พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สวนดุสิตวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๗
(พระปรมาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
ครั้นสมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการเสด็จกลับมาถึงกรุงเทพฯ กราบบังคมทูลรายงานที่ได้ไปตรวจตราวิธีการปกครองในนานาประเทศ จึงโปรดฯให้เริ่มตั้งเสนาบดีสภาขึ้นในปีชวด พ.ศ. ๒๔๓๑ แต่มีพระราชประสงค์จะทรงทดลองการที่ทรงมีพระราชดำริจัดขึ้นใหม่นั้นให้เห็นประโยชน์แน่นอนก่อน จึงยังมิได้ประกาศแก้ไขตำแหน่งเสนาบดี คืออัครมหาเสนาบดีกระทรวงมหาดไทน ๑ อัครมหาเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ๑ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ๑ นายกกรรมการซึ่งบัญชาการในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงนครบาล ๑ เสนาบดีกระทรวงวัง ๑ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ๑ กับอธิบดีกรมต่างๆ ซึ่งทรงกะว่าจะยกขึ้นเป็นกระทรวงเสนาบดีอีก ๖ ตำแหน่ง คือกรมยุทธนาธิการ ๑ กรมพระคลังมหาสมบัติ ๑ กระทรวงศาลยุติธรรม ๑ กรมธรรมการ ๑ กรมโยธาธิการ ๑ กรมราชเลขาธิการ ๑ รวม ๑๒ ตำแหน่งนั่งประชุมเป็นเสนาบดีสภา เสด็จประทับเป็นประธานเอง มีการประชุมปรึกษาหารือราชการต่างๆเป็นเนืองนิจมา ๓ ปี จนทรงพระราชดำริเห็นว่า ควรใช้เป็นแบบแผนในการปกครองพระราชอาณาจักรได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกาศตั้งเสนาบดี ๑๒ ตำแหน่ง เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๓๕ มีความในประกาศ(๑)ดังนี้
มีพระบรมราชโองการมานบัณฑูรสุรสิงหนาทในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ วรุตมพงศบริพัตร วรขัตตินราชนิกโรดม จาตุรตนบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยามทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ แลดินแดนทั้งหลายที่ใกล้เคียง คือลาว มลายู กะเหรี่ยง ฯลฯ ดำรัสเหนือเกล้าฯสั่งให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า มีพระราชหฤทัยหวังจะทำนุบำรุงแผ่นดินให้เจริญยิ่งขึ้นไปทุกเวลา แลจะรักษาขนบธรรมเนียมที่ดีให้คงมีอยู่ และจะผ่อนผันแก้ไขการที่เสียให้หมดสิ้นไป เพื่อประโยชน์ที่อาณาประชาราษฎรจะได้อยู่เย็นเป็นสุขทำมาหากินโดยชอบ บ้านเมืองจะได้เจริญทันกับกาลสมัยที่เป็นทั่วไปในโลกนี้ ทรงพระราชดำริเห็นว่าราชการบ้านเมืองย่อมจะเป็นที่เรียบร้อยได้ ด้วยจัดการแบ่งกระทรวงหน้าที่พนักงานให้ทำการเป็นหมวดเป็นหมู่ ให้สมควรแก่กำลังสติปัญญาสามารถของผู้ที่จะรับราชการฉลองพระเดชพระคุณในตำแหน่งนั้นๆ แลต้องแบ่งหน้าที่ราชการให้เป็นส่วนเป็นแพนกตามกระทรวง ราชการทั้งปวงจึงจะสำเร็จไปได้ทันกาลสมัยที่ควรจะเป็น เพื่อว่าถ้าทรงพระราชดำริจะให้จัดการสิ่งใด ก็จะได้มีหน้าที่จัดการสิ่งนั้นทันท่วงที ไม่มีที่ติดขัดข้องด้วยการดีการเจริญอันเป็นพระบรมราชประสงค์ ให้มีเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ประชาชนนั้นจึงจะเป็นผลสำเร็จบริบูรณ์ได้ เพราะเหตุฉะนี้จึงได้ทรงพระราชดำริแก้ไขธรรมเนียมกระทรวงของการที่เสียอยู่ให้ดีขึ้นใหม่เป็นขั้นๆ ตามกาลสมัยที่มีหน้าที่นั้นเกิดขึ้นใหม่ เพื่อความเจริญแก่บ้านเมืองดังกล่าวมาแล้ว