ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
16 กันยายน 2550
 

เติบโตขึ้นในพระเจ้า

16 กันยายน 2007
คริสตจักร ยะลา

เอเฟซัส 4:11-24
11ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ 12เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น 13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์ 14เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง 15แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ คือพระคริสต์ 16คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆข้อต่อ ที่ทรงประทานได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว 17เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอยืนยันและเป็นพยานในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปท่านอย่าประพฤติอย่างคนต่างชาติที่เขาประพฤติกันนั้น คือมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไร้สาระ 18โดยที่ความคิดของเขามืดมนไป และเขาอยู่ห่างจากชีวิตซึ่งมาจากพระเจ้า เพราะเหตุความไม่รู้เท่าถึงการซึ่งอยู่ในตัวเขา อันเนื่องจากใจที่แข็งกระด้างของเขา 19เขามีใจปราศจากโอตตัปปะปล่อยตัวทำการลามกและละโมบในกาม ทำการโสโครกทุกอย่าง 20แต่ว่าท่านไม่ได้เรียนรู้จักพระคริสต์อย่างนั้น 21ถ้าแม้ท่านได้ฟังเรื่องพระองค์ และได้เรียนรู้เรื่องพระองค์ตามสัจธรรม ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูแล้ว 22ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่าน ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง 23และจงให้วิญญาณจิตของท่านเปลี่ยนใหม่ 24และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง


อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าผู้สูงสุด ขอบพระคุณสำหรับน้ำพระทัยอันดีเลิศของพระองค์ที่ทรงมีต่อเราทั้งหลายทุกคน พระองค์ได้ประทานพระวจนะเพื่อเป็นสิ่งบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณของเราทั้งหลาย ขอบพระคุณที่ทรงแต่งตั้งเราทุกคนเป็นผู้รับใช้ในงานของพระองค์ แสดงให้เรารู้ว่า พระองค์ทรงเห็นคุณค่าในเราทั้งหลายและทรงให้เกียรติเรามาก ขอพระเจ้าทรงเมตตายกโทษให้กับเราหากว่าในอดีตที่ผ่านมาเราไม่เคยตระหนักถึงเกียรติที่พระองค์ได้ทรงมอบให้กับเรานั้น และทรงโปรดให้เราได้กลับใจเสียใหม่ เพื่อเราจะเติบโตขึ้นจนถึงความไพบูลย์ในองค์พระเยซูคริสต์ ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเคลื่อนไหวและสัมผัสในชีวิตของเราแต่ละคน เพื่อคริสตจักของพระองค์ที่นี่จะเป็นคริสตจักรที่มีชีวิต และพร้อมที่จะต้อนรับการเสด็จกลับมาขององค์พระเยซูคริสต์


เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมได้รับแจ้งจากอนุชนว่า จะมีการจัดประชุมของคณะกรรมการอนุชนเครื่อข่ายภาคใต้ ของสภาคริตจักร โดยครั้งนี้จะมาจัดการประชุมในจังหวัดยะลา ซึ่งก็จะมีตัวแทนอนุชนจากจังหวัดต่างๆมาร่วมในการประชุม และจะได้เป็นโอกาสดีที่จะได้มาเยี่ยมเยียนและนมัสการพระเจ้าร่วมกับพี่น้องที่คริสตจักรยะลาแห่งนี้ ประกอบกับวันนี้ตรงกับวันที่ทางสภาคริสตจักรได้กำหนดไว้ในปฏิทินประจำปีให้เป็นวันระลึกเยาวชน ทางอนุชนจึงขอให้ทางคริสตจักรจัดเตรียมให้มีการเทศนาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน ซึ่งตามตารางของทางคริสตจักรก็ปรากฏว่า ตรงกับตารางการเทศนาของคุณบุญขว่าง แต่คุณบุญขว่างติดธุระ จึงได้ขอให้อาจารย์ชวลิตเทศนาแทน แต่ก็ปรากฏว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งเป็นตารางการเทศนาของผม ผมติดธุระไปต่างจังหวัด จึงต้องแลกกับอาจารย์ชวลิต จึงกลายเป็นว่าผมต้องมารับหน้าที่ในวันนี้ ตลอดสัปดาห์จึงได้ใช้เวลาในการอธิษฐาน และใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องที่เหมาะสำหรับเยาวชนที่จะเติบโตขึ้น ในที่สุดก็ได้ทราบว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุม ก็เป็นอันว่าวันนี้จะไม่มีกรรมการอนุชนดังกล่าวมาอยู่ด้วยกับเรา แต่ผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมจะนำมาแบ่งปันในวันนี้ ก็ยังน่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องเช่นกันแม้จะอยู่ในวัย “อภิมหาชน” แล้วก็ตาม

