ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 พฤษภาคม 2555
 

รู้จักพระเยซูผ่านพระธรรม ทิตัส และ ฟิเลโมน

22 เมษายน 2012
คริสตจักรยะลา

ทิตัส 2:11-14
11เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าได้ปรากฏแล้ว เพื่อช่วยคนทั้งปวงให้รอด 12สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ สัตย์ซื่อสุจริตและตามคลองธรรม 13คอยความสุขซึ่งจะได้รับตามความหวัง ได้แก่การปรากฏของพระสิริของพระเจ้าใหญ่ยิ่งคือ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา 14ผู้ได้ทรงโปรดประทานพระองค์เองให้เรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากการอธรรมทุกอย่าง และทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เป็นหมู่ชนพิเศษเฉพาะของพระองค์ และเป็นคนที่ขวนขวายกระทำการดี


อธิษฐาน
ขอถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าผู้สูงสุด พระองค์เป็นผู้ทรงสมควรรับการสักการะ เราทั้งหลายได้รับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระดำรัสของพระองค์เป็นความสว่างแก่ชีวิตของเราทั้งหลาย พระดำริของพระองค์นั้นล้ำลึกเกินกว่าที่เราจะคาดการณ์ได้ วิถีของพระองค์สูงกว่าวิถีของมนุษย์ทั้งปวง ขอทรงโปรดเมตตาแก่เราทั้งหลาย ในการที่เดินติดตามพระองค์ด้วยความเชื่อวางใจ และยำเกรงพระองค์ในการทั้งสิ้น ขอให้พระสิริของพระองค์ฉายอยู่เหนือชีวิตของเราเพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นสง่าราศีของพระเจ้าในท่ามกลางประชากรของพระองค์


เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนซึ่งพวกเราหลายคนที่นี่ก็สามารถรับรู้ถึงการสั่นไหวได้ แม้จุดเกิดเหตุจะอยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร และตลอด 2 สัปดาห์มานี้ หากติดตามข่าวก็คงจะรับรู้ว่า ยังมีอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกหลายครั้ง ในฐานะที่เราเป็นคนของพระเจ้า และได้รับรู้จากพระคัมภีร์แล้วว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นเมื่อใกล้ถึงกำหนดการเสด็จกลับมาของพระเยซู หวังว่าเราจะไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป และควรจะได้มีการเตรียมพร้อมที่จะรับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเรามาก่อน นอกจากนี้การทดสอบจรวดขนาดใหญ่ของเกาหลีเหนือ และอินเดีย ก็เป็นสัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับภาวะสงครามที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้

การเตรียมการอย่างไม่ตระหนกนั้นทำอย่างไรครับ
ประการแรก พวกเราควรจะได้มีการศึกษาวิธีการหลบภัยหากเกิดแผ่นดินไหว ประเทศไทยเราไม่ค่อยมีคู่มืออย่างนี้แพร่หลายนัก ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อย จึงมีการซักซ้อมทำความเข้าใจให้แก่ประชาชนตั้งแต่วัยอนุบาล เมื่อเกิดเหตุจึงบรรเทาความเสียหายไปได้หลายส่วน หากเป็นไปได้ทางคริสตจักรจะรวบรวมและจัดทำคู่มือรับมือการภัยพิบัติไว้ให้กับสมาชิกทุกครอบครัว
ประการที่สอง พวกเราควรได้มีการสำรองอาหารและน้ำดิ่มไว้บ้าง หากว่าวิถีชีวิตของเราพึ่งพาร้านข้าวแกงร้านก๋วยเตี๋ยวตลอดเวลา เมื่อเกิดเหตุรุนแรง ร้านค้าเหล่านั้นก็ไม่สามารถให้บริการได้ แม้จะมีเงินก็ไม่อาจหาซื้ออาหารได้
ประการที่สาม ศึกษาแนวทางการอพยพไว้บ้าง อย่างน้อยที่สุด ก็ควรนัดแนะสมาชิกในครอบครัวไว้บ้างว่า หากเกิดเหตุการณ์ จะสามารถไปพบกันที่ไหน เพื่อจะได้ไม่พลัดหลงและต่างคนต่างหากันไม่พบ ในขณะที่การสื่อสารอาจใช้การไม่ได้
ประการที่สี่เตรียมจิตใจพร้อมรับกับการสูญเสีย และวางใจในพระเจ้า เพราะว่าวาระที่กำหนดไว้ก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ ควรท่องจำพระคัมภีร์ไว้ เพื่อว่าพระคำเหล่านั้นจะหนุนใจเราในช่วงเวลาวิกฤต และให้เราพร้อมที่จะสำแดงความรักของพระเจ้าแก่ผู้ประสพภัย แม้ว่าเราเองก็เป็นผู้ประสพภัยด้วย


