ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 มีนาคม 2553
 

เส้นทางชีวิตคริสเตียน (ตอนที่ 6)

21 มีนาคม 2010
คริสตจักร ยะลา

เอเฟซัส 6:10-18
10สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์
11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
12เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
13เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้
14เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก
15และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า
16และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย
17จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า
18จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน


อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงอยู่ด้วยกับเราเสมอ พระองค์ไม่ได้ทอดทิ้งเราไว้ให้ต่อสู้ในโลกนี้ตามลำพัง แต่ทรงประทับอยู่เคียงข้างเรา และได้ทรงประทานเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ที่จำเป็นให้กับเราทุกคน ขอทรงโปรดเปิดตาของเราให้เห็นความจำเป็นและความสำคัญของยุทธภัณฑ์เหล่านี้ เพื่อเราจะรับไว้และสวมใส่ติดตัวไว้เสมอ เพื่อเราจะเป็นผู้ที่พร้อมเสมอในการร่วมงานกับพระองค์


วันนี้เราจะยังคงอยู่ในหัวข้อ “เส้นทางชีวิตคริสเตียน” วันนี้เป็นตอนที่หก เรากำลังอยู่ในหัวข้อย่อยเรื่องของยุทธภัณฑ์ทั้งชุดที่พระเจ้าประทานให้ พี่น้องอาจจะเริ่มรู้สึกหัวข้อว่าชักจะยาวนานเกินไปสักหน่อยแล้ว ก็ต้องขออภัยด้วย หลักจากครั้งนี้แล้ว ก็คงจะมีอีก 3 ตอน จึงจะจบเรื่องของยุทธภัณฑ์ แต่ก็อาจจะต้องต่อด้วยหัวข้อย่อยในเรื่องอื่นๆต่อไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องย่อยของหัวข้อหลักคือ “เส้นทางชีวิตคริสเตียน” ถามว่าทำไมจึงยาวนัก ก็เพราะตราบใดที่เรายังไม่จากโลกนี้ไป เราก็ยังคงต้องเดินบนเส้นทางแห่งชีวิตคริสเตียน

ผมจะขอทบทวนให้กับพี่น้องถึงสิ่งที่ได้กล่าวไปในตอนที่แล้ว เพื่อเตือนความจำ และเพื่อให้พี่น้องอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในครั้งนั้นได้รับรู้เรื่องราวด้วย

ความเดิมตอนที่แล้วเป็นเรื่องของ ความชอบธรรม ซึ่งถูกเปรียบเทียบกับ ทับทรวงเครื่องป้องกันอก หรือหากจะเปรียบกับเครื่องอาวุธในปัจจุบันก็คือ “เสื้อเกราะ” นั่นเอง

14เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก

ยุทธภัณฑ์ชิ้นนี้ทำให้เราผิดหวังหรือไม่ บางทีเราอาจมีพฤติกรรมเหมือนเด็กที่ไม่ชอบใจกับของขวัญที่ได้ จึงออกอาการงอแงบ้าง งอนบ้าง หรือแม้แต่ตีโพยตีพาย จริงๆแล้วในการที่ผู้ใหญ่จะซื้อของขวัญให้กับเด็กนั้น ผู้ใหญ่ที่มีความคิดจะเลือกของขวัญที่เหมาะสมกับช่วงวัยและพัฒนาการของเด็ก แต่บางทีกลับพบปัญหาว่า เด็กยังไม่โตตามวัยที่ควรจะเป็น มุมมองต่อเครื่องยุทธภัณฑ์แต่ละชิ้น ก็อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกสถานทางฝ่ายจิตวิญญาณได้


สำคัญอย่างไร ทำไมความชอบธรรมจึงเป็นยุทธภัณฑ์ที่สำคัญ ตัวอย่างที่เราสามารถเห็นได้ชัดเจนก็คือ หากผู้ที่ทำหน้าที่ในการตัดสินผู้อื่น ก็เป็นผู้ที่กระทำความผิดเช่นกัน การติดสินนั้นจะเป็นที่ยอมรับได้อย่างไร พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ รับความผิดบาปแทนมนุษย์ทั้งปวงได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม เป็นองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า ในพระองค์ไม่มีบาปเลย ดังนั้นมารซาตานจึงไม่อาจที่จะคัดค้านใดๆได้ว่าพระองค์สามารถเป็นพระผู้ไถ่ได้หรือไม่ ความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และแม้ว่าเราทั้งหลายจะไม่ได้ทำหน้าที่ในการตัดสินโทษ เพราะการตัดสินเป็นของพระเจ้า แต่ความชอบธรรมก็ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา เพราะเราเป็นเจ้าพนักงานของพระเจ้า ลองนึกภาพดูว่า หากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานช่วยคนติดยาเสพติด ออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้ติดยา แต่ตัวเจ้าหน้าที่ก็ติดยางอมแงม จะเป็นเรื่องที่อัปลักษณ์สักเท่าใด

