๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓ // 2020年3月20日 // March 20, 2020 วันนี้ฉันตื่นนอนมา เจอหมาแมวของตัวเอง ฉันรีบเดินเข้าไปกอดพวกมัน และบอกกับพวกมันว่า "แม่ยังอยู่นะลูก แม่ยังมีชีวิตอยู่กับพวกหนูนะ" ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดกับลูก ๆ ของฉันแบบนี้ทุกวันนั่นแหละ ฉันให้สัญญากับพวกมันทุกวันว่า "แม่จะอยู่กับพวกหนู จนถึงตัวสุดท้าย" หมายถึง ฉันไม่รู้ว่าตัวไหนจะเป็นตัวสุดท้ายในบรรดา 13 ตัว แต่ไม่ว่าตัวไหนจะจากฉันไปตัวสุดท้าย ฉันก็จะอยู่กับมันจนครบอายุขัยของพวกมันทุกตัว ไม่มีคำว่าไม่ไหว ไม่มีคำว่ายอมแพ้ ไม่มีคำว่าจากไปไหน "แม่รักพวกหนูมากนะ" พอหมดพวกมัน ฉันก็พอแล้ว ฉันไปแล้ว ไปไหน? 5555555555555555 ไปไหนก็ได้ เหนื่อยแล้ว คิดถึงพ่อกับแม่แล้ว แต่แน่นอนว่า ชีวิตฉันจะไม่สูญเปล่า ฉันจะอุทิศชีวิตที่เหลือให้เป็นประโยชน์ ฉันสัญญา แต่ตอนนี้ ยังทำไม่ได้ เพราะฉันต้องมีชีวิตอยู่เพื่อหมาแมวของฉันก่อน เพราะถ้าฉันทำอะไรที่ไม่ระมัดระวังตัวเอง สิ่งที่จะเดือดร้อนนั่นคือหมาแมวของฉัน เพราะมันจะลำบากแน่ ถ้าไม่มีฉัน มันอาจจะดูไร้สาระไปสักหน่อย ที่มีชีวิตอยู่เพื่อหมาแมวของตัวเอง แต่ว่า... ฉันรักพวกมันอ่ะ แล้วฉันก็รู้ว่าพวกมันก็รักฉัน อาจพูดได้ว่า"นี่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสิ่งใหญ่ที่สุดเลยที่ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป" พูดแล้วจะร้องไห้ ซึ้ง 55555555555555 อืม... ตอนนี้ สถานการณ์เรื่องไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 ก็ยังคงมีเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ เราวิตกกังวลเกี่ยวกับประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะจีนและเกาหลีใต้ รองลงมาคืออิหร่าน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง แต่ตอนนี้ ทางแถบนี้ ค่อนข้างที่จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ถึงแม้สถานการณ์มันยังไม่ดีขึ้นไปซะทีเดียว แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายลงเหมือนในตอนช่วงแรก แต่กลายเป็นว่า ในตอนนี้ สถานการณ์ในทวีปยุโรปนั้น ค่อนข้างหนักหนาสาหัสมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอิตาลี ถัดมาคือสเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน พบยอดผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และประเทศอิตาลีมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสูงกว่าประเทศจีน ที่เป็นประเทศต้นทางของการระบาดไวรัสนี้ไปแล้ว และประเทศไทยของเรา ก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ในช่วงแรก ๆ ที่ทางแถบเอเชียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ไทยเรากลับไม่ค่อยมี มีน้อย แต่พอทางแถบเอเชียเขาเริ่มพบผู้ติดเชื้อน้อยลง แต่ไทยเรากลับสวนทาง ไทยเรากลับพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่ก็คือมาจากสนามมวย ฉันคิดไว้แล้ว วันนั้น ฉันยังตงิด ๆ ในใจ ฉันเดินผ่านห้องนึง ได้ยินเสียงรายการมวย ได้ยินเสียงพิธีกร ฉันจำเสียงเขาได้ ฉันก็ยังสงสัยในใจว่า ... "เอ๊ะ!! ยังมีมวยให้ดูอีกเหรอ? ทั้งที่ฟุตบอลไทย เขาให้เลื่อนแข่งไปแล้ว วอลเลย์บอลก็แข่งแบบไม่มีคนมาดู" แล้วฉันก็คิดต่อไป ... "เอ๊ะ!! หรือเขาแข่งมวยแบบไม่มีคนดู" คือฉันไม่ได้เข้าไปในห้องนั้น ไม่ได้ดูในทีวี ก็เลยไม่รู้ว่ามีคนดูหรือไม่มี ฉันฟังแต่เสียงเอา ก็ได้ยินเสียงว่ามีรายการมวย ก็ยังแปลกใจว่าในสถานการณ์แบบนี้ที่การแข่งขันกีฬาอื่น ๆ ถูกเลื่อน ห้ามไม่ให้คนดูมาดู แต่ทำไมรายการมวยถึงยังจัด ยังมีอยู่ ก็เลยสงสัย จากนั้น ไม่กี่วันต่อมา ข่าวออกเลย ติดเชื้อไวรัสเพิ่ม จากสนามมวย ฉันคิดในใจ"ว่าแล้วเชียว" เพราะฉะนั้น อะไรก็ตามในสถานการณ์ตอนนี้ อย่าเพิ่งจัดงานให้คนมารวมตัวกันเยอะเลยค่ะ เลื่อนไปก่อน รอให้สถานการณ์มันดีขึ้นกว่านี้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน เป็นกำลังใจให้กับหมอและพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอให้พวกคุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปลอดภัย มีกำลังกายและกำลังใจที่เข้มแข็งแบบนี้ตลอดไปนะคะ ตอนนี้ หลักการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสนี้ก็ยังเหมือนเดิม 1.