ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
12 เมษายน 2553
 

เส้นทางชีวิตคริสเตียน (ตอนที่ 7)

11 เมษายน 2010
คริสตจักร ยะลา

เอเฟซัส 6:10-18
10สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์
11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
12เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
13เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้
14เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก
15และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า
16และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย
17จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า
18จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน

อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอบพระคุณสำหรับความเชื่อที่ทรงประทานให้กับเราทั้งหลาย และโดยความเชื่อนี้พระองค์ได้ให้เราใช้เพื่อต่อสู้กับมารร้าย ขอพระองค์ทรงเพิ่มเติมความเชื่อให้กับพวกเราทุกคน ให้เราได้เรียนรู้และยอมรับเครื่องอาวุธชิ้นนี้ และสามารถที่จะใช้อย่างถูกต้อง เพื่อเราจะกระทำการงานของพระองค์ได้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์


วันนี้เป็นตอนที่เจ็ด ในหัวข้อ “เส้นทางชีวิตคริสเตียน” เรากำลังอยู่ในหัวข้อย่อยเรื่องของยุทธภัณฑ์ทั้งชุดที่พระเจ้าประทานให้ ผ่านไปแล้วจำนวน 3 ชิ้นคือ ความจริงเป็นเครื่องคราดเอว ความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก และข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขเป็นรองเท้า วันนี้เราจะมาถึงความเชื่อ

ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องของยุทธภัณฑ์ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ผมจะขอทบทวนให้กับพี่น้องถึงสิ่งที่ได้กล่าวไปในตอนที่แล้ว เพื่อเตือนความจำ และเพื่อให้พี่น้องอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในครั้งนั้นได้รับรู้เรื่องราวด้วย

ความเดิมตอนที่แล้วเป็นเรื่องของ ข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งถูกเปรียบเทียบกับรองเท้า

15และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า

- รองเท้า ก็เป็นยุทธภัณฑ์ด้วยหรือ

แม้ว่ารองเท้าจะดูไม่น่าเกรงขาม ใช้ข่มขู่ศัตรูก็ไม่ค่อยได้ แต่รองเท้าก็ช่วยให้ร่างกายของทหารมีความปลอดภัยและคล่องตัวในสถานการณ์ต่างๆ อีกทั้งยังบ่งบอกถึงภาระกิจของผู้ที่ใส่ด้วย

เรื่องนี้อาจเป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า การใช้รองเท้าผิดประเภทนั้น ส่งผลให้แผนงานล้มเหลวได้ ในทำสงครามฝ่ายวิญญาณก็เช่นกัน พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมรองเท้าที่เหมาะสมกับสมรภูมิให้เราแล้ว แต่บางทีเราอาจรู้สึกว่า เป็นรองเท้าโบราณคร่ำครึ เป็นรองเท้าที่รูปทรงไม่ทันสมัย ใส่แล้วเชย ใส่แล้วสาวไม่มอง ใส่แล้วหมาไล่กัด

- อะไรคือ ข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ?
ข่าวประเสริฐแปลว่าข่าวดี ในโลกนี้มีข่าวมากมาย ที่ถูกเรียกว่าเป็นข่าวดี แต่ไม่มีข่าวดีใดๆในโลกจะสามารถเทียบได้กับข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์

ข่าวประเสริฐนี้ เป็นข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข แต่บางทีเราอาจจะมีปัญหาในการนำเสนอข่าวประเสริฐนี่อย่างถูกต้อง ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะนำเสนอข่าวประเสริฐที่ถูกต้อง และนำเสนออย่างที่ข่าวประเสริฐนี้เป็น คือเป็นข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข

ปัญหาคือ เราอาจจะนำเสนออย่างไม่ค่อยสันติสุขเท่าไร แน่นอนว่าเราจะต้องพูดตรง พูดความจริง ว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป ต้องการพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยเขาได้ แต่บางทีเรากลับทำให้เขาไม่เห็นเราเป็นมิตรที่ต้องการช่วยเหลือเขา

- เป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อม
ชีวิตของคริสเตียนที่พรั่งพร้อม โดยข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขเป็นอย่างไร? เป็นชีวิตที่มีประสพการณ์กับฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐนั้นจริงๆ ลองนึกภาพดู หากเราเป็นเซลแมนโฆษณาขายยาบำรุง แต่ตัวเราผอมแห้ง โฆษณาไปหน้ามืดจะเป็นลม แต่ยังยืนยันว่ายานี้ดี กินแล้วร่างกายแข็งแรง คนที่จะยอมซื้อยานี้ คงจะมีเพียงคนตาบอด

ฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐเป็นอย่างไร? ฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐคือ ทำให้คนบาปกลับใจใหม่ หันจากความผิดบาป และดำเนินชีวิตกับพระเจ้า การที่เราจะมีสภาพที่พรั่งพร้อมสำหรับออกