ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 ตุลาคม 2555
 

รู้จักพระเยซูผ่านพระธรรม ฮีบรู

20 พฤษภาคม 2012

คริสตจักรยะลา

ฮีบรู 4:15-16

15เพราะว่าเรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเราแต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป 16ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณเพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ

อธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ขอทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ผ่านทางชีวิตของเราและให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเราทุกคน อย่าให้เราวิตกกังวลต่อความยากลำบากหรือความทุกข์ที่ประสพอยู่นั่นแต่ให้เรามีความหวังใจและเชื่อมั่นในพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงเข้าใจเราทุกประการ

สภาพเศรษฐกิจของบ้านเมืองทุกวันนี้ไปที่ไหนก็ได้ยินเสียงบ่นเรื่องของราคาสินค้าที่สูงขึ้นกว่าเดิม จะบอกว่าคิดไปเองก็คงต้องลองหันไปถามเพื่อนบ้านดูว่าสภาพการณ์นี้เกิดขึ้นกับบ้านเราบ้านเดียวหรือเปล่าแต่ถ้าจะบอกว่าเป็นไปตามกลไกตลาดก็คงไม่ผิดนัก ในเมื่อต้นทุนสูงขึ้นราคาขายก็ต้องปรับให้สูงขึ้นไปด้วย ในเมื่อสินค้าสิ่งหนึ่งสูงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในสังคมสูงขึ้น ผู้คนในสังคมก็ต้องพยายามปรับรายรับให้สูงขึ้นโดยการขึ้นราคาสินค้าและบริการของตนเองเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาชดเชยรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในเมื่อทุกคนในสังคมทำอย่างเดียวกันเราก็พบได้ว่าราคาสินค้าทุกอย่างรอบตัวเราขยับตามกันไปทั้งระบบคนที่มีกำลังในการขยับมากกว่า ก็ไม่ค่อยกระทบอะไรมากนักส่วนคนที่ขาดกำลังที่จะขยับตามก็ต้องอาศัยความอดทน และปรับลดค่าใช้จ่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภค จึงจะประคับประคองครอบครัวต่อไปได้

นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกันดารอาหารที่พระเยซูได้ทรงบอกไว้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใกล้วันที่พระองค์จะเสด็จกลับมาที่มาของการกันดารอาหาร เกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นสภาพของภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้พื้นที่ที่เคยเพาะปลูกได้ก็ไม่สามารถเพาะปลูกได้อีก ทั้งในแบบน้ำมากเกินและในแบบขาดน้ำ การเปลี่ยนแปลงไปของสภาพสังคม ทำให้ผู้คนเลิกการเพาะปลูกเอง และใช้วิธีซื้อหาเอาเมื่อใดที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ เลิกจ้างแรงงาน หรือเกิดภาวะสงครามก็จะเกิดการขาดแคลนอาหารทันที ปรากฏการณ์แบบนี้ จะเกิดขึ้นในอนาคตขอให้เราเตรียมพร้อมที่จะรับมือ

วันนี้เราได้มาถึงหนังสือฮีบรูซึ่งเป็นจดหมายฝากที่รู้ว่าปลายทางคือที่ใด แต่ไม่รู้ว่าต้นทางมาจากผู้ใดแน่ทั้งนี้เนื้อความในหนังสือฮีบรูไม่ได้มีข้อความใดๆที่บ่งบอกว่าใครเป็นผู้เขียนนักศาสนศาตร์บางคนก็ให้ความเห็นว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จะต้องเป็นผู้มีความรู้ในเรื่องธรรมบัญญัติและพระคัมภีร์เดิมเป็นอย่างดีอาจเป็นเปาโล หรือ ลูกา หรือ บารนาบัส หรือ สิลาส หรือ ฟิลิป หรือ อปอลโลหรือคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือพระวิญญาณของพระเจ้าที่ทรงเป็นผู้ดลใจอยู่เบื้องหลังของผู้เขียนไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม

ในเนื้อความของหนังสือฮีบรูนั้นเป็นที่แน่ชัดว่า ปลายทางของจดหมายคือ กลุ่มชาวยิวที่รับเชื่อในพระเยซูคริสต์ซึ่งในยุคสมัยแรกมีความสับสนงุนงงอยู่ไม่น้อยว่าจะดำเนินชีวิตในฐานะของผู้เชื่อในพระเยซูอย่างไรจะยังคงรักษาธรรมบัญญัติของยิวอย่างเคร่งครัดต่อไปหรือไม่ อย่างไรรวมไปถึงการต้องยืนหยัดในความรอดโดยทางพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพันธสัญญาใหม่เมื่อถูกพวกยิวมาชักชวนให้กลับไปในวิถีทางเดิม จะยืนหยัดในการรักษาความเชื่อจะมีความมั่นใจในพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร หนังสือฮีบรูมีคำตอบที่ตรงประเด็น

แม้ว่าสำหรับเราทั้งหลายที่ถูกนับว่าเป็นคนต่างชาติสำหรับชาวยิว และเราก็ไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับการอธิบายความเกี่ยวโยงของพระเยซูกับพิธีกรรมในพันธสัญญาเดิมแต่การที่เราจะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นการเสริมรากฐานความเชื่อให้มั่นคงและให้เรารู้ว่า ความเชื่อของเรานั้นมีรากฐานที่ยาวนานมาคู่กับประวัติศาสตร์ของโลกและมนุษยชาติ เป็นการเปิดเผยโดยพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งมวลต่อมนุษย์ที่ทรงสร้างไว้ให้ใช้ชีวิตในโลกนี้ความเชื่อของเรานั้นไม่ใช่เป็นเรื่องลัทธิความเชื่อที่เกิดจากความคิดสติปัญญาของมนุษย์ในช่วงเวลาไม่กี่พันปี

วันนี้เราจะมาค้นหาพระเยซูคริสต์ตามที่ปรากฏในหนังสือฮีบรู ด้วยกัน

ฮีบรู 1:1-4

1ในโบราณกาลพระเจ้าได้ตรัสด้วยวิธีต่างๆมากมายแก่บรรพบุรุษของเราทางพวกผู้เผยพระวจนะ2แต่ในวาระสุดท้ายนี้พระองค์ได้ตรัสแก่เราทั้งหลายทางพระบุตรผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งให้เป็นผู้รับสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นมรดก พระองค์ได้ทรงสร้างกัลปจักรวาลโดยพระบุตร 3พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้าและทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงโลกไว้ด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระบาปแล้ว ก็ได้ประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าเบื้องบน 4พระองค์ทรงยิ่งใหญ่เหนือเหล่าทูตสวรรค์มากนักด้วยว่าพระองค์ทรงพระนามที่ประเสริฐกว่านามของทูตสวรรค์

หนังสือฮีบรูได้เริ่มต้นในข้อที่ 1 และ 2ด้วยเรื่องการสำแดงของพระเจ้าที่มีมาตั้งแต่โบราณเป็นการสำแดงโดยผ่านทางบรรพบุรุษของชาวอิสราเอล ซึ่งเรียกกันว่าผู้เผยพระวจนะแต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงมนุษย์ และในวาระสุดท้าย การสำแดงของพระเจ้ามาทางพระบุตรซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์

พระเยซูได้เสด็จมาในโลกแล้วแสดงว่า ช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แม้ว่าจะยาวนานมาจนถึงกว่า 2000 ปีแล้วก็ตาม วันแห่งการสิ้นสุดจะมาถึงเมื่อไร อาจไม่สำคัญเท่าพระเยซูได้ทรงสำแดงอะไรบ้าง

สิ่งที่พระเยซูทรงสำแดงก็คือแผนการแห่งการช่วยกู้ของพระเจ้าที่จะช่วยให้มนุษย์ซึ่งล้มลงในบาปและช่วยตัวเองไม่ได้ จะสามารถมีความหวังและเข้าสู่ความรอดที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ได้

ข้อที่ 3 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแสงสะท้อนของพระสิริของพระเจ้า คราวที่แล้วเราก็ได้รับรู้แล้วว่าเราสามารถเห็นพระสิริของพระเจ้าที่ปรากฏผ่านพระเยซูคริสต์ในเหตุการณ์ต่างๆที่ปรากฏในพระคัมภีร์ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ท้าทายเราคือ คนอื่นๆจะเห็นพระสิริของพระเจ้าในเราด้วยหรือไม่