ล้างมือบ่อย ๆ 2.กินอาหารร้อนและปรุงสุก ไม่กินร่วมช้อนกับใคร 3.ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด ไอจาม น้ำมูกไหล หรือใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ แออัด และ!! เพิ่มข้อปฏิบัติอีกอย่างนึงคือ"เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล" ห่างกันประมาณ 2 เมตร เท่าไหนอ่ะ ไม่เก่งเลข 5555555555 เท่าไหนอ่ะ ไม่รู้ ก็นั่นแหละ คุยกันห่าง ๆ แล้วกันเนอะ คืออย่างนี้ โรคไวรัสนี้ มันติดกันได้ก็เพราะน้ำลายเนี่ยแหละ พอคนเราไอหรือจาม น้ำลายก็จะกระเด็น เขาก็เลยให้เราเว้นระยะห่างกันไว้ประมาณ 2 เมตร อย่ามาอยู่ใกล้ ๆ กัน ยืนห่าง ๆ กันหน่อย เช่น รอคิวก็ยืนห่าง ๆ กัน คุยก็ยืนห่าง ๆ กัน นั่งก็นั่งห่าง ๆ กัน อะไรประมาณนี้ แล้วก็ อย่ารวมกลุ่มกัน คือพยายามอยู่กันแบบแยก ๆ เพราะการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล มันสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ไม่ให้แพร่กระจายไปในวงกว้างได้ ในช่วงระหว่างที่เรากำลังรอวัคซีน เราก็ต้องทำแบบนี้ไปก่อน เพราะมันปลอดภัย ก่อนที่จะมีไวรัสนี้ ฉันก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอดเลย รักสันโดษ อีกนิดเดียวก็จะไปอยู่ป่าแล้ว ที่ฉันเคยเขียนบอกไปไง ฉันก็เลยไม่รู้สึกว่าฉันจะใช้ชีวิตลำบากอะไรเลยในตอนนี้ เป็นปกติมาก 55555555555555 ตอนนี้ฉันก็ยังคงมีความรู้สึกเดิมคือ"เรียบเฉย สงบนิ่ง สุขุม" ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะมันคือรูปแบบการใช้ชีวิตของฉันอยู่แล้ว ฉันทำแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว ดูแลตัวเองมาตั้งนานแล้ว ก่อนมีไวรัส ระยะห่างก็มีมานานแล้ว ไม่ค่อยอยากสุงสิงหรือสนิทกับใคร รู้จักแค่ผิวเผินพอ สนิทกันมาก ๆ แล้วรำคาญ อย่ามาแท็กกู!! 55555555555555 แต่คำว่าระยะห่าง ถ้าตอนนี้พ่อกับแม่ของฉันยังอยู่ ฉันคงเสียใจมาก เพราะในสถานการณ์แบบนี้ ฉันคงจะไม่ได้กอดหอมพ่อกับแม่ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันเสียใจเลยนะ ดีนะที่พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว ในเวลานี้ ฉันก็เลยโชคดีที่ไม่ต้องรู้สึกแบบนั้น ทุกวันนี้ ฉันกอดหอมแต่หมาแมวของฉัน ไม่มีทางเป็นไวรัสได้นะ เพราะมันคนละอย่างกับคน วันนี้ฉันมีเพลงที่เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้มาฝาก ไปฟังกัน "ระยะห่าง" ยากเพียงใดที่จะไม่รัก ยากยิ่งกว่านั้นถ้าจะไม่แคร์ เมื่อเราเองต่างมีข้อแม้ และมีเงื่อนไขที่ใจต้องยอมรับมัน ต่อให้รักมากมายเท่าไหร่ คงต้องยิ่งไกลจากเธอเท่านั้น อยากอยู่ใกล้เธอสักแค่ไหน ก็คงต้องห่างไว้ ก็เพราะไม่อยากหวั่นไหวไปมากกว่านี้ ให้เรามีระยะห่างไว้ เมื่อทำได้เท่านี้ เก็บความรู้สึกที่แสนดีให้มันอยู่ในใจ เมื่อใจเราต่างคนต่างรู้ ว่าไม่อาจยืนคู่กันและกัน หนึ่งก้าวที่เธอห่างจากฉัน ไม่ทำให้รักของเราต้องจางหายไป แต่ว่ารักมากมายเท่าไหร่ คงต้องยิ่งไกลจากเธอเท่านั้น อยากอยู่ใกล้เธอสักแค่ไหน ก็คงต้องห่างไว้ ก็เพราะไม่อยากหวั่นไหวไปมากกว่านี้ ให้เรามีระยะห่างไว้ เมื่อทำได้เท่านี้ เก็บความรู้สึกที่แสนดีให้มันอยู่ในใจ ตรงมั้ย? ตอนนี้ ถ้าคุณรักใคร ให้คุณห่างจากเขานะ คุณกับเขาจะปลอดภัย มิน่าละ เพราะฉันรักยามะพีมากนี่เอง เห็นมั้ย? ฉันเลยเว้นระยะห่างกับเขา ห่างกันคนละประเทศเลย 555555555555555555 ญี่ปุ่นกับไทย รักมาก ก็ห่างมาก ขอเป็นกำลังใจให้กับโลกใบนี้นะคะ สู้!! เพราะระบุเป็นประเทศ คงจะไม่หมด มันเยอะมาก ไวรัสนี้มันลุกลามไปหลายประเทศมาก มันร้ายจริง ๆ เพราะฉะนั้น ขอเป็นกำลังใจให้กับโลกใบนี้นะคะ ถ้าฉันพูดว่า โลกจะต้องชนะ มันจะขำมั้ย? 5555555555555 Facebook |