ครับ หวังว่าจะไม่เป็นผู้ทำให้พี่น้องตื่นตระหนกไปเสียเอง วันนี้เราเดินทางมาถึงพระธรรมทิตัสแล้ว ในหัวข้อของการทำความรู้จักกับพระเยซูผ่านทางพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ซึ่งวันนี้จะรวมเอาพระธรรมฟิเลโมนมาไว้ในตอนเดียวกันเนื่องจากเป็นจดหมายฝากที่มีเนื้อหาไม่มาก

เราจะเริ่มกันที่พระธรรมทิตัสก่อน จดหมายฝากทิตัสเป็นจดหมายฝากที่ถูกจัดให้เป็นจดหมายถึงศิษยาภิบาล ทั้งนี้เนื่องจากอัครทูตเปาโลได้เขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อแนะนำให้ทิตัส ลูกศิษย์วัยหนุ่มซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามารับเชื่อในพระเยซูคริสต์โดยผ่านทางอัครทูต ทิตัสเป็นผู้เชื่อที่เข้มแข็งและไว้ใจได้ จึงได้รับมอบหมายให้ดูแลคริสตจักรที่เกาะครีต เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นคำแนะนำในการแต่งตั้งผู้นำที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อให้ดูแลพี่น้องในคริสตจักร ตลอดจนวิธีในการให้คำสั่งสอนตักเตือยแก่สมาชิกทั้งวัยชรา วัยทำงาน ทั้งชายและหญิง ทั้งทาสและเจ้านาย รวมไปถึงการจัดการกับกลุ่มคนที่ก่อให้เกิดปัญหาในคริสตจักร คำแนะนำเหล่านั้นจึงเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้นำคริสตจักรในทุกยุคทุกสมัย

ทิตัส 1:1-3
1จาก เปาโล ผู้รับใช้ของพระเจ้าและอัครทูตของพระเยซูคริสต์ เพื่อหนุนความเชื่อของผู้ที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้และให้รู้จักสัจจะตามธรรมนั้น 2ด้วยหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์ ซึ่งพระเจ้าผู้ไม่ทรงมุสาเลยได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ 3แต่ในเวลาที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ ก็ได้ทรงโปรดให้พระวาทะของพระองค์ปรากฏด้วยการประกาศ ซึ่งข้าพเจ้าได้รับมอบไว้ ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงช่วยเราทั้งหลายให้รอด


เรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูที่เราพบได้ในพระธรรมทิตัสก็มีอยู่ไม่มากนัก ในจุดแรกนี้เป็นการกล่าวถึงพระสัญญาของพระเจ้าเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ ซึ่งได้มาปรากฏตามเวลาที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้คือพระเยซูคริสต์

ในที่นี้ เราจึงรับรู้ได้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ที่กระทำให้พระสัญญาของพระเจ้าสำเร็จ เพื่อมนุษย์ทั้งหลายที่ได้ทรงเลือกไว้ พระสัญญาของพระเจ้านั้นก็เป็นจริงเสมอ

สำหรับพวกเราในสมัยปัจจุบัน เราได้ยินเสมอว่า “ความรอดมาโดยทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น” ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักข้อเชื่อและศาสนศาสตร์ แต่เราอาจจะเกิดความสงสัยเกี่ยวกับคนเหล่านั้นที่อยู่ในยุคสมัยก่อนการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซู เขาเหล่านั้นจะได้รับความรอดได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่รู้ว่าพระเยซูเสด็จมาบังเกิด คำตอบก็คือ พวกเขาเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานความรอด และเขาเหล่านั้นเชื่อในพระสัญญาแม้จะยังไม่ได้เห็น

