ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 พฤษภาคม 2550
 

การชำระให้บริสุทธิ์

13 พฤษภาคม 2007
คริสตจักร ยะลา

ยอห์น 2 : 13-25
13เทศกาลปัสกา {เทศกาลของพวกยิว เพื่อระลึกถึง การที่พระเจ้าทรงช่วยกู้ชาติของตน ให้พ้นจากการเป็นทาสในอียิปต์} ของพวกยิวใกล้เข้ามาแล้ว พระเยซูเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 14ในบริเวณพระวิหารพระองค์ทรงเห็นคนขายวัว ขายแกะ ขายนกพิราบ และคนรับแลกเงินที่กำลังแลกเงินอยู่ 15พระองค์ทรงเอาเชือกทำเป็นแส้ไล่คนเหล่านั้น พร้อมกับแกะและวัวออกไปจากบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงเทเงินและคว่ำโต๊ะของคนรับแลกเงิน 16และพระองค์ตรัสแก่บรรดาคนขายนกพิราบว่า "จงเอาของเหล่านี้ไปเสีย อย่าทำพระนิเวศของพระบิดาเราให้เป็นแหล่งค้าขาย" 17พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า "ความร้อนใจ ในเรื่องพระนิเวศของพระองค์จะท่วมท้นข้าพระองค์ 18พวกยิวจึงทูลพระองค์ว่า "ท่านจะแสดงนิมิตอะไรให้เราเห็นว่า ท่านมีอำนาจกระทำการเช่นนี้ได้" 19พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า "ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย เราจะยกขึ้นในสามวัน" 20พวกยิวจึงทูลว่า "พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ" 21แต่พระวิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์ 22เหตุฉะนั้นเมื่อพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสดังนี้ และเขาก็เชื่อพระคัมภีรและพระดำรัสที่พระเยซูได้ตรัสแล้วนั้น 23เมื่อพระองค์ประทับ ณ กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกา มีคนเป็นอันมากได้วางใจในพระนามของพระองค์ เมื่อเขาได้เห็นหมายสำคัญที่พระองค์ได้ทรงกระทำ 24แต่พระเยซูมิได้ทรงวางพระทัยในคนเหล่านั้น 25เพราะพระองค์ทรงรู้จักมวลมนุษย์ และสำหรับพระองค์ไม่มีความจำเป็นที่จะมีพยานในเรื่องมนุษย์ ด้วยพระองค์เองทรงทราบว่าอะไรมีอยู่ในมนุษย์


อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าผู้สูงสุด ขอบพระคุณที่พระองค์ได้ทรงไถ่เราออกจากความผิดบาปแล้วโดยพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ และให้เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระองค์ เราทั้งหลายหมอบกราบอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์เวลานี้ ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่พระองค์พอพระทัย ขอพระองค์ชำระเราทั้งหลายให้สะอาดบริสุทธิ์ สมกับเป็นธรรมมิกชนของพระองค์ เพื่อเราจะพรักพร้อมในวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา หากว่าเราไม่เคยเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์ที่ทรงประสงค์ให้เราเป็นคนบริสุทธิ์ ขอพระองค์เมตตายกโทษให้ และขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเปิดเผยความจริงนี้แก่เรา และขอให้เราเชื่อฟังและดำเนินชีวิตไปตามน้ำพระทัยของพระองค์


เหตุการณ์ต่างๆในช่วงชีวิตของพระเยซูคริสต์ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพระกิตติคุณ บางเหตุการณ์ก็มีอยู่ในเล่มใดเล่มหนึ่ง บางเหตุการณ์ก็ปรากฏอยู่ใน 2-3 เล่ม มีบางเหตุการณ์ที่มีบันทึกไว้ทั้ง 4 เล่ม แต่ละเล่มก็จะให้รายละเอียดที่เสริมกัน ทำให้เรามองเห็นภาพเหตุการณ์กว้างขึ้น