แลเจ้ากระทรวงใหญ่ในพระราชกำหนดกฎหมายเดิมมีอย่างไรไม่ต้องกล่าวด้วยย่อมทราบอยู่ทั่วกันแล้ว แต่ตำแหน่งนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งเติมบ้างบางคราว แลงดเสียบ้างตามเวลาที่ควรจะมีจะเป็น จะกล่าวแต่ตำแหน่งเสนาบดี ๖ ตำแหน่งที่มีอยู่แต่แรกได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติมา มีอัครมหาเสนาบดี ๒ คือ (๑) เสนาบดีกรมมหาดไทย ที่สมุหนายก ได้บังคับบัญชาการหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งปวง (๒) เสนาบดีกรมพระกลาโหม ที่สมุหพระกลาโหม ได้บังคับบัญชาการหัวเมืองปักษ์ใต้ทั้งปวง แลกรมทหารบกทหารเรือ จัตุสดมภ์ทั้ง ๔ คือ (๑) เสนาบดีที่พระคลัง ได้บังคับบัญชาการต่งประเทศและกรมพระคลัง (๒) เสนาบดีกรมเมือง ได้บังคับบัญชาการรักษาพระนคร แลความนครบาล (๓) เสนาบดีกรมวัง ได้บังคับบัญชาการในพระบรมมหาราชวัง แล (๔) เสนาบดีกรมนาที่เกษตราธิการ ได้บังคับบัญชาการไร่นา รวมเป็น ๖ ตำแหน่ง นับว่าเป็นตำแหน่งประจำในที่ประชุมเสนาบดีฤาลูกขุน ณ ศาลา แลในที่ประชุมนี้บางทีมีพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์ แลขุนนางผู้ใหญ่บางท่าน อย่างเช่นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ แลเจ้าพระยาทิพากรวงศ์นั้นเป็นต้น อยู่ในที่ประชุมนี้ด้วย
ครั้นต่อมาในปีกุนสัแปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ (ร.ศ. ๙๔) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกกระทรวงพระคลังออกจากกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ขึ้น แลในปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕ (ร.ศ. ๑๐๒) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เติมกระทรวงโทรเลขแลไปรษณีย์ขึ้นใหม่ แลในปีกุนนพศก จุลศักราช ๑๒๔ธ๙ (ร.ศ. ๑๐๖) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แยกกรมทหารเรือทหารบกออกจากกรมพระกลาโหม ตั้งกรมยุมธนาธิการขึ้น แลในรัตนโกสินทรศก ๑๐๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รวมการโยธาต่างที่อยู่ในกระทรวงต่างๆมาตั้งเป็นกระทรวงโยธาธิการขึ้น แลรวมกรมโทรเลขไปรษณีย์เข้ามาในกระทรวงโยธาธิการ แลหรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกกรมธรรมการแลสังฆการีย์ที่ขึ้นอยู่ในกรมมหาดไทยมารวมกับกรมศึกษาธิการ เป็นกระทรวงหนึ่งต่างหากแล้ว บัดนี้ทรงพระราชดำริเห็นว่า กระทรวงเมืองซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเป็นกอมมิดตีบังคับการมาแต่ปีจออัฐศก จุลศักราช ๑๒๔๗ (ร.ศ. ๑๐๗)นั้น ได้จัดการแก้ไขเป็นแบบแผนขึ้นใหม่ควรให้เลิกกอมมิดตีนั้นเสีย ให้คงเป็นเสนาบดีไปตามเดิม แลกระทรวงเกษตราธิการที่ได้บังคับการโรงภาษีสินค้าเข้าออกนั้น ให้ยกขึ้นเป็นกระทรวงพระคลัง ให้คงแต่เกษตรพาณิชการ แลการเกษตรากรที่จัดขึ้นใหม่ต่อไป แลกระทรวงยุติธรรมที่ได้รวบรวมผู้พิพากษาและตระลาการพิจารณาคดีความนั้น ก็ให้จัดการขั้นต้นพอจะให้ราชการเป็นไปได้ในแห่งเดียวกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งเป็นกระทรวงใหม่ขึ้น แลกรมอาลักษณ์มีราชการหน้าที่มากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกขึ้นเป็นกระทรวงใหญ่เรียกว่ากระทรวงมุรธาธร แลกระทรวงยุทธนาธิการนั้นทรงพระราชดำริเห็นว่าราชการจัดลงเป็นแบบแผน