อย่างไรเรียกว่า “ความชอบธรรม” มนุษย์ทั่วโลก มีวัฒนธรรม มีความคิดที่แตกต่างกัน ความถูกต้องชอบธรรมของสังคมหนึ่งอาจเป็นความชั่วร้ายอย่างมากในอีกสังคมหนึ่ง เราไม่สามารถอ้างเอามาตรฐานของมนุษย์สีใดๆมาเป็นสิ่งกำหนดความชอบธรรม แต่ความชอบธรรมที่พระคัมภีร์กล่าวถึง เป็นความชอบธรรมในสายพระเนตรพระเจ้า เป็นความชอบธรรมอย่างที่พระเจ้าทรงยอมรับ

ในสมัยของพระเยซู พระองค์ได้ทรงตำหนิมนุษย์ในเรื่องของท่าทีต่อความชอบธรรม เพราะสิ่งที่ มนุษย์คิดว่าความชอบธรรม ไม่ใช่สิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรพระเจ้า
- ความชอบธรรมเป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่การกระทำภายนอก
- ความชอบธรรมไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาโดยการพยายามกระทำ แต่พระเจ้าประทานให้

การใช้งาน ความชอบธรรม ถูกใช้เป็นเครื่องป้องกันอก หมายความว่า ความชอบธรรมไม่ใช่อาวุธสำหรับการจู่โจมศัตรู แต่เป็นยุทธภัณฑ์ที่คอยป้องกันรักษาให้เราปลอดภัย ความชอบธรรมไม่ใช่สิ่งที่เราจะเอามาอวดกัน สิ่งที่อวดได้คือสิ่งที่อยู่ภายนอก ความชอบธรรมเป็นสิ่งภายใน ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาออกมาอวดกัน จงมีชีวิตที่คนอื่นจะสังเกตเห็นความชอบธรรมได้ แต่อย่าพยายามแสดงให้คนอื่นดูว่าเราเป็นคนชอบธรรม เพราะอาจจะเป็นการท้าทายและตกเป็นเป้าของศัตรูได้

วันนี้เราจะมาดูเครื่องอาวุธชิ้นต่อไป

15และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า


ยุทธภัณฑ์ชิ้นที่ 3 นั้นก็ยังไม่เป็นเครื่องอาวุธสำหรับการจู่โจมศัตรู แต่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ายุทธภัณฑ์ชิ้นอื่นๆ

รองเท้า ก็เป็นยุทธภัณฑ์ด้วยหรือ

ประการแรก มีรองเท้าสำหรับทหาร เราสามารถเห็นได้จากภาพทหารทั่วโลก จึงสามารถยอมรับได้ว่า รองเท้าถูกนับเป็นยุทธภัณฑ์ได้ จริงๆแล้วแม้แต่หม้อหุงข้าว กระติกน้ำ เต้นท์ หรือเข็มทิศ ก็เป็นส่วนหนึ่งของยุทธภัณฑ์เช่นกัน แต่พระคัมภีร์ในบริบทนี้ไม่ได้พูดถึงสิ่งของเหล่านั้น

แม้ว่ารองเท้าจะดูไม่น่าเกรงขาม ใช้ข่มขู่ศัตรูก็ไม่ค่อยได้ แต่รองเท้าก็ช่วยให้ร่างกายของทหารมีความปลอดภัยและคล่องตัวในสถานการณ์ต่างๆ อีกทั้งยังบ่งบอกถึงภาระกิจของผู้ที่ใส่ด้วย

ในประเทศไทยของเรา ในสังคมของเรา บ่อยครั้งที่เราไม่ค่อยได้ใส่ใจกับการใช้รองเท้าที่เหมาะสมกับกาละเทศะ เช่นเราไม่รู้สึกว่าการใส่รองเท้าสำหรับจ็อกกิ้งไปเล่นบาสเกตบอลจะเป็นสิ่งไม่เหมาะ หรือเราไม่รู้สึกว่าการใส่รองเท้าแตะไปตีเทนนิสเป็นสิ่งไม่เหมาะสม ซึ่งก็อาจเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เราละเลยการเห็นความสำคัญ และกาละเทศะในการใช้ “รองเท้า” แบบที่พระคัมภีร์ข้อนี้กำลังกล่าวถึง

