๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ // 2020年2月5日 // February 5, 2020 เดี๋ยวนี้ ฉันกลายเป็นคนที่แบบว่า"อะไรก็ได้" ความจริง นิสัยแบบนี้ ฉันก็เป็นมาตลอดชีวิตแหละนะ 555555555 แต่ว่า เมื่อก่อน ฉันยังเป็นแค่ครึ่งเดียว ก็คือ"อะไรก็ได้"ครึ่งนึง และอีกครึ่งนึงคือ"ฉันสู้นะ!!" แต่เดี๋ยวนี้ ฉันกลายเป็นนิสัย"อะไรก็ได้"ไป 99% แล้ว คือแบบว่า"ยังไงก็ได้ อะไรก็ได้ ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร" อะไรประมาณนั้น ถ้าเปรียบก็คือ ... คล้าย ๆ กับคนใกล้จะตัดทางโลกแล้วอ่ะ ไม่รู้สิ!! ฉันไม่สามารถเล่าเรื่องราวในชีวิตของฉันได้ทั้งหมดหรอก ฉันก็แค่เบื่อ ๆ แค่นั้นแหละ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดในชีวิต มันไม่ค่อยจะเป็นดั่งใจเรามั้ง ฉันก็เลยเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย คนเราเมื่อมีทุกข์ ก็ต้องหาหนทางที่จะดับทุกข์ เมื่อดับทุกข์ไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและอยู่กับมันให้ได้ ไอ้คำว่า"ปล่อยวางและอยู่กับมันให้ได้"นี่แหละ!! ที่ทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ปลงตก 555555555555 ทำให้ฉันต้องบอกกับตัวเองทุกครั้งว่า"อืม...ช่างมันเถอะ" พอพูดแบบนั้นบ่อย ๆ เข้า ก็ทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ปลงตกไปเลย คือ ปล่อยวาง ทุกสิ่งทุกอย่างคือคล้ายจะว่างเปล่าไปหมดเลย เหมือนเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ไม่คิดอะไร ปล่อยใจว่างเปล่า ก็แค่... อยู่เพื่อหมาแมวที่ตัวเองเลี้ยงไว้ แค่นี้แหละที่ฉันคิดในตอนนี้ ถามว่า ฉันมีความสุขมั้ย? มีสิ!! ฉันมีความสุขเพราะได้อยู่กับหมาแมวที่ฉันรัก แต่ถามว่าทุกข์ของฉันคืออะไร? ทุกข์ของฉันก็คือฉันรู้ความต้องการของตัวเอง ฉันรู้เป้าหมายของตัวเอง แต่ฉันไม่สามารถที่จะพาตัวเองไปอยู่ในสิ่งที่ฉันต้องการได้ในเวลานี้ นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันเป็นทุกข์ เมื่อทุกข์มาก ๆ เข้า มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจจนร้องไห้อะไรนะ ฉันไม่ได้ร้องไห้มานานมากแล้ว แต่เมื่อทุกข์มาก ๆ เข้า ฉันไม่ร้องไห้เลย เหมือนชินชาไปแล้ว เหมือนไปขั้นสุดแล้ว นั่นคือ กลายเป็นความเบื่อเข้าครอบงำในชีวิตแทน แน่นอนว่า ความเบื่อนี้ ไม่ได้ก่อตัวมาแค่ไม่กี่ปี แต่มันก่อตัวมาตั้งแต่เริ่มต้น ต้องย้อนไปตั้งแต่เริ่มต้น แต่ฉันก็คงไม่สามารถเล่าเรื่องราวอะไรในชีวิตของฉันได้ เพราะมันไม่จำเป็นที่เราต้องเปิดเผยทั้งหมดว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีเรื่องอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตของเราบ้าง มันถึงได้ทำให้ฉันคนนี้เนี่ย กลายเป็นคนที่"อะไรก็ได้"ไปอย่างเกือบสมบูรณ์ อดทน ต้องขอบคุณหมาแมวของฉันที่ทำให้ฉันยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ และแน่นอนว่า ... หมาแมวของฉันก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปจนถึงอนาคต พวกมันจะจากฉันไปด้วยอายุขัย ก็คือ ตอนที่ฉันอายุประมาณ 50 ปี อดทน!! แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น สิ่งที่ฉันเป็นทุกข์นั่นคือ"การที่ฉันไม่สามารถมีชีวิตอย่างที่ฉันต้องการได้" นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันเป็นทุกข์ ใช่!! เป็นความผิดของฉันเองที่ฉันไม่มีศักยภาพมากพอ ฉันยอมรับนิสัยของฉันในส่วนนี้ นิสัยที่ว่า พอมีอะไรมากระทบจิตใจเข้าหน่อย ก็ยอมแพ้ง่ายเกินไป เมื่อยอมแพ้ง่ายเกินไป ก็เลยรู้สึกไม่อยากสู้แล้ว พอไม่อยากสู้ ก็เลยเกิดความรู้สึกเบื่อ พอเบื่อ ก็เลยกลายเป็นยินยอม กลายเป็นคนที่"อะไรก็ได้" การที่ฉันกลายเป็นคนที่"อะไรก็ได้" ข้อดีของมันคือ ทำให้ฉันรู้สึกไม่หนัก ไม่แบกอะไรไว้บนบ่า เพราะฉันไม่รู้สึกถึงความแข่งขัน ไม่รู้สึกว่าฉันต้องต่อสู้ ฉันรู้สึกแค่ว่าฉันเบื่อและเหนื่อย เพราะฉะนั้น ฉันก็ต้องวางมันลง ฉันก็ไม่แบก ไม่แบกก็ไม่หนัก แต่ข้อเสียของมันคือ ต้องใช้คำนี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่า"หมดอาลัยตายอยาก" คือแบบว่า ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษ ไม่อยากสู้กับใครทั้งนั้น ยกให้ เอาไปเถอะ อะไรทำนองนั้น ฉันไม่โทษใครนะ ฉันโทษตัวเองอย่างเดียวเลย เพราะฉันก็ยังเชื่อในความคิดของฉันอยู่เสมอว่า "คนที่ทำร้ายเราได้มากที่สุดนั่นก็คือตัวเราเอง" ฉันนี่แหละที่จะพาตัวเองออกจากความเบื่อได้ ฉันเท่านั้น ไม่มีใครเลย ต่อให้ใครจะพูดยังไง ถ้าเราไม่พาตัวเองออกไป ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ทั้งนั้น คงจะมีแค่คำพูดของพ่อแม่ฉันเท่านั้นแหละมั้ง ที่อาจจะช่วยฉันได้ เพราะเป็นคำพูดของคนที่ฉันรักและศรัทธา แต่... เขาสองคนก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพราะฉะนั้น ก็มีแค่ฉันนี่แหละที่จะพาตัวเองออกไปให้พ้นจากความเบื่อหน่ายได้ ฉันก็เขียนของฉันไปเรื่อย อย่ามาเครียดอะไรกับฉันล่ะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าเป็น คงเป็นไปนานแล้ว 55555555555555 ฉันก็แค่เขียน ๆ ระบายความรู้สึกไป แต่ทั้งหมดทั้งมวล สิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ในชีวิตของฉันตอนนี้ก็คือ "ฉันกลายเป็นคนที่อะไรก็ได้ไปแล้วจริง ๆ" |