สัปดาห์ที่แล้วผมได้ร่วมนมัสการพระเจ้ากับพี่น้องที่คริสตจักรบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับทราบว่าพี่น้องคริสเตียนที่นั่นก็ได้อธิษฐานเผื่อพวกเราที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างไม่ขาด ศิษยาภิบาลและพี่น้องคริสเตียนที่นั่นฝากความระลึกถึง และความปรารถนาดีมายังพี่น้องทุกท่านที่นี่ด้วย

พระวจนะของพระเจ้าทั้งที่ปรากฏในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญาใหม่ ก็ได้กล่าวถึงช่วงชีวิตของเยาวชนไว้อย่างน่าสนใจหลายตอนด้วยกัน แม้จะปรากฏคำว่า “เยาวชน” เพียงครั้งเดียวในพระคัมภีร์เดิม คือพระธรรมปัญญาจารย์ 11:9-10

9โอ เยาวชน จงเปรมปรีดิ์ในปฐมวัยของเจ้า และให้จิตใจของเจ้ากระทำตัวเจ้าให้ร่าเริงในปฐมวัยของเจ้า เจ้าจงดำเนินในทางแห่งใจของเจ้าและตามสายตาของเจ้า แต่จงทราบว่าเนื่องด้วยกิจการงานทั้งปวงเหล่านี้พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้ามาถึงการพิพากษา 10จงตัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความเจ็บปวดเสียจากเนื้อหนังของเจ้าเพราะความหนุ่มสาวและวัยฉกรรจ์นั้นเป็นอนิจจัง

พระธรรมปัญญาจารย์นี้ นักศาสนศาสตร์และนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าเขียนขึ้นโดยกษัตริย์ซาโลมอน ซึ่งเป็นผู้ที่มีสติปัญญาล้ำเลิศ ตามที่พระเจ้าโปรดประทานให้ เพราะกษัตริย์ซาโลมอนได้ขอสติปัญญาจากพระเจ้าในการที่จะปกครองประชากรของพระเจ้า กษัตริย์ซาโลมอนได้ผ่านประสพการณ์ชีวิตที่น่าสนใจทำให้ได้ข้อสรุปหลายประการที่เป็นแนวทางเพื่อเยาวชนรุ่นหลังจะได้เรียนรู้

มีสิ่งสำคัญหลายประการในพระธรรม 2 ข้อนี้ ประการแรก คือ “จงเปรมปรีดิ์ และร่าเริง” นี่เป็นสิ่งที่พระวจนะของพระเจ้าแนะนำว่าควรจะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเยาวชน แต่ก็อาจทำให้ผู้ใหญ่หลายๆท่านไม่ค่อยสบายใจนัก เนื่องจากภาพของเยาวชนในชาติที่ปรากฏในสื่อขณะนี้แสดงให้เห็นถึงความฟอนเฟะของคนรุ่นใหม่ ที่เอาแต่สนุกสนานรื่นเริงไปกับความบันเทิงและอบายมุก แต่กระนั้นผมก็เชื่อว่าผู้ใหญ่ก็คงไม่ต้องการจะบอกกับลูกหลานเยาวชนว่า “จงโศกเศร้า และเป็นคนอมทุกข์เถิด”

