ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
22 พฤศจิกายน 2553
 

บำเหน็จ

21 พฤศจิกายน 2010
คริสตจักร ยะลา

วิวรณ์ 22:10-13
10.... "อย่าประทับตราไว้ปิดคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ เพราะว่าใกล้จะถึงเวลานั้นแล้ว
11ผู้ที่เป็นคนอธรรมก็ให้เขาประพฤติอธรรมต่อไป ผู้ที่เป็นคนลามกก็ให้เขาลามกต่อไป ผู้ที่เป็นคนชอบธรรมก็ให้เขากระทำการชอบธรรมต่อไปและผู้ที่เป็นคนบริสุทธิ์ ก็ให้เขาเป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป"
12"ดูเถิด เราจะมาในเร็วๆนี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนการกระทำของทุกคน
13เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน"


อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าผู้เที่ยงแท้สูงสุด พระองค์ผู้เดียวสมควรแก่การสรรเสริญ เราเข้ามาต่อพระพักตร์พระองค์วันนี้เพื่อสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ และเพื่อโมทนาขอบพระคุณสำหรับความรักที่ทรงมีต่อเราทั้งหลาย ขอบพระคุณสำหรับแผนการแห่งการช่วยกู้ เพื่อให้เราได้รับความรอด พ้นจากการพิพากษาโทษ เข้ามามีส่วนร่วมกับพระองค์โดยทางพระบุตร ขอทรงเปิดตาใจของเราในวันนี้เพื่อเราจะดำเนินกับพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี และมองไกลออกไปถึงความชื่นชมยินดีในบำเหน็จที่ทรงเตรียมไว้ให้เรา แม้ว่าเราจะพบกับความยากลำบากในโลกนี้ แต่เราจะได้ฉลองชัยชนะกับพระองค์ในแผ่นดินสวรรค์


ขอบคุณพระเจ้าที่จังหวัดยะลาไม่ได้เกิดภัยพิบัติจากน้ำท่วมในเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าในหลายๆจังหวัดได้รับความเสียหายอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้ารักคนเหล่านั้นน้อยกว่าเรา หรือเพราะจังหวัดยะลาเรามีอะไรที่ดีกว่าจังหวัดอื่นๆจึงไม่มีเรื่องต้องเดือดร้อน แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็เพื่อมนุษย์ทุกคนจะได้รับการเตือนสติจากพระเจ้า

ภัยพิบัติครั้งนี้เตือนสติอะไรเราบ้าง ผมเองเห็นอย่างน้อย 4 ประการ
-ประการแรก ภัยครั้งนี้ฝ่ายบริหารบ้านเมืองก็ได้มีการออกประกาศเตือนล่วงหน้า และได้พยายามป้องกันอย่างสุดความสามารถ ต่างจาก 10 ปีก่อน ที่เกิดเหตุโดยไม่ได้เตรียมการ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งภัยพิบัติได้
-ประการที่สอง คงเป็นเรื่องของการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ เราเห็นได้ว่ามีหลายครอบครัว ได้ตระเตรียมอาหารสำรอง ขนย้ายข้าวของ แต่ก็มีหลายครอบครัวที่ไม่ได้เตรียมอะไรเลย ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็แตกต่างกันออกไป
-ประการที่สาม ท่าทีของประชาชนต่อเหตุการณ์ บ่น ต่อว่า เรียกร้อง ฉวยโอกาส(นักการเมือง) น้ำใจ อุทิศตัว ฯลฯ
-ประการที่สี่ การคาดการถึงภัยพิบัติในอนาคต

พี่น้องอาจเห็นมากกว่านี้ ซึ่งหากมีโอกาสก็อยากรับฟังการแบ่งปันข้อคิดจากพี่น้องบ้าง

เราได้ศึกษาเรื่องราวของเส้นทางชีวิตคริสเตียน ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปีแล้ว วันนี้เป็นตอนสุดท้าย ผมเชื่อว่าเรื่องราวของตอนสุดท้ายนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย

ผมได้เคยยกตัวอย่างว่า คริสเตียนนั้นมีชีวิตเหมือนกับข้าราชการ ผมไม่ได้หมายความว่าคริสเตียนมีชีวิตเช้าชามเย็นชามนะครับ เพราะข้าราชการก็ไม่ได้มีไว้เพื่อให้เป็นอย่างนั้น แต่ผมกำลังหมายถึงความหมายของตำแหน่ง และอะไรๆอีกหลายประการที่อาจจะเทียบเคียงกันได้

ความหมายของคำว่า “ข้าราชการ” แปลว่า ผู้ที่รับใช้ทำการงานของพระราชา ข้าราชการที่ซื่อสัตย์และน่าเคารพยกย่องหลายๆท่านในประเทศของเราได้อุทิศตัวทำงานอย่างทุ่มเท ก็เพราะความเคารพรักที่มีต่อในหลวง แม้ว่าการอุทิศตัวนั้นทำให้เขาไม่มีโอกาสสร้างฐานะของตัวเอง แต่เขาได้ทำหน้าที่ข้าราชการอย่างดีเลิศ ซึ่งผมเชื่อว่าเราสามารถมองเห็นภาพเปรียบเทียบได้ชัดเจนว่า คริสเตียนมีชีวิตอยู่ก็เพื่อรับใช้ทำการงานของพระเจ้า คริสเตียนที่รักพระเจ้าก็จะอุทิศตัวและทุ่มเทอย่างนั้นเช่นกัน แม้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปีจะไม่มีสิ่งใดสำหรับตนเอง แต่เขาก็ได้ทำหน้าที่อย่างสัตย์ซื่อแล้ว
2 ทิโมธี 4:5-8
5แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
6เพราะว่าข้าพเจ้ากำลังจะตกเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป
7ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุดข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว
8ต่อแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะทรงประทานแก่คนทั้งปวงที่ยินดีในการเสด็จมาของพระองค์


ข้าราชการได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินงานในนามของพระราชา ดังจะเห็นว่ามีตราครุฑ อันเป็นเครื่องหมายตราประทับของพระราชาในเอกสารต่างๆของทางราชการ คริสเตียนก็เช่นกันได้รับมอบอำนาจให้กระทำการงานต่างๆในนามของพระเยซู ตราประทับก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของคริสเตียน
มัทธิว 18:18-20
18เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า สิ่งสารพัดซึ่งท่านจะกล่าวห้ามในโลก ก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งซึ่งท่านจะกล่าวอนุญาตในโลก ก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์เหมือนกัน
19เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายอีกว่า ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้
20ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น"


ข้าราชการไม่ใช่เจ้าของหน่วยงาน แต่มีหน้าที่ดูแลรักษา และบริหารกิจการให้เกิดผลตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย บางหน่วยงานมีรถยนต์และมีผู้ได้รับมอบหน้าที่ในการดูแลและใช้งาน แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์นั้น แต่ก็เป็นผู้มีหน้าที่ดูแล หากว่าจะมีใครมาเอารถนั้นไปใช้งานอย่างไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง เขาก็มีหน้าที่ที่จะปกป้องไว้ แม้คนที่จะมาเอารถนั้นจะบอกว่า 'คุณไม่ใช่เจ้าของรถนั้น คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม' ไม่ทราบว่าพี่น้องคิดอย่างไร คริสเตียนก็ไม่ได้มีฐานะเป็นเจ้าของคริสตจักร แต่มีหน้าที่ดูแลรักษา และบริหารกิจการของคริสตจักรให้เกิดผลตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน การที่บอกว่าไม่ได้เป็นเจ้าของนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะปล่อยปละละเลย ใครจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบดูแล แต่จริงๆแล้วคริสเตียนมีหน้าที่ที่ต้องดูแลคริสตจักรของพระเจ้า
ลูกา 12:42-48
42 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "ใครเป็นคนต้นเรือนสัตย์ซื่อและฉลาด ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกคนใช้สำหรับแจกอาหารตามเวลา
43 เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น บ่าวผู้นั้นก็จะเป็นสุข
44 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน
45 แต่ถ้าบ่าวนั้นจะคิดในใจว่า "นายของข้าคงจะมาช้า" แล้วจะตั้งต้นโบยตีบ่าวชายหญิงและกินดื่มเมาไป
46 นายของบ่าวผู้นั้นจะมาในวันที่เขาไม่คิด ในโมงที่เขาไม่รู้ และจะทำโทษเขาถึงสาหัส ทั้งจะขับไล่เขาให้ไปอยู่กับคนที่ไม่สัตย์ซื่อ
47 บ่าวนั้นที่ได้รู้ใจนายและมิได้เตรียมตัวไว้ มิได้กระทำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก
48 แต่ผู้ที่มิได้รู้ แล้วได้กระทำสิ่งซึ่งสมจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากผู้นั้นมากและผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ก็จะต้องทวงเอาจากผู้นั้นมาก


เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ในงานราชการ เป็นสิ่งที่จัดให้มาเพื่อประโยชน์แก่กิจการงานของทางราชการ และสมควรถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่องานของทางราชการ คริสเตียนก็ได้รับมอบเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งในรูปแบบของสิ่งที่จับต้องได้เช่นทรัพย์สินต่างๆ และในรูปแบบของสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่นความสามารถพิเศษ หรือของประทานฝ่ายพระวิญญาณ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่กิจการงานของพระเจ้า ข้าราชการสามารถร้องขอเบื้องบน เพื่อรับการสนับสนุนเพิ่มเติมได้ ในกรณีที่มีความยากลำบากในการปฏิบัติงานบางอย่าง หรือขาดบุคลากรในด้านต่างๆ คริสเตียนสามารถอธิษฐานต่อพระเจ้าเบื้องบนได้เช่นกัน ในกรณีที่พบกับอุปสรรคที่ไม่อาจก้าวข้ามไปได้ หรือขาดคนทำงาน
ยากอบ 1:5
5ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญาก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ

มัทธิว 9:37-38
37แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ ว่า "ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่
38เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์"


ข้าราชการได้รับการเลี้ยงดู มีเงินเดือน มีสวัสดิการต่างๆ มีการสนับสนุนส่งเสริมพัฒนาเพิ่มเติมศักยภาพ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คริสเตียนก็ได้รับการเลี้ยงดูจากพระเจ้าเช่นกัน ในเรื่องนี้บางทีเราอาจเห็นความคล้ายคลึงอีกอย่างคือ ข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย เหมือนกับที่คริสเตียนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย หากว่ารู้จักประมาณตนในการใช้จ่าย เงินเดือนที่เบื้องบนจ่ายให้นั้นก็เพียงพอสำหรับการกินอยู่อย่างไม่ลำบาก แต่ปัญหาหนี้สินของข้าราชการที่เราได้ยินข่าวมานั้น ส่วนใหญ่ก็มักเกิดจากการใช้จ่ายเกินฐานะ ข้าราชการที่ร่ำรวยนั้นบางทีเราอาจมองเขาอย่างไม่ยุติธรรม แม้ว่าจะมีบางคนที่ร่ำรวยจากการคดโกงจริง แต่ก็มีข้าราชการที่ดีบางคนมาจากวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวยและยังปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมรับใช้งานราชการ คริสเตียนก็เช่นกัน ไม่ได้หมายความว่าคริสเตียนที่ดีจะต้องยากจนเท่านั้น คนมีฐานะดีก็สามารถเป็นคริสเตียนที่ดีได้เช่นกัน
มัทธิว 6:31-33
31 เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม
32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้


ข้าราชการจะถูกตรวจสอบ หากมีการร้องเรียน หรือมีเหตุผิดปกติที่ทำให้งานในความรับผิดชอบไม่เป็นไปตามที่ควร คริสเตียนก็ถูกตรวจสอบเช่นกันโดยพระวิญญาณของพระเจ้าที่ได้ประทานให้ในชีวิตจะตรวจสอบและจะฟ้องในใจ ต่อท่าทีหรือการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ข้าราชการจะถูกลงโทษ หากว่าได้กระทำผิดร้ายแรงหรือกระทำผิดซ้ำซาก อันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่องานในความรับผิดชอบ หรือประพฤติผิดวินัยของข้าราชการอย่างร้ายแรง คริสเตียนก็จะถูกพระเจ้าตีสอนเช่นกันหากว่ากระทำในสิ่งที่ผิดไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า หรือดำเนินชีวิตอย่างไม่เหมาะสม
วิวรณ์ 3:19
19 เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่


ข้าราชการจะมีบำเหน็จ-บำนาน เมื่อทำงานครบกำหนด หรือเมื่อเกษียรอายุ คริสเตียนก็เช่นกัน เมื่อเราลาจากโลกนี้ไป มีบำเหน็จสำหรับเรา ตามควรแก่กิจการของผู้รับใช้แต่ละคน
มัทธิว 16:27
27เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นจะประทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการกระทำของตน


สิ่งที่ผมจะนำมาแบ่งปันกับพี่น้องในวันนี้ก็คือเรื่องของ “บำเหน็จ” ซึ่งรอเราอยู่ที่ปลายทางของเส้นทางชีวิตคริสเตียน

มัทธิว 10:41
41ผู้ที่รับผู้เผยพระวจนะ เพราะเป็นผู้เผยพระวจนะ ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้เผยพระวจนะพึงได้รับ และผู้ที่รับผู้ชอบธรรมเพราะเป็นผู้ชอบธรรม ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้ชอบธรรมพึงได้รับ