พระดำรัสของพระเยซูคริสต์ได้ผดุงโลกไว้เป็นความจริงที่เราเห็นได้ว่า ในอดีตหลายประเทศมีความเจริญรุ่งเรือง มีอารยธรรมและความป่าเถื่อนได้เลือนหายไปจากสังคม เพราะยอมรับพระดำรัสสอนของพระเยซูคริสต์และเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปประเทศเหล่านั้นปฏิเสธความจริงแห่งพระดำรัสของพระเยซูคริสต์ ความเสื่อมถอยและความป่าเถื่อนก็ได้กลับเข้ามาครอบงำประเทศเหล่านั้นอีกครั้ง

พระเยซูทรงประทับเบื้องขวาพระบิดาสิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้คือนิมิตที่สเตเฟนได้เห็นในขณะที่เขากำลังถูกขว้างด้วยก้อนหินเนื่องจากการประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์

ข้อที่ 4 พระเยซูคริสต์ทรงยิ่งใหญ่กว่าบรรดาทูตสวรรค์เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสำคัญและใครๆก็น่าจะรู้ว่าพระบุตรก็ต้องใหญ่กว่าเหล่าทูตสวรรค์ แต่เป็นเรื่องเหลือเชื่อมีคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามจะนมัสการทูตสวรรค์ จะอ้างเหตุผลว่าด้วยใจกตัญญูหรือต้องการขอบคุณทูตสวรรค์ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้อง เพราะผู้ที่สมควรแก่การนมัสการนั้นคือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวความคิดที่จะให้มีการนมัสการทูตสวรรค์นั้น จึงเป็นการล่อลวงของมาร

เรื่องการนมัสการทูตสวรรค์นั้นไม่ได้มีเฉพาะในสมัยโบราณ แต่ปัจจุบันก็มีเกิดขึ้นด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก คนเหล่านั้นที่เรียกตนเองว่าคริสเตียนดูเหมือนมีความกระตือรือร้น และร้อนรนในการนมัสการพระเจ้า แต่การนมัสการของเขานั้นร้องเรียกหาทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์เหล่านั้นคงลำบากใจ ที่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นรูปเคารพ

สำหรับเราทั้งหลายเองก็ควรจะหลีกเลี่ยงการถูกนมัสการเช่นกันเรื่องลำบากใจอย่างนี้อาจเกิดขึ้นได้บางครั้งพี่น้องอาจจะซาบซึ้งใจในบางสิ่งที่เราได้กระทำแต่หากความซาบซึ้งใจกำลังนำเขาไปสู่การนมัสการยกย่องเราก็ขอให้ชี้แจงให้พี่น้องได้ทราบว่า ผู้ที่สมควรแก่การนมัสการคือพระเจ้าเท่านั้นเราได้กระทำสิ่งสารพัดก็ในนามของพระเจ้า และเกียรตินั้นเป็นของพระเจ้าแต่หากเราเผลอไผล ยอมรับเอาการนมัสการนั้นเสียเอง ก็เป็นสิ่งไม่ถูกต้องและเป็นการชี้ให้เห็นว่า การงานเหล่านั้นที่เราทำ ไม่ได้เป็นการงานของพระเจ้าแต่เป็นการงานของเราเอง

ฮีบรู 3:1-2

1เหตุฉะนั้น ดูก่อนท่านพี่น้องธรรมิกชน ผู้ตอบสนองด้วยกันกับเราในการที่พระเจ้าทรงเรียกจงนึกถึงอัครทูตและมหาปุโรหิตผู้ซึ่งเราเชื่อและรับนั้น คือพระเยซู 2พระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้ได้ทรงแต่งตั้งพระองค์ไว้เหมือนอย่างโมเสสซื่อสัตย์ต่อชุมนุมชน อันเป็นครอบครัวของพระเจ้า

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นอัครทูตและมหาปุโรหิต คำว่าปุโรหิตในความเข้าใจของคนไทยก็มักจะมีภาพติดตามาจากละครจักรๆวงศ์ๆปุโรหิตมักจะเป็นคนที่นั่งอยู่ในท้องพระโรง คอยทูลแนะนำพระราชาในเรื่องราวต่างๆบางเรื่องปุโรหิตก็เป็นคนไม่ดี บางเรื่องปุโรหิตก็เป็นคนดีแต่ปุโรหิตที่ปรากฏในพระคัมภีร์ ไม่ได้กระทำหน้าที่อย่างนั้น