เหตุการณ์ที่พระเยซูเสด็จเข้าไปในพระวิหารในสัปดาห์สุดท้ายก่อนการถูกตรึงบนไม้กางเขน ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่บันทึกไว้ในพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม ในพระธรรมยอห์นจะเรียงลำดับแปลกไปจากอีก 3 เล่ม นั้นคือปรากฏเรื่องนี้ในบทแรกๆ ในขณะที่เล่มอื่นๆนั้นจะปรากฏหลังจากเหตุการณ์พระเยซูทรงลูกลาเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม อย่างไรก็ตามทั้ง 4 เล่มก็ได้แสดงให้เห็นว่าพระเยซูทรงกระทำอะไรบ้างในวันนั้น

บ่อยครั้งที่เราจินตนาการถึงภาพของพระเยซูคริสต์ในลักษณะของชายผู้อ่อนโยน พระพักตร์ดูสงบและมีความเมตตา จริงๆแล้วก็ไม่ผิดอะไร แต่บางทีเราลืมไปว่าในพระคัมภีร์ได้บันทึกเรื่องราวให้เรารู้ว่าพระเยซูคริสต์มิได้ทรงนั่งยิ้มสงบเสงี่ยมอย่างนั้นตลอดเวลา บางเหตุการณ์พระองค์ทรงร้องไห้ บางเหตุการณ์พระองค์ทรงพิโรธ บางเหตุการณ์พระองค์ทรงชื่นชมยินดี บางเหตุการณ์พระองค์สำแดงความจริงจังเด็ดขาด ดังนั้นเราจึงควรรับรู้พระองค์ในทุกๆเหตุการณ์ด้วยความเข้าใจถึงท่าทีที่พระองค์สำแดงให้เราเห็น ไม่ใช่ยึดอยู่เพียงภาพเดียวซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถเติบโตขึ้นถึงความเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ได้ เพราะขาดความเข้าใจถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าที่สำแดงออกโดยทางพระเยซูคริสต์

เหตุการณ์พระเยซูทรงชำระพระวิหารพระเยซูได้ทรงสำแดงท่าทีที่จริงจัง และอาจทำให้เรารู้สึกแปลกใจว่าทำไมพระองค์ต้องเดือดดาลอย่างนั้น น่าจะค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ แต่นั่นเป็นความคิดเห็นที่เรามองอย่างมนุษย์ การที่พระเยซูคริสต์ทรงแสดงออกจากรุนแรงในเหตุการณ์นี้ก็น่าจะทำให้เราเข้าใจได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา เพราะพระองค์ทรงมองเรื่องนี้ด้วยสายตาของพระเจ้า

พระเจ้าไม่พอพระทัยที่ชาวยิวเวลานั้นได้กระทำให้พระวิหารเป็นมลทิน
พระเจ้าก็ทรงไม่พอพระทัยเช่นกันที่วิหารของพระเจ้าซึ่งก็คือชีวิตของคริสเตียนเต็มไปด้วยมลทิน


มีหลายสิ่งที่น่าสนใจจากเหตุการณ์นี้ ผมอยากจะเชิญชวนให้เรามาร่วมกันพิจารณา

ประการแรก
ในพระธรรมยอห์นได้ให้รายละเอียดถึง พ่อค้าวัว แกะ นกพิราบ และผู้รับแลกเงิน พระธรรมเลวีนิติ บทที่ 4 และ 5 ได้กล่าวถึงบทบัญญัติในเรื่องของเครื่องบูชาไถ่บาป ที่ชาวยิวจะต้องนำมายังแท่นบูชาที่พลับพลา สำหรับผู้ที่มีฐานะสูงเช่นปุโรหิต บัญญัติได้กำหนดไว้ให้ใช้วัว หากเป็นประชาชนสามัญให้ใช้แกะ แต่ถ้ามีฐานะไม่ดี ไม่สามารถหาแกะมาได้ ให้ใช้นกพิราบ จนสุดท้ายหากไม่สามารถหาแม้แต่นกพิราบได้ ก็ให้ใช้แป้งขนมปัง มาเป็นเครื่องเผาบูชา