การต้อนรับและให้การดูแลแก่ผู้รับใช้ของพระเจ้าจะไม่ขาดบำเหน็จ บางครั้งดูเหมือนว่าโจทย์ข้อนี้ทำได้ง่ายๆ แค่ให้การต้อนรับผู้เผยพระวจนะ หรือผู้ชอบธรรม แต่จะเป็นเรื่องยากขึ้นทันที เมื่อผู้เผยพระวจนะนั้นรับใช้มาเพื่อกล่าวโทษหรือตักเตือนเรา และอาจทำให้เราไม่พอใจ แต่หากเรามีใจที่ยำเกรงพระเจ้าและต้อนรับผู้เผยพระวจนะนั้น เราก็จะมีส่วนร่วมกับบำเหน็จของผู้เผยพระวจนะนั้น(ภาษาอังกฤษใช้คำว่า มีส่วนร่วม) และบางครั้งผู้ชอบธรรมของพระเจ้าก็อาจถูกนำมาเปรียบเทียบกับเรา ทำให้เราดูเป็นคนด้อยกว่า หากเรายำเกรงพระเจ้า ก็จะไม่โกรธเคืองหรืออิจฉา ถ้าเราต้อนรับผู้ชอบธรรมของพระเจ้าอย่างบริสุทธิ์ใจ เราก็จะมีส่วนในบำเหน็จของผู้ชอบธรรมนั้นด้วย

มัทธิว 10:42
42และถ้าผู้ใดจะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่ง ให้คนเล็กน้อยเหล่านี้คนใดคนหนึ่งดื่ม เพราะเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนนั้นจะขาดบำเหน็จก็หามิได้"

น้ำเย็นสักถ้วยสำหรับคนเล็กน้อย บางครั้งก็เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายนักหากว่าเราขาดความถ่อมใจ หรือขาดความรักของพระเจ้าในใจ พระเยซูทรงท้าทายให้เรามองดูเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วยท่าทีใหม่ นั่นคือ คนเหล่านั้นเป็นคนที่พระเจ้าทรงรักไม่ต่างจากที่ทรงรักเรา การกระทำสิ่งดีแก่เขาคือการกระทำสิ่งดีแก่พระเจ้าด้วย

มัทธิว 5:11-12
11"เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข
12จงชื่นชมยินดี เพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะเขาได้ข่มเหงผู้เผยพระวจนะ ทั้งหลาย ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน

การดำเนินชีวิตอย่างผู้ชอบธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายในบางสังคม เพราะเราจะกลายเป็นเหมือนผู้ทำให้ความผิดของคนอื่นๆเด่นชัด ผลที่ตามมาก็คือความลำบากอันเนื่องจากความจงรักภักดีที่เรามีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเรา การทนทุกข์จากการข่มเหงในลักษณะนี้ไม่สูญเปล่า พระเจ้าทรงจัดเตรียมบำเหน็จให้กับเราในแผ่นดินสวรรค์

มัทธิว 6:1-4
1"จงระวัง อย่ากระทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์
2"เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทำทานอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่าน เหมือนคนหน้าซื่อใจคด กระทำในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อให้คนสรรเสริญ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
3ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้น
4ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน

การทำทานเป็นเรื่องดี คำสอนในทุกศาสนาก็แนะนำให้ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ที่อยู่ในความลำบาก แต่มาตรฐานของพระเจ้านั้นก็สูงกว่ามาตรฐานของโลก หากเราทำทานหรือให้ความช่วยเหลือผู้คนโดยที่ปรากฏเป็นที่รับรู้ทั่วไป เราก็ได้รับความชื่นชมสรรเสริญของคนทั่วไปเป็นบำเหน็จแล้ว แต่พระเจ้าทรงจัดเตรียมบำเหน็จให้สำหรับผู้ที่ทำทานหรือให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในวิธีที่พระเจ้าพอพระทัย

มัทธิว 6:5-6
5"เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคด เพราะเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อจะให้คนทั้งปวงได้เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
6ฝ่ายท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน

การอธิษฐานก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย คริสเตียนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าก็จะไม่ขาดการอธิษฐาน แต่การอธิษฐานด้วยท่าทีบางอย่างก็ไม่ได้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า นั่นคือการอธิษฐานที่แฝงไปด้วยวัตถุประสงค์แห่งการโอ้อวด หากเรามีท่าทีในการอธิษฐานอย่างถูกต้องก็จะนับได้ว่าเป็นการอธิษฐานที่พระเจ้าพอพระทัย และเราจะไม่ขาดบำเหน็จ