ก่อนที่จะมีความคิดที่ขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้าตอนนี้ ผมอยากจะบอกว่าความเปรมปรีดิ์และร่าเริงที่พระคัมภีร์พูดถึงนี้ ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับความสนุกสนานรื่นเริงในอบายมุกอย่างที่เห็นกันทั่วไปในสังคม แต่กษัตริย์ซาโลมอนได้สรุปประสบการณ์ชีวิตของท่านให้ฟังในหลายๆบทก่อนหน้านี้ ท่านได้พบเห็น ได้เรียนรู้ ได้สมหวัง ได้ผิดหวัง ได้สุขใจ ได้เศร้าใจ ฯลฯ ข้อสรุปที่ได้ออกมาคือ ให้เยาวชนอย่าได้มัวแต่รู้สึกขมขื่นใจ หรือมัวนั่งเศร้าใจ น้อยใจกับสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว หรือฐานะทางบ้าน หรือโอกาสในชีวิตที่ดูเหมือนจะด้อยกว่าเพื่อนๆ แต่ให้ฉวยโอกาสที่จะเรียนรู้ประสพการณ์ชีวิต ด้วยใจร่าเริงและด้วยความเข้าใจในพระประสงค์อันดีของพระเจ้า เพราะเราแต่ละคนจะถูกพระเจ้าหล่อหลอมขึ้นอย่างพิเศษแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นในข้อ 10 จึงบอกไว้ว่า “จงตัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความเจ็บปวดเสียจากเนื้อหนังของเจ้าเพราะความหนุ่มสาวและวัยฉกรรจ์นั้นเป็นอนิจจัง”

สิ่งที่กษัตริย์ซาโลมอนกำชับไว้อีกประการหนึ่งก็คือว่า “เจ้าจงดำเนินในทางแห่งใจของเจ้าและตามสายตาของเจ้า” คำกำชับอันนี้ก็อีกเช่นกันที่ทำให้ผู้ใหญ่หลายๆท่านเกิดความไม่สบายใจ เพราะความเป็นห่วงและความปรารถนาดีที่มีต่อบุตรหลาน ก่อนที่จะเกิดความรู้สึกขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้า ผมอยากจะบอกว่าพระคัมภีร์ไม่ได้ต้องการให้เยาวชนดำเนินชีวิตอย่างโง่เขลา ถ้าเรายอมรับว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า เป็นประโยชน์ในการสั่งสอน ตักเตือนว่ากล่าว และปรับปรุงแก้ไข คนให้ดี เพื่อคนของพระเจ้าพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกสิ่ง” และถ้าเราเองได้ทำความเข้าใจบริบทอย่างถูกต้อง ก็ไม่มีสิ่งใดที่เราจะต้องขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้เลย

หากว่าผู้ปกครองได้อบรมสั่งสอนลูกหลานในทางของพระเจ้า และมอบลูกหลานไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว จงเรียนรู้ที่จะไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าได้นำตัวคุณเองข้ามผ่านความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสมาถึงวันนี้อย่างไร ทุกวันนี้คุณถึงได้สามารถบอกกับทุกคนว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ แน่นอนว่า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่และมีพระคุณเพียงพอสำหรับลูกหลานเหล่านั้นด้วย แต่ปัญหาคือการที่ผู้ปกครองกำหนดกรอบบางอย่างไว้ ด้วยความปรารถนาดี และอยากให้ลูกหลานเป็นไปตามกรอบนั้น ซึ่งบางครั้งก็เหมาะสมดีถ้าลูกหลานเองมีใจรักและยินดีกับเส้นทางนั้น แต่บางครั้งก็ไม่เหมาะสม และนำให้เกิดความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง ทั้งในผู้ปกครอง และในตัวเยาวชนเอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย อย่าให้ความปรารถนาดีที่เกิดจากการเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านกลับมาสร้างความทุกข์ในครอบครัว ขอพระเจ้าที่จะเปิดตาเปิดใจของทั้งผู้ปกครองและเยาวชน เพื่อให้ได้เห็นน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับเส้นทางชีวิตอันอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้อย่างพิเศษสำหรับแต่ละคน

อย่างไรก็ตามคำกำชับที่สำคัญซึ่งจะมองข้ามไปไม่ได้คือ “แต่จงทราบว่าเนื่องด้วยกิจการงานทั้งปวงเหล่านี้พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้ามาถึงการพิพากษา”
เยาวชนที่รัก พระเจ้าทรงเฝ้าดูชีวิตของท่านทั้งหลายอยู่ทุกเวลา (พวกผู้ใหญ่ก็เช่นกัน)