ในเมื่อมีความต้องการที่จะใช้สิ่งของเหล่านี้ จึงเป็นเหตุให้มีพ่อค้านำสิ่งเหล่านี้มาบริการถึงที่ เกิดมีตลาดมีการค้าขายกันขึ้นในบริเวณพระวิหาร ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นคงเป็นสาเหตุอันหนึ่งที่ทำให้พระเยซูไม่พอพระทัย ยอห์น บทที่ 2 : 16 พระเยซูได้ตรัสว่า “จงเอาของเหล่านี้ไปเสีย อย่าทำพระนิเวศของพระบิดาเราให้เป็นแหล่งค้าขาย”

แต่สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นลึกกว่าแค่เรื่องของความวุ่นวาย ลองพลิกไปดูเหตุการณ์เดียวกันนี้ซึ่งปรากฏอยู่ในพระธรรม ลูกา 19 : 45-46 ฝ่ายพระองค์เสด็จเข้าในบริเวณพระวิหาร แล้วทรงเริ่มขับไล่คนทั้งหลายที่ค้าขายอยู่นั้น และตรัสแก่เขาว่า “มีพระวจนะเขียนไว้ว่า นิเวศของเราควรจะเป็นนิเวศอธิษฐาน แต่เจ้าทั้งหลายมากระทำให้เป็น ถ้ำของพวกโจร”

“ถ้ำของพวกโจร” ที่พระเยซูตรัสหมายถึงอะไร ลองเปิดดูใน เยเรมีย์ บทที่ 7:4-11

4อย่าไว้วางใจในคำหลอกลวงเหล่านี้ที่ว่า ‘นี่เป็นพระวิหารของพระเจ้า พระวิหารของพระเจ้า พระวิหารของพระเจ้า’ 5เพราะว่า ถ้าเจ้าซ่อมวิถีและการกระทำของเจ้าจริงๆถ้าเจ้าให้ความยุติธรรมต่อกันและกันจริงๆ 6ถ้าเจ้าไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อหรือแม่ม่าย และไม่หลั่งโลหิตที่ไร้ความผิดให้ถึงตายในที่นี้ และเจ้าทั้งหลายไม่ติดตามพระอื่นไปให้เจ็บตัวเอง 7แล้วเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งแต่ดึกดำบรรพเราได้ยกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าเป็นนิตย์ 8“ดูเถิด เจ้าวางใจในคำหลอกลวงอย่างไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย 9เจ้าจะลักทรัพย์ ฆ่าคน ล่วงประเวณี สาบานเท็จ เผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัลและติดตามพระอื่นซึ่งเจ้าทั้งหลายมิได้รู้จักไปหรือ 10แล้วจึงมายืนหน้าเราในนิเวศนี้ ซึ่งเรียกตามชื่อของเรา และกล่าวว่า ‘เราทั้งหลายได้รับการช่วยกู้แล้ว’ เพื่อจะไปกระทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเหล่านั้นทั้งสิ้นอีก 11นิเวศซึ่งเรียกตามชื่อของเรา ในสายตาของเจ้าได้กลายเป็นถ้ำของพวกโจรไปแล้วหรือ พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด ตัวเราได้เห็นเอง”