มัทธิว 6:16-18
16"เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนคนหน้าซื่อใจคด ด้วยเขาทำหน้าให้มอมแมม เพื่อจะให้คนเห็นว่าเขาถืออดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้บำเหน็จของเขาแล้ว
17ฝ่ายท่านเมื่อถืออดอาหาร จงล้างหน้าและเอาน้ำมันใส่ศีรษะ
18เพื่อคนจะไม่ได้รู้ว่าถืออดอาหาร แต่ให้ปรากฏแก่พระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่าน ผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน

การถืออดอาหาร เป็นท่าทีของการจริงจัง ทุ่มเท ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และพระเจ้าพอพระทัยถ้าเราทำด้วยท่าทีที่ถูกต้อง แต่หากเป็นการกระทำเพื่อการอวด หรือแข่งขันกัน ก็จะได้เพียงผลจากการอวดหรือการแข่งขันนั้น แต่ผู้ที่กระทำต่อจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าจะได้รับบำเหน็จ

ลูกา 6:35
35แต่จงรักศัตรูของท่านทั้งหลาย และทำการดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืนอีก บำเหน็จของท่านทั้งหลายจึงจะมีบริบูรณ์ และท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด เพราะว่าพระองค์ยังทรงโปรดแก่คนอกตัญญูและคนชั่ว

มาตรฐานของพระเจ้าก็แตกต่างไปจากมาตรฐานของมนุษย์ การให้ผู้ขัดสนยืม ก็เหมือนกับให้พระเจ้าทรงยืม แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เราทุกคนเห็นตรงกันว่า ทำใจยาก แต่หากเราเป็นบุตรของพระเจ้าก็จะปรากฏลักษณะของพระเจ้าในชีวิตของเรา

ฮีบรู 10:35
35เหตุฉะนั้นขออย่าได้ละทิ้งความไว้วางใจของท่าน ซึ่งจะได้รับบำเหน็จอันยิ่งใหญ่

การเชื่อวางใจในพระเจ้าก็มีบำเหน็จด้วย ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ง่าย แต่ลองนับดูว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราวางใจพระเจ้ากี่ครั้ง และพึ่งพาความสามารถของตอนเองกี่ครั้ง

ฮีบรู 11:6
6แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์

มีบำเหน็จสำหรับผู้ที่แสวงหาพระเจ้า แล้วการแสวงหาพระเจ้านั้นเป็นอย่างไร เด็กบางคนเกิดมาไม่เคยรู้ว่าความหิวเป็นอย่างไร เพราะมีกินอย่างอุดมสมบูรณ์ การเติบโตในแวดวงคริสเตียนก็อาจมีปัญหาอย่างเดียวกัน เพราะเรื่องราวของพระเจ้าถูกป้อนให้โดยที่ไม่เคยได้มีความต้องการแสวงหาเลย ดังนั้นลูกหลานคริสเตียนทั้งหลาย จงแสวงหาพระเจ้า และพระองค์จะประทานบำเหน็จให้

นอกจากนี้ ยังมีรางวัลสำหรับผู้ที่มีชัยชนะ ตามที่ปรากฏในหนังสือวิวรณ์ เรื่อง 7 คริสตจักร ซึ่งก็เป็นบำเหน็จสำหรับผู้ที่ติดตามพระเยซูและมีชัยชนะในการยืนหยัดเพื่อรักษาความเชื่อไว้ เช่น ได้กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต มงกุฎแห่งชีวิต ไม่ได้รับอันตรายจากการตายครั้งที่สอง มานา และหินสีขาว ดาวประจำรุ่ง สวมเสื้อสีขาว เป็นหลักอยู่ในพระวิหาร นั่งกับพระเยซูบนพระที่นั่ง ซึ่งคงต้องฝากให้ไปอ่านเพิ่มเติมเอง

บำเหน็จรางวัล ในโลกนี้เป็นของไม่จีรัง และอาจเป็นการมอบให้อย่างไม่เป็นธรรม แต่บำเหน็จที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้ผู้ที่พระองค์พอพระทัยนั้นก็ถาวรนิรันดร์ และเที่ยงธรรมเสมอ ขอให้เราตั้งความหวังที่จะดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องในสายพระเนตรพระเจ้า เพื่อเราจะได้รับบำเหน็จเมื่อพระเยซูทรงเสด็จกลับมา




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553
0 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2553 12:00:20 น.
Counter : 1959 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com