุ่นเร่ขายตามรถถีบตัวไม่กี่สิบ
แต่เข้าใจว่านี้เป็นโมเดลสะสม ขนาดหุ่นอีวาเกเลี่ยนตัวผอมกระโร่
ตัวเป็นพันห้าพันหก เข้าใจว่าส่วนใหญ่ที่ซื้อน่าจะเป็นวัยผู้ใหญ่ที่คลั่งไคล้สืบเนื่องจากวัยเด็ก
เพื่อนผู้เขียนอยู่คนหนึ่ง ก็บ้าสะสมเจ้าหุ่นพวกนี้ มันว่าบางรุ่นเป็นลิมิเต็ด
จำต้องซื้อคว้ามาก่อน แล้วค่อยปล่อยขายในราคาแพง
มันก็มีความรู้สึกของมันอยู๋นะ ได้แกะมาต่อมาขัดมาเกลา
บางทีก็ขายต่อได้ หลายทีก้ปล่อยของลำบากเพราะไม่มีใครกล้าซื้อ
ขายขาดทุนไปก็มี เข้าเอาเองว่า คงเป้นความสุขจากตอนได้เห็น
ได้แวะผ่าน ทำการบ้าน ต่อราคา และหาเงินเพื่อซื้อหา
สักพักปุบก็หายอยาก ทีนี้ละก็อยากจะปล่อยของ คงเป็นอารมณ์เห่อของใหม่น้อท่าน
ไม่ทราบว่ามีผลวิจัยความบ้าเห่อของนักช้อปบางอะป่าวเอ่ย ชักอย่ากรู้จริง
เคยอ่านงานเรื่อง why we buy ก็เข้าใจได้ประมาณนึง
แต่นั้นเป็นแบบแผนพฤติกรรมพวกฝรั่ง แต่อยากรู้หัวจิตหัวใจไทยๆบาง


ส่วนหนังสือที่ท่านหยิบยกมา ขอบายนะครับ
เพราะไม่คุ้นชิน เอาไว้แวะผ่านร้านหนังสืออาจจะสะกิดใจ เอะท่านมะนาวฯเคยว่าไว้
แตะๆลูบๆเอาศิริมงคลเข้าตัว แล้วเอาหนังสือวางไว้ทีเดิม
อืม ไปหาประวัตินักเขียนซีไรต์ ซะการีย์ยา อมตยา ตกลงแกเป็นผู้ชายเหรอครับ
คิดไปต่างเพศเชียว แต่เป็นรางวัลที่มอบให้ในสาขากวี ที่ผู้เขียนไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร
ก้ตามสูตรนะครับ ว่าด้วยเรื่องสามจังหวัดชายแดนและสันติภาพ
ต้องแข่งขันผู้ปรับอย่าง 1.ฉันอยากร้องเพลงสักเพลง ของ ศิริวร แก้วกาญจน์
2.เดินตามรอย ของ วันเนาว์ ยูเด็น 3.ในความไหวนิ่งงัน ของ นายทิวา
4.เมืองในแสงแดด ของ โกสินทร์ ขาวงาม 5.ไม่มีหญิงสาวในบทกวี ของ ซะการีย์ยา อมตยา
และ6.รูปฉายลายชีพ ของ โชคชัย บัณทิต’
ความจริงแอบเชียร์ วันเนาว์ ยูเด็น นะท่าน เพราะเป็นอาจารรย์กลอนสมัยผุ้เขียนลงเรียน
แต่นั้นอาจารย์เขาสายฉันทลักษณ์เข้มงวด ก็เลยต้องตกรอบไปอีกปี
คณะกรรมการให้คะแนนเอกฉันท์เสียด้วยสิ ท่านมะนาวฯรู้อะป่าว
ว่าเขานะเป็นถึง เว็บมาสเตอร์ครับ ไม่ธรรมดาจริงๆเลย มืใช่นักจิตวิญญาณจากเขาลูกไหน
ตั้งชมรมนักประพันธ์เชิงกลอน ที่ชื่อ //www.thaipoetsociety.com
ว่างๆก็ลองไปวางกลอนสดแดงหน้าชั้น สักบทสองบท เพื่อจะได้เพื่อนวรรณกรรมไปชิงสายรางวัลนะเออ


วันนี้ทั้งวันไม่ได้ทำการอะไร นอกจากหน้าคอมอีกแล้วละท่าน
บังเอิญว่า ใน facebook นี้มีประเภทเปิดยูสเซอร์ตั้งเป็นกลุ่มแก็งค์ชมรมกันบานเปรอะ
ปกติ ผู้เขียนก็เห็นแต่ขายปถุชนระดับปัจเจกหัวโดด ตากลม คอเอียง ปากบวมข้าง ชูสองนิ้ว
แต่ไม่ยักรู้เลยว่า มีประเภทตั้งชมรมขาประจำกับเขาด้วย
ซึ่งส่วนตัวคิดว่าดีนะครับ เพราะอย่างน้อยๆ ในยูสเซอร์นั้นๆ ก็มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูล ภาพถ่าย และทัศนคติ จากเหล่าเซียนเทพทั้งหลาย
มีทั้งชมรมฟุตบอล นักดูหนัง หนอนหนังสือ แฟนคลับอาจารย์เสก ศิษย์เก่าโรงเรียน
ดีจังมากมายๆ ไล่อ่านกับไม่รู้เบื่อเลย อืมที่ท่านมะนาวฯถามว่าผู้เขียนชอบนักศิลป์คนไหนมากที่สุด
คงไม่ค่อยมีตายตัวนะครับ ดูได้เรือ่ยๆทุกแนว แต่จะขยาดพวกอิมเพสชั่นนิส ป็อปอาร์ต
และเซอร์เรียล เกลียดมากๆก็พวกโพสต์โมเดริ์นนี้แหละ โดยเฉพาะปีกัสโซ
ถ้าให้ฟรีก็เอา แต่จะเอาไปขาย แล้วนำเงินนั้นไปซื้องานสะสมของอ.โทริยามา อากิร่าดีกว่า
คนนี้พี่ปลื้ม พี่ขอเถอะ ไหว้ละ



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:21:23:14 น.  

 
มีการไป recheck ด้วยเหรอคะ ร้ายนะคะ
แล้วเป็นไงคะ ก็เพลี่ยงพล้ำอีกจนได้ กะจะให้มะนาวเพลี่ยงพล้ำเหรอคะ
เอาตอนไหนดีน๊า ตอนน้ำท่วมหลังเป็ดดีไหมคะฮิ ฮิ
ก็ได้ค่ะเอาหนังอินเทรนด์ก็ได้ค่ะ ตอนนี้กระแสเกาหลีกำลังมาแรงใช่ไหมคะ
งั้นมะนาวจะดูเรื่องTreeless Mountain ที่เป็นเรื่องเด็กหญิงตัวน้อย2คน
ที่แม่จะไปตามหาพ่อ จึงเอาแม่หนูทั้งสองไปฝากไว้กับป้าซึ่งเป็นพี่สาวพ่อ
พร้อมกับให้กระปุกออมสินรูปหมูไว้
แล้วบอกว่าถ้าหยอดเหรียญเต็มกระปุกเมื่อไหร่แม่จะกลับมา
เด็กๆก็อยู่กับป้าอย่างไม่มีความสุขหรอกค่ะ
เพราะป้าก็ไม่ได้รักหรือว่าเอาใจใส่สักเท่าไหร่
มะนาวเพิ่งดูได้แค่นี้เองค่ะ เพราะเมื่อวานไปธุระเกือบทั้งวัน
(หาของกิน กับซื้อขนมที่ออกใหม่ และจะบอกว่าขนมอร่อยมากๆเลยค่ะ)
ตอนค่ำๆก็ต้องไปงานศพกับที่บ้านอีกค่ะ ก็เลยได้ดูด้วนอยู่แค่นั้นเองค่ะ
คืนนี้ว่าจะดูต่อให้จบค่ะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่งนะคะ

ส่วนกัลยาณตูนธรรมใครบอกว่ามะนาวไม่ได้แวะเข้าไปดูคะ
มะนาวแวะไปนะค่า เพียงแต่ไม่ได้เม้นต์เท่านั้นเองค่า
มะนาวเข้าไปดูเฉยๆค่า ดูสิมากล่าวหากันอีกแล้วนะเจ้าคะ
ในเมื่อคุณchanpanakrit พูดเรื่องนี้ขึ้นมา มะนาวขอถามหน่อยสิคะ
ว่าคุณchanpanakrit ใช้เวลากี่ชั่วโมงคะ ในการวาดการ์ตูนแต่ละเรื่อง
เพราะบางครั้งมะนาวเห็นวันเดียวโพสต์ตั้ง2เรื่องน่ะค่ะ
แต่ตัวหนังสือเล็กๆที่เหมือนจะอธิบายคำพูดของตัวการ์ตูนอีกที
มะนาวว่าตัวมันจางมากเลยนะคะ มะนาวมองแทบไม่เห็น อ่านไม่รู้เรื่องเลยค่ะ
หรือว่าของคุณchanpanakrit มองเห็นชัดดีคะ
แล้วที่วาดการ์ตูนธรรมน่ะน๊า
มะนาวว่าทั้งหมดทั้งปวงสนองneedคุณchanpanakrit ล้วนๆเลยค่า
อยากแนะนำสั่งสอนคน แต่ไม่อยากเจอหน้าคน
แล้วถ้าไม่มี Social Network นี้คุณchanpanakrit จะทำยังไงคะ
มะนาวว่านะคุณchanpanakrit ต้องลงแดงแน่ๆเลยค่ะ เพราะว่ามีแววอย่างนั้น
อย่างของอ.อาจองนี้นะคะ
มะนาวเคยอ่านท่านให้สัมภาษณ์
เรื่องท่านไปทำงานกับโครงการยานอวกาศขององค์การนาซา
แล้วท่านใช้เรื่องสมาธิเข้าไปช่วยในการทำงานจนสำเร็จ
แล้วอย่างตอนที่ท่านเรียนปริญญาเอกก็ดูเหมือนว่า
อาจารย์ที่ปรึกษาจะยอมรับว่าลูกศิษย์เก่งกว่าตัวเองนะคะ
สงสัยอาจารย์เป็นคนเก่ง เพราะเป็นคนมีสมาธิดีแน่ๆเลยนะคะ มะนาวว่านะ
แล้วมะนาวว่าท่านเป็นคนดีด้วยนะคะ เพราะท่านมีความคิดในการช่วยเหลือสังคม
ท่านถึงได้ไปตั้งโรงเรียนสัตยาไส ที่จ.ลพบุรี เพื่อสอนให้เด็กเป็นคนดีใช่ไหมคะ
แล้วจริงเหรอที่บอกว่ามะนาวไม่มีอุเบกขาธรรม ดูจากตรงไหนอ่ะคะ
คือ แหะ แหะ ไม่สันทัดค่ะ หลวงตาบอกข้าเจ้าจั๊กหน่อยสิเจ้าคะ

แล้วคุณchanpanakrit ไม่ชอบอะไรที่ยื่นๆยาวๆเหรอคะ
ตอนเด็กๆเคยถูกหลอกว่าเชือกเป็นงูหรือเปล่าคะ เลยฝังใจ
แต่ไม่ถึงขั้นPhobia ใช่ไหมคะ
แล้วอย่างนั้นทำยังไงกับขนจุ๊กกรูแร้ล่ะคะ มันก็ยื่นๆยาวๆเหมือนกัน
อย่าบอกนะว่าเกลี้ยงเกลา ประเภทไปโฆษณาจุ๊กกรูแร้ขาวกับเขาได้ด้วย
แล้วเมาส์ตอนนี้นะคะเขาไม่มีสายแล้วล่ะค่ะ
ขนาดมะนาวโลว์เทคนะคะ ยังใช้เมาส์แบบไร้สายเลยค่ะ
มันก็แค่เหมือนที่ทับกระดาษเท่านั้นเองค่ะ
หรือว่าที่ทับกระดาษก็ไม่ชอบอีกเหมือนกันคะ
ถ้าอย่างนั้นก็ใช้คุณหัวแม่teen ช่วยพิมพ์ต่อไปเถอะค่ะ
แล้วเจ้าหุ่นกันดั้มนี้ราคาเหยียบหมื่นเลยเหรอคะ ไม่ไหวๆ
อย่างนี้โดนแม่ตีตาย เล่นสะสมของเล่นราคาเหยียบหมื่นอย่างนี้
เอาอย่างมะนาวสิคะ สะสมพวกพวงกุญแจ ราคาก็ไม่แพง
แถมใม่เปลืองเนื้อที่เก็บอีกต่างหากค่ะ
อืม!น่าสนใจนะคะพฤติกรรมบ้าซื้อของนักช็อป
จะไปหาอ่านวิจัยเรื่องนี้จากที่ไหนได้บ้างน๊อ
ไว้มะนาวไปหาดูที่ห้องสมุดมหา’ลัยดีกว่าเน๊อะ อาจจะมีนะคะ

มะนาวได้อ่านที่ซะการีย์ยา อมตยา เขาให้สัมภาษณ์หลังหนังสือได้รับรางวัล
ดูเป็นคนไม่แคร์สังคมนะคะ ประเภทฉันเป็นอย่างนี้
ให้ฉันมาเขียนแบบมีฉันทลักษณ์ ประเภทฉันทำไม่ได้หรอกนะ
แล้วเขาให้สัมภาษณ์ว่าเขาลงเรียนปริญญาโท”ด้านศาสนาเปรียบเทียบ”
แต่เรียนไม่จบ เพราะไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์ค่ะ
แต่ความรู้สึกที่ได้อ่านสัมภาษณ์นะคะ
เหมือนว่าการเรียนไม่ได้ตอบโจทย์ที่เขาต้องการอย่างนั้นล่ะค่ะ
แต่ไม่แน่ใจนะคะ เพราะเขาเรียนคอร์สเวิร์คจบแล้ว
เหลือแค่ทำThesisเท่านั้นเองค่ะ
การเรียนไม่จบเพราะไม่ทำThesis
ไม่ได้บอกว่าไม่ตอบโจทย์ความต้องการของเขา
เพราะเขาอาจจะขี้เกียจก็ได้ หรือคิดว่าไม่มีเวลาก็ได้ค่ะ
พูดถึงเรื่องนี้แล้วนึกถึงกรณีนาวินต้าร์นะคะ
ที่ใช้ทุนอานันทมหิดลไปเรียนจนเกินกว่าเวลาที่กำหนด
เพราะเขาควรจะจบตั้งแต่ปี2008 แต่ก็ไม่จบค่ะ
ตอนนี้เขาจึงก็ได้แต่บอกใครๆว่าเป็นแค่Ph.D. Candidate
แต่ยังไงเขาก็มีความตั้งใจที่จะคว้าปริญญาเอกมาให้ได้
ตอนนี้เขาจึงต้องใช้ทุนส่วนตัวเรียนต่อ เพื่อที่จะได้จบค่ะ
ประทับใจตรงที่นาวินต้าร์บอกว่าเขาไม่ใช่คนเก่ง
แต่เขาเป็นคนมีความพยายามค่ะ
เขาบอกว่าพรสวรรค์เขาไม่สู้แต่พรแสวงเขาสู้ตายค่ะ
มะนาวอ่านแล้วรู้สึกเห็นใจและชื่นชมนาวินต้าร์มากค่ะ
แต่ของซะการีย์ยา อ่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้ค่ะ
ท่าทางจะเป็นคนไม่ยี่หระใครอย่างนั้นล่ะค่ะ
แล้วรู้ค่ะว่าเขาเป็นเว็บมาสเตอร์
แล้วรู้หรือเปล่าคะว่าเขาเรียกพื้นที่นั้นว่าอะไร
"สาธารณรัฐกวีนิพนธ์"ค่ะ
ถามเรื่องไร้ฉันทลักษณ์คุณchanpanakritบอกบ่ฮู้
อย่างนั้นฉันทลักษณ์เข้มงวดมันเป็นยังไงคะ ถามเพราะมะนาวไม่รู้จริงๆค่ะ
ถ้าตอบนะจะให้5บาทเลยค่ะ พร้อมลูกชิ้นทอดเจ้าอร่อยอีกหนึ่งถุงค่ะ