ตัวอย่างที่น่าศึกษาประการต่อมา อยู่ในพระธรรม 1 ทิโมธี 4:12

12อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์

พระคัมภีร์ข้อนี้ถูกนำมาใช้บ่อยๆ แต่อาจจะถูกหยิบมาเพียงส่วนเดียว นั่นคือ “อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน” แต่ลืมกล่าวถึงว่า การดำเนินชีวิตต้องเป็นอย่างไร จึงจะไม่สมควรถูกหมิ่นประมาท

ไม่ทราบว่าพี่น้องคิดเห็นอย่างไรในเรื่องของการมีชีวิตที่สังคมยกย่อง โดยทั่วไปก็น่าจะเรียกว่าดี แต่ผมอยากให้ฉุกคิดสักนิดหนึ่งว่า สังคมกำลังยกย่องอะไร?

สังคมปัจจุบันมีค่านิยมที่ผิดเพี้ยนไปอย่างมาก มากจนกระทั่งแม้แต่คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าก็ยังสัมผัสได้ว่าเป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ว่าแต่คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนของพระเจ้า รู้สึกสัมผัสได้ถึงความไม่ถูกต้องนั้นด้วยหรือเปล่า? หรือหลงใหลไปตามค่านิยมเหล่านั้นด้วย !!!

สังคมปัจจุบันจะยกย่องเชิดชูคนร่ำรวย และเรียกสิ่งนั้นว่า การประสพความสำเร็จ ยกย่องคนที่มีฐานะดีว่าเก่ง และชี้แนะให้ลูกหลานเอาเป็นแบบอย่าง โดยที่มักจะไม่สนใจว่าการร่ำรวยนั้นจะได้มาอย่างไร เพราะภาพลักษณ์แห่งการฉ่อฉล สามารถถูกลบล้างไปได้ด้วยการทำการกุศลด้วยเงินก้อนใหญ่

ถ้าอย่างนั้น พระคัมภีร์กำลังสอนให้เรายกย่องเชิดชูคนจน คนเหลวไหล คนขี้เมาหยำเป ผีพนันและคนไม่เอาถ่านหรือ ?? ใครพบว่าพระคัมภีร์กล่าวอย่างนั้น กรุณาชี้ให้ผมดูด้วย
หรือพระคัมภีร์บอกว่า ต้องยกย่องเชิดชูนักวิชาการ ผู้มีการศึกษาสูง หรือผู้มีชาติตระกูลสูง หรือพวกผู้นำศาสนา หรือผู้มีหน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณดี นักกีฬาที่เก่งกาจ ศิลปินผู้ลึกล้ำ อย่างนั้นหรือ ??
ใครพบว่าพระคัมภีร์กล่าวอย่างนั้น กรุณาชี้ให้ผมดูด้วย

การที่สังคมให้ความนิยมชมชอบใครก็ตามที่ขยันขันแข็งทำมาหากิน และมีฐานะดี ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ถ้าหากว่าสังคมไม่ลืมที่จะมองหาสิ่งสำคัญในคนนั้นด้วย นั่นคือความชอบธรรม

และจะเป็นอย่างไรถ้าคนอีกคนหนึ่ง มีฐานะไม่ร่ำรวยนัก แต่มีความชอบธรรม คนนั้นสมควรได้รับการยกย่องหรือไม่ ถ้าอีกคนหนึ่งยากจน ไร้การศึกษา แต่มีความชอบธรรม การยกย่องไม่สมควรกับคนเช่นนั้นหรือ ??

ถ้าหากว่าเราดำเนินชีวิตอย่างที่พระคัมภีร์แนะนำไว้ คือ “เป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์” เราจะไม่ถูกใครดูหมิ่นอีกใช่ไหม

ผมอยากจะบอกว่า พระเยซูคริสตเจ้าเองทรงดำเนินชีวิตแบบนั้นทุกประการ และก็ยังทรงถูกคนดูหมิ่น กล่าวคำหยาบต่อพระองค์ ตบพระพักตร์และถ่มน้ำลายรดพระองค์ ทั้งนี้เพราะผู้ที่ดูหมิ่นพระองค์ ไม่ได้มองพระองค์ด้วยสายตาอย่างพระเจ้า แต่มองด้วยสายตาแห่งโลกนี้ เขาไม่ได้ดูหมิ่นพระองค์เพราะพระองค์บกพร่องในเรื่องเหล่านั้น แต่เพราะความผิดบาปในใจของเขาทำให้เขามองไม่เห็นสิ่งที่ควรค่าแก่การยกย่อง