และควรให้แก้กระทรวงลงเป็นกรมยุทธนาธิการ บังคับการกรมทหารบกทั้งปวง มีผู้บัญชาการให้มีเสมอเสนาธิการ แลให้เข้าที่ประชุมเสนาบดีด้วย แต่การบัตรหมายราชการทั้งปวงนั้น ให้กรมพระกลาโหมเป็นเจ้าหน้าที่ไปตามธรรมเนียมเดิม แลกรมทหารเรือ กรมช้าง กรมแสง ซึ่งยกเป็นกระทรวงยุทธนาธิการนั้น ให้ยกมาขึ้นกรมพระกลาโหม เมื่อได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดมีกระทรวงใหญ่ให้ประชุมกันปรึกษาราชการตามหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกัน เป็นที่ประชุมเสนาบดี ๑๒ ตำแหน่ง เรียกว่าเสนาบดีสภา ฤาลูกขุน ณ ศาลา อันจะมีหน้าที่รวมกันแลต่างกันโดยแพนก ซึ่งมีพระราชบัญญัติต่างหากจะประกาศต่อไปภายหลังแล้วดังนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสั่งว่า ให้บรรดาเสนาบดีทั้งปวงนี้ให้มียศเสมอเหมือนกันทั้งสิ้น ไม่ให้ถือว่าเป็นอัครมหาเสนาบดี ฤาเป็นจัตุสดมภ์ ฤาเป็นเสนาบดีตำแหน่งใหม่ แลพนักงานหน้าที่ของกระทรวงต่างๆ ทั้งปวงนี้จะได้มีพระราชบัญญัติออกต่อไปในภายหลังด้วย
เมื่อได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งตำแหน่งใหม่ฉะนี้แล้ว จึงทรงพระราชดำริว่าราชการกรมมหาดไทยทุกวันนี้มีมากขึ้น แลต้องการเร็วจะทอดทิ้งเป็นไปเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ เจ้าพระยารัตนบดินทรที่สมุหนายกนั้นก็ชรา ร่างกายทุพพลภาพมากจะเข้ามารับราชการประจำตามหน้าที่ ซึ่งต้องเป็นไปในระดับปัจจุบันนี้ไม่ไหว แต่เจ้าพระยารัตนบดินทรได้รับราชการมีความชอบมา หาได้มีความผิดร้ายในราชการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ จึงโปรดเกล้าฯให้ยกขึ้นเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ ไม่ประจำการกระทรวงตามอย่างเช่นเคยมีมาแต่ก่อน แลให้เข้าในที่ประชุมเสนาบดีสภาได้เป็นครั้งเป็นคราวตามเวลาที่สามารถทำได้ คงให้มีบรรดาศักดิ์สมุหนายกอยู่ตามเดิม
แลโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ รับตำแหน่งที่เสนาบดี บังคับการในกระทรวงนั้นทั่วไป อนึ่งกระทรวงเมืองนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ซึ่งได้เป็นกอมมิดตีผู้หนึ่งแต่ก่อนนั้น เป็นเสนาบดีว่าการกรมพระนครบาล อนึ่ง กระทรวงโยธาธิการที่โปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ เป็นอธิบดีอยู่ก่อนแล้วนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกเป็นเสนาบดีขึ้น อนึ่ง กระทรวงธรรมการและศึกษาธิการที่ว่างอยู่ ด้วยโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ไปเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแล้วนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ย้ายเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงเกษตรพานิชการมาเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการแลศึกษาธิการ อนึ่งกระทรวงเกษตรพานิชการที่ว่างอยู่ด้วยเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ไปเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการและศึกษาธิการนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาสรุศักดิ์มนตรี เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตรพานิชการ อนึ่ง กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมุรธาธรที่โปรดเกล้าฯให้ตั้งขึ้นใหม่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤติธาดา เป็นเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร อนึ่งกรมยุทธนาธิการนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดชเป็นผู้บัญชาการ อนึ่งตำแหน่งเสนาบดีอีก ๔ กระทรวงที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้คงอยู่ตามเดิม ให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งแลยศเสนาบดีทั้งปวงนี้ อุตส่าห์ทำการตามหน้าที่ให้สำเร็จโดยพระบรมราชประสงค์ ความงามความดีจะได้มีแก่ราชการบ้านเมืองจะได้เจริญยิ่งขึ้นไป
ประกาศมาแต่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท วันที่ ๑ เมษายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๑ เป็นศกที่ ๘๕๔๓ ในรัชกาลประจุบันนี้
ในการจักตั้งเสนาบดีสภานี้ เป็นการสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งซึ่งสมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการได้เป็นที่ทรงปรึกษาหารือโดยเฉพาะพระองค์มาแต่แรก แลเมื่อตั้งที่ประชุมเสนาบดีสภาแล้ว ได้ทรงเป็นหัวหน้าเสนาบดีในที่ประชุมเสนาบดีสภามาทั้ง ๒ รัชกาลจนตลอดพระชนมายุ ถ้าจะประมวลเวลาได้ถึง ๓๑ ปี เรื่องพระประวัติของสมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการแต่ตั้งเสนาบดีสภาแล้ว ยากที่จะนำมาเรียบเรียงในที่นี้เพราะราชการบ้านเมืองในรัชกาลที่ ๕ ที่ได้จัดให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นในระยะเวลา ๑๘ ปี นั้นมากมายหลายอย่างนัก อย่างใดที่จะไม่ได้เกี่ยวเนื่องถึงพระประวัติของสมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการนั้นแทบจะไม่มี ถ้าจะพรรณนาให้หมด ก็คือต้องแต่งเรื่องพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๕ ตลอดในตอนนั้น เห็นจะยืดยาวเกินประมาณ แต่การที่สมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณมาในตอนนี้อย่างไร มีกระแสพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวปรากฎอยู่ในพระราชหัตถเลขาซึ่งพระราชทานพระพรแก่สมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เมื่อพระชันษาครบ ๕๐ ได้นำสำเนามาพิมพ์ไว้ต่อไปนี้
สวนดุสิต
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๗
ถึง กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ
ฉันได้ทราบว่าปีนี้เป็นปีที่เธอทำบุญวันเกิดอายุครบ ๕๐ ปี จะกล่าวว่ายินดีที่เธอมีอายุมาถึงเพียงนั้นก็ไม่ใช่ ความยินดีบังเกิดจากแลถอยหลังขึ้นไป ว่าเธอกับฉันได้ทำราชการแลมีความรักใคร่อาศัยกันแลกันส่วนพี่น้อง ตั้งแต่เรายังเป็นเด็กด้วยกันมาล่วงเวลาช้านานจนถึงนับว่าเป็นคนแก่ด้วยกัน การที่ได้ทำมาแล้วล้วนเป็นการสำคัญๆ ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาหาเป็นชั้นๆจนถึงเวลาบัดนี้ เป็นข้อที่ควรยินดีต่อความสำเร็จอันเรามุ่งหมายได้กระทำให้เป็นไปได้ถึงเพียงนี้ เมื่อระลึกถึงการล่วงมาแล้วเช่นนี้ ให้บังเกิดความยินดีปลื้มเปรมในใจ จึงอาจจะนำมาชักชวนเธอให้ระลึกถึง แล้วบังเกิดความยินดีในใจเช่นได้เกิดขึ้นแก่ตัวฉัน เมื่อความยินดีเกิดขึ้นเช่นนั้นก็นับว่าเป็นมงคลอันอุดม
ส่วนการในอนาคต เมื่อพิจารณาดูฉันกับเธอก็ยังทำการมาด้วยกันอย่ในเวลานี้มีท่าทางจะได้อาศัยกันแลกัน ทั้งราชการแผ่นดินแลในการส่วนตัวสืบไปภายหน้าอีกช้านาน ไม่มีเหตุอันใดที่จะสอดแคล้วสงสัย ว่าเราจะไม่ได้ทำการไปด้วยกันจนสุดความสามารถ เมื่อแลดูการเช่นนี้ก็ให้เกิดความยินดีปรีดาในใจ ว่ายังจะได้ร่วมสุขร่วมทุกข์กันไปอีกนาน นับว่าเป็นมงคลประการที่สอง
อนึ่งด้วยเดชะความสัตย์ที่ฉันตั้งใจพระพฤติตัวอยู่ในธรรม ดำเนินราชการด้วยความมุ่งหมายให้ดำรงอิสรภาพของแผ่นดิน แลให้มีความสมัครสโมสรในพระราชวงศานุวงศ์ แลให้อาณาประชาราษฎรมีความสุขสำราญเจริญด้วยโภคทรัพย์ นี่เป็นความสัตย์ซึ่งตั้งอยู่ในใจฉัน อันสัตยาธิษฐานนี้ย่อมถือมาแต่โบราณ ว่าเมื่อนำมาแสดงเป็นสัจจาธิษฐานแล้ว จึงตั้งความปรารถนาอย่างหนึ่งอย่างใดก็อาจจะสำเร็จได้โยมากดังนี้
อาศัยเหตุที่ตั้งแห่งความสวัสดี ที่ได้ยกมากล่าวแล้ว ๓ ประการเป็นที่ตั้ง ขออำนวยพระให้เธอมีชนมายุยืนนาน ประกอบด้วยกำลังกายแลปฏิภาณยั่งยืนมั่งคงสืบไปในถายหน้า ความมั่นคงอันนี้จงเป็นเครื่องนำมาแห่งความสุขโสมนัสสวัสดิมงคลแก่ตัวเธอ ในอภิลักขิตสมัยอันนี้แลปีซึ่งจะเป็นไปในภายหน้า
ฉันได้ส่งเงิน ๕๐ ชั่งมาทำขวัญเท่าปีอายุของธอปีละชั่งเป็นส่วยพระราชทานของพระราชา กับดุมมือสำรับหนึ่งส่งมาเป็นส่วนซึ่งมิตรที่รักให้ต่อเธอ ขอให้รับไว้ใช้เป็นที่ระลึกกันสืบไป
(พระปรมาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
ถึงรัชกาลปัจจุบันนี้ทั้งตำแหน่งแลหน้าที่ของสมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ยิ่งสำคัญขึ้นกว่าในรัชกาลก่อนเพราะเป็นเวลาเปลี่ยนรัชกาล แลพระองค์ทรงเป็นหัวหน้าเสนาบดีทั้งปวงดังกล่าวมาแล้วประการ ๑ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระมาตุลาผู้ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกประการ ๑ ประกอบด้วยทรงเกียรติคุณสุนทรจรรยา เป็นที่สรรเสริญของบุคคลทุกชาติทุกชั้นบรรดาศักดิ์ จึงได้ทรงรับความนับถือของคนทั้งหลายทั่วไปว่าเป็นหลบักในราชการแผ่นดิน รองแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงมา ด้วยประการฉะนี้ทรงพระกรุณาโปรดฯให้เลื่อนพระเกียรติยศขึ้นเป็นกรมพระ ในคราวทรงตั้งกรมเจ้านายเป็นฤกษ์ในรัชกาลปัจจุบันนี้ เมื่อปีกุน พ.ศ. ๒๔๕๔ มีคำประกาศทรงยกย่องพระเกียรติคุณแลความชอบความดีดังนี้
อนึ่งทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการเป็นพระเจ้าบรมวงศ์ผู้ใหญ่ อันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยกย่องแลทรงเมตตาเป็นอันมาก ทั้งเป็นที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง ได้ทรงรับราชการฉลองพระเดชพระคุณเป็นเสนาบดีมานานยิ่งกว่าเสนาบดีทั้งปวงในกาลบัดนี้ อันหน้าที่ในราชการในแผนกว่าการต่างประเทศนั้นเล่า ก็นับว่าเป็นราชการอันสำคัญแลยากยิ่งนัก เพราะต้องทรงพระราชดำริคอยหาอุบายที่จะรักษาทางพระราชไมตรีระหว่างกรุงสยามกับนานาประเทศให้คงดีเป็นที่ปรองดองกันอยู่เสมอ ต้องคอยระวังรักษาพระเกียรติยศแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแลเกียรติยศแห่งชาติบ้านเมือง มิให้มีสิ่งใดมากระทั่งกระเทือนอันจะทำให้พระบรมเดชานุภาพมีหนทางที่จะเสื่อมถอย หรือเป็นที่สบประมาทได้แม้แต่นิดเดียว คอยทรงระวังพิจารณาดูความเจริญแห่งชาติอื่นๆว่าจะดำเนินไปทางใด แล้วแลคอยจัดการทางฝ่ายกรุงสยามให้เป็นไปตามสมควรเทียมทันนานาประเทศมิให้เสียเปรียบเข้าได้ ในการเหล่านี้ก็ย่อมจะต้องมีเวลาที่ทรงศึกษาโต้เถียงข้อราชการ กับผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศอยู่เนื่องๆ การที่ได้ทรงทำมาแล้วในทางนี้ นับว่าเป็นที่เรียบร้อยทุกคราวมา ทั้งชนชาวต่างประเทศก็พากันสรรเสริญพระปรีชาสามารถแลเป็นที่นิยมในพระอัธยาศัยอันสุภาพ ฝ่ายชาวไทยทั่วไปก็นิยมอยู่ว่าพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯประกอบด้วยพระสติปัญญาสามารถ ทรงรอบรู้ในวิทยาสาตร์ต่างๆ ทั้งหนทางแห่งพระดำริก็เป็นอย่างสุขุมรอบคอบ ปราศจากอคติทั้ง ๔ ประการ พระวาจาก็ไพเราะอ่อนหวานเป็นที่พึงใจ มีพระอัธยาศัยกอปรด้วยพระเมตตาการุณาภาพจึงเป็นที่ควรนับถือได้
อนึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ ก็เป็นพระราชโสทรเชษฐาธิบดีแห่งสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี ได้ทรงสำแดงความจงรักภักดีในส่วนพระองค์มาโดยเอนกประการ นับว่าเป็นมนตรีที่ปรึกษาส่วนพระองค์อันประเสรฐ สมควรที่จะเลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่เป็นที่ควรเคารพได้
จึงมีพระบรมราชโองการ ดำรัสสั่งให้เลื่อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ ขึ้นเป็นกรมพระมีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ ขัตติยพิศาลสุรบดี ศรีพัชรินทรภราดร สโมสรเอนกศาสตร์วิบูลย์ เกียรติจำรูญไพรัชการสุภสมาจารสารสมบัติ มัทวเมตตาธยาศรัย ศรีรัตนตรัยคุณานุสร สุนทรธรมิกบพิตร นาคนามให้ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรม ในพระบรมมหาราชวัง จงทรงจำเริญพระชนมายุ พรรณสุขพลปฏิ๓ณ คุณสารสมบัติ สรรสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล วิบูลยศุภผลสกลเกียรติยศ เดชานุภาพมโหราฬทุกประการ
ให้ทรงเลื่อนเจ้ากรม เป็นพระเทวะวงศ์วโรปการ ถือศักดินา ๘๐๐
ให้ทรงเลื่อนปลัดกรม เป็นหลวงภูบาลสวามิภักดิ ถือศักดินา ๖๐๐
ให้ทรงเลื่อนสมุหบาญชี เป็นขุนรักษ์พยุหพล ถือศักดินา ๔๐๐
ต่อมาทรงพระราชดำริว่า ที่ได้ทรงเลื่อนเป็นกรมพระนั้นยังไม่พอแก่ความชอบความดีที่ได้มีมาแต่หนหลัง แลยังไม่สมแก่ที่ทรงเคารพนับถือ จึงโปรดฯให้เลื่อนพระเกียรติยศขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาฯ เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๕๙ อีกครั้ง มีคำประกาศดังนี้
อนึ่งทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ ได้ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศมาช้านาน ได้ทรงกระทำความดีความชอบทั้งในราชการแผ่นดิน แลในส่วนพระองค์แต่ในรัชกาลที่ ๕ มาจนรัชกาลปัจจุบัน ราชการในหน้าที่จะมีสำคัญประการใด แลได้ทรงจัดราชการนั้นๆให้เป็นไปโดยเรียบร้อยประการใดมีปรากฏในประกาศเลื่อนกรมครั้งก่อนนั้แล้ว ต่อมาราชการในหน้าที่ยิ่งสำคัญมากขึ้น กล่าวคือการรักษาความเป็นกลางในระหว่างมหาประเทศ ที่มีทางพระราชไมตรีกับกรุงสยามทำสงครามแก่กัน จึงได้ทรงผ่อนผันจัดราชการนั้นๆให้เป็นไปตามกระแสพระบรมราโชบายมิได้คลายเคลื่อน จึงมิได้มีเหตุกระทบกระเทือนให้เป็นที่มัวหมองแก่ทางพระราชไมตรีกับนานาประเทศแม้แต่เล็กน้อย