แล้วดูซิช่างค่อนขอดไปว่าเค้า ก็เค้าคิดว่ามันน่ารักนี่คะ
แก้มป่อง ชู2นิ้วน่ะเป็นท่าหากินกันนะคะ5555
แล้วแหม!มาทำเป็นค่อนขอด ดีเท่าไหร่แล้วที่เค้ายังไม่ได้ใส่บิ๊กอายถ่ายกันน่ะค่ะ
แล้วคุณchanpanakritไปร่วมแจมกับชมรมอะไรบ้างล่ะคะ
ชมรมฟุตบอล หรือชมรมหนอนหนังสือคะ
อย่างนี้ไม่น่าผิดสเป็กนี่คะ ไม่ต้องไปเสวนาสังสรรค์ด้วย ชอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ
พอพูดถึงสังสรรค์มะนาวไปอ่านเจอบทความเรื่องเกี่ยวกับการดื่ม
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพบว่า
คนที่ดื่มเหล้าด้วยแก้วทรงสูงมีแนวโน้มเมาน้อยกว่าแก้วทรงสั้นค่ะ
โดยเขาอธิบายว่าเป็นเรื่องของภาพลวงตาเกี่ยวกับแนวขวางและแนวดิ่ง
โดยที่สมองประเมินระยะในแนวขวางต่ำเกินไป
และประเมินระยะในแนวดิ่งสูงเกินไป
โดยนักวิจัยอธิบายว่าคนที่ใช้แก้วทรงสั้น
จะมีแนวโน้มเทเหล้าหนักมือกว่าคนที่ใช้แก้วเรียวสูงถึง80%ค่ะ
ถึงแม้ว่าแก้วทั้งสองแบบจะมีปริมาตรเท่ากันก็ตามค่ะ
เขาบอกว่าในการวิจัยนี้ แม้แต่บาร์เทนเดอร์ที่มีประสบการณ์สูง
ก็ยังเทเหล้าในแก้วทรงสั้นมากกว่าแก้วทรงสูงถึง26%น่ะค่ะ
แต่จะบอกว่าวิจัยนี้จัดทำโดยบริษัทข้อมูลธุรกิจค่า
555มะนาวว่านะต่อไปเจ้าของ ผับ บาร์ ต้องเลือกใช้แก้วทรงสั้นแหงมๆ
แล้วคุณchanpanakritล่ะค่ะ จะเลือกใช้แก้วทรงไหนคะ
แต่มะนาวว่านะ คุณchanpanakritต้องบอกว่าใช้ทำไมแก้ว เปลืองน้ำยาล้างจานเปล่าๆ
ของอั๊วนะกระดกทั้งขวดเฟ้ย อิ อิ



โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.101.251 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:20:39:32 น.  

 
ดูเหมือนทุกประโยคที่บอกเล่า ลำเนาในทุกประเด็น
จะสัมผัสคล้อยโยงเรื่องการกินประกอบกองก่ายในทุกระยะนะขอรับ
กำลังเอามาตราฐานความได้เปรียบเชิงโภชนามายัดใส่และกระทำการ
เป็นนักเชิงการจัดการ ด้วยมีอามิสสินงาบเป็นเครื่องปลุกเร้านะขอรับ
ท่านมะนาวฯไม่ควรนำเอาพฤติกรรมนิยมส่วนตัว มาเป็นบรรทัดฐานหลัก
ให้กับคนอื่นๆนะขอรับ เพราะมนุษย์เราไม่ได้มีความชอบเหมือนกันเสียเมื่อไร
ฟังความแล้วระอาใจ เหมือนผู้เขียนกลายเป็นบุคคลเห็นแก่กิน
แต่ถ้าจะเอาลูกชิ้นไม้ห้าบาทมาล่อ ขอบอกเขาด้วยให้ช่วยแยกน้ำจิ้มต่างหาก
และขอแตงกวาหั่นเยอะๆหน่อย น้ำจิ้มอย่าเผ็ดมาก เอาเป็นผสมเผ็ดกับหวานใส่ในถุงเดียวกัน
แล้วถ้าอร่อยจริงจะแนะนำให้คนรู้จักมาซื้อกินเยอะ แล้วขอปิ้งเกรียมๆ
ในลูกชิ้นเม็ดสุดท้ายด้วยนะครับ

ที่ผู้เขียนบอกว่า ท่านมะนาวให้จิตเกิดอุเบกขาธรรมบ้างนั้น
แค่ประโยคบอกเล่าจากปลายนิ้วท่าน ที่ว่าแวะไปแต่เข้าไปดูเฉยๆ
ก็สะท้อนต่อมอุเบกขาทำงานผิดปกติแล้ว ตามต่อมไร้สำนึกที่บรรเจิดส่วนตัว
มันก็น่าจะมีอาการร้อนๆหนาวๆ แบบขนลุกขนพอง ปิติซาบซึ้งในรสพระธรรม
หรือไม่ก็สั่นเป็นเจ้าเข้า อะไรทำนองนี้บ้าง
นี้อะไร เฉยๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตา ทีของอร่อยตัดหน้า
แล้วแทบจะถลาเข้าใส่ กินหมดเป็นต้องออกไปเติม พระท่านว่าควรมี
โภชเนมัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร ,
รู้จักประมาณในการกิน คือ กินเพื่อหล่อเลี้ยงร่าง กายให้ชีวิตเป็นอยู่ได้ผาสุก
มิใช่เพื่อสนุกสนานเมามัว อยู่ในข้อ ข้อ ๒ ในอปัณณกปฏิปทา ๓ ที่ว่าด้วยเรื่อง
ปฏิปทาที่เป็นส่วนแก่นสารเนื้อแท้ ซึ่งจะนำผู้ปฏิบัติให้ถึงความเจริญงอกงามในธรรม
หรือภาษาอังกฤษ ว่า unimpeachable path ที่จะมีอีกข้อสอง คือ
อินทรียสังวร และ ชาคริยานุโยค (คือ ไม่เห็นแก่นอนมาก) แหมสามข้อที่กล่าวมา
เข้าทุกประตูทางของท่านมะนาวฯทั้งสิ้นเลย แหๆ หยอกเอาขำๆนะท่าน
เห็นง้างปากทำท่าจะหม่ำเสียหลายครั้ง เห็นใจคนที่แทบไม่มีจะกินหน่อยสิท่าน
ระดมทุนช่วงต้นเดือนไปเยอะ ส่วนหมดจากอะไร ในกัลยาณตูนธรรมสองตอนที่แล้ว
คือคำตอบ (แล้วน้ำท่วมหลังเป็ด เป็นสำบัดสำนวนฉบับไหนมิทราบ
ไหนลองเล่าให้หลวงตาทราบหน่อยดิ เพราะหลวงมิอาจเข้าใจวาจาเมาท์ฉอดของ
เด็กหลังเขาเขากล่าวอ้างนะเออ)

ฉันทลักษณ์ระดับเข้มงวด อธิบายอย่างไรดีละ
เพราะมันมีตั้งแต่กลอน ฉันท์ กาพย์ กลอน เอางี้ละกัน
รู้ไหมเอ่ย ว่าเอกโทษ โทโทษ ครุ ลหุ มันเป็นอย่างไร วางไว้จุดไหน
ถ้าเรียนกับอาจารย์วันเนาว์นี้ สมมติส่งกลอนแปดไปที
จะมีแดงวงตีกลับคูณสองเท่าของชนิดกลอนที่ส่งไป
เด็กๆที่ลงวิชาเรียนแล้วรู้ว่า อาจารย์เป้นคนสอนนิ วันรุ่งขึ้นก็ขอถอนย้าย
ไปลงวิชาอื่นกันหมด เหลือแต่ไอ้พวกร้อนวิชากับไม่รู้ความเป็นมาอะไรเลย
อย่างว่าละน้อ เจ็บมาเยอะ!!


