ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
มกราคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 มกราคม 2556
 

เปลี่ยน พร ให้เป็น เพลิง

18 พฤศจิกายน 2012

คริสตจักรยะลา


กิจการ 5:7-10

7หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมงภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้าไป 8ฝ่ายเปโตรถามนางว่า "เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด"หญิงนั้นจึงตอบว่า "ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ" 9เปโตรจึงถามนางว่า "ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่าจงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย"10ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตรและพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้วจึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง

อธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ผู้ทรงเฝ้าดูเราทั้งหลายด้วยความรัก ขอบพระคุณสำหรับเช้าวันนี้ที่เราได้เข้ามาต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์อีกครั้งเพื่อการนมัสการพระองค์ ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในเราทั้งหลายทุกคน ให้เราทุกคนติดตามพระองค์ด้วยความยำเกรงเชื่อฟังและกระทำตามพระคำของพระองค์เสมอ วันนี้ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงอยู่กับเราจะทรงเปิดเผยพระวจนะแห่งความจริงเพื่อให้เราได้รับการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ให้เราหันจากความผิดพลาดที่ได้กระทำกลับมาเดินกับพระองค์ เพื่อเราจะกลับเป็นผู้ที่เต็มล้นด้วยพระพรและเป็นพรไปสู่ผู้อื่น

เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้สร้างความหวาดวิตกให้กับคนยะลาอีกครั้งหลังจากที่เงียบสงบไปนานกว่าครึ่งปีในด้านหนึ่งอาจเป็นสิ่งที่สั่นคลอนอนาคตและความหวังของเราแต่ในอีกด้านหนึ่งเป็นเครื่องเตือนสติเราว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในปัจจุบัน

ในช่วง3-4 วันที่ผ่านมา สถานการณ์ในอิสราเอลก็เป็นที่น่าจับตาอย่างมากการโจมตีด้วยจรวดทำเองของกลุ่มฮามาสจำนวนหลายสิบลูก แม้ว่าระบบ Iron Dome ของอิสราเอลจะทำลายจรวดเหล่านั้นกลางอากาศได้เกือบทั้งหมดแต่ก็ยังมีจรวดบางลูกที่เล็ดรอดเข้าไปถึงชุมชนได้ อิสราเอลได้เตรียมกำลังทหารจำนวน30,000 นาย เพื่อเตรียมการกวาดล้างครั้งใหญ่

สัปดาห์ที่แล้วก็มีเหตุแผ่นดินไหวหลายแห่งและใกล้กับประเทศไทยพอสมควรจนทำให้หลายจังหวัดรับรู้การสั่นสะเทือนได้

การเมืองในประเทศจีนก็ถึงจุดเปลี่ยนผู้นำคนใหม่และกำลังประกาศความยิ่งใหญ่ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ในขณะที่ประเทศอเมริกาก็เพิ่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีและยุโรปกำลังย่ำแย่ในทางเศรษฐกิจ

ในสัปดาห์ข้างหน้า ก็จะเป็นคราวของความวุ่นวายของการเมืองไทยซึ่งจะรุนแรงหรือไม่ ก็สุดจะคาดเดาได้

สารพัดก็กำลังประเดประดังกันเข้ามา คงเป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่เราจะทำเป็นเฉยๆต่อเหตุการณ์ทั้งหมดพระวจนะของพระเจ้าได้แนะนำให้เราเชื่อวางใจในพระเจ้าเสมอเพราะไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น เราทั้งหลายล้วนแต่อยู่ในสายพระเนตรของพระองค์

คำว่า “เสียดาย”เป็นคำที่เราได้ยินมาตลอดชีวิต มีตั้งแต่เสียดายเล็กๆเช่นทำลูกชิ้นตกพื้น ไปจนถึงความเสียดายอย่างใหญ่ๆเช่น ขายบ้านไป 3 ล้าน ผ่านไปไม่นานบ้านนั้นถูกขายต่อได้ในราคา 7 ล้าน

อาการเสียดายบางอย่างเกิดขึ้นจากการที่เราไม่มีโอกาสได้ในสิ่งที่อยากได้ พยายามเท่าไรๆ ก็ไม่ได้เสียที

อาการเสียดายบางอย่าง เกิดขึ้นเมื่อเราละเมิดกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สิ่งดีๆที่เรามีอยู่ในมือ มีอันต้องหลุดมือไป