เป็นเหตุประกอบให้เจริญพระราชอิสริยยศปรากฏพระเกียรติคุณแผ่พ่านไป กระทำให้มหาประเทศทั้งปวงมีความนับถือพระราชกฤดาภินิหารยิ่งขึ้น จนสมเด็จพระเจ้ากรุงอังกฤษทรงถวานพระราชอสริยยศตำแหน่งนายพลเอกพิเศษกองทัพบกอังกฤษ แลทรงรับตำแหน่งนายพลเอกพิเศษกองทัพบกสยาม อันพระราชาธิบดีในชมภูทวีปยังมิเคยทรงรับเลยนั้นเป็นต้น ในส่วนพระองค์ทรงนับว่าพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการเป็นเอกอัครมนตรี ผู้ที่ได้ทรงปรึกษาสรรพราชกิจน้อยใหญ่ได้สมพระราชหฤทัยได้ทุกเมื่อ เพราะพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯพระองค์นั้น ทรงมีความชำนาญในเชิงรัฐประศาสโนบายหาผู้ใดเปรียบปานได้โดยยาก ทั้งทรงเป็นผู้ที่กราบบังคมทูลความเห็นโดยตรงทุกเมื่อโดยความจงรักภักดี และประกอบด้วยสัตยธรรมสุจริต ปราศจากอคติทั้งสี่ประกาณ จึงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยแลทรงเคารพอยู้พระองค์หนึ่ง
อนึ่งก็ทรงพระเจริญวัยอยู่ในชั้นพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่แล้วสมควรจะเพิ่มพระราชอิสริยยศให้ใหญ่ยิ่งขึ้น
จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้เลื่อนพระบรมวงศ์เธอ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ เป็นสมเด็จกรมพระยา มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ขัตติยพิศาลสุรบดี บรมราชินีศรีพัชรินทรภราดร สโมสรเอนกนิติปรีชา มทาสุมัตยานุวัตรวิบูลย์ ไพรัชราชกิจจาดุลย์สุนทรปฏิภาณ นิรุกติญาณวิทยาคณนาทิศาสตร์ โหรกลานุวาทนานาปกรณ์ เกียรติกำจรจิรกาล บริบูรณ์คุณสารสมบัติ สุจริตสมาจารย์วัตรมัทวเมตตาชวาธยาศรัย ศรีรัตนตรัยสรณธาดา กัลยาณธรรมิกนาถบพิตร นาคนาม ให้ทรงศักดินา ๓๕๐๐๐ เป็นพิเศษ ในตำแหน่งพระองค์เจ้าต่างกรมผู้ใหญ่ในพระบรมมหาราชวัง จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณสุขพลปฏิภาณ คุณสารสมบัติสรรสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล วิบูลยศุภผลเกียรติยศ อิสริยศักดิเดชานุภาพมโหฬารทุกประการ
ให้ทรงเลื่อนเจ้ากรม เป็นพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ถือศักดินา ๑๐๐๐
ให้ทรงเลื่อนปลัดกรม เป็นพระภูบาลสวามิภักดิ ถือศักดินา ๘๐๐
ให้ทรงเลื่อนสมุหบาญชี เป็นหลวงรักษ์พยุหพล ถือศักดินา ๕๐๐
นอกจากพระราชทานพระเกียรติยศดังกล่าวมา ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังเทวะเวสม์พระราชทานที่ริมแม่น้ำ ณ ตำบลบางขุนพรหม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานที่ดินไว้แต่ก่อนนั้น ให้เป็นที่ประทับให้ทรงพระเกษมสำราญในเวลาเมื่อมีพระชันษามาก เมื่อสร้างวังนั้นสำเร็จไสด็จขึ้นวังพร้อมกับทรงบำเพ็ญพระกุศล ฉลองพระชนมายุ แลอายุหม่อมใหญ่ เทวกุล ณ กรุงเทพฯ ครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ เมื่อพ.ศ. ๒๔๖๑
.....................................................................................................................................................................
(๑) ประกาศนี้เข้าใจว่า สมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เป็นผู้ร่างตามกระแสรับสั่ง
ประวัติบุคคลสำคัญ พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ราชหัตถ์ขวา