แล้วโปรดเข้าด้วยนะขอรับว่า ถ้าเห็นผู้เขียนอัพบล็อกการ์ตูนธรรมะเมื่อไร
โปรดสะกิดใจนิดนึง ว่าผู้เขียนกำลังรุมเร้าด้วยโรคเครียดกำเริบ
เป็นต้องหาอะไรมาวาดไม่ก็ละเลงเป็นส่วนสัด ยิ่งมีธรรมะโผล่เข้ามาแสดงว่า
กำลังรีบข่ม ไม่ได้ธัมมงธัมมะสังกงสังกาแต่อย่างใด
เพราะเวลาลงมือวาดแล้ว ผู้เขียนจะเข้าสู่สุขปิติ
เพื่อนผู้เขียนเคยแอบสังเกตผู้เขียนด้วยว่า เวลาที่ลงมือซุกซนบนงานอาร์ตเมื่อใด
ผู้เขียนจะอินตามด้วยการบิดหน้าเหย่ตาไปตามตัวการ์ตูน
เสมือนหนึ่งแยกแยะโลกความจริง กับลายเส้นไม่ออก
พอวาดเสร็จก็กลับมาเครียดเหมือนเดิมสักงั้น แต่ก็บรรเทาอารมณ์ขุ่นมัวตอนกรุ่นๆได้เยอะ
คือ เอาใจไปไว้กับอย่างอื่น ที่ไม่ใช่เรื่องต้นเหตุ เรียกว่าเอาจิตไปทำงานอิสระ
ด้วยกระบวนการหน้าที่ของจิต มันทำงานได้เป็นอย่างๆ ห้ามมันทำงานมิได้หรอก
แต่ต้องหาเวทีใหม่ให้มันเล่นเท่านั้น ถ้าเป็นท่านมะนาวฯ ก็ปล่อยเล้าอาหารให้หากินอย่างโอชะ
ไม่ก็โยนหนังสือให้อ่านสักเล่ม ทำนองนั้นมั้ง
ถ้าอารมณ์ปี๊ดจัด สักพักก็เสร็จ แต่ถ้าวาดด้วยอารมณ์เซ็งๆ ก็นานหน่อย
สนองความ need ก็ส่วนหนึ่ง แต่ need บนฐานที่ต้องมีไอเดียวางอยู่ก่อนในหัวนะ
แต่บางทีวาดไปก่อน แล้วค่อยไปหาสถานีธรรมเอาป้ายหน้าก็มี
คงไม่สอน แต่กะให้คนอื่นอ่านแล้วดูขำขำ ถือเป็นศิลปะบำบัด เอ๊ํ อันนี้ท่านมะนาวฯ
ก็น่าจะเคยได้เรียน โดยนักจิตวิทยาคนไหนแล้วน้อ ขอไปเปิดหนังสือก่อน
นี้เลย คาร์ล จุง นักจิตชาวสวิสต์ แกเรียกอย่างเท่ห์ว่า Painting Therapy
เป็นการเผยความรู้สึกไร้สำนึกปรากฎบนเเผ่นภาพ เป็นการถอดรหัส
เพื่อเคลือ่นคนไข้ออกจากศูนย์ทำลายตัวเอง สู่การเข้าใจตนเองที่ดีขึ้น
เป็นไงละ เป็นหลักเป็นการมีวิชาการเปรียบเทียบก็เป็น ไม่ต้องพึ่งท่านมะนาวฯแต่ถ่ายเดียว
ไม่เคยบำบัดเลยเด่ เพราะ Eating before sit up Therapy มันไม่มี
สารบบที่เป็นประโยชน์ต่อคนไข้หรอกนะ ทำได้สองทีก็ยอมแพ้สักแล้วนะ
แล้วดันให้โทรทัศน์เป็นสักขีพยานของการพ่ายแพ้ แล้วรอให้แม่ตามซ้ำ
ฟังดูไม่หลั้นล่าเอาเสียเลย ตรงลงเกลียดอะไรยาวๆเส้นๆ อันนี้ยังไม่รู้คำตอบอยู่ดี
มันเด็กเสียจน ลืมจำไปสักแล้ว เอาไว้ว่างๆจะนอนสันหลังยาวให้ท่านมะนาวฯ
สัมภาษณ์แบบ Good will hunting เพื่อให้ท่านมะนาวฯตอกย้ำว่า
มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ส่วนเมาท์ไฮเทคเช่นนั้น มันกินถ่านและไฮโซเกินไป
ใช้อะไรที่ติดมากับเครื่องนั้นแหละ เจ๋งที่สุด ลืมเมาท์ได้แต่คงไม่ลืมเครื่องคอมมั้งครับ
(ขนาดพิมพ์ไปยังต้องเอาแขนสองข้างหนีบมุมแร้ จนกล้ามอกบวมเบ้งแล้ว)


พวงกุญแจนี้ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมคับ ปกติก็คล้องแค่ห่วงอันนี้ก็พออยู่
ไม่ได้เป็นคนมีบ้านเล็กบ้านหน่อย จนต้องเป้นสาเหตุให้สะสมให้เกลื่อนบ้านเล่นๆ
แต่ไม่แน่ ท่านมะนาวฯอาจเอามาใช้ในสถานการณ์กะทันหัน
แบบสอยหูสักสองข้างในงานกาลาดินเนอร์ กิ๊บเก๋ไปอีกแบบ
แต่ก็ดีนะครับ ชอบอะไรทีสิ้นเปลืองราคา เหมาะแก่การหาซื้อฝาก
เดี๋๊ยวผู้เขียนจะทำตัวเป็นป๋ายะในเรื่อง pride ห้อยเป็นสายตุ๊กแก
แต่กลัวคนเก่าจะตีตั๋วลงสุวรรณภูมิของกระเป๋าคืน มันจะวุ่นไปใหญ่
ผู้เขียนหัวสร้างสรรค์นะเออ ทักเชือกปอทำเป็นพ่วงกุญแจได้ด้วยนะเออ
หรือเอาฝาจุกน้ำกระป๋๋องมาประยุกต์เป็นพวงสุดสวรรค์เป็นรูปมังกรก็ได้
ปลาตะเพียนก็เป็น วันไหนว่างจะทำแล้วอัพในบล็อกส่วนหลานๆด้วยดีกว่า
ท่านมะนาวฯอยากได้สเปเชียลหนึ่งเดียวในโลกไหมเอ่ย
เผื่อจะมาร้อยหัวแม่เท้า ให้ใส่เท้่าไซด์สามสิบเจ็ดให้ง่ายขึ้น

อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวผู้เขียนนะครับ
นักกวีโดยส่วนใหญ่ ที่เจนความเป็นอหังการมมังการ
ส่วนหนึ่งก็ต้องเข้าใจเขาหน่อยนะครับ คิดเองนะครับว่า
ส่วนหนึ่ง ตลาดของนักอ่านที่เป็นงานหนังสือกวี ก็ทำยอดขายได้น้อย
เหมือนเทียบกับพื้นที่แนวหนังสือแบบอื่นๆ ยิ่งไม่มีรางวัลการันตีหรือไม่ก็กลอนหวานแหว๋
แค่มีโอกาสวางขายในร้าน ถือเป็นเกียรติ์อย่างมากๆ
นักกวีสมัยนี้ กับสมัยโบราณนี้ต่างกันมากนะครับ
เพราะในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อย่างสุนทรภู่ ถ้าไม่ได้รับการอุปถัมภฺ์จากชั้นเจ้านาย
ชีวิตต่อจากนั้นก็ตกอับทุกข์ยาก จนต้องสร้างงานเขียนสุดพิสดารในโลกสมัยนั้น
อย่าง พระอภัยมณี ดังนั้น คนที่จะเป็นกวีได้ ก็ต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่นกล้าแข็ง
ยอมหักต่อตลาดทุนนิยม แต่ไม่ยอมงอต่ออุดมการณ์ความชอบส่วนตัว
แถมเป็นคนที่ไม่อยู่ในหลักฉันทลักษณ์ ต้องถือว่าเป็นกบฏแห่งโครงสร้างโลกกวี
ต้องถือ่วาไม่ธรรมดา มองในแง่ดี อย่างน้อยเขาก็ใฝ่ในสันติภาพของการอยู่ร่วม
ทางศาสนา ไม่ใช่ซัดสาดแบบคนที่นับถือศาสนาเดียวกัน แต่มองจีวรธรรมคนละสี
สังเกตุมานานแล้ว ไม่มีกวีคนไหนเอาความรักจุดนี้มาทำมากินโดยไม่มีส่วนใดเสริม
อย่างงานกวีซีไรต์คนก่อน ก็ต้องช่วยขายหมี่เป็ดที่หาดใหญ่ แล้วหาเวลาว่าง
มานั่งแต่งกลอนส่งนิตยสาร แหมคนใต้มีความเป็นนักกวีในเชื้อชาตินะขอรับ
อย่าทำเป็นเล่นไป ความจริงผู้เขียนก็อยากทำตัวอหังการบ้าง
แต่เล่นถูกท่านมะนาวฯจับผิดจนเสีย self เช่นนี้ ก็ไปไม่ถูกอยู่เหมือนกัน