เปรียบเทียบได้กับการเรื่องราวในยุคสมัยนี้ ก็เรื่องของการชำระหนี้ด้วยเช็ค ซึ่งเป็นการบ่งบอกไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อถึงเวลากำหนด เช็คใบนี้จะสามารถแลกเอาเงินตามมูลค่าที่กำหนดไว้ได้ หากผู้เซ็นเช็คให้นั้น เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ ไม่มุสาเลย คำสัญญาบนเช็คนั้นก็เป็นจริง ผู้ที่ได้รับเช็คนั้นก็ถือว่าได้รับการชำระตามมูลค่าของเช็คนั้น เพียงแต่ว่ากำหนดเวลายังมาไม่ถึง และเมื่อถึงกำหนดเวลา เช็คใบนั้นก็สำเร็จผล

ทิตัส 2:11-14
11เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าได้ปรากฏแล้ว เพื่อช่วยคนทั้งปวงให้รอด 12สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ สัตย์ซื่อสุจริตและตามคลองธรรม 13คอยความสุขซึ่งจะได้รับตามความหวัง ได้แก่การปรากฏของพระสิริของพระเจ้าใหญ่ยิ่งคือ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา 14ผู้ได้ทรงโปรดประทานพระองค์เองให้เรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากการอธรรมทุกอย่าง และทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เป็นหมู่ชนพิเศษเฉพาะของพระองค์ และเป็นคนที่ขวนขวายกระทำการดี


พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นพระสิริของพระเจ้า คำว่าพระสิรินั้นเราใช้กันบ่อยๆ และพบได้ในบทเพลงที่ร้องสรรเสริญพระเจ้า แต่คำว่าพระสิรินั้นแปลว่าอะไร บางทีก็ตอบยาก มันเหมือนกับถามว่า สีขาว คืออะไร หากคิดลึกๆก็ตอบยากมาก

พูดอย่างง่ายๆ พระสิริ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้านั้นทรงยิ่งใหญ่อย่างไร ผมเคยยกตัวอย่างนี้บ่อยๆเมื่อพูดถึงคำว่าพระสิริ

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการประดิษฐ์หุ่นยนต์ มีโอกาสได้ชมการแข่งขันหุ่นยนต์หลายครั้ง และเคยเป็นผู้จัดการแข่งขันหุ่นยนต์ เมื่อหุ่นยนต์แต่ละตัวลงสู่สนามแข่ง หลายครั้งเราได้เห็นความสามารถที่น่าทึ่งของหุ่นยนต์บางตัว ซึ่งกำลังสะท้อนให้เราเห็นว่า คนที่ออกแบบสร้างหุ่นตัวนี้มานั้น เป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยม ในขณะที่หุ่นบางตัวก็ทำงานไม่ค่อยได้ ซึ่งก็ทำให้เราพอจะรับรู้ได้ว่า ผู้ออกแบบมีความสามารถมากน้อยเพียงใด

ตัวอย่างนี้บอกเราให้รู้ว่า พระสิริของพระเจ้าที่ปรากฏผ่านทางพระเยซูคริสต์ เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้มนุษย์รู้ว่า พระเจ้านั้นทรงยิ่งใหญ่อย่างไร พระเยซูเคยตรัสว่า “ผู้ที่ได้เห็นเรา ก็ได้เห็นพระบิดา” (ยอห์น 14:9)

พระเยซูทรงสะท้อนพระสิริของพระเจ้าอย่างไรบ้าง เราจะเห็นได้ว่า
ในเหตุการณ์ชำระพระวิหาร พระเยซูไม่ทรงอลุ้มอล่วยกับความไม่ถูกต้อง
ในเหตุการณ์ห้ามพายุและเดินบนทะเล พระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจเหนือธรรมชาติ
ในเหตุการณ์การทดลองในถิ่นทุรกันดาร พระเยซูทรงเอาชนะมารร้าย
ในเหตุการณ์เรียกลาซารัสให้เป็นขึ้นจากตาย พระเยซูทรงมีอำนาจเหนือความตาย
ในเหตุการณ์รักษาคนป่วย พระเยซูทรงมีฤทธานุภาพ
ในเหตุการณ์ขับไล่ผีที่สิงคน พระเยซูทรงมีอำนาจเหนือผีทั้งหลาย
ในเหตุการณ์หญิงสะมาเรียที่บ่อน้ำ พระเยซูทรงรู้จักมนุษย์แต่ละคนอย่างลึกซึ้ง
ในเหตุการณ์การจับกุมที่สวนเกทเสมเน พระเยซูทรงแน่วแน่ในน้ำพระทัย
ในเหตุการณ์ล้างเท้าสาวก พระเยซูทรงถ่อมพระทัย
ในเหตุการณ์ตรึงบนไม้กางเขน พระเยซูทรงสำแดงความรักยิ่งใหญ่
ในเหตุการณ์เป็นขึ้นจากความตาย พระเยซูทรงชนะความตาย