คนที่เป็นคนของโลกนี้ จะใช้สายตาอย่างโลกนี้ ในการมองและยกย่องคน
แต่คนของพระเจ้า จะใช้สายตาอย่างพระเจ้า ในการมองและยกย่องคน


ดังนั้น เยาวชนที่รัก ท่านเป็นผู้ซึ่งติดตามพระเยซูคริสต์ แม้ท่านจะจริงจังกับพระเจ้า และสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตเพียงไร ท่านจะยังคงถูกดูหมิ่นจากคนที่มองท่านด้วยสายตาแห่งโลกนี้ แต่จงชื่นใจเถิด ในสายพระเนตรพระเจ้า พระเจ้าทรงให้เกียรติ รับท่านเป็นบุตรของพระองค์ ผู้ที่มองท่านด้วยสายตาอย่างพระเจ้าจะไม่ดูหมิ่นท่านเลย

ผู้ปกครองที่รัก ท่านกำลังมองเยาวชนลูกหลานของท่านด้วยสายตาอย่างพระเจ้าหรือไม่ ??


ตัวอย่างที่น่าศึกษาประการต่อมา อยู่ในพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์ 12:6-19

6 แล้วพระราชาเรโหโบอัมก็ทรงปรึกษากับบรรดาผู้เฒ่า ผู้อยู่งานประจำซาโลมอนราชบิดาของพระองค์ ขณะเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ว่า "ท่านทั้งหลายจะแนะนำเราให้ตอบประชาชนนี้อย่างไร"
7 เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า "ถ้าพระองค์จะทรงเป็นผู้รับใช้ประชาชนนี้ในวันนี้และฟังเขา และตรัสตอบคำดีแก่เขา เขาทั้งหลายก็จะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์เป็นนิตย์"
8 แต่พระองค์ทรงทอดทิ้งคำปรึกษาซึ่งผู้เฒ่าถวายนั้นเสีย และไปปรึกษากับคนหนุ่มซึ่งเติบโตขึ้นมาพร้อมกับพระองค์ และอยู่งานประจำพระองค์
9 และพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "ท่านจะแนะนำเราอย่างไรเพื่อพวกเราจะตอบประชาชนนี้ ผู้ที่ทูลเราว่า "ขอทรงผ่อนแอกซึ่งพระราชบิดาของพระองค์วางอยู่เหนือข้าพระบาททั้งหลายให้เบาลง"
10 และคนหนุ่มเหล่านั้นผู้ได้เติบโตมาพร้อมกับพระองค์ทูลพระองค์ว่า "พระองค์จงตรัสดังนี้แก่ประชาชนนี้ ผู้ทูลพระองค์ว่า "พระราชบิดาของพระองค์ได้กระทำให้แอกของข้าพระบาททั้งหลายหนัก แต่ขอพระองค์ทรงผ่อนแก่ข้าพระบาทให้เบาลง" นั้น พระองค์จงตรัสแก่เขาทั้งหลายอย่างนี้ว่า "นิ้วก้อยของเราก็หนากว่าเอวแห่งราชบิดาของเรา
11 ที่พระราชบิดาของเราวางแอกหนักบนท่านทั้งหลายก็ดีแล้ว เราจะเพิ่มให้แก่แอกของท่านทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยไม้เรียว แต่เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้แมงป่อง"
12 เยโรโบอัมกับประชาชนทั้งปวงจึงเข้ามาเฝ้าเรโหโบอัมในวันที่สาม ดังที่พระราชารับสั่งว่า "จงมาหาเราอีกในวันที่สาม"
13 และพระราชาตรัสตอบประชาชนอย่างดุดัน ทรงทอดทิ้งคำปรึกษาซึ่งผู้เฒ่าได้ถวายนั้นเสีย
14 และตรัสกับเขาทั้งหลายตามคำปรึกษาของพวกคนหนุ่มว่า "พระราชบิดาของเราทำแอกของท่านทั้งหลายให้หนัก แต่เราจะเพิ่มให้แก่แอกของท่านทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยไม้เรียว แต่เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้แมงป่อง"
15 พระราชาจึงมิได้ฟังเสียงประชาชนเพราะเหตุการณ์นั้นเป็นมา แต่พระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้พระวจนะของพระองค์ได้สำเร็จ ซึ่งพระเจ้าตรัสโดยอาหิยาห์ชาวชีโลห์แก่เยโรโบอัมบุตรเนบัท
16 และเมื่ออิสราเอลทั้งปวงเห็นว่า พระราชามิได้ทรงฟังเขาทั้งหลาย ประชาชนก็ทูลตอบพระราชาว่า "ข้าพระบาททั้งหลายมีส่วนอะไรในดาวิด ข้าพระบาททั้งหลายไม่มีส่วนมรดกในบุตรชายของเจสซีโอ อิสราเอลเอ๋ย กลับไปเต็นท์ของตนเถิด ข้าแต่ดาวิด จงดูแลราชวงศ์ของพระองค์เองเถิด" อิสราเอลจึงจากไปยังบ้านเรือนของเขาทั้งหลาย
17 แต่เรโหโบอัมทรงปกครองเหนือประชาชนอิสราเอล ผู้อาศัยอยู่ในหัวเมืองของยูดาห์
18 แล้วพระราชาเรโหโบอัมทรงใช้อาโดรัมนายงานเหนือแรงงานเกณฑ์ไป และอิสราเอลทั้งปวงก็เอาหินขว้างท่านถึงตาย แล้วพระราชาเรโหโบอัมก็ทรงรีบขึ้นรถรบของพระองค์ ทรงหนีไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
19 อิสราเอลจึงกบฏต่อราชวงศ์ของดาวิดจนทุกวันนี้


ปัญหาประการหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างเยาวชนกับผู้ใหญ่ คือการที่เยาวชนมักจะไม่ยอมรับความคิดเห็น หรือข้อแนะนำจากผู้ใหญ่ ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีความสามารถเพียงพอในการที่จะจัดการกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ และคำแนะนำของผู้ใหญ่มักจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ ล้าสมัย ใช้การไม่ได้แล้วในยุคสมัยนี้ เรื่องจากพระคัมภีร์ที่ได้อ่านไปก็ได้แสดงตัวอย่างให้เห็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับพระราชาหนุ่มคนหนึ่ง

พระราชาคนนี้ตัดสินใจที่จะทำตามคำแนะนำของเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งๆที่ได้รับคำแนะนำที่ดีจากผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงตามมา

ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าเยาวชนไม่สามารถจะมีความคิดอ่านในการที่จะกระทำการใดๆ ให้รอที่จะทำตามที่ผู้ใหญ่สั่งลงมาเท่านั้นหรือ ?

ผมไม่คิดว่าพระคัมภีร์สอนอย่างนั้น สิ่งที่พระคัมภีร์สอนคือให้เราแสวงหาคำปรึกษาจากพระเจ้า พระองค์จะทรงโปรดประทานให้ ซึ่งอาจจะโดยผ่านทางผู้ใหญ่ก็ได้ หรือแม้แต่ผ่านทางคนในวัยเดียวกันก็ได้ หรือผ่านทางเหตุการณ์ประจำวันก็ได้

สดุดี 16:7-8
7ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้า ผู้ประทานคำปรึกษาแก่ข้าพเจ้า เออ ในกลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าเตือนสอนข้าพเจ้า 8 ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว

สดุดี 73:24-25
24พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์ และภายหลังพระองค์จะทรงนำข้าพระองค์ให้ได้รับเกียรติยศ 25นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์มิมีผู้ใดในฟ้าสวรรค์นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาใดใดในโลก


เยาวชนที่รัก คำปรึกษาของพระเจ้า จะไม่แนะนำให้เรากระทำสิ่งที่ขัดกับพระวจนะของพระเจ้า และผู้ที่ติดตามพระเจ้าอย่างใกล้ชิดจะรับรู้ได้ว่า คำปรึกษาใดมาจากพระเจ้า เหมือนแกะที่จะคุ้นเคยกับเสียงของผู้เลี้ยง