มีเรื่องเล่าว่า ผู้อพยพกลุ่มหนึ่งที่ได้หลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกา ได้พักอาศัยหลบซ่อนอยู่ในรัฐหนึ่งเป็นเวลานานพอสมควร และกำลังวางแผนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในอีกรัฐหนึ่ง แต่การจะผ่านด่านนั้น อาจจะต้องถูกตรวจบัตรประจำตัว พวกจึงได้คิดวางแผนที่จะผ่านเข้าไป โดยหวังว่าหากเจ้าหน้าที่เชื่อว่าพวกเขาเป็นอเมริกัน ก็คงจะไม่ตรวจสอบอะไร เขาคิดว่าเขาได้วางแผนอย่างแยบยลดีแล้ว เนื่องจากว่าใกล้ๆกับด่านตรวจคนเข้าเมืองของรัฐนั้น มีสนามบาสเกตบอล พวกเขาจึงทำทีไปซ้อมเล่นบาสเกตบอลที่สนามนั้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หวังว่าจะให้เป็นที่คุ้นตาของเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ซึ่งก็ได้ผล เจ้าหน้าที่ก็สังเกตเห็นและจดจำพวกเขาได้ เมื่อระยะเวลาตามแผนการณ์มาถึง พวกเขาก็พวกันโดยสารรถตู้ เพื่อจะผ่านด่านเข้าไป โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า เป็นสมาชิกของโบสถ์แห่งหนึ่งจะไปแข่งขันบาสเกตบอลกับโบสถ์อีกแห่งในรัฐนั้น แต่เจ้าหน้าที่ที่ได้เฝ้าสังเกตเขามานาน ก็ทำให้แผนการครั้งนี้ล้มเหลวไปอย่างง่ายดาย โดยที่เจ้าหน้าที่บอกว่า ผมไม่เชื่อว่าพวกคุณเป็นอเมริกัน เพราะพวกคุณใส่รองเท้าเทนนิส ไปเล่นบาสเกตบอล (ทั้งนี้เพราะคนอเมริกันจะใส่รองเท้ากีฬาที่ใช้เฉพาะกับกีฬาชนิดนั้นๆ)

เรื่องนี้อาจเป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า การใช้รองเท้าผิดประเภทนั้น ส่งผลให้แผนงานล้มเหลวได้ ในทำสงครามฝ่ายวิญญาณก็เช่นกัน พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมรองเท้าที่เหมาะสมกับสมรภูมิให้เราแล้ว แต่บางทีเราอาจรู้สึกว่า เป็นรองเท้าโบราณคร่ำครึ เป็นรองเท้าที่รูปทรงไม่ทันสมัย ใส่แล้วเชย ใส่แล้วสาวไม่มอง ใส่แล้วหมาไล่กัด

อะไรคือ ข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ?
สิ่งที่เปรียบเหมือนรองเท้าในฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ที่เรากำลังพิจารณากันอยู่นี้ก็คือ “ข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข” เอ๊ะ เป็นสิ่งเดียวกับข่าวประเสริฐที่เราพูดถึงกันอยู่ทุกบ่อยหรือเปล่า ?

พระคัมภีร์ได้ยืนยันไว้ว่า “ข่าวประเสริฐ” นั้นมีข่าวเดียว

กาลาเทีย 1:6-9
6 ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจ ที่พวกท่านพากันละทิ้งพระองค์ไปอย่างรวดเร็ว พระองค์ทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์ แต่ท่านกลับหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย
7 ความจริงข่าวประเสริฐอื่นไม่มี แต่ว่ามีบางคนที่ทำให้ท่านยุ่งยาก และปรารถนาที่จะบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์
8 แม้แต่เราเองหรือทูตสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่ท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป
9 ตามที่เราได้พูดไว้ก่อนแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าพูดอีกว่า ถ้าผู้ใดประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน ที่ขัดกับข่าวประเสริฐซึ่งท่านได้รับไว้แล้ว ผู้นั้นจะต้องถูกแช่งสาป