เรารู้เรื่องราวจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมว่าในบรรดาชาวยิวจะมีเผ่าหนึ่งที่ถูกกำหนดไว้โดยพระเจ้าให้มีหน้าที่ในการดูแลพระวิหารของพระเจ้าคือเผ่าเลวี แต่ไม่ใช่ทุกคนในเผ่าเลวีที่ได้เป็นปุโรหิต ในเผ่าเลวีก็มีหลายตระกูลแต่ลูกหลานของอาโรนเท่านั้นที่จะสืบทอดตำแหน่งปุโรหิตส่วนคนในตระกูลอื่นๆก็มีหน้าที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดูแลพระวิหาร

ทุกๆปีมหาปุโรหิตจะต้องทำพิธีเผาเครื่องบูชา ซึ่งแม้จะเรียกว่าเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปแต่เป็นเพียงภาพตัวอย่างของการอภัยบาปที่พระเจ้าจะทรงกระทำ เพราะพิธีกรรรมทั้งหลายที่กระทำในโลกนี้เป็นเพียงภาพจำลองเท่านั้น การอภัยบาปของมนุษย์นั้นมนุษย์ไม่สามารถหาเครื่องบูชาใดๆที่จะมีราคาเพียงพอที่จะนำมาชดใช้ความผิดบาปได้เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในวันที่พระเจ้าทรงทดสอบความเชื่อของอับราฮัมเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า เครื่องบูชาไถ่กรรมบาปนั้นพระเจ้าจะเป็นผู้ทรงจัดเตรียมไว้เอง

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้นั้นที่มีคุณค่าเพียงพอที่จะชดใช้โทษแห่งความบาปของมนุษย์ทั้งหมดได้และเมื่อพระองค์ได้ทรงสละพระชนม์ชีพบนไม้กางเขนนั้นพระองค์ได้ทรงเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป เป็นลูกแกะที่ถูกใช้เป็นเครื่องเผาบูชาดังนั้นเราจึงพบว่า มีคำเรียกพระเยซูคริสต์อีกคำหนึ่งคือ พระเมษโปดก ซึ่งแปลว่าแกะ เป็นพระนามที่แสดงถึงฐานะของพระองค์ที่ทรงเป็นค่าไถ่สำหรับความผิดบาปของมนุษย์

เราพบว่าในพระคัมภีร์มีมหาปุโรหิดทำหน้าที่ในพระวิหารหรือในพลับพลา พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำหน้าที่ของมหาปุโรหิตด้วย

ฮีบรู 7:24-27

24แต่พระเยซูนี้ ทรงดำรงตำแหน่งปุโรหิตตลอดกาลเพราะพระองค์ทรงดำรงชีวิตอยู่เป็นนิตย์ 25ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสามารถเป็นนิตย์ที่จะช่วยคนทั้งปวงที่ได้เข้ามาถึงพระเจ้า โดยทางพระองค์นั้นให้ได้รับความรอดเพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ เพื่อช่วยทูลขอพระกรุณาให้คนเหล่านั้น 26มหาปุโรหิตเช่นนี้แหละที่เหมาะสำหรับเราคือเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากอุบายไร้มลทินแยกจากคนบาปทั้งปวงประทับอยู่สูงกว่าฟ้าสวรรค์ 27พระองค์ไม่ต้องทรงนำเครื่องบูชามาทุกวันๆดังเช่นมหาปุโรหิตอื่นๆผู้ซึ่งตอนแรกถวายสำหรับความผิดของตัวเองแล้วจึงถวายสำหรับความผิดของประชาชนส่วนพระเยซูได้ทรงถวายเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวคือเมื่อพระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เองต่อพระเจ้า

สำหรับคำว่า อัครทูตเราพบในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เท่านั้น คำนี้มีลักษณะที่ดูยิ่งใหญ่เพราะมีทั้งคำว่า อัคร ที่แปลว่าใหญ่โต และมีคำว่า ทูตซึ่งเป็นตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญ ทำให้เราอาจจะเข้าใจความหมายผิดไปและอาจส่งผลให้เราคาดหวังบางสิ่งอย่างไม่เหมาะสมด้วย แท้ที่จริงคำว่าอัครทูตนั้นมีความหมายว่า “ผู้ที่ถูกใช้ไป” ซึ่งจะแปลให้เป็นภาษาชาวบ้านก็คือ“คนรับใช้” นั่นเอง

