|
กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ
พระมหามงกุฎเป็นเครื่องหมายของราชาธิปไตย พระมหามงกุฎสง่างามด้วยประดับเพชรนิลจินดาอันมีค่าฉันใด ข้าราชการที่อุตส่าพยายามช่วยกันทะนุบำรุงบ้านเมืองให้มีเจริญสุข ก็เปรียบเหมือนเพชรนิลเครื่องประดับพระมหามงกุฎฉันนั้น
พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
...............................................................................................................................................
พระราชประวัติกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอรุโณทัย เมื่อทรงพระเยาว์เรียกกันว่าพระองค์ช้าง ประสูติในรัชกาลที่ ๑ เมื่อ ณ วันศุกร์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๑ ตุลาคม ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๘ เป็นพระเจ้าลูกเธอที่ ๑๗ ในจำนวนพระราชโอรสธิดา ๔๒ พระองค์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เจ้าจอมนุ้ยใหญ่ธิดาเจ้าพระยานคร (พัฒน์) เป็นเจ้าจอมมารดา
เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๕๐ พระชนมายุ ๒๓ ปี โปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรมเป็น กรมหมื่นศักดิพลเสพ คราวเดียวกับโปรดฯ ให้เลื่อนกรมสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเสนานุรักษ์เป็นกรมหลวงและเป็นพระบัณฑูรน้อย ทรงกรมอยู่ ๓ ปีก็สิ้นรัชกาลที่ ๑ เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๕๒
พอเปลี่ยนรัชกาลได้ไม่ช้า พม่าก็ยกทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ในปีมะเส็งนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดฯ ให้กรมพีระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์เป็นจอมพลเสด็จยกทัพไปปราบปราม เมื่อเสร็จศึกพม่าแล้ว ในปีต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายมีหน้าที่กำกับราชการกระทรวงต่างๆ หลายพระองค์ กรมหมื่นศักดิพลเสพได้ทรงกำกับราชการกลาโหมในคราวนี้
มีความปรากฏในจดหมายเหตุเก่าว่า เมื่อทรงบัญชาการกลาโหมแล้ว ได้กราบบังคมทูลเรื่องตำแหน่งกรมการเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อคราวเจ้าพระยานคร (พัฒน์) ชราทุพพลภาพกราบถวายบังคมลาออกจากหน้าที่ราชการประจำ ตามเค้าจดหมายเหตุต่อไปว่ากรมการได้เชิญพระอัยการตำแหน่งนายทหารหัวเมืองซึ่งทรงชำระใหม่ และพระอัยการเก่าๆ มาตรวจสอบชำระจัดเป็นทำเนียบสำหรับเมืองนครขึ้น เป็นอันว่ากรมหมื่นศักดิพลเสพได้ทรงจัดการปกครองเปลี่ยนแปลงระเบียบการเก่าบางอย่างให้เหมาะแก่สมัย ปรากฏในจดหมายเหตุนั้นว่า ถึงจัดกำหนดเขตแขวงสำหรับปกครองท้องที่เมืองนครศรีธรรมราช
ต่อมาประมาณกันว่าราว พ.ศ. ๒๓๕๗ เจ้าพระยานคร (พัฒน์) ถึงอสัญกรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพเสด็จไปในการปลงศพเจ้าคุณตา เป็นโอกาสที่ได้ทรงตรวจตราระเบียบการที่ได้ทรงจัดวางเป็นทำเนียบไว้แล้ว นับว่ากิจสำคัญของผู้บัญชาการปกครองอย่างหนึ่ง
ถึง พ.ศ. ๒๓๖๒ ได้ข่าวว่าพม่าเตรียมทัพจะเข้ามาตีเมืองไทย ได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายเป็นผู้บัญชาการทัพ ๒ พระองค์ คือ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพเป็นแม่ทัพ คุมพลไปตั้งขัดตาทัพอยู่ที่เมืองเพชรบุรีกอง ๑ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) ซึ่งเวลานั้นทรงเป็นผู้บัญชาการกรมท่า เป็นแม่ทัพคุมพล ๑๐,๐๐๐ ไปตั้งขัดตาทัพทางด่านเมืองราชบุรีและกาญจนบุรีทาง ๑ นอกนั้นมีทัพขุนนางอีกบ้าง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต มิได้ทรงมอบราชสมบัติแด่พระราชวงศ์พระองค์ใด พระราชวงศานุวงศ์และข้าราชการปรึกษาพร้อมกัน ถวายราชสมบัติแก่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงสถาปนาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ เป็น กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ ด้วยได้เคยทรงบัญชาการทัพศึกร่วมราชการมาด้วยกัน และได้ทรงบัญชาการสำคัญเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยดังกล่าวมาแล้ว อีกประการหนึ่งทรงพระราชปรารภว่า พระราชวังบวรสถานมงคลชำรุดทรุดโทรมมา และกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ เป็นพระราชบุตรเขยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ด้วยได้พระองค์เจ้าดาราวดีเป็นพระชายา เมื่อพระราชอุปราชาภิเษกจึงโปรดให้เสด็จไปเฉลิมพระราชมนเทียรประทับอยู่ที่พระราชวังบวรฯ
จำเดิมแต่กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพรับอุปราชาภิเษกแล้ว ได้เป็นกำลังรับราชการต่อตลอดมา ที่เป็นส่วนสำคัญก็คือ ที่ได้ทรงเป็นตำแหน่งจอมพลยกไปปราบเจ้าอนุเวียงจันทน์เมื่อเป็นขบถ และในราชการอื่น เช่นจัดปกครองเมืองนครศรีธรรมราชดังกล่าวมาแล้วเป็นต้น
กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพได้ทรงปฏิสังขรณ์พระราชวังบวรฯ ให้คืนดีทั้งวัง และทรงสร้างวัดบวรสถานสุธาวาสซึ่งเรียกกันว่า วัดพระแก้ววังหน้า กับทั้งพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยต่อจากมุขเด็จหมู่พระวิมานด้านตะวันออกของเดิมขึ้นอีกองค์หนึ่ง การภายนอกได้ทรงสร้างวัดบวรนิเวศและวัดไพชยนต์พลเสพที่เมืองนครเขื่อนขันธ์ กับเมื่อครั้งเสด็จกลับจากทัพเวียงจันทน์ได้โปรดให้บูรณะปฏิสังขรณ์กำแพงเมืองนครราชสีมา ที่พวกขบถเวียงจันทน์ได้รื้อทำลายเสียด้านหนึ่งให้คืนดีดังเก่า และโปรดให้ขุดคูรอบนอกกำแพงเมืองนครราชสีมา กับทรงพระราชศรัทธาโปรดให้สถาปนาพระอารามขึ้นในเมืองนครราชสีมาอีก ๒ พระอาราม
กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพประชวรพระโรคมานน้ำมาปีเศษ เสด็จสวรรคตเมื่อวันอังคารเดือน ๖ ขึ้น ๙ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๑ พฤษภาคม ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๗๕ พระชนมายุ ๔๘ พรรษา เสด็จดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรฯ มาได้ ๘ ปี
ราชสกุลในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ
Create Date : 19 กันยายน 2550 |
Last Update : 19 กันยายน 2550 12:35:39 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3384 Pageviews. |
|
![](../images/bg-follower.png) |
|
|
|
|
|
กัมม์ |
![](../template/theme/8/images/dashline.gif) |
|
![](../images/spacer.gif) |
|