แหม ไปแตะอุปลักษณ์ชาวเด็กแอ็บไม่ได้เลย
อย่าบอกนะว่า ตัวเองก็ทำ โคตรเอาท์โนเซนต์ในอินเมจินโดยกำเนิด
หวังว่าในบัตรประชาชนคงไม่มีพฤติกรรมเยี่ยงนั้นนะครับ
ขณะโลกไซเบอร์ ยังเลี่ยงการออกสื่อสักอย่างงั้น
ส่วนผู้เขียนตอนนี้แอดทุกชมรม แต่ดูเหมือนมีอัตราส่วนระหว่าง
kick out un-accept กว่าครึ่ง แสดงว่าเป็นชมรมที่แน่นเหนียวในการปิดตัวเองจริงๆ
สงสัยกลัวจะต่างสถาบันคุยกันไม่รู้เรื่อง โคตรใจร้ายเลย
คงจะพอเข้าใจอยู๋เพราะเล่่นเอาตุ๊กตาวูดู อัพเป็นหน้าตัวเอง
คงกลัวไสยศาสตร์ล่าแม่มดกันเป็นแถว เชอะ ไม่รับเราก็ดอลแคร์
งั้นผู้เขียนกับท่านมะนาวฯ เรามาตั้งชมรมกันสองคนก็ได้
แต่ลืมไป เจ๊เป็นโลกอันคอมูนิตี้มิเดีย ซินโดรม สงสัยกำลังจะแข่งกับ
บีบี อีโมชั่น ซินโดรม ที่กำลังเป็นข่าวให้ฮือฮาในวงการแพทย์
ขนาดเน็ตบุ๊ค เราสองคนว่าพิมพ์ยากแล้ว ไปเจอปุ่มบีบีเข้า
ขนาดมีปุ่มเมาท์เเพคเท่าหัวสิวอุดตันอีก ทำให้การใช้เน็ตบุ๊คเป็นเรื่องที่น่าพิสมัย
ขึ้นเป็นกองเลย


พล็อกเรื่อง Treeless Mountain ฟังแล้วน่าสนใจ
นานๆจะมีประเด็นหนังที่อยากไปหาติดตามเอาเสียที มิใช่เอาเนื้อหนังมังสาของคิตะโยะมาล่อ
งานของผกก.โซ ยอง คิม คนนี้ ไม่เคยผ่านตามาก่อน
แต่เข้าชิงในสายรางวัลหนังอิสระเยอะแยะดีนะขอรับ พูดถึงรางวัล
ท่านมะนาวฯทราบบยังอะว่า ลุงบุญมีฯ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าชิงรางวัลออสการ์
หนังต่างประเทศเสียด้วย เห็นว่าการที่ไปได้รับรางวัลจากสถาบันอื่นมากมาย
ยิ่งเป็นการสร้างความกดดันให้กับคณะกรรมการออสการ์ไปในตัว
แต่ทว่า ผู้เขียนมองว่าคงเป็นเรื่องลำบาก นะ
เพราะหนึ่ง คกก. จะต้องเป็นคนที่ติดตามงานชิ้นก่อนๆของ ผกก.จุ้่ย
มาตั้งแต่ต้น จึงจะปะติดปะต่อตัวละครในเรื่องก่อนหน้าเพื่อมองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง
สอง ระยะหลัง หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมของเวทีออสการ์ ล้วนเป็นหนังที่ดูง่าย
เข้าใจได้ไม่ยาก มิใช่หนังอาร์ตเหมือนยุคก่อนๆ ซึ่งอันนี้คงได้ติดตามกันต่อไป


เห้นด้วยกับงานวิจัยแก้วสั้นแก้วยาว
เพราะผู้เขียนก็รู้สึกมานานว่า แก้วยาวทำให้เมาเร็วช้ากว่าปกติ
มันคงสัมพันธ์กับการคาดคะเนทางสายตา แล้วส่งสัญญาณจองห้องรับรองผ่านกระเพาะ
มิน่าละป้าด เบียร์ที่น้องเชียร์พินอบพิเนา เล่นสายตากับคุณพี่
ถึงรบเร้าต่อเติมหลอดใหม่ แถมหยิกแขนชื่นชมความเป็นไอ้หนุ่มคอทองแดงกันเสียจริง
ที่แท้ หนูๆเขาก็แอบนักวิจัยทางมหาลัยชื่อดัง มาเก็บสำรวจข้อมูลโดยปลอมเป็นเด็กเชียร์นี้เอง
ไม่เป็นไร ค่าเบียร์และทิปคืนนั้น ถือว่ายกให้เป็นทุนการศึกษาไปละกัน
ส่วนท่านมะนาวฯ ก็เอาพ่วงกุญแจเป็นเด็กจอดลงไว้่ข้างนอกก่อนนะกัน


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:23:50:25 น.  

 
ฮิฮิ ใครบอกว่ามนุษย์เรามีความชอบไม่เหมือนกันคะ
ยังไงมันก็อยู่ในปัจจัยสี่ ที่มนุษย์ไม่สามารถขาดได้
แล้วเห็นไหมล่ะว่าได้ผล คุณchanpanakritก็สนใจเหมือนกันนิ๊
แต่ถ้าเรื่องมากแบบนั้นนะคะ
แม่ค้าบอกว่าให้ไปซื้อร้านข้างหน้าค่ะอิ อิ
แล้วใครบอกล่ะคะว่ามะนาวไม่มีโภชเนมัตตัญญุตากันคะ
ก็มะนาวรู้จักประมาณในการกินไงคะ
มะนาวเลือกกินของอร่อยๆ
เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างผาสุกยังไงล่ะค่า อิอิ
ส่วนชาคริยานุโยคมะนาวว่านะ คุณchanpanakritต้องใช้เตือนตัวเองแล้วล่ะค่า
เพราะคุณchanpanakritมีนอนแบบเด็กอนุบาลด้วย
ซึ่งแสดงว่ามีการนอนที่ฟุ่มเฟือยเกินไปค่า
แถมยังมีนอนตื่นสายอีกต่างหาก
เรียกว่ามีความฟุ่มเฟือยซ้ำซ้อนค่ะ เพราะฉะนั้น
คุณchanpanakritต้องเขียนคำเตือนชาคริยานุโยคนี้ติดไว้ที่หน้าผากแล้วล่ะค่า
ส่วนการดำเนินตามunimpeachable path
มะนาวให้หลวงตาchanเป็นผู้นำทางทำให้ดูแล้วกันนะเจ้าค่ะ
เพราะมะนาวเป็นเด็กดี ที่เชื่อฟังผู้ใหญ่ เชื่อว่าเดินตามผู้ใหญ่แล้วหมาไม่กัดค่า
(แต่สงสัยว่าจะเป็นแม่ปูสอนลูกปูซะล่ะมากกว่านะคะ ฮิฮิ)
แล้วไม่เคยได้ยินจริงหรือคะ คำว่าน้ำท่วมหลังเป็ดนี่น่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ
อำมะนาวอีกหรือเปล่าคะนี่ (ชักไม่ไว้ใจ)
ก็อย่างเวลาที่เรื่องไหนไม่มีวันที่จะเป็นจริงหรือไม่มีวันที่จะเกิดขึ้น
เราก็จะบอกว่ารอให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนไงคะ(ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่เคยได้ยิน)

