ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 ธันวาคม 2553
 

ผู้นำข่าวดี

12 ธันวาคม 2010

คริสตจักรยะลา

ลูกา 2:8-20
8ในแถบนั้นมีคนเลี้ยงแกะอยู่ในทุ่งนา เฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน9มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขา และพระสิริของพระเป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก 10ฝ่ายทูตองค์นั้นกล่าวแก่เขาว่า "อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง 11เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสตเจ้า มาบังเกิดที่เมืองดาวิด 12นี่จะเป็นหมายสำคัญแก่ท่านทั้งหลาย คือท่านจะได้พบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า" 13ในทันใดนั้น มีชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาอยู่กับทูตองค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า 14"พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวงซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานนั้น" 15เมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้น ไปจากเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว พวกเลี้ยงแกะได้พูดกันว่า "ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงแจ้งแก่เรา" 16เขาก็รีบไปแล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า 17ครั้นเขาได้เห็นแล้ว จึงเล่าเรื่องซึ่งเขาได้ยินถึงพระกุมารนั้น 18คนทั้งปวงที่ได้ยินก็ประหลาดใจ ด้วยเนื้อความที่คนเลี้ยงแกะได้บอกแก่เขา 19ฝ่ายนางมารีย์ก็เก็บบรรดาสิ่งเหล่านั้นไว้ในใจและรำพึงอยู่ 20คนเลี้ยงแกะจึงกลับไปยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เพราะเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งเขาได้ยิน และได้เห็นดังได้กล่าวไว้แก่เขาแล้ว


อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงรักและเมตตา ขอบพระคุณสำหรับข่าวดีคือเรื่องของหนทางแห่งความรอด ซึ่งพระองค์ได้ทรงโปรดประทานให้กับมนุษย์ โดยผ่านทางพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ผู้ได้เสด็จมาในโลก เราทั้งหลายได้รับการแต่งตั้งที่จะเป็นผู้นำข่าวดีนี้ออกไปยังผู้คนในสังคม เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้ยิน และมาถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้า ขอให้เรายินดีที่จะกระทำหน้าที่นี้ แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะบอกว่าไม่ถนัด ขัดเขิน เกินความสามารถ อาจต้องยากลำบาก มากมายข้อแก้ตัวต่างๆ แต่ขอให้เราละทิ้งข้ออ้างเหล่านั้น และเรื่มต้นในวันนี้ที่จะกระทำหน้าที่ผู้นำข่าวดีของพระองค์


ช่วงนี้เราทุกคนคงสามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศแห่งคริสตมาสที่ใกล้เข้ามา ทั้งการตกแต่งในคริสตจักรของเราที่กำลังเริ่มมีสีสรรขึ้น ต่างจังหวัดแบบบ้านเรานี้ การตกแต่งในย่านการค้าหรือในที่สาธารณะก็ไม่มีให้เห็น แต่ในกรุงเทพนั้นห้างสรรพสินค้าต่างๆก็เริ่มบรรยากาศคริสตมาสก่อนบรรดาคริสตจักรทั้งหลายเสียอีก สำหรับคริสตจักรของเรานั้น จริงๆแล้วบรรยากาศแห่งคริสตมาสสำหรับพวกเราส่วนหนึ่งก็ได้เริ่มต้นมาประมาณ 1 เดือนแล้ว ผมกำลังหมายถึงคณะนักร้องประสานเสียงของคริสตจักรของเรา ซึ่งเป็นคณะที่อัศจรรย์มาก เราพูดกันหลายครั้งว่า เราควรเริ่มซ้อมกันตั้งแต่กลางปี แต่ก็มักจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถเริ่มการซ้อมก่อนกำหนดได้ อาจเป็นเพราะไม่ได้บรรยากาศก็เป็นได้ เสร็จงานปีนี้เราคงพูดกันอีกเหมือนเดิมว่า ปีหน้าเราจะเริ่มซ้อมกันตั้งแต่กลางปี และผมหวังว่าเราจะสามารถทำได้จริงๆ

การตกแต่งประดับประดาของห้างร้านต่างๆ อาจจะทำให้โลกรับรู้ว่าคริสตมาสใกล้จะมาถึงแล้ว แต่คำถามที่น่าสนใจหลายประการที่เราจะมาพิจารณาด้วยกันในวันนี้คือ
-สิ่งเหล่านั้นเป็นข่าวสารที่แท้จริงของคริสตมาสหรือเปล่า ??
-อะไรที่ทำให้ข่าวสารที่แท้จริงของคริสตมาสถูกบดบังไป ??
-ทำอย่างไรข่าวดีแห่งคริสตมาสจึงจะสามารถไปถึงคนในสังคมรอบข้างเรา ??
-เราจะเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่จะยืนหยัดอย่างสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวดีแห่งคริสตมาส ??