อีกหลายประการ ซึ่งผมคงต้องละไว้ ให้พี่น้องกลับไปอ่านในพระคัมภีร์เอง เพื่อจะสังเกตเห็นพระสิริของพระเจ้าที่ปรากฏในพระเยซูคริสต์

ในทำนองเดียวกัน เราทั้งหลายก็เป็นผู้ที่สะท้อนพระสิริของพระเจ้าให้คนในสังคมเช่นกัน พระเยซูเคยตรัสไว้ว่า “ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:35) ความรักที่มีอยู่ในท่ามกลางคนของพระเจ้าก็เป็นการสะท้อนพระสิริของพระเจ้าให้คนทั้งหลายได้เห็น

ทิตัส 3:4-6
4แต่เมื่อพระเมตตาและความรักของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราทั้งหลายให้รอด ได้ปรากฏในโลกแล้ว 5พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 6พระองค์นั้นได้ทรงประทานแก่เราทั้งหลายอย่างบริบูรณ์ โดยพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา


ชีวิตของผู้เชื่อได้รับการชำระ และให้บังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในภาคภาษาอังกฤษนั้นได้รวมปลายข้อที่ 5 เข้ากับข้อที่หก โดยมีใจความว่า “และพระเจ้าได้ทรงโปรดเทพระวิญญาณบริสุทธิ์มาเหนือเราทั้งหลายอย่างล้นไหลโดยทางพระเยซูคริสต์”

พระเยซูคริสต์ได้ตรัสกับสาวกว่า “เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน” (ยอห์น 14:16-17)

โดยทางพระเยซูในที่นี้บอกให้เรารู้ว่า ไม่มีหนทางอื่นๆที่มนุษย์จะถูกสร้างขึ้นใหม่ได้ แม้การพยายามควบคุมตัวเองให้ประพฤติปฏิบัติตามข้อบัญญัติต่างๆ ก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์คนใดบังเกิดใหม่ หรือถูกสร้างขึ้นใหม่ เราอาจจะเคยเห็นว่านักบวชหรือผู้ปฏิบัติธรรมบางกลุ่มดูเหมือนจะมีชีวิตที่สงบสุข แต่นั่นเป็นเพียงรูปแบบภายนอกเท่านั้น ซึ่งมักจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่จัดบรรยากาศไว้อย่างพิเศษ แต่การบังเกิดใหม่ การถูกสร้างใหม่นั้น เพื่อให้คนของพระเจ้าเป็นเหมือนเกลือที่ยังคงรักษาความเค็มไว้ได้ แม้จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความบาป ก็สามารถแยกออกจากบาปได้ ซึ่งหนทางเดียวที่จะเป็นไปได้คือโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งผ่านมาทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น

เราจะไปต่อกันด้วยพระธรรมฟิเลโมน ซึ่งเป็นจดหมายฝากฉบับที่มีเอกลักษณ์พิเศษ นั่นคือ สั้นมาก และเนื้อหาไม่ได้เป็นไปในลักษณะของการสอนหลักข้อเชื่อ หรือให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิต จดหมายฝากฉบับนี้อัครทูตเปาโลเขียนขณะที่ติดคุกอยู่ที่กรุงโรม ส่งไปถึงฟิเลโมนซึ่งน่าจะอยู่ที่โคโลสี เปาโลเป็นผู้นำฟิเลโมนมารับเชื่อในพระเยซู ฟิเลโมนเป็นคนมีฐานะดี มีจิตใจกว้างขวาง มีคริสตจักรอยู่ที่บ้าน มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเปาโล และทาสคนหนึ่งของเขาชื่อโอเนสิมัสได้ขโมยของและหนีไป ต่อมาทาสคนนั้นได้พบกับเปาโลที่โรม และได้มารับเชื่อในพระเยซู และได้ช่วยปรนนิบัติเปาโลเมื่อติดอยู่ในคุก