อาการเสียดายบางอย่าง เกิดขึ้นเมื่อเราละเลย การกระทำที่สมควรทำให้เมื่อโอกาสดีมาถึง ต้องผ่านไปอย่างไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างที่ควร

ความเสียดายบางเรื่อง เราสามารถระแวดระวังไม่ได้เกิดขึ้นได้หัวข้อที่ผมจะนำเสนอต่อพี่น้องในวันนี้คือ “เปลี่ยน พร ให้เป็น เพลิง” เป็นเรื่องเพื่อเตือนสติไม่ให้เราทำผิดพลาด เป็นเหตุให้พรแห่งความชื่นชมยินดีที่พระเจ้าได้ให้เราแล้วต้องแปรเปลี่ยนไป กลายเป็น เพลิง ที่เผาผลาญชีวิตของเรา

กิจการ 5:1-7

1แต่มีชายคนหนึ่ง ชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อ สัปฟีราได้ขายที่ดินของตน 2และเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ภรรยาของเขาก็รู้ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต 3ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า "อานาเนีย เหตุไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้ 4เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือเมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือมีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่าเจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า" 5เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้น ก็ล้มลงตายและเมื่อคนทั้งปวงทราบเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง 6พวกคนหนุ่มก็ลุกขึ้นห่อศพเขาไว้แล้วหามเอาไปฝัง

เรื่องราวของอนาเนีย กับ สัปฟีรา ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องราวที่เด็กๆรวีก็เคยได้รับฟังมาแล้ว อนุชนก็ได้รับฟังแล้วผู้ใหญ่ก็น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวนี้มากกว่า 10 ครั้งมาแล้วเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการเปลี่ยนพรให้กลายเป็นเพลิง

ในสมัยเริ่มแรกของคริสตจักรอัครทูตได้ออกประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ และมีคนเป็นอันมากเข้ามารับเชื่อกลุ่มผู้เชื่อใหม่เหล่านี้ก็มีใจกระตือรือร้นในการดูแลซึ่งกันและกันมีความชื่นชมยินดีเป็นอันมากในท่ามกลางผู้เชื่อในเวลานั้นสิ่งนี้อาจรับได้ว่าเป็นพร สำหรับพวกเขาทุกคนรวมทั้งอนาเนียและภรรยาด้วย

พี่น้องคริสเตียนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยสบายใจนักกับเรื่องราวในสมัยนั้นเพราะปัจจุบันเราไม่เห็นมีคริสตจักรที่ไหนทำแบบนี้คือพี่น้องในคริสตจักรมีที่ดินก็เอาไปขายแล้วเอาเงินมาแบ่งให้กับทุกคนในคริสตจักรพี่น้องคิดว่าดีไหมครับ หากเราจะสืบทอดการกระทำอย่างนี้ในคริสตจักรของเรา

ในเหตุการณ์นี้สิ่งที่ผิดพลาดไม่ใช่เรื่องของจำนวนเงิน อนาเนียและภรรยามีสิทธิที่จะไม่นำเงินมามอบให้อัครทูต มีสิทธิที่จะไม่พูดถึงการขายที่ดินของเขาและหากเขาพอใจจะเอาเงินมาให้กับอัครทูตเพียงเล็กน้อย ก็ไม่ได้เป็นความผิดอะไรแต่การกระทำของเขาที่เป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องน่าเศร้าก็คือ การโกหกต่อพระเจ้า

พี่น้องครับเราเองได้เคยโกหกต่อพระเจ้าบ้างหรือไม่ บางครั้งเราไม่ได้ตั้งใจอาจเป็นเพราะลืมไปแล้วว่าบอกกับพระเจ้าว่าอย่างไรแต่บางครั้งเราตั้งใจที่จะผิดคำพูดกับพระเจ้า

ในวันแต่งงานคู่บ่าวสาวสัญญาต่อหน้าพระเจ้าว่า จะรักและสัตย์ซื่อต่อคู่สมรส จะให้เกียรติจะดูแล ทั้งยามร่ำรวยและยากจน ทั้งวันที่สุขและทุกข์ และอีกหลายประการ วันนี้พี่น้องยังคงรักษาคำสัญญานั้นหรือไม่ พี่น้องบางคู่อาจจะโล่งใจเพราะเพิ่งมารับเชื่อหลังจากแต่งงานแล้ว ก็เลยไม่อยู่ในคำสัญญานี้