เหมือนว่าเคยเรียนนะคะเอกโทษ โทโทษ ครุ ลหุ แต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้วค่ะ
แต่ที่บ้านเหมือนจะมีนะคะแบบเรียนภาษาไทย ไว้มะนาวไปค้นดูคร่าวๆดีกว่า
แต่ถึงแม้มะนาวจะยังงงกับฉันทลักษณ์ แต่ที่แน่ๆมะนาวรู้ว่าคุณchanpanakrit
ไปลงเรียนกับอ. วันเนาว์ ยูเด็นได้ยังไง
555มะนาวรู้แล้วล่ะว่าคุณchanpanakritเป็นพวกไหน
ไม่ใช่พวกร้อนวิชาก็แล้วกันล่ะค่ะ
555แต่เป็นพวกไม่รู้ความเป็นมาอะไรเลยต่างหากล่ะคะ
นี่ล่ะน๊า ผลของการอยู่แต่ในถ้ำ แล้วเป็นไงคะ เจ็บมาเยอะ555
งั้นแสดงว่าเวลาคุณ chanpanakritวาดการ์ตูน
ก็วาดใส่เศษกระดาษก่อนใช่ไหมคะ
แล้วเอามาลงยังไงคะ scanภาพลงเหรอคะ
หรือว่าวาดในคอมพ์โดยใช้โฟโต้ช็อปคะ
มะนาวไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยค่ะ เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ
มะนาวเคยทดสอบหาภาพคนที่ปนอยู่ในเม็ดถั่ว
เขาบอกว่าถ้าหาเจอภายใน25วินาที แสดงว่าสมองซีกขวาบรรเจิด
แล้วเป็นไงคะ มะนาวหาเจอก่อน15วินาทีซะอีก ก็ไม่เห็นซีกขวาจะบรรเจิดเลยค่ะ
คุณ chanpanakrit เคยทดสอบไหมคะ คงหาเจอก่อน15วิแน่ๆเลยใช่ไหมคะ
แล้วฟังเหมือนกับว่าวาดภาพในเวลาทำงานอย่างนั้นล่ะค่ะ
แล้วไม่ถูกเขม่นหรอกเหรอคะ อ๋อ!มะนาวรู้แล้วล่ะค่ะ
คนอื่นแอบเข้าเน็ตเวลาทำงาน แต่คุณ chanpanakrit
แอบวาดรูปในเวลาทำงาน เลยเจ๊ากัน
แบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ อะไรประมาณนั้นใช่ไหมคะ อิอิ
แล้วมันเครียดมากเลยเหรอคะ เพราะมะนาวเห็นบางทีเว้นแค่2หรือ3วัน
ก็อัพบล็อกอีกแล้วนี่คะ แสดงว่าแบบนี้เจ้านายต้องพิจรณาตนเองแล้วใช่ไหมคะ
ว่าทำยังไงถึงทำให้ลูกน้องเครียดได้ขนาดนั้น
เหมือนการ์ตูนที่วาดไว้หรือเปล่าคะ
ที่ไปบ่นกับหลวงพี่ว่า เจ้านายคุยเรื่องปัญหาแค่20%
ส่วนอีก80%เจ้านายคุยอะไรก็ไม่รู้มีแต่น้ำไม่มีเนื้อน่ะค่ะ
แล้วลูกน้องคนนี้ก็คลายเครียดโดยใช้Painting Therapy
แล้วลูกน้องคนอื่นๆทำยังไงล่ะคะ Music Therapy เหรอคะ
แต่มะนาวว่านะให้ได้ผลจริงๆ ต้องนี่เลยค่ะNinta Therapyค่ะ อิ อิ
รับรองว่าหายเครียดโดยฉับพลัน ยิ่งได้แย่งกันพูดนินยิ่งมันส์เจ้าค่ะ
คงได้เฮฮา ปาร์ตี้กันทั้งบริษัทแน่ๆเลยค่ะ

แล้วแหม!แค่ชมหน่อยว่าสมองซีกขวาบรรเจิด คุยใหญ่เลยนะคะ
ไอ้ถักเชือกปอเป็นพวงกุญแจ นั้นมันจิ๊บๆเจ้าค่ะ
ส่วนไอ้พวงสุดสวรรค์นี้ มันใช่Mobileหรือเปล่าคะ
เรียกซะ เสียเลย แทบนึกภาพตามไม่ออกเลยค่ะ พิลึกจริงๆค่ะ
แล้วใครค่ะใส่รองเท้าเบอร์สามสิบเจ็ด
ให้ใส่ไว้เหยียบตาปลาใครบางคนเล่นหรือไงเจ้าคะ
แล้วแหมนะ! บอกว่าเสียเซลฟ์เพราะข้าเจ้า
ตัวเองน่ะน๊ามีความสามารถไม่พอต่างหาก
แล้วมาโบ้ยว่าคนอี่นสกัดดาวรุ่ง มากไป ค่ะ มากไป
อย่างนี้ต้องไปขายพวงสุดสวรรค์อย่างเดียวเลยค่ะ
แล้วอย่าได้คิดไปขายบะหมี่เป็ดแข่งกับคุณมนตรี ศรียงค์ เขานะคะ
เขาน่ะบะหมี่เป็ดซีไรต์นะค่า ประเดี๋ยวคุณท่านจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า ซะปล่าวๆค่า

แล้วมะนาวจะแอ๊บแบบนั้นไม่ได้เหรอ น่ารักออกค่ะ
ทำแก้มป่องๆ ใช้สองนิ้วจิ้มแก้ม เอียงคอนิดหนึ่ง 555ไม่ชอบเหรอคะ
ยังไม่กล้าทำขนาดนั้นหรอกค่ะ ได้แค่ยืนเป็นต้นไม้แล้วชูสองนิ้วค่ะ
ถ้าให้มะนาวไปถ่ายรูปเป็นทหารหญิงล่ะก็ได้เลยค่ะ ระวังตรงตลอด อิอิ
เอ่อ!แล้วคุณchanpanakritมีใช้บีบีหรือเปล่าคะ
ส่วนมะนาวไม่ได้ใช้ค่ะ มะนาวว่ามันใหญ่พกพาไม่สะดวก
แล้วอย่างคุณchanpanakritว่าปุ่มเล็กจะตาย เขาใช้สะดวกกันได้ยังไงนะ
ไม่แปลกใจเลยที่ทำให้ มีอาการเอ็นข้อมืออักเสบหรือเกิดอาการนิ้วล็อค
แล้วตอนนี้ก็เลยมี"BB vision syndrome"มาแข่งกับ
"Computer vision syndrome"ขึ้นมาอีกโรคหนึ่งแล้วสินะคะ
เขาเรียกว่าโรคทำตัวเองใช่ไหมคะ

ส่วนเรื่องTreeless Mountainมะนาวดูจบแล้วค่ะ
แต่ไม่อยากจะบอกเลยว่า แหะ แหะพอลืมตาขึ้นมา
credit ตอนท้ายเรื่องกำลังขึ้นพอดีเลยค่ะ
ก็หนังมันเรื่อยๆเอื่อยๆไปหน่อยอ่ะค่ะ
มันเหมือนเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ แล้วเราก็เดาตอนจบได้อยู่แล้วไงค่ะ
ว่ามันต้องออกมาในรูปนี้แหงมๆ
เรื่องนี้เหมือนเนื้อเรื่องจะสะเทือนใจนะคะ
ที่เด็ก2คนไม่มีใครต้องการ แม้แต่แม่ของตัวเอง
ที่คิดว่าเป็นภาระที่แบกรับไม่ไหว
โยนไปให้คนโน้นที โยนไปให้คนนี้ที
จนเด็กเหมือนจะเกิดบาดแผลในใจ
แต่หนังก็ทำได้ไม่สะเทือนใจเท่าไหร่ค่ะ
ดูแล้วทำให้ไม่รู้สึกสงสารเด็กเท่าที่ควรค่ะ
มะนาวดูเรื่องนี้เลยไม่เสียน้ำตาสักกะแอะค่ะ
แล้วเรื่องนี้ผิดฟอร์มหนังเกาหลีมากเลยค่ะ
ตรงนักแสดงเรื่องนี้ไม่มีใครหน้าเด้งเลยค่ะ
แต่ละคนหน้าตาบ้านๆทั้งนั้นเลยค่ะ
แถมเด็กน้อยทั้งสองคนก็ติดจะขี้เหร่ด้วยซ้ำไปค่ะ
โดยเฉพาะคนน้อง ดั้งหลบไปอยู่ไหนไม่รู้ค่ะ
สงสัยแม่หนูคนนี้ต้องเตรียมหยอดกระปุก
ไปผ่าตัดยกดั้งเป็นแน่แท้ทีเดียวเชียวค่ะ
ไม่รู้เพราะเหตุนี้หรือเปล่านะคะ
หนังเรื่องนี้ถึงไปคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังที่Berlinมาน่ะค่ะ
อื้อ!มะนาวยังไม่รู้เลยว่าลุงบุญมีฯได้เป็นตัวแทนประเทศไทย
เข้าชิงรางวัลออสการ์หนังภาษาต่างประเทศยอดเยียม
ถ้าได้นะคะ คงเป็นบันทึกบทหนึ่งของประวัติศาสตร์หนังเลยนะคะ
ยังไงก็ต้องเอาใจช่วยล่ะค่ะ คุณเจ้ยแกคงเป็นปลื้มนะคะ

พรุ่งนี้มะนาวขอเวลานอกหนึ่งวันนะคะ
ให้โอกาสคุณchanpanakrit ได้ไปดูหนังลดราคาไงคะ
เอ๊!หรือจะชะแว๊บไปให้ทุนการศึกษาเด็กมาทำวิจัยนอกเวลาคะ
แหะ แหะ แซวเล่นน่ะค่ะ พอดีมะนาวมีธุระน่ะค่ะ
ไว้เจอกันวันพฤหัสฯนะคะ



โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.22.113 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:20:46:42 น.  