คริสตจักรในยุคเริ่มแรก ก็ประสบปัญหาเรื่องของข่าวประเสริฐอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่บิดเบือนข่าวประเสริฐของพระเยซู คริสตจักรสมัยก็ยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างเดียวกัน ขอบคุณพระเจ้าที่อัครฑูตเปาโลได้ยืนยันให้เรารู้ว่า ข่าวประเสริฐนั้นมีเพียงข่าวเดียว ไม่มีข่าวประเสริฐอื่นใดอีก นอกจากเรื่องของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า ได้ทรงเสด็จเข้ามาในโลก เพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เป็นค่าไถ่ความผิดบาปของมนุษย์ และทรงเป็นขึ้นจากความตาย เป็นพระเจ้าผู้ทรงมีชีวิต และทรงช่วยได้

ข่าวประเสริฐนี้ เป็นข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข แต่บางทีเราอาจจะมีปัญหาในการนำเสนอข่าวประเสริฐนี่อย่างถูกต้อง ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะนำเสนอข่าวประเสริฐที่ถูกต้อง และนำเสนออย่างที่ข่าวประเสริฐนี้เป็น คือเป็นข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข

ปัญหาคือ เราอาจจะนำเสนออย่างไม่ค่อยสันติสุขเท่าไร แน่นอนว่าเราจะต้องพูดตรง พูดความจริง ว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป ต้องการพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยเขาได้ แต่บางทีเรากลับทำให้เขาไม่เห็นเราเป็นมิตรที่ต้องการช่วยเหลือเขา

ผมจะขอยกตัวอย่างสถานการณ์เปรียบเทียบ เพื่อให้เราเห็นประเด็นในเรื่องนี้ สมมุติว่ามีหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังประสพปัญหาภาวะสมบูรณ์เกินพิกัด พูดง่ายๆก็คืออ้วนนั่นเอง หากเราเห็นแล้วว่าเขามีสภาพที่กำลังจะต้องเกิดปัญหากับสุขภาพของเขาแน่ เราจะทำอย่างไรที่จะช่วยเขาได้ บางทีอาจพยายามไปบอกเขาว่า “นี่เธอ กินจุบกินจิบ เดี๋ยวก็ได้เป็นโรคหรอก คนข้างบ้านฉันก็อ้วนแบบเธอนี่แหละ สัปดาห์ก่อนก็เส้นเลือดอุดตัน เสียชีวิตไปอย่างน่าอนาจ ส่วนเพื่อนที่ทำงานของน้าชายของพี่เขยของญาติของคนข้างบ้านฉันนะ อ้วนไขมันปลิ้นเลยละ เนี่ยตอนนี้กำลังพงาบๆอยู่ที่โรงพยาบาล เห็นแล้วน่าสมเพชเวทนา …” คิดว่าคนที่ฟังนั้นจะเห็นเราเป็นมิตรที่จะให้ความช่วยเหลือหรือไม่

แต่ถ้าเราคุยกับเขาด้วยท่าทีอีกอย่าง เช่น “เออ นี่เธอ ฉันไปพบบทความเรื่องหนึ่งในวารสาร เขาบอกว่าช่วยแก้ปัญหาปวดเอวได้ดี ฉันได้ลองทำมาแล้ว ได้ผลดีมากเลย เธอมีปัญหาปวดเอวบ้างไหม ลองทำดูสิ ไม่ยากเลย ไม่ต้องซื้อเครื่องมืออะไรแพงๆ เพียงแต่ต้องอดทนสักหน่อย ทำอย่างสม่ำเสมอ 2 สัปดาห์ก็เห็นผลแล้ว อ้อ อีกอย่าง ปีก่อนฉันเคยมีปัญหาคอเลสเตอรอลสูง พี่คนหนึ่งเขาแนะนำให้กินสลัดผักแทนในมื้อค่ำ ปีนี้ไปลองวัดดูอีกที ไม่น่าเชื่อลดไปได้ตั้งเยอะ สนใจจะกินสลัดผักไหมละ ฉันมีสูตรสลัดที่ไม่น่าเบื่อด้วยนะ …” หากเราพูดกับเขาแบบนี้ คิดว่าคนที่ฟังจะเห็นเราเป็นมิตรที่สามารถช่วยเหลือได้หรือไม่