คำว่าอัครทูตนั้นหากจะตีความตามความหมายว่า “ผู้ที่ถูกใช้ไป” เราทุกคนก็สามารถเป็นอัครทูตได้เพราะพระเจ้าทรงใช้เราทุกคนให้ไปทำงานของพระองค์ จะไปไกลบ้าง ใกล้บ้าง ก็ถือว่าได้ทรงใช้ให้เราไป ไม่ทราบว่า ดีใจไหมครับที่เราทุกคนก็สามารถถูกเรียกว่าเป็นอัครทูตได้หลายคนก็ดีใจ วันนี้อาจจะกลับไปสั่งพิมพ์นามบัตรใหม่ โดยใส่คำว่า อัครทูตเข้าไปข้างหน้าชื่อด้วย (ไม่ต้องทำเผื่อผมนะครับ)

อัครทูตในพระคัมภีร์ล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากในการออกไปตามที่พระเยซูได้ทรงใช้ให้ไปเกือบทุกคน ต้องเสียชีวิตด้วยความทรมาน ทั้งถูกตัดหัว ถูกแทงตาย ถูกคว้านท้องถูกถลกหนังหัว ถูกทุบตีอย่างโหดร้าย แต่ทุกคนก็ได้ดำเนินชีวิตสมกับที่ได้ทรงใช้ไปโดยถือว่า เป็นการร่วมในศักดิ์กับพระเยซูคริสต์ มีเพียงยอห์นเท่านั้นที่แก่ตายแต่ก็ต้องถูกเนรเทศไปติดคุกที่เกาะห่างไกลกลางทะเล

ไม่ทราบว่ายังอยากใช้คำนำหน้าชื่อว่าอัครทูตอยู่หรือเปล่า นามบัตรที่สั่งพิมพ์ไปนั้นจะกล้าแจกหรือไม่ หรืออาจจะเริ่มบวกลบคูณหาร ว่าจะคุ้มหรือไม่หากจะต้องพบกับหน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับอัครทูตเหล่านั้น

แต่บางครั้งความหมายของอัครทูตถูกจำกัดขอบเขตอยู่เพียงสาวกในยุคแรกๆที่ได้เรียนรู้และใช้ชีวิตใกล้ชิดกับพระเยซูคริสต์เท่านั้น ซึ่งนั้นก็หมายถึงสาวก 11 คน กับคนที่เลือกเข้ามาแทนที่ยูดาส อิสคาริโอท และอีกคนคือเปาโลที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงแต่งตั้ง ดังนั้นหากจะมองในแง่นี้ปัจจุบันก็ไม่มีอัครทูตเหลืออยู่แล้ว และเราทั้งหลายที่รับใช้พระเจ้าอยู่นั้นก็รับใช้ด้วยเต็มใจ แม้ไม่มีคำนำหน้าชื่อเป็นพิเศษก็ยินดี (หวังว่าเป็นอย่างนั้น)

พระเยซูทรงอยู่ในฐานะของอัครทูตด้วยเพราะพระองค์ก็ทรงเป็น “ผู้ที่ถูกใช้ไป” ด้วย พระบิดาได้ทรงใช้ให้พระบุตรเสด็จเข้ามาในโลก เพื่อภาระกิจสำคัญคือข่าวประเสริฐ เรื่องของการรอดพ้นจากบาปและพระเยซูคริสต์และทรงสำแดงให้เราได้เห็นว่า ทรงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าในสิ่งที่ได้ทรงรับมอบมา

เราทั้งหลายก็เช่นกันให้เราทั้งหลายเดินตามอย่างพระองค์ ในการเป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อกระทำการงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ แม้ว่าจะต้องเหนื่อยยากลำบากแม้กระทั่งถึงบาดเจ็บล้มตาย เมื่อการงานนั้นสำเร็จเราจะพบกับพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี และไม่ขาดบำเหน็จในแผ่นดินของพระเจ้า





Create Date : 27 ตุลาคม 2555
Last Update : 27 ตุลาคม 2555 19:13:40 น. 0 comments
Counter : 998 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com