ผู้ปกครองที่รัก พระเจ้าสามารถให้คำแนะนำแกเยาวชนผ่านทางท่านได้ ถ้าท่านเป็นผู้สัตย์ซื่อในสายพระเนตรพระเจ้า


ตัวอย่างที่น่าศึกษาประการต่อมา อยู่ในพระธรรม มัทธิว 17:20

20 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เพราะเหตุพวกท่านมีความเชื่อน้อย ด้วยเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า "จงเลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น" มันก็จะเลื่อน สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งท่านทำไม่ได้ จะไม่มีเลย"

พระธรรมข้อที่อ่านไปนั้น แม้จะไม่มีการกล่าวถึงเยาวชนเลยก็ตาม แต่เหล่าสาวกของพระเยซูในเวลานั้น ก็เป็นคนหนุ่มในสายตาของพระอาจารย์ของเขา พระเยซูได้ทรงตำหนิเขาเหล่านั้นว่ามีความเชื่อน้อย ดังนั้น เยาวชนคนหนุ่มสาวในปัจจุบันก็เลยอยากจะเป็นผู้มีความเชื่อมากกันเป็นแถว ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมากครับ ไม่มีอะไรผิด

แต่เยาวชนจำนวนหนึ่งก็ประสพกับปัญหาอยู่ไม่น้อยเลย ในการที่จะหาจุดที่เหมาะสมลงตัวของการ “มีความเชื่อ” เช่นการที่จะกระทำการอะไรสักอย่าง แน่นอนเราจะต้องใช้ความเชื่อในพระเจ้าเพื่อกระทำการของพระองค์ แต่ต้องมีความเชื่อขนาดไหนล่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆกับเรื่องของการสร้างอาคารคริสตจักรของเราที่นี่ก็ได้ หากสับสนกับคำว่าความเชื่อ เราก็จะวนเวียนอยู่กับคำถามว่า เราจะต้องสร้างให้ใหญ่แค่ไหนดี มี 5 ชั้นจุคนได้ 2,000 คน เรียกว่ามีความเชื่อมากพอหรือยัง หรือต้อง 8 ชั้น ถ้าสร้าง 2 ชั้น เดี๋ยวกลายเป็นมีความเชื่อน้อย หรือการสอบเรียนต่อมหาวิทยาลัย เราจะต้องมีความเชื่อขนาดไหนล่ะ ถ้าไปเรียนพิเศษมากๆ เดี๋ยวกลายเป็นไม่มีความเชื่อ เพราะฉะนั้น ต้องทำเป็นไม่ค่อยอ่านหนังสือ และร่วมทำกิจกรรมโบสถ์มากๆ ถึงจะเรียกว่ามีความเชื่อ อย่างนั้นหรือเปล่า

ปัญหาในการไม่เข้าใจคำว่า “ความเชื่อ” ทำให้เกิดความสับสนในหมู่เยาวชนคริสเตียนส่วนหนึ่ง พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า “สิ่งที่เราคิด และดำเนินไปอย่างมั่นใจ” เรียกว่าความเชื่อ แต่กำลังพูดถึง “ความไว้วางใจในพระเจ้า” ผู้ซึ่งเฝ้าดูชีวิตของเรา และการเดินไปกับพระองค์ ในแต่ละวัน ฟังเสียงของพระองค์ ยินดีที่จะกระทำตามในสิ่งที่พระองค์สั่ง ไม่ว่าด้วยสายตาหรือวิทยาการของโลกนี้สิ่งนั้นจะเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

เยาวชนที่รัก พระเจ้าประสงค์ให้ท่านมีความเชื่อในพระองค์ ความเชื่อนั้นจะไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ประสบการณ์ที่ท่านดำเนินไปกับพระองค์จะทำให้ท่านรู้จักความหมายที่แท้จริงของความเชื่อ

ผู้ปกครองที่รัก เยาวชนลูกหลาน กำลังจับตาดูแบบอย่างความเชื่อของท่าน


ตัวอย่างประการสุดท้าย เอเฟซัส 6:17

17จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า

คำที่เรามักได้ยินบ่อยจากหนังกำลังภายในก็คือ “กระบี่อยู่ที่ใจ” เป็นคำที่ดูเท่ห์มาก เพราะผู้ที่จะเป็นอย่างนี้ได้ ต้องเป็นยอดฝีมือ เป็นจอมยุทธระดับไร้เทียมทาน ประมือกับใครที่ไหน แม้ไม่มีกระบี่ในมือก็สามารถฟาดฟันเอาชนะได้อย่างราบคาบทุกครั้งไป