ในวันที่เราอยู่ในความยากลำบากหรือเจ็บป่วยแสนสาหัส เราเรียกร้องหาพระองค์ เราอยากให้พระองค์อยู่ใกล้เรา เรารักพระองค์เหลือเกินเราได้สัญญากับพระเจ้าไว้มากมาย ว่าเราจะรับใช้พระองค์ เราจะไม่ขาดการนนมัสการเราจะประกาศข่าวประเสริฐ เราจะอะไรอีกมากมาย แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปเราก็หลงลืมถ้อยคำของเราไปแล้ว เราไม่ได้ปรารถนาที่จะเข้ามาใกล้พระองค์เลยเรารักพระองค์มากเหมือนเดิมแต่เราอ้างว่าเราใจกว้างเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ใช้บริการจากพระองค์ก็แล้วกันไม่อยากให้พระองค์ต้องเสียเวลามาดูแลเราอีก เราดูแลตัวเองได้แล้ว

ขอบคุณพระเจ้าวันนี้เรายังไม่ต้องพบกับเหตุการณ์อย่างทีเกิดกับอนาเนียแต่เราจะรอจนกว่าจะเกิดเหตุอย่างนั้นหรือ จะดีกว่าหากเราเลิกการโกหกต่อพระเจ้าแท้จริงพระคัมภีร์ก็บอกไว้แล้วว่า เราจะหลอกพระเจ้าไม่ได้ การโกหก หรือหลอกพระเจ้าเป็นการเปลี่ยน พร ให้กลายเป็น เพลิง จงระมัดระวังให้ดี เพราะว่าทุกวันนี้สังคมยอมรับการโกหก และมีการโกหกอยู่ทั่วไป เราเองอาจจะเคยชินกับการโกหกแต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะให้พระเจ้ายอมรับการโกหกได้ เรามาดูกันว่าการโกหกต่อพระเจ้า เกิดขึ้นได้ในเหตุการณ์ใดบ้างในชีวิตประจำวัน

- โกหกในการงานอาชีพเราบอกว่าขอทรงอวยพรให้กิจการของข้าพระองค์รุ่งเรือง เพื่อข้าพระองค์จะสนับสนุนการงานของพระองค์เราอาจบอกพระองค์ว่า ขอให้ข้าพระองค์ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการเพื่อข้าพระองค์จะได้มีโอกาสในการรับใช้พระองค์ในสังคมชั้นสูงแต่เมื่อเราได้รับการอวยพร เรามักจะมีเงื่อนไขอื่นๆเพิ่มเติมเข้ามาเช่นตอนนี้ธุรกิจของเราเพิ่งจะเริ่มต้น ขอพระองค์อวยพรต่อไปสัก 10 ปีเพื่อให้ธุรกิจมั่นคง เพื่อจะสามารถสนับสนุนการงานของพระองค์ได้มากยิ่งขึ้น เมื่อ10 ปีผ่านไป เราก็มีเงื่อนไขใหม่ เช่นตอนนี้ลูกๆกำลังเริ่มทำธุรกิจต้องการพี่เลี้ยง จำเป็นต้องช่วยงานเขาก่อน สุดท้าย อาจจะต้องบอกพระเจ้าว่าพระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เจ๊งแล้ว พระองค์ทำกับข้าพระองค์อย่างนี้ข้าพระองค์จะรับใช้พระองค์ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าพระเจ้ารู้ไม่ทันพระองค์ทรงให้โอกาส แต่หากเรากำลังตัดสินใจ เบี้ยวต่อพระองค์ขอให้เปลี่ยนความคิดเสีย