 
กรมอุตุกรมฯประกาศเรื่องระวังภัย น้ำป่าไหลหลาก
พอได้ยินข่าวก้องให้ทราบนี้เมื่อไร ทำให้ฝนในเมืองกรุงมันต่างจากภยาคติของคนนอก
เพราะคนกรุงส่วนใหญ่กลัวเรื่องรถติดเป็นประกาศสำคัญนะขอรับ
ขึ้นต้นแค่ปลอบใจสภาพลุยฝนประโคมหนำเท่านั้นเองครับ
ถ้าทานโดยติดรสอร่อย มันก็เข้าข่ายโภชเนมัตตัญญุตานะขอรับ
ทานมิได้ประทังเพื่อการอยู่รอด แต่เป็นการทานเพราะฤทธิ์แห่งกิเลสรส
แต่ทว่า ผู้เขียนก็ติดในรสชาติเช่นกันนะขอรับ พยายามมองให้มันเป็นศิลปะ
ส่วนเรื่อง ชาคริตนานุโยค อันนี้โดยส่วนมากจะไม่ค่อยติดในรสนะขอรับ
เอาเวลานอนมาอัพบล็อก ฆ่าเวลาเล่นได้ตั้งเยอะ ส่วนนอนหงีบเอาแรง
อันนี้เป็นไปเพื่อการใหญ่ในงานข้างหน้านะขอรับ ทราบโดยทั่วกัน


เรียนวิชากลอนโคลงกาพย์ฉันท์ กับอ.วันเนาว์
รู้ฤทธานุภาพของอาจารย์ท่านอยู่นะขอรับ แต่ผู้เขียนเป็นคนเรื่อยเปื่อย
ไม่ค่อยสนหรอกครับ สำหรับเสียงลือว่าจารรย์คนนั้นแจกเกรด คนนั้นเขี้ยวนักหนา
ลงไปแล้วก็ลง ไม่มีขึ้นมีถอน ที่เรียนก็รู้สึกพร้อมที่จะเรียน
แล้วก็เจอฤทธิ์ตำนานตามคาด เสียดาย เพราะรู้สึกไม่ค่อยได้วิชาเท่าไร
มากกว่าความเคร่งครัดที่นำพาให้วิชานั้น ไร้ความสนุกเป็นตัวขับเคลื่อน
ส่วนการ์ตูนนี้ อธิบายคงยาว แล้วไม่ได้เซียนขั้นเทพอะไรปานนั้นหรอกครับ
ผลิตด้วยหลักการง่ายๆ ออกจะชุ่ยๆเสียด้วยซ้ำ
คงเอามาลงเป็นเรื่องเป็นราวสักปีหนึ่งได้ ลองไปดูตามลิงค์เอาละกันนะครับ
แล้วจะรู้ว่า ทุกคนก็เป็นศิลปินด้วยการตวักปลายเมาท์ได้
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chanpanakrit&date=15-06-2009&group=5&gblog=27

ไอ้ถักเชือกปอเป็นพวงกุญแจ เป็นเรื่องน้องจิ๊บไปแล้วเหรอครับ
นึกว่าเป็นพรสวรรค์พิเศษ เพราะถักทอด้วยสูตรค้นคิดของตัวเอง
เสียดายที่ไม่ได้ลงลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรเป็นการถาวร
ส่วนพวงสุดสวรรค์นี้ ไม่ได้อุตริตั้งเองนะครับ มีคนเขาจับยามสามตาให้
ประมาณว่า ทำเรื่องอะไรพิลึกพิเรนถักเป็นตุ๊กตาแนวป๋าทิมเบอร์ตัน
จริงๆแล้ว คือ ไม่รู็ทำหาสวรรค์วิมานอะไรเสียเวลาเปล่า
ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์อันใดเลย เป็นเรื่องของความคิดอันเพ้อเจ้อ
เรือ่งก็มีประการละฉะนี้

แล้วเจ้าบีบีหรือ brokeback อะไรเนี่ย
ไม่ได้กินผู้เขียนสักหรอก เพราะปัจจุบันนี้ผู้เขียนก็แทบจะไม่มีอะไรกิน
ว่าจะประหยัดอาหารมื้อเช้าไปอีกจาน มีก็ไม่รู้จะจิ้มหาใคร
ปกติที่มีก็แทบไม่ค่อยจะมีสายโทรออก นอกจากใครมันจะยิงสัญญาณมา
ที่มีก็เอาไว้เป็นโมเดมต่อเน็ตก็เท่านั้น เป็นชีวิต่ที่เรียบง่ายออกจะมักง่ายดีน้อ
แต่ยอมรับว่า เวลาที่คู่เจรจาอ้อนวอนให้มาเป็นเพื่อน
แล้วตัวเองก็เอาแต่เมาท์ ออแชต แอนด์พุดบีบี เป็นพฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติ์สถานที่เอาอย่างมาก
เพราะโดยปกติแล้ว ถูกชวนไปก็ไม่เคยที่จะให้เกียรติ์ผู้เขียนเป็นการเดิมอยู๋แล้ว
ดังนั้นเวลากระทบกระเทียบไป ก็จะเอาสถานที่มาใช้บังหน้า
ประมาณว่า ไม่เห็นเหรอ หัวหลักหัวตอเอามาเป็นศิริมงคลอย่างไรไม่ทราบยะ


Treeless Mountain คงจะมองข้ามช็อต ไม่หามาคว้าชมอย่างแน่นอน
ไม่เหมือนอารมณ์ในหนังชื่อ ยายฉัน ดีที่สุดในโลก อย่างทีเคยชมอะน้อ
ชอบดูหนังที่เอาเด็ก มาทำตัวไม่สูงแต่คนทั่วไปเรียกขานปานประหนึ่งเป็นผีตัวสูง
เสียดายอยู๋เหมือนกัน ที่ซีรีย์ญี่ปุ่นมักสร้างเด็กให้เป็นเยาวชนใฝ่ดี
น่าจะมีเด็กประมาณนี้โผล่มาสักเรื่องสองเรื่อง ตามประสานิสัยสมความเป็นเด็กบ้าง
ท่านมะนาวฯ มีดูรายการชีพจรโลกไหมครับ เขากำลังคุยเรื่องคดีเพชรซาอุ
อาถรรพย์กว่าสิบปีแล้ว คำสาปนี้ยังไม่จบง่ายๆ
ไม่เข้าใจวัฒนธรรมราชการไทยเลย มิ หน่าเป็นตัวบ่มเพาะปัญหาทางสังคมให้เกิดขึ้นเสมอมา
และเสมอไปเลยนะขอรับ ดีก็มี แต่ไม่ดีอันนี้เจอมาเยอะเช่นกัน
ยิ่งเวลารู็ว่าต้องติดต่องานราชการ ผู้เขียนจะทำหน้าหน่ายให้เห็นแม้กระทั่งทำบัตรประชาชน


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:0:11:00 น.  

 
เห็นคุณchanpanakritพูดเรื่องฝนตก น้ำท่วม
มะนาวเลยนึกถึงบทความทางด้านจิตวิทยาที่ได้ไปอ่านมา
เกี่ยวกับการตัดสินใจรับมือกับสถานการณ์
มะนาวเลยขอยกคำถามมาให้คุณchanpanakritเลือกตอบดูเล่นๆนะคะ
คำถามว่าในขณะที่ท่านกำลังเดินอยู่ข้างนอก
จู่ๆฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักอย่างไม่ทันตั้งตัว
ท่านจึงออกวิ่งโดยไม่รอช้า อีกประมาณ5นาทีก็จะถึงที่หมาย
ท่านก็ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ดังกึกก้อง
ท่านจะเลือกกระทำการในข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
1) มองหาซุ้ม เพื่อยืนหลบฝนและรอให้ฝนซาลงหรือหยุดจึงค่อยไปต่อ
2)รีบวิ่งไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด แม้ไม่มีอะไรกันฝนก็ตาม
3)มีร่มพับเล็กๆติดกระเป๋าเสมอเวลาออกมาข้างนอก ก็ใช้ร่มนั้นกางและวิ่งต่อไป
คุณchanpanakritลองเลือกตอบดูแล้วกันนะคะว่าจะเลือกข้อไหน
แล้วเดี๋ยวมะนาวจะมาเฉลยให้ทราบค่ะ
ว่าแต่ละข้อเขาอธิบายความหมายไว้ว่าอย่างไรบ้าง เล่นเอาสนุกๆนะคะ