ถ้ำของพวกโจรที่พระเยซูตรัสถึง ไม่ได้เพื่อตำหนิตื้นๆเพียงแค่ความเกะกะวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบริเวณพระวิหาร แต่หมายถึงผู้คนที่เข้ามาเฝ้าพระเจ้า เพื่อการนมัสการและการถวายบูชาในเวลานั้น มิได้กระทำอย่างถูกต้องเหมาะสม ชีวิตยังเกลือกกลั้วตัวอยู่ในความผิดบาปโสมมตลอด 6 วัน พอถึงวันสะบาโตก็เข้ามาถวายเครื่องบูชา ขอการอภัยโทษบาป แล้วก็กลับไปเกลือกกลิ้งในบาปต่อ มันจึงทำให้พระนิเวศน์ของพระเจ้า เป็นเหมือนแหล่งชุมนุมของเหล่าโจรวายร้ายที่น่ารังเกียจ และนั่นพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยเลย

หันกลับมาดูพระวิหารหรือคริสตจักรในยุคสมัยปัจจุบัน เราอาจบอกว่า “โอ้พระองค์เจ้าข้า เห็นไหม ไม่มีพ่อค้าวัว พ่อค้าแกะ นกพิราบ และคนรับแลกเหรียญ มาเกะกะวุ่นวายในพระวิหารของพระองค์เลย เราได้จัดการให้ทุกอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ลำดับพิธีการ การตกแต่งงดงาม การเตรียมงานต่างๆ มีการซักซ้อมฝึกฝนเป็นอย่างดี เราได้นำเอาเทคโนโลยีใหม่ที่สุดมาใช้” และเราอาจจะกำลังหวังว่าพระเจ้าจะทรงโปรดปรานคริสตจักรของเราแน่ แต่พระองค์อาจกำลังอยากบอกว่า พระองค์ประสงค์อะไรมากกว่า

พระประสงค์ของพระเจ้าที่ปรากฏอย่างชัดเจนในพระวจนะหลายๆตอน ก็คือเรื่องของชีวิตที่บริสุทธิ์จากบาป พระเจ้าทรงประสงค์จะเห็นชุมชนของพระเจ้าสำแดงออกถึงความยำเกรงพระเจ้า แม้ว่าพระเจ้ายินดีที่จะให้อภัยความผิดบาปเสมอ แต่พระองค์ไม่ได้พอพระทัยที่จะให้เราเกลือกกลิ้งอยู่ในบาป หากเรากำลังหัวหมอเหมือนกับที่ชาวยิวในสมัยของเยเรมีย์ได้ประพฤติอยู่นั้น จงระวัง อย่าเล่นกับพระเจ้า

ประการที่สอง
ผมเชื่อว่าคำตรัสของพระเยซูในพระธรรมยอห์น มีบางสิ่งที่น่าสนใจซ่อนอยู่ ลองดูด้วยกันอีกครั้ง ยอห์น บทที่ 2 : 16 พระเยซูได้ตรัสว่า “จงเอาของเหล่านี้ไปเสีย อย่าทำพระนิเวศของพระบิดาเราให้เป็นแหล่งค้าขาย”

การถวายเครื่องบูชาไถ่บาปในเวลานั้น ได้กลายพันธุ์ไปกลายเป็นเรื่องของการซื้อขายแล้ว ผมไม่ได้หมายถึงการซื้อขายวัวหรือแกะหรือนกพิราบ แต่เป็น “การซื้อการไถ่บาป” ผู้คนสามารถไปซื้อการไถ่บาปได้ และนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย เพราะไม่ได้เป็นการเสียใจในความผิดบาปแล้วมาขอให้พระเจ้าอภัยบาป แต่เป็นการกระทำที่หยิ่งยโสมากคือ “ทำบาปแล้วซื้อการอภัยบาป”

เรื่องแบบนี้ได้กลับมาเกิดขึ้นอีก ในสมัยยุคมืดของศาสนจักรเมื่อหลายร้อยปีก่อน สันตะปาปาในเวลานั้นได้จัดให้มีการซื้อบัตรล้างบาป นอกจากซื้อเพื่อล้างบาปของตนเองแล้วยังสามารถซื้อเพื่อล้างบาปให้กับญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้วได้ด้วย ซึ่งผิดหลักข้อเชื่ออย่างร้ายแรง นี่เป็นหนึ่งในหลายๆเหตุที่ทำให้ท่าน มาร์ติน ลูเธอร์ ได้ต่อสู้กับศาสนจักรและในที่สุดได้นำให้มีการแยกตัวออกมาเป็นนิกายโปรเตสแตนท์ เพราะความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในเวลานั้น