เยาวชนคริสเตียนจำนวนหนึ่งก็มีความปรารถนาที่จะไปให้ถึงจุดแบบนั้น นั่นคือการเป็นผู้ล้ำลึกในฝ่ายวิญญาณ ที่ทรงอานุภาพ มีของประทานพิเศษ 38 ชนิด พูดเรื่องพระเจ้าให้ใครฟังคนนั้นกลับใจร้องไห้อธิษฐานรับเชื่อทันที เฝ้าแต่แสวงหาว่ามีนักเทศน์ดังๆที่ไหนที่จะสามารถอธิษฐานวางมือแล้วช่วยทำให้เป็นจอมยุทธอย่างนี้ได้ จะรีบบึ่งตรงไปหาทันที แต่มักจะเป็นการเพ้อฝันเสียมากกว่า ในหนังกำลังภายในอาจมีทางลัด โดยการถ่ายโอนกำลังภายในทำให้สามารถกลายเป็นยอดฝีมือในชั่วข้ามคืน

การติดตามพระเจ้าจนถึงขนาดความไพบูลย์ในพระคริสต์นั้น ไม่มีเส้นทางลัดใดๆ ไม่อาจได้มาด้วยการวางมือของผู้วิเศษใดๆ ไม่อาจได้มาโดยการเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมหรือการอบรมคอร์สพิเศษใดๆ

แต่ท่านต้องแสวงหาพระเจ้าด้วยสุดใจ ดำเนินกับพระเจ้าวันต่อวัน ร่วมแบกแอกของพระเยซูคริสต์ เข้าส่วนในศักดิ์ศรีกับพระองค์ มีชีวิตที่ครอบครองโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

เยเรมีย์ 29:11-14
11พระเจ้าตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า 12แล้วเจ้าจะทูลขอต่อเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า 13เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า 14พระเจ้าตรัสว่า เราจะให้เจ้าพบเรา และเราจะให้เจ้ากลับสู่สภาพดีและรวบรวมเจ้ามาจากบรรดาประชาชาติและจากทุกที่ที่เราขับไล่เจ้าให้ไปอยู่นั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ และเราจะนำเจ้ากลับมายังที่ซึ่งเราเนรเทศเจ้าให้จากไปนั้น

เยาวชนที่รัก การติดตามพระเจ้าไม่ใช่เพื่อความเท่ห์ หรือดึงดูดสายตาเพศตรงข้าม แต่เป็นชีวิตจริงที่ต้องดำเนินกับพระองค์วันต่อวัน เรียนรู้จากเส้นทางชีวิตที่พระองค์จะเป็นผู้นำท่านไป และเป็นพระองค์เองที่จะทรงมอบของประทานอันเหมาะสมแก่ภารกิจที่จะส่งท่านไป

ผู้ปกครองที่รัก กระบี่ของท่านอยู่ที่ไหน ใต้หมอน หรือบนหิ้ง



Create Date : 16 กันยายน 2550
Last Update : 16 กันยายน 2550 14:08:43 น. 3 comments
Counter : 2001 Pageviews.  
 
 
 
 
ดีใจที่ได้อ่านบทความแบ่งปันวันนี้ค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องคริสเตียนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วยนะคะ จะระลึกไว้ในคำอธิษฐานเสมอ
ละก็จะแวะมาอ่านคำแบ่งปันบ่อยๆค่ะ
 
 

โดย: Happy heart วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:15:18:54 น.  

 
 
 
ขอบคุณมาก สำหรับคำเทศนาที่มีประโยชน์
ผมกำลังจะเทศนาพระคัมภีร์ตอนนี้ จึงได้รับแง่คิดดี ๆ จากคำเทศนาของคุณ "เติบโตขึ้นในพระเจ้า"
 
 

โดย: ศาสนาจารย์บุญส่ง แดงเรือน IP: 125.25.229.176 วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:15:50:04 น.  

 
 
 
ยินดีครับ อาจารย์
 
 

โดย: ksk วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:17:31:10 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com