- โกหกในการนมัสการเป็นเรื่องที่เราอาจคิดไม่ถึง ว่าเราได้โกหกพระเจ้าบ่อยมากในขณะนมัสการพระเจ้าเราร้องเพลงพระเจ้ายิ่งใหญ่แต่ชีวิตของเราทั้งสัปดาห์เราไม่ได้วางใจในความยิ่งใหญ่ของพระองค์เลยเราร้องเพลงได้ยินเสียงของพระเจ้าเรียกข้าให้มาเข้าเฝ้า แต่จริงๆแล้วเรามาโบสถ์อย่างจำใจ มาโบสถ์เพราะได้ยินเสียงบ่นของพ่อแม่ หรือเรามาโบสถ์เพราะสาวหรือหนุ่มคนหนึ่งอยู่ที่โบสถ์เราร้องเพลงชูมือขึ้นสรรเสริญพระเจ้า แต่เราไม่เพียงโกหกพระเจ้าเราโกหกพี่น้องในโบสถ์ด้วย เพราะเราไม่ได้ชูมืออย่างสรรเสริญพระเจ้าแต่ชูมือเพราะคนอื่นๆเขาชูมือกัน เราร้องเพลงพระคุณพระเจ้านั้นแสนชื่นใจ แต่เราไม่เคยพึงพอใจกับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานในชีวิตประจำวันเลยเราร้องเพลงมีสหายเลิศคือพระเยซู แต่เราไปหาคำปรึกษากับมนุษย์เสมอไปขอความช่วยเหลือจากมนุษย์เสมอ เราร้องเพลงทหารของพระเยซู แต่เราแว๊บหนีทัพตลอดไม่เคยอยู่ร่วมในการออกทีมประกาศเลย เราร้องเพลง ผมขอเชิญให้เราลองพิจารณาดูในทุกๆสัปดาห์ว่าเราหมายความอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่าในขณะที่เราเปล่งเสียงเพื่อถวายบทเพลงนมัสการ

- โกหกในการฟังเทศนาเรื่องนี้คริสตจักรของเราไม่ค่อยมีปัญหา แต่บางแห่งที่ชอบส่งเสียงเอเมนอย่างพร่ำเพรื่อ บางทีก็ส่งเสียงไปตามความเคยชิน โดยไม่ได้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรการส่งเสียง เอเมน เป็นการตอบสนองต่อเนื้อหาของพระวจนะของพระเจ้า เป็นการบ่งบอกว่าผู้ฟังกำลังตั้งใจรับฟัง และยอมรับต่อพระวจนะเหล่านั้น แต่คำว่า เอเมนคำนั้นอาจเป็นโกหกก็ได้ หากว่า หลังจากฟังคำเทศนานั้นแล้ว ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆในชีวิตสมกับที่ได้เอ่ยเสียงอย่างดังสนั่นว่า เอเมน

- โกหกในการอธิษฐานเราบอกว่าเราอธิษฐานแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าแต่จริงๆเราเพียงแค่เล่าให้พระเจ้าฟังว่าเราต้องการทำอย่างนี้และให้พระเจ้าทำตามที่เราต้องการ เราอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าแล้วเราก็ลุยเองทุกอย่างตามที่เราเห็นชอบเราอธิษฐานว่าขอบคุณที่พระเจ้าเลี้ยงดูเราดุจเลี้ยงแต่เราไม่ได้ประกอบกิจการอย่างซื่อสัตย์และกลับอ้างว่านั่นเป็นการเลี้ยงดูจากพระเจ้า

- โกหกในการรับใช้พระเจ้าเราบอกกับพระองค์ว่าว่าเรารับใช้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ แต่เราแอบเก็บเกี่ยวสำหรับยุ้งฉางของเราเองเราบอกพระองค์ว่าพระองค์ทรงเป็นหนึ่งแต่ความคิดของเราเป็นใหญ่กว่าพระวจนะของพระเจ้าเราเลือกที่จะยอมรับพระวจนะบางข้อที่ไม่ขัดแย้งกับความคิดของเราและปฏิเสธทุกข้อที่ชี้ว่าเราทำไม่ถูกเราบอกกับพระองค์เสมอๆว่าขอให้พระเกียรติเป็นของพระเจ้า แต่ผู้คนมองหาพระเจ้าไม่พบเพราะตัวเราใหญ่คับฟ้า

การโกหกต่อพระเจ้า สามารถเปลี่ยนพร ให้กลายเป็นเพลิงได้

1เปโตร 5 : 8

8ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดีด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้

เมื่อหลายวันก่อนผมไปร่วมประชุมในงานของวิทยุชุมชน ในช่วงที่พักผ่อนคืนนั้นผมมีโอกาสได้ดูสารคดีชีวิตสัตว์ป่าเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับฝูงสิงโตและการล่าหาอาหารผมคิดว่าหลายท่านคงพอจะคุ้นเคยกับฉากที่สิงโตวิ่งไล่สัตว์ที่หลงออกนอกฝูงหรือตัวลูกที่วิ่งไม่ทันฝูง แต่ในคราวนี้ ฝูงสิงโตได้เลือกเหยื่ออีกแบบหนึ่งคือมองหาวัวที่เขาหัก