พี่น้องครับ เราเองกำลังเป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า ที่กำลังคิด หรือกำลังประพฤติแบบนั้น โดยการพยายามซื้อการไถ่บาป ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามมีส่วนในกิจกรรมของคริสตจักร การถวายทรัพย์ที่ได้มาอย่างผิดบาป การพยายามรับใช้พระเจ้าในรูปแบบต่างๆ หรืออื่นๆ เพื่อหวังว่านั้นจะสามารถซื้อการอภัยบาปของเราได้

ที่ผมพูดนี้ไม่ได้ต้องการทำร้ายน้ำใจ หรือทำให้หมดกำลังใจ การที่พี่น้องมีส่วนในกิจกรรมของคริสตจักรนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี การที่พี่น้องถวายทรัพย์ก็เป็นเรื่องที่ดี การที่พี่น้องรับใช้พระเจ้าในรูปแบบต่างๆก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากสิ่งเหล่านั้นกำลังถูกใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการซื้อการไถ่บาปล่ะก็ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะไม่มีสิ่งใดจะสามารถใช้ไถ่บาปเราได้ หนทางเดียวที่เราจะหลุดออกจากปัญหานี้ได้คือ “การกลับใจหันจากบาป มาหาพระเจ้าและติดตามพระองค์ไป” เราคิดว่าเราจะหลอกพระเจ้าได้หรือ พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยแน่ ผลร้ายจะตกอยู่กับตัวของเราเองในที่สุดหากเรายังไม่เลิกพฤติกรรมแบบนั้น

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลำดับความสำคัญของการดำเนินชีวิตคริสเตียนด้วย สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ ซึ่งก็คือการที่เราติดสนิทกับพระเจ้า เรื่องการรับใช้ เรื่องกิจกรรมต่างๆ เป็นเรื่องอันดับรองลงไป ปัจจุบันมีความเข้าใจผิดในการเรียงลำดับความสำคัญ ทำให้งานรับใช้หรือกิจกรรมหลายๆอย่างไม่ได้รับพระพรจากพระเจ้า


ประการที่สาม
พระเยซูได้ตรัสถึงลักษณะของพระนิเวศที่ควรจะเป็น กลับมาดูที่ ลูกา 19 : 45-46 ฝ่ายพระองค์เสด็จเข้าในบริเวณพระวิหาร แล้วทรงเริ่มขับไล่คนทั้งหลายที่ค้าขายอยู่นั้น และตรัสแก่เขาว่า “มีพระวจนะเขียนไว้ว่า นิเวศของเราควรจะเป็นนิเวศอธิษฐาน แต่เจ้าทั้งหลายมากระทำให้เป็น ถ้ำของพวกโจร”

นิเวศอธิษฐาน เป็นอย่างไร ผมเชื่อว่านี่เป็นลักษณะที่สำคัญของคริสเตียน คริสเตียนต้องใช้เวลากับการอธิษฐานให้มาก แต่บ่อยครั้งที่คริสเตียนขาดการอธิษฐาน ผมไม่ได้หมายถึงแค่ขาดการประชุมกลุ่มอธิษฐาน แต่หมายถึงในชีวิตประจำวันด้วย

เวลาที่เราจะบอกว่าเรารู้จักใครอย่างสนิทสนมได้ เราจะต้องมีประสบการณ์ที่ได้ใช้เวลาอยู่กับคนๆนั้น มีโอกาสพูดคุย มีโอกาสทำงานร่วมกัน หรือใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน การดำเนินชีวิตที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าก็ลักษณะเดียวกัน การที่เราจะติดสนิทกับพระเจ้านั้น จะเกิดขึ้นได้จากการที่เราได้ใกล้ชิดพูดคุยกับพระองค์ซึ่งก็คือการอธิษฐานนั่นเอง