เปาโลเขียนจดหมายไปถึงฟิเลโมน เพื่อขอให้ฟิเลโมนยกโทษให้กับทาสผู้นั้น และรับเขาไว้ในฐานะพี่น้องคริสเตียน ทั้งนี้เปาโลเสนอตัวที่จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่ทาสผู้นั้นได้เคยก่อขึ้น แม้ว่าเนื้อหาจะไม่ได้กล่าวถึงพระเยซูคริสต์โดยตรง แต่สิ่งที่เปาโลกล่าวถึงได้อ้างถึงการที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงชำระโทษแทนเราทั้งหลายที่เป็นคนบาป และเราทั้งหลายก็สมควรที่จะยกโทษให้กับผู้ที่สำนึกในความผิดที่ได้กระทำต่อเราด้วย

ฟิเลโมน 15-16
15อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาจากท่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อท่านจะได้เขากลับคืนมาตลอดไป 16เขามิใช่เป็นทาสอีกต่อไป แต่ดียิ่งกว่าทาส คือเป็นพี่น้องที่รัก เขาเป็นที่รักมากของข้าพเจ้า แต่คงจะเป็นที่รักของท่านมากยิ่งกว่านั้นอีก ทั้งในฐานะเป็นคนและเป็นเพื่อนคริสตชนด้วยกัน


ในพระเยซูคริสต์ ผู้เชื่อทุกคนได้กลายสภาพมาเป็นพี่น้องกัน แม้ว่าโดยฐานะ หรือหน้าที่การงาน จะยังคงเป็นเจ้านายกับลูกน้อง แต่ความสัมพันธ์ในฝ่ายวิญญาณ ทุกคนเป็นพี่น้องกัน

พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำให้ผู้เชื่ออยู่ในฐานะใหม่ การเข้าร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันนั้นทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปในแนวทางใหม่ด้วย เวลาที่เสื้อผ้าของเราเก่าและสกปรก เราอาจจะทิ้งมันไปได้ แต่การที่แขนขาของเราเก่าและสกปรก เราจะไม่ทิ้งไป แต่จะทำความสะอาดและดูแลรักษา มีข้อพระคัมภีร์บอกว่า

1 โครินธ์ 12:20-27
20ความจริงมีอวัยวะหลายอย่าง แต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน 21และตาจะว่าแก่มือว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า" ก็ไม่ได้หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า" ก็ไม่ได้ 22ที่จริงอวัยวะที่เราเห็นว่าอ่อนแอ เราก็ขาดเสียไม่ได้ 23และอวัยวะที่เราถือว่ามีเกียรติน้อย เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ไม่น่าดูนั้น เราก็ทำให้น่าดูยิ่งขึ้น 24เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าได้ทรงให้อวัยวะของร่างกายเสมอภาคกัน ทรงให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น 25เพื่อไม่ให้มีการแก่งแย่งกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนพะวงซึ่งกันและกัน 26ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติอวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย 27ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น


การที่พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ให้เราทำดีกับพี่น้องคริสเตียนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆให้เราโหดร้ายกับเขาได้ อย่าลืมว่าลูกๆของพระเจ้าจะต้องสะท้อนพระสิริของพระเจ้า ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรักเมตตา เอื้ออาทร เพื่อคนทั้งหลายจะเห็นพระเจ้าผ่านทางลูกๆของพระองค์ ขณะเดียวกันก็ต้องสำแดงให้เห็นจุดยืนบนความถูกต้องชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าด้วย

ในที่นี่เรามีพี่น้องที่มีความสัมพันธ์ในฐานะของเจ้านาย กับลูกน้องอยู่จำนวนหนึ่ง ขอให้ตัวอย่างจากพระธรรมฟิเลโมนเป็นแนวทางที่เราจะวางตัวอย่างเหมาะสม


Create Date : 19 พฤษภาคม 2555
Last Update : 19 พฤษภาคม 2555 20:09:34 น. 1 comments
Counter : 1963 Pageviews.  
 
 
 
 
I give you a big THANK that gave me the WORD OF GOD got through you

God Be With You
 
 

โดย: narisa doungsuwan moros IP: 201.138.251.117 วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:11:01:04 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com