
 |
|
 |
 |
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
ม.6 เลี้ยวซ้าย หรือ เลี้ยวขวา
 นี่เป็นประกาศรับสมัครงาน ของบริษัท ซึ่งผู้บริหารตั้งเป้าจะสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก เห็นอะไรมั้ย ในนั้น ไม่ระบุคุณสมบัติเรื่อง อายุ เพศ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน สิ่งที่ต้องการคือ ความสามารถ นิสัยที่ถูกกับลักษณะของงาน และทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิต ซึ่งคนที่เข้าข่ายนี้ที่ฉันรู้จัก ก็มักเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก 1 ในนั้นค้ือ คุณต๊อบ เจ้าของสาหร่ายเ๔้าแก่น้อย เคยได้ยินคนถามคุณต๊อบว่า จะมีปัญหามั้ยที่จะขยายกำลังการผลิตเพื่อไปรองรับยอดขายหมื่นล้านที่บริษัทตังเป้าไว้ คุณต๊อบตอบว่า ผมเริ่มทอดสาหร่ายในครัวหลังบ้านจนขยายมาได้ถึงยอดขายห้าพันล้านได้แล้ว ขอให้มั่นใจว่า เขาทำได้แน่นอน
ปีนี้หลานชายอยู่ ม.6 อีกไม่กี่เดือนต้องเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงโค้งสุดท้ายสำหรับการเลือกสาขาวิชาที่จะเรียนต่อ อันอาจจะหมายถึง การงานอาขีพในอนาคตด้วย อันที่จริงคนอย่างฉัน ไม่ได้ชาญฉลาดขนาดจะมองออกได้ว่า ต่อไปวันข้างหน้าๆ เรียนอะไรจะไม่ตกงาน ฟังผู้เชียวชาญมากๆก็พาจะปวดหัว จับเอามาสั้นๆที่ชอบใจ ได้อยู่ 2 อย่างคือ 1.อาชีพที่เราคุ้นเคยบางอย่างมันคงหายไป และจะมีอาชีพที่เราคิดไม่ถึงมาก่อนเกิดขึ้น 2.คนที่ลุมหลงในส่ิงที่ตัวเองจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ข้อ 1 ก็ตามนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน มาดูข้อ 2 กันดีกว่า ผู้เชี่ยวชาณเขาว่า คนที่ลุ่มหลงในงาน จะทำสิ่งนั้นด้วยความรัก ลึกซึ้ง อดทน อยู่กับงานนั้นได้นานๆแบบมีความสุข เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นทั้งทางลึกทางกว้างได้ไม่รู้จักเบื่อ และจะมองเห็นทั้ง่จุดแจ็งและจุดด้อย หาทางแก้ไข ต่อยอด ในที่สุด เขาจะสร้างสิงใหม่ที่เป็นตัวของตัวเองได้ คนแบบนี้จะมีงานให้ทำไปตลอด ไม่มีวันตกงาน พิจารณาดีๆ โลกก็เป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรมา คนเช้าชามเย็นชาม ทำงานไปงั้นๆ ชีวิตมันก็งั้นๆ คนที่เขาพยายาม ไม่ถอย ไม่ท้อ สู้งานแบบคนรู้ลึก รู้จริง ก็ประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตมากมาย ทั้งที่เริ่มชีวิตมาจากเสื่อผืนหมอนใบ ไม่ใช่อะไรใหม่ แต่คงเป็นอะไรที่เราลึมไปแล้ว
บังเอิญหลานฉันโชคดี เป็นเด็กหัวดี เรียนเก่ง จุึงได้เรียนห้องเก่งของโรงเรียน ฉันเลยพลอดได้รับรู้ความกังวลหลายรูปแบบของพ่อแม่ที่มีลูกเรียนเก่ง ฟังจากที่เขาคุยกันก็น่ากังวลอยู่หรอก เรื่องจะให้ลูกเรียนต่ออะไรที่ไหน เพราะวันหนึ่งๆ เด็กพวกนี้ต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมมากมายจนหัวปูด ไม่ได้มีเวลาที่จะค้นหาตัวตนของตัวเอง แม้จะไม่ชอบทางที่พ่อแม่ชีให้ แต่ถ้าไม่ไปหางนั้น จะไปทางไหน ก็บอกไม่ถูก นึกขำๆว่า เด็กพวกนี้คงเก่งไม่จริง คนรุ่นเดียวกับฉัน สมัยที่ไม่่มีโรงเรียนกวดวิชา คนเก่งของโรงเรียน นอกจากจะเีรียนได้ 3กว่าปลายๆ หรือ 4.00 แล้ว ยังเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งวิชาการ กีฬา เป็นกรรมการนักเรียน ทำกิจกรรมลูกเสือ ทำกีฬาสี เรียกได้ว่า เป็นทุกอย่าง
พ่อแม่ของเด็กกลุ่มนี้เท่าที่ฉันรู้มา ส่วนใหญ่ก็อยากให้ลูกเรียนหมอ ด้วยเหตุผลว่า หมอเป็นอาชีพที่มั่นคงและรายได้ดี ซึ่งก็ถูกของเขา และจะดีมาก ถ้าเด็กคนนั้นรักจะเป็นหมอจริงๆ แต่ไปฟังความข้างเด็ก ฉันเคยได้ฟังเด็ก 2 คน ซึ่งชัดเจนในชีวิตตัวเอง เขาบอกว่า เป้าหมายชีวิตทุกคนก็อยากมีความสุข ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบไม่ทุกข์ ไม่เครียด เพราะฉะนั้น ก็ควรจะได้ค้นหาตัวเองให้เจอ เลือกเรียนอย่างที่ตัวเองชอบจริง เขาบอกด้วยว่า พ่อแม่ก็ควรเปิดใจรับฟัง เพื่อลูกก็จะได้เลือกสิ่งที่ตรงต่อใจตัวเอง และ ซื่อสัตย์กับพ่อแม่ด้วย สองคนนั้นเขาเชื่อว่า ถ้าได้ทำในสิ่งที่ขอบจริงๆ เงินและความสุขมันจะมาพร้อมกัน
ฉันไม่เคยเป็นพ่อเป็นแม่ใคร บอกไม่ได้เหมือนกันว่า ถ้าเป็นฉัน ฉันจะมั่นใจและแน่ใจพอจะวางมือให้ลูกเลือกอนาคตด้วยตัวเองได้มั้ย แต่ถ้าจะเทียบว่า ลูกคือที่รัก ฉันก็อยากเห็นที่รักของฉันมีความสุขในทุกๆวัน ได้ทำในสิ่งที่เขาขอบ และอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ สนับสนุนให้ชีวิตเขามีความสุข
เพราะความสุขของเขา คือ ความสุขของเรา
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2563 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2563 11:43:28 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1362 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
|
วัลยา |
 |
|
 |
|