ผู้บรรยายบอกว่า สิงโตรู้ว่า วัวมีเขาที่แข็งแรงมากและการที่เขาของมันหักจะเกิดขึ้นเนื่องจากการต่อสู้กันเองในฝูงเพื่อแย่งสิทธิ์บางอย่างการที่เขาวัวถึงขั้นหัก แสดงว่าวัวตัวนั้นต้องผ่านการต่อสู้ที่สาหัสมากและจะมีสภาพที่บอบช้ำอย่างยิ่งจึงไม่สามารถที่จะหนีหรือต่อสู้ได้อีก

ผมดูแล้วก็คิดถึงภาพในฝ่ายวิญญาณของคริสตจักรพระคัมภีร์ได้บอกเราว่า มารเป็นเหมือนสิงห์คำราม วนเวียนอยู่รอบๆเรารอคอยจังหวะที่จะกัดกิน ที่ผ่านมาเราอาจคิดถึงสภาพจิตวิญญาณที่อ่อนแอว่าหมายถึงพี่น้องที่ไม่ค่อยมาโบสถ์ หรือไม่อ่านพระคัมภีร์ ไม่อธิษฐานและคิดถึงตัวลูกที่ยังอ่อนประสบการณ์ว่าหมายถึงผู้เชื่อใหม่ ซึ่งก็คงไม่ผิดพี่น้องเหล่านั้นก็เป็นผู้ที่เราควรห่วงใย

วันนี้ผมคิดว่าคนที่เข้มแข็งในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าก็อาจจะเป็นเหยื่อได้เช่นกัน อันเป็นผลจากการที่เกิดภาวะขัดแย้งในระหว่างเพื่อนที่ทำงานปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าด้วยกันขอให้เราได้ระมัดระวังในเรื่องนี้การทำงานร่วมกันย่อมมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติแต่การที่เราขาดการถ้อยทีถ้อยอาศัย ในเรื่องราวที่ไม่ใช่การผิดหลักข้อเชื่อสำคัญก็เป็นการทำให้เกิดการต่อสู้ที่เสียแรงเปล่าเป็นการต่อสู้กันเองเพื่อเหตุผลบางอย่างที่ไม่สำคัญมากแต่อาจด้วยเรื่องของอุปนิสัยที่ยอมใครไม่เป็น หรือการกลัวเสียหน้าก็ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้น หากการปะทะรุนแรงมาก ถึงขั้นเขาหัก มีความบอบช้ำในฝ่ายจิตวิญญาณ ก็จะตกในภาวะอันตรายสิงห์ที่คำรามอยู่รอบๆก็พร้อมที่จะเข้ามากัดกินได้

ดังนั้น การขัดแย้งในความคิดเห็นบางอย่าง หากเสนอข้อคิดเห็นอธิบายความกันพอประมาณแล้ว ก็ขอให้รีบชิงเป็นฝ่ายยอมถอยหรือหากว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ยอมไม่ได้ ถึงขนาดอาจเกิดเป็นคำสอนเทียมเท็จขึ้นมาก็อย่าได้ชนด้วยตัวเองขอให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะมัคนายกในคริสตจักรเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม

พระพรจากการรับใช้ จะกลายเป็นเพลิงไปได้หากเกิดการขัดแย้งที่ไม่มีใครยอมใคร การต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ก็อาจจะขยายวงกว้างและทำให้ฝูงแตกแยกแล้วอ่อนแอ จนตกเป็นเหยื่อกันไปทั้งฝูง

ผมไม่ได้เชิญชวนว่า “ให้เรามาเปลี่ยน พร ให้เป็น เพลิงกันเถิด” แต่กำลังเชิญชวนว่า “พรที่เรามีอยู่แล้วนั้นจงระแวดระวังที่จะไม่ทำให้กลายสภาพเป็นเพลิง”

เอเฟซัส5:21

21จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์




Create Date : 19 มกราคม 2556
Last Update : 19 มกราคม 2556 20:30:42 น. 0 comments
Counter : 1194 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com