บางครั้งคริสเตียนก็พลาดสิ่งสำคัญในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า โดยที่เรากำลังทำงานของพระเจ้า ครับฟังไม่ผิดครับ เราพลาดเพราะเรากำลังพยายามทำงานในส่วนของพระเจ้า แต่ละเลยงานที่พระเจ้ามอบหมายให้เรากระทำ

งานที่เราควรกระทำคือการอธิษฐาน และพระเจ้าจะทรงกระทำงานของพระองค์ บ่อยครั้งที่เราใส่ใจมากกับการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ หรือวางแผนตารางเวลารายการต่างๆ แต่เราไม่ใส่ใจอย่างที่ควรกับการอธิษฐาน ผมไม่ได้กำลังบอกว่าเรามาอธิษฐานกันแล้วนั่งเอกขเนก ไม่ต้องตระเตรียมงาน รอให้วัสดุต่างๆไปลงตระกร้ากันเอง หรือตารางรายการต่างๆมันจะเกิดขึ้นมาได้เอง สิ่งเหล่านั้นเป็นขั้นตอนที่ยังต้องทำ แต่หากเราให้ความสำคัญกับการอธิษฐานก่อน งานส่วนที่เหลือจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า

งานการแพทย์ จงปฏิบัติตามหลักการแพทย์
งานวิศวกรรม จงปฏิบัติตามหลักวิศวกรรม
งานของพระเจ้า จงปฏิบัติตามวิธีการของพระเจ้า


ทั้งสามประการที่ผมได้กล่าวไปนั้น เกิดขึ้นในเหตุการณ์ที่เรียกว่า “การชำระพระวิหาร” และผมเชื่อว่าหมายถึงการชำระชีวิตของคริสเตียนด้วย เพราะคริสเตียนแต่ละคนคือพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ลองมาดูกันว่าพระคัมภีร์ตอนอื่นๆ ได้กล่าวถึงเรื่องของการชำระให้บริสุทธิ์ไว้อย่างไรบ้าง

2 ทิโมธี 2 : 20-22
20ในบ้านใหญ่หลังหนึ่งๆมิได้มีแต่ภาชนะทองและเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บ้างก็เพื่อศิลปะ และบ้างก็สามัญ 21ถ้าผู้ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งที่ไม่มีค่า เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีค่า ซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของเรือนจะใช้ให้เป็นประโยชน์ พร้อมกับการดีทุกอย่าง 22ดังนั้นท่านจงหลีกหนีเสียจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม และจงใฝ่ในทางธรรม ในความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับผู้ที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์


1 โครินธ์ 6: 9-11
9ท่านไม่รู้หรือว่า คนอธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า อย่าหลงเลย คนล่วงประเวณี คนถือรูปเคารพ คนผิดผัวเมียเขา ลูกสวาท ชายเล่นลูกสวาท 10คนขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนปากร้าย คนฉ้อโกง จะไม่ได้รับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า 11แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้น แต่ท่านได้รับการชำระแล้วได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว ได้รับการทำให้เป็นผู้ชอบธรรมในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า และพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา


มัทธิว 3 : 10-12
10บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ 11เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลาย รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ 12พระหัตถ์ของพระองค์ถือพลั่วพร้อมแล้ว และจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงเก็บข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ"


พระเจ้าทรงปรารถนาให้ชีวิตของเราได้รับการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อเราจะเป็นภาชนะที่ใช้การได้ เป็นผู้ที่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า และ ไม่ถูกทิ้งในบึงไฟนรก



Create Date : 13 พฤษภาคม 2550
Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 21:54:27 น. 0 comments
Counter : 2505 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com