มะนาวได้ตามลิงค์ฝึกเป็นศิลปินไปแล้วนะคะ
ได้ลองฝึกทำแล้วด้วยค่ะ เรื่องนี้ไม่มีพรสวรรค์มาเกี่ยวข้องแน่นอนค่ะ
เป็นเรื่องของพรแสวงล้วนๆค่ะ แต่ชอบนะคะ
ถ้าต่อไปมะนาวหายไปไม่เข้ามาคุยด้วย
ก็ให้พึงนึกได้เลยนะคะว่ามะนาวกำลังไปฝึกปรือฝีมือเป็นศิลปินเอก
ตามหลักสูตร chanpanakrit สอนศิลป์ไงล่ะคะ อิ อิ
ส่วนเรื่องเชือกปอถักเป็นพวงกุญแจ
ก็มะนาวนึกว่าคุณchanpanakritถักเป็นเปียไขว้เฉยๆนี่คะ เลยว่าจิ๊บๆ
ไม่นึกว่าจะถักเป็นตัวการ์ตูนแบบCorpse Bride (เดาเอาค่ะเพราะบอกว่าแนวป๋าทิม)
เก่งจังเลยค่ะ อยากเห็นจังค่ะ โพสต์ให้มะนาวยลหน่อยได้ไหมคะ นะคะ นะนะ

แล้วอย่าได้ทำเชียวนะคะที่บอกว่าจะไม่ทานอาหารมื้อเช้า เพื่อจะประหยัด
อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายมากนะคะ
เพราะสมองและอวัยวะต่างๆต้องการสารอาหารไปหล่อเลี้ยง
อาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า
มีสมาธิในการทำงานและทำกิจกรรมต่างๆ
เพราะจากการที่เราอดอาหารมาตลอดทั้งคืน
ทำให้ร่างกายของเราอยู่ในภาวะขาดน้ำตาล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ
เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง
เราจึงต้องได้รับพลังงานจากอาหารเช้า
เพื่อให้สามารถทำงานหรือใช้สมองได้อย่างปกติค่ะ
ผู้ที่ไม่กินอาหารเช้าจะทำให้ขาดสมาธิ คิดอะไรไม่ออก
หงุดหงิด เพลีย และง่วงนอนได้ค่ะ
เคยได้ยินไหมคะที่มีคำพูดเปรียบเทียบว่า
อาหารเช้าเปรียบเหมือนพระราชา
อาหารกลางวันเปรียบเหมือนพระราชินี
ส่วนอาหารมื้อค่ำเปรียบเหมือนยาจก
เห็นไหมคะว่าเขาให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้ามากแค่ไหน
เพราะฉะนั้นอย่าอุตริ งดมื้อเช้าเด็ดขาดนะคะ
แหม!ทีอุดหนุนทุนการศึกษาให้น้องหนูล่ะก็ไม่เสียดาย ทีอาหารเช้าล่ะก็จะประหยัด ฮึ

ตอนนี้มะนาวเตรียมดูหนังเรื่องNowhere in Africa
เป็นหนังเยอรมันรางวัลออสการ์หนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมปี 2002
เป็นเรื่องของครอบครัวขาวยิว พ่อ แม่ ลูกที่อพยพจากเยอรมัน
เพื่อหนีจักรวรรดินาซี ไปยังประเทศเคนย่า
ไว้มะนาวดูจบแล้วจะเล่าใฟังนะคะ
ส่วนเรื่อง"ยายฉัน ดีที่สุดในโลก"มะนาวดูแล้วค่ะแต่ความรู้สึกคือเฉยๆค่ะ
เพราะหนังเด็กในดวงใจตอนนี้ก็ต้อง"Kolya โคลญ่า ห้าขวบตามหารัก"เท่านั้นค่า
ส่วนรายการชีพจรโลกมะนาวไม่ได้ดูค่ะ เขาว่าอย่างไรบ้างคะ
แล้วมีแนวโน้มว่าจะปิดสถานทูตจริงหรือเปล่าคะ
แล้วอาถรรพย์กว่าสิบปีนั้นมันคืออะไรเหรอคะ แถมมีคำสาปด้วย
เล่าให้ฟังหน่อยจิ๊คะ อยากรู้ด้วยคนค่ะ
แล้วคุณchanpanakritได้ดูข่าวเรื่องรูปถ่ายสามเณรไม่มีศีรษะบ้างไหมคะ
เรื่องมันเป็นมายังไงเหรอคะ พอดีมะนาวมาดูข่าวช่วงท้ายๆแล้วอ่ะค่ะ
เห็นเหมือนจะเป็นข่าวฮือฮาว่าเป็นการเห็นครั้งที่2หรือไงนี่ล่ะค่ะ
เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ นะนะ อยากฟังอ่ะค่ะ แม้จะไม่ประเทืองปัญญาก็เหอะ

และในฐานะที่คุณchanpanakritเคยเกี่ยวข้องกับแวดวงหนังสือ
เคยเจออย่างนี้บ้างไหมคะ"แค่เห็นชื่อก็ควักเงิน"
คือมะนาวอ่านเจอผลการสำรวจที่ว่า ตลอดทั้งปี
จะมีหนังสือออกใหม่จากสำนักพิมพ์ต่างๆ กว่า 14,000 เล่ม
ถ้าเฉลี่ยก็คือในแต่ละวันจะมีหนังสือประมาณ 38 หัวเรื่อง
และในบรรดา 14,000 กว่าเล่ม"นวนิยายแปล"
ก็จะมีการแบ่งพื้นที่ทางการตลาดไปไม่ใช่น้อย
และบอกว่า"ซิดนีย์ เชลดอน,ซุสุกิ โคจิ,โซฟี คินเซลลา,
ฮาลาน โคเบน,นิโคลาส สปาร์ค," คือตัวอย่างของชื่อที่ว่านี้
ว่าออกมาเถอะ จะกี่เล่มก็มีนักอ่านติดตามแน่นอนค่ะ
ดีไม่ดีอาจได้พิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกต่างหาก
มันเป็นอย่างที่เขาว่าจริงหรือเปล่าคะ ตอบให้รู้จั๊กหน่อยซิค่ะ
คือในนักเขียนเหล่านี้ มะนาวรู้จักแค่นิโคลาส สปาร์คคนเดียวเองค่ะ
มะนาวหลังเขาอีกหรือเปล่าคะนี่

แล้วนี่ ฮ่ะแฮ่ม!มะนาวมีข่าวมาฝากค่ะ
เป็นอะไรที่เหมาะกับคุณchanpanakritมากๆเลยค่ะ
อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าอะไร นี่เลยค่ะ........."พิลโลว์ ไท"ค่ะ
เขาบอกว่านี่คือของขวัญล้ำค่าสำหรับคนที่ต้องตรากตรำทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
(คุณchanpanakritเข้าข่ายเลยใช่ไหมคะ)
มันเป็นเน็คไทที่มีปุ่มเป่าลมซ่อนอยู่หลังส่วนปลายของเน็คไท
โดยหนุ่มๆเพียงแค่เป่าลมเข้าไปจนเต็มซึ่งใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที
ก็ใช้แทนหมอนหนุนศีรษะวางบนโต๊ะ โดยที่ไม่ต้องถอดเน็คไทออกจากคอ
และถ้าเจ้านายเดินเข้ามาในออฟฟิศ
ก็สามารถปล่อยลมออกจากเน็คไทได้ภายในไม่กี่วินาที
และทำท่าว่ากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานได้เหมือนเดิมค่ะ
อิ อิเห็นไหมคะ มีแนะวิธีกลบเกลื่อนให้ด้วย
แถมบอกว่าไม่ทำให้หน้ายับด้วยค่ะ
เพราะพิลโลว์ ไททำจากไมโครไฟเบอร์และเส้นไหม
สนใจไหมคะ มะนาวว่านะเหมาะกับคุณchanpanakritมากๆเลยค่ะ
หรือจะเถียงว่าไม่จริงคะ ฮิฮิ
แล้วนะ มะนาวชอบสโลแกนของบริษัทนี้มากเลยค่ะ
เขาบอกว่า "เพราะงานส่วนใหญ่ที่ต้องสวมเน็คไท..ควรค่าแก่การงีบพัก"555เจ๋งมากค่ะ



โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.94.20 วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:20:29:20 น.  

 
มาดึกหน่อยนะครับ

ความจริงเพิ่งมาได้พักนึง

แต่ในแง่การดองอัพบล็อกนับตั้งแต่วันเสาร์

แล้วไม่ได้สร้างงานใหม่

เมื่อวานสบโอกาส ที่ท่านมะนาวฯติดธุระ

ก็เลยเขียนซีรีย์รีวิวเรื่องใหม่

แต่ยังไม่จบดีที ก็เลยมาต่อวันนี้ให้เสร็จ

ความจริง เสร็จได้สักพัก ตรวจอักษรนิดหน่อย

แต่เรื่องภาพนี้สิ ทำยากชะมัดเลย

ขอโยกไปคุยใน precious love

เอ้ย precious time นะขอรับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:23:27:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.