การบอกเล่าข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ก็คล้ายกัน บางทีเรารักและเป็นห่วงพ่อ แม่ พี่น้อง หรือญาติมิตรของเรา ไม่ต้องการให้สักคนหนึ่งต้องตกนรก แต่เราอาจนำเสนอข่าวประเสริฐด้วยรูปแบบที่ไม่ดีนักเช่น “ถ้าหากน้ายังไม่ยอมเลิกซื้อหวยอีกนะ พระเจ้าจะลงโทษ น้าจะไม่มีวันเจริญหรอก ชีวิตที่จมอยู่ในความบาปอย่างน้า มีแต่จะพินาศฉิบหาย น้าต้องมาเชื่อพระเยซู ชีวิตจะได้รุ่งเรือง ดูอย่างฉันสิ เห็นไหม พระเจ้าอวยพร ฐานะดีขึ้น ไปไหนมาไหนคนก็นับหน้าถือตา …” คิดว่า คนที่ฟังจะรู้สึกอย่างไร กำลังได้รับการช่วยเหลือ หรือกำลังถูกเหยียดหยาม คนที่ติดตามพระเยซูต่างอะไรกับคนที่บูชาจตุคามรามเทพ

แต่หากเราเปลี่ยนวิธีการเสียใหม่ เป็นว่า “น้าครับ ความจริงแท้อย่างหนึ่งในโลกนี้ก็คือ คนเราทุกคนต่างก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ผมเองสมัยหนึ่งเคยติดบอล ทำเอาชีวิตเสียศูนย์ไปหลายปี จนได้มารู้จักกับพระเยซูนี่แหละ พระเยซูทรงยกโทษให้ผม เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนความคิดของผม ทำให้ได้เห็นคุณค่าของตัวเอง และสามารถหันหลังจากปัญหาที่เคยผูกมัดชีวิตของผมได้ น้าก็สามารถรับโอกาสที่ดีอย่างผมได้เช่นกันครับ พระเยซูช่วยได้จริงๆ ผมเองได้พบมาแล้ว ...” คิดว่าคนที่ฟังจะรับรู้ได้ไหมครับว่า เรื่องของพระเยซูนั้น เป็นข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข

แต่ทั้งนี้อย่าลืมนะครับว่า หากปราศจากฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว การที่คนบาปจะกลับใจก็เหลือกำลังที่มนุษย์จะกระทำได้
เป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อม
การที่จะออกสู่สมรภูมิฝ่ายวิญญาณนั้น พระวจนะตอนนี้ได้แนะนำให้เรามีความพรั่งพร้อม ซึ่งเป็นความพรั่งพร้อมที่เกิดขึ้นเนื่องจากข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข

ชีวิตของคริสเตียนที่พรั่งพร้อม โดยข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขเป็นอย่างไร? เป็นชีวิตที่มีประสพการณ์กับฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐนั้นจริงๆ ลองนึกภาพดู หากเราเป็นเซลแมนโฆษณาขายยาบำรุง แต่ตัวเราผอมแห้ง โฆษณาไปหน้ามืดจะเป็นลม แต่ยังยืนยันว่ายานี้ดี กินแล้วร่างกายแข็งแรง คนที่จะยอมซื้อยานี้ คงจะมีเพียงคนตาบอด

ฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐเป็นอย่างไร? ฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐคือ ทำให้คนบาปกลับใจใหม่ หันจากความผิดบาป และดำเนินชีวิตกับพระเจ้า

หากเรายังไม่เป็นคนที่กลับใจใหม่จริงๆ ยังคงเกลือกกลิ้งอยู่ในบาป และดำเนินชีวิตห่างจากพระเจ้า เราจะเป็นผู้ที่ยังไม่พรั่งพร้อม เรายังไม่มีรองเท้า และเรายังไม่สามารถออกไปสู่สมรภูมิได้ แท้จริงหากเราเป็นอย่างนั้น บางทีเราเองอาจยังเป็นผู้บาดเจ็บที่รอการช่วยเหลืออยู่ก็ได้ แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอก เราอยู่ในสังคมของคริสเตียนและดูเหมือนว่าจะติดตามพระเจ้ามานานแล้ว


Create Date : 22 มีนาคม 2553
Last Update : 22 มีนาคม 2553 10:45:03 น. 2 comments
Counter : 834 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:11:04:06 น.  

 
 
 
คุณคงเป็นคริสเตียนที่ดีมากเลยนะคะนี่

เล่าให้ฟังได้ไหม คุณรู้จักพระเจ้า ได้อย่างไร??

 
 

โดย: onedermore วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:11:09:04 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com