สิ่งเหล่านั้นเป็นข่าวสารที่แท้จริงของคริสตมาสหรือเปล่า ??

ข่าวสารเกี่ยวกับคริสตมาสที่เราพบเห็นได้ในสังคมทั่วไป คือภาพของตุ๊กตาหิมะ ต้นคริสตมาส ซานตาครอสกับเลื่อนหิมะ กล่องของขวัญ ซานต้าเกิร์ล งานเลี้ยงฉลองอย่างสุดเหวี่ยง โปรโมชั่น พิเศษในสถานบันเทิงอโคจร เสียงเพลงคริสตมาสที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์ และอื่นๆอีกมากมายหลายอย่าง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่บดบังเรื่องราวข่าวดีของวันคริสตมาสไปหมดสิ้น บางสิ่งเราเองก็สามารถที่จะพิจารณาได้ง่ายๆว่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะเกี่ยวข้องกับคริสตมาส แต่บางสิ่งเราต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่และรู้ถึงเบื้องหลัง จึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่า สิ่งนั้นไม่ควรเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับคริสตมาส

งานเลี้ยงฉลองสุดเหวี่ยง โปรโมชั่นพิเศษต่างๆของสถานบันเทิงอโคจร เป็นสิ่งที่เราสามารถตัดทิ้งไปได้เป็นอันดับแรกๆ โดยไร้ข้อกังขา เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าการเฉลิมฉลองอย่างที่ลูกของพระเจ้าจะพึงกระทำ

ตุ๊กตาหิมะ แม้ว่าประเทศไทยของเราจะไม่มีหิมะ แต่ก็ยังมีความพยายามเอาตุ๊กตาหิมะเทียมมาตกแต่ง ซึ่งก็ไม่ได้มีความหมายใดๆที่เกี่ยวของกับพระเยซูคริสต์เลย เราอาจตัดสินได้ไม่ยากนักว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย

ซานต้าเกิร์ล เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ไม่นานนี่เอง ซึ่งภาพที่ปรากฏมักจะเป็นหญิงสาว รูปร่างดี หน้าตาสวยงาม แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีแดง กระโปรงสั้น และปัจจุบันเพื่อร่วมแก้ปัญหาโลกร้อน จึงได้ประหยัดเนื้อผ้าไปมาก จนแทบไม่สามารถนำเสนอในสื่อสาธารณะได้ เราก็คงจะสามารถตัดสิ่งนี้ทิ้งไปได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะเข้าข่ายลามกอนาจารย์

ซานตาครอสกับกล่องของขวัญ เป็นสิ่งที่ฝังลึก ผูกติดอยู่กับคริสตมาสมายาวนาน นอกจากจะพบเห็นได้ทั่วไป ทั้งในห้างร้านต่างๆ และยังอาจพบเห็นได้ในงานคริสตมาสในคริสตจักรหลายแห่ง สิ่งนี้เราจะพิจารณาอย่างไรว่า ควรเกี่ยวข้องกับคริสตมาสหรือไม่ ซานตาครอสได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสอนเด็กๆให้เป็นเด็กดี เพื่อจะได้รับรางวัลจากซานตาครอส แม้ว่าจะมีตำนานเกี่ยวกับนักบุญนิโคลัสที่น่าประทับใจ และมีความพยายามที่จะโยงความหมายดีๆของขวัญเข้ากับพระเยซูคริสต์ เพื่อสื่อว่า พระเจ้าได้ประทานพระเยซูเป็นของขวัญให้กับมนุษย์โลก มีความพยายามสร้างความประทับใจในเรื่องของความมุมานะอดทนของ กวางเรนเดียร์ตัวหน้าสุดในขบวนรถเลื่อนของซานตาครอส แต่ในที่สุดเราก็พบว่า ซานตาครอสได้เข้ามาแย่งชิงความหมายที่แท้จริงของคริสตมาสไปหมดสิ้น ผู้คนจำนวนมากเข้าใจไปว่า วันคริสตมาสเป็นเทศกาลของขวัญ หรืออาจเข้าใจผิดไปถึงขนาดว่าเป็นวันเกิดของซานตาครอส สำหรับเรื่องนี้เราอาจกล่าวได้ว่า มนุษย์พยายามใช้สติปัญญาของตนเองในการนำเสนอข่าวดีของพระเจ้า และผลปรากฏให้เห็นแล้วว่า สิ่งนั้นใช้การไม่ได้ คริสตจักรของเราเคยมีซานตาครอสในงานคริสตมาสเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่เมื่อเราได้รับการเตือนสติให้เห็นความจริง เราก็ไม่มีซานตาครอสอีกเลยเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว

ต้นสนคริสตมาส ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผูกติดกับคริสตมาสมายาวนาน หลายๆคริสตจักรก็ตกแต่งประดับประดาด้วยต้นคริสตมาสขนาดใหญ่ และดูเหมือนว่าเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ แต่ยอมให้พระเยซูในรางหญ้าหายไป หากเราค้นดูเรื่องราวประวัติของต้นสนคริสตมาส เราจะพบว่ามีตำนานมากมายหลายเรื่องเกี่ยวกับที่มาของต้นคริสตมาส แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวของกับการมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์เลย เป็นเพียงเหตุผลในการนำต้นไม้นี้มาประดับประดาในเทศกาลเท่านั้น แต่ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นวัตถุอีกชิ้นหนึ่งที่มาแทนที่พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นความหมายที่แท้จริงของคริสตมาส แล้วหาเหตุผลมาประกอบในภายหลังเพื่อพยายามสื่อให้มีความหมายในทางที่ดี เช่นเป็นต้นไม้ที่มีสีเขียวตลอดปี เล็งถึงพระเยซูผู้เป็นต้นไม้แห่งชีวิต หรือเหตุผลเพราะว่าเป็นต้นไม้ที่ปลายชี้สู่สวรรค์เบื้องบน จึงเป็นต้นไม้ที่มีความหมายดี คริสตจักรของเราเคยประดับประดาคริสตมาสด้วยต้นคริสตมาสมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งเราได้รับการเตือนสติให้เห็นถึงความจริงว่า นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หันเหความสำคัญไปจากพระเยซูคริสต์

เพลงคริสตมาสที่ไม่เกี่ยวข้องกับพระเยซู เรามักจะคุ้นเคยกับเพลงที่มีบรรยากาศเป็นคริสตมาส แต่เราไม่เคยรู้ความหมายของเพลงเหล่านั้น เช่น Jingle Bell, Santa Claus is coming to town, White Christmas และอีกมากมาย เราอาจได้ยินเพลงเหล่านั้นทางสื่อโทรทัศน์หรือวิทยุตลอดช่วงคริสตมาสนี้ ทำให้เราเคลิบเคลิ้มและรู้สึกถึงบรรยากาศคริสตมาส แท้จริงแล้วไม่มีข่าวดีเรื่องการมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์อยู่ในนั้นเลย เพลงเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์เลยแม้แต่น้อย

เราคงเห็นได้ว่า ข่าวสารเทียมเกี่ยวกับคริสตมาสมีอยู่อย่างมากมายไม่ไกลจากตัวเรา หวังว่าจะไม่เป็นเราเองที่เป็นผู้มีส่วนสนับสนุนข่าวสารเทียมเหล่านั้น
กาลาเทีย 1:6-9
6ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจ ที่พวกท่านพากันละทิ้งพระองค์ไปอย่างรวดเร็ว พระองค์ทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์ แต่ท่านกลับหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย7ความจริงข่าวประเสริฐอื่นไม่มี แต่ว่ามีบางคนที่ทำให้ท่านยุ่งยาก และปรารถนาที่จะบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ 8แม้แต่เราเองหรือทูตสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่ท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป 9ตามที่เราได้พูดไว้ก่อนแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าพูดอีกว่า ถ้าผู้ใดประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน ที่ขัดกับข่าวประเสริฐซึ่งท่านได้รับไว้แล้ว ผู้นั้นจะต้องถูกแช่งสาป


อะไรที่ทำให้ข่าวสารที่แท้จริงของคริสตมาสถูกบดบังไป ??

มีหลายสิ่งที่ทำให้ข่าวสารที่แท้จริงของคริสตมาสถูกบดบังไป เช่น
ข่าวสารนั้นถูกสื่อออกไปโดยผู้ที่ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของข่าวสาร เราอาจเห็นได้ง่ายมากในปัจจุบัน ลองใช้ google ค้นหาประวัติของคริสตมาส เราก็จะพบเวบไซท์มากมายที่มีข้อความเรื่องราวของประวัติคริสตมาส และส่วนใหญ่จะไม่ใช่เวบไซท์ของคริสเตียน และข้อความต่างๆก็เป็นลักษณะของการลอกข้อมูลต่อๆกันมา 3 หน้าแรกของผลการค้นหา google ไม่มีข้อมูลจากเวบของคริสเตียนเลย หน้าที่ 3 มีข้อมูลจากเวบไซท์มุสลิม เราคิดว่าข่าวสารเรื่องคริสตมาสที่ผู้คนจะพบเห็นนั้น จะเป็นข่าวสารที่มีความถูกต้องเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด และแม้แต่คริสเตียนเอง การที่จะนำเสนอข่าวสารออกไปด้วยใจร้อนรน ก็ควรกระำทำด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย
กิจการ 18:24-26
24 มียิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล เกิดในเมืองอเล็กซานเดรีย เป็นคนมีโวหารดี และชำนาญมากในทางพระคัมภีร์ ท่านมายังเมืองเอเฟซัส
25 อปอลโลคนนี้ได้รับการอบรมในทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า และมีใจร้อนรนกล่าวสั่งสอนโดยละเอียดถึงเรื่ององค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้ว่าท่านรู้แต่เพียงบัพติศมาของยอห์นเท่านั้น
26 ท่านได้ตั้งต้นสั่งสอนโดยใจกล้าในธรรมศาลา แต่เมื่ออาควิลลากับปริสสิลลาได้ฟังท่านแล้ว เขาจึงรับท่านมาสั่งสอนให้รู้ทางของพระเจ้าให้ถูกต้องยิ่งขึ้น


ข่าวสารนั้นถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่นเพื่อการค้า สาเหตุประการหนึ่งที่ซานตาครอสก้าวเข้ามาแทนที่พระเยซูได้อย่างรวดเร็ว เพราะถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการต่างๆ ทั้งสินค้าดีๆ และสินค้าที่ชั่วร้าย

ผู้ที่รู้ข่าวสารที่แท้จริง ไม่ได้ทำหน้าที่ในการสื่อข่าวสารเหล่านั้นออกไปตามที่ควร ส่วนนี้เป็นส่วนที่คริสเตียนทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน หันกลับมาถามตัวเราเองว่า เราได้ทำหน้าที่บกพร่องไปหรือไม่ จึงเป็นเหตุให้มีข่าวสารคริสตมาสเทียม มากกว่าข่าวสารคริสตมาสจริง คนงานของพระเจ้ามีน้อยเกินไปหรือเปล่า หรือว่าเราขาดสติปัญญาที่จะต่อสู้กับข่าวสารเทียมเหล่านั้น

ทำอย่างไรข่าวดีแห่งคริสตมาสจึงจะสามารถไปถึงคนในสังคมรอบข้างเรา ??
ผมหวังว่า เมื่อเรามาถึงคำถามนี้ คงไม่มีใครสักคนเดียวในที่นี้ที่ยังคงคิดว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ที่จะต้องรับผิดชอบอะไรกับการประกาศข่าวดีของคริสตมาส” เป็นความจริงที่ว่าเรามีความสามารถที่แตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ความแตกต่างกันนั้นก็เพื่อประโยชน์ซึ่งกันและกัน พระวจนะของพระเจ้าได้ให้เราเห็นภาพของร่างกายที่ประกอบไปด้วยอวัยวะหลายส่วน แต่ละส่วนทำหน้าที่ต่างๆกัน แต่ทั้งหมดก็เพื่อร่างกายนั้นเอง ขอเพียงอวัยวะแต่ละส่วน ทำงานตามหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ ร่างกายก็สามารถดำรงอยู่และจำเริญขึ้นได้อย่างปกติสุข

15เมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้น ไปจากเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว พวกเลี้ยงแกะได้พูดกันว่า "ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงแจ้งแก่เรา" 16เขาก็รีบไปแล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า 17ครั้นเขาได้เห็นแล้ว จึงเล่าเรื่องซึ่งเขาได้ยินถึงพระกุมารนั้น 18คนทั้งปวงที่ได้ยินก็ประหลาดใจ ด้วยเนื้อความที่คนเลี้ยงแกะได้บอกแก่เขา


ทูตสวรรค์ได้ทำหน้าที่ตามที่ได้รับคำสั่งมา บอกข่าวดีแก่เหล่าคนเลี้ยงแกะ คนเลี้ยงแกะก็ได้ไปดูเหตุการณ์นั้น และได้พูดสิ่งที่เขาได้ยินและเห็น

แม้พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าคนเหล่านั้นที่ประหลาดใจในเรื่องราวที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง จะมาถึงความรอดหรือไม่ แต่นั่นคือวิธีการที่สามัญที่สุดสำหรับผู้ทำหน้าที่ในการบอกเล่าข่าวดี คือการพูดในสิ่งที่เห็น เรื่องข่าวประเสริฐที่เราได้ยินเป็นอย่างไร ข่าวประเสริฐนั้นเปลี่ยนแปลงเราอย่างไร พระเจ้าทรงกระทำอะไรกับชีวิตของเรา นั่นคือเรื่องราวที่เราเพียงแค่พูดออกไป

การสนับสนุนให้ข่าวสารที่แท้จริงของคริสตมาสได้ถูกประกาศออกไปมากขึ้น เป็นวิธีการหนึ่งที่เราได้กระทำอยู่แล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งคือ การไม่ส่งเสริมหรือให้โอกาสกับข่าวสารเทียมได้แพร่กระจายออกไป หากเราเคยมีส่วนโดยไม่รู้ หรือโดยขาดความเข้าใจ เมื่อรู้แล้วก็ควรหยุดทันที


เราจะเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่จะยืนหยัดอย่างสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวดีแห่งคริสตมาส ??


สิ่งที่จะเป็นอุปสรรคสำคัญของการยินหยัดอย่างสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐก็คือ การที่เราขาดความเชื่อมั่นในตัวข่าวประเสริฐ เราไม่มั่นใจว่าเรื่องกางเขนโง่ๆ จะสามารถนำคนมาถึงความรอดได้ จึงทำให้เราคิดที่จะหาบางสิ่งมาเพิ่มเติมลงไป และประวัติศาสตร์ก็ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า สติปัญญาของมนุษย์ ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย

1 โครินธ์ 1:17-24
17เพราะว่าพระคริสต์มิได้ทรงใช้ข้าพเจ้าไปเพื่อให้เขารับบัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ และมิใช่ด้วยชั้นเชิงอันฉลาดในการพูด เกรงว่าเรื่องกางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์เดช 18คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า 19เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญา และจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป 20คนมีปัญญาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน บัณฑิตแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน นักโต้ปัญหาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน พระเจ้าได้ทรงกระทำปัญญาของโลกให้โฉดเขลาไปแล้ว 21เพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า โลกไม่รู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน พระเจ้าจึงทรงโปรดช่วยคนที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาเรื่องโง่ๆ 22พวกยิวขอเห็นนิมิต และพวกกรีกเสาะหาปัญญา 23แต่พวกเราประกาศเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่ให้พวกยิวสะดุด และให้พวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่ 24แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ทั้งพวกยิวและพวกกรีก ต่างถือว่า พระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า


ความรอด เป็นเรื่องของฤทธิ์เดชของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องของความรู้ความเข้าใจ บางครั้งเราพยายามที่จะอธิบาย พยายามที่จะชักจูงโน้มน้าว เชิญชวนด้วยสารพัดวิธี เหมือนเซลล์แมนที่พยายามปิดการขายโดยการนำเสนอของแถมสารพัดต่างๆมากมาย แต่เราลืมเคล็ดลับที่สำคัญ คือการพูดถึงการสิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่จะทำงานในใจของเขา

ผมอยากจะจบด้วยเรื่องที่ ศจ.บัณฑูร บุญอิต ได้เล่าในคำเทศนาที่ได้เปิดออกอากาศไปเมื่อ 2-3 วันก่อน
นายทหารหนุ่มชาวอังกฤษคนหนึ่ง มีโอกาสเดินทางไปที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย เมื่อเลิกประชุมเขาได้เดินไปบนถนนกรีนสตรีท เขาได้พบเห็นชายรูปร่างอ้วนเตี้ย ศีรษะล้าน พุงใหญ่ ไว้หนวดหางหนูใส่หมวกสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น และเมื่อทุกครั้งที่มีคนเดินผ่านมาชายคนนั้นก้มศีรษะลง เปิดหมวกแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ ถ้าคุณรู้จักกับพระเยซูคริสต์ คุณจะไม่พบกับความพินาศในบั้นปลายของชีวิต” นายทหารคนนั้นได้เฝ้าสังเกตผู้ชายอ้วนคนนั้นเป็นเวลานาน และเห็นว่าเขาพูดอย่างนั้นกับทุกคนที่ผ่านไปมา และคำพูดเพียงสั้นๆของชายอ้วนคนนั้น ติดอยู่ในใจของนายทหารหนุ่มคนนั้นไปอีกหลายปี จนกระทั่งเขาตัดสินใจยอมรับพระเยซูคริสต์ และถวายตัวเป็นผู้รับใช้พระเจ้า หลังจากที่รับใช้พระเจ้าหลายปี เขาก็เป็นนักเทศน์ที่มีชื่อเสียง และได้รับเชิญไปเทศน์ที่ประเทศต่างๆ ครั้งหนึ่งเขาไปที่อเมริกาใต้ ก่อนที่จะเริ่มคำเทศนาเขาก็ได้เล่าให้ที่ประชุมฟัง ถึงชายอ้วนคนนั้นที่ถนนกรีนสตรีท ว่าเขาได้กลับใจเพราะชายคนนั้น หลังจากการเทศนา ก็มีชาย 2-3 คนมาพบเขาและบอกว่า ผมก็เหมือนกันที่กลับใจมาเชื่อในพระเยซูก็เพราะชายอ้วนคนนั้น และในอีกหลายประเทศทั้งในอเมริกา ยุโรป เอเชีย อัฟริกา ที่นักเทศน์คนนี้ไปเทศนา เขาได้เล่าเรื่องของชายอ้วนคนนั้นและก็พบว่ามีคนหลายคนที่ออกมาบอกว่า เขาเหล่านั้นก็ได้กลับใจมาเชื่อพระเยซูเพราะชายอ้วนคนนั้น หลายปีผ่านไปเมื่อนักเทศน์ท่านนั้นมีโอกาสกลับไปธุระที่เมลเบิร์นอีกครั้ง เขาตั้งใจที่จะไปหาชายอ้วนคนนั้น เมื่อเสร็จธุระแล้วเขารีบไปที่ถนนกรีนสตรีท แต่พบว่าถนนนั้นว่างเปล่า เขาจึงเข้าไปที่ร้านกาแฟแล้วถามถึงชายอ้วนคนนั้นว่ายังอยู่หรือเปล่า คนที่ร้านกาแฟก็บอกว่า รอสักครู่ เดี๋ยวเขาก็มา และแล้ว ชายอ้วนคนนั้นก็มาและเริ่มทำอย่างเดียวกันกับที่ได้ทำมาตลอด เมื่อคนผ่านมาเขาก็สวัสดีครับ และเริ่มต้นพูดถึงพระเยซู นักเทศน์คนนั้นรอจนกระทั่งจังหวะที่ไม่มีคน จึงได้เดินเข้าไปหาชายอ้วนคนนั้น และถามเขาว่า “ที่คุณทำอย่างนี้ เคยมีใครที่ตอบสนองคุณบ้างไหม” ชายอ้วนคนนั้นก้มหน้าลงมองพื้น และน้ำตาไหล ตอบว่า “คุณรู้ไหม ผมทำอย่างนี้มาตลอดชีวิต ไม่เคยมีใครสักคนหนึ่งกลับใจ หรือตอบสนองสิ่งที่ผมทำ” นักเทศน์คนนั้นจึงโอบไหล่ชายอ้วนคนนั้นและบอกว่า “คุณรู้ไหม ผมเป็นคนหนึ่งที่กลับใจ เพราะสิ่งที่คุณพูด และทุกวันนี้เมื่อผมไปเทศนาตามที่ต่างๆ ผมได้พบคนมากมายที่กลับใจมาเชื่อพระเยซูเพราะสิ่งที่คุณทำ” แล้วเขาทั้งสองก็ได้ร้องไห้กอดคอกันอธิษฐาน

เมื่อเราออกไปประกาศ หรืออธิษฐานเผื่อคนที่เราตั้งใจจะพาเขามารู้จักพระเจ้า เราอาจจะไม่เห็นผล แต่อย่าท้อใจ เมล็ดพันธ์แห่งข่าวประเสริฐนั้นจะไม่สูญเปล่าไป พระเจ้าจะเป็นผู้ทำให้เดิบโต


Create Date : 13 ธันวาคม 2553
Last Update : 13 ธันวาคม 2553 20:07:45 น. 0 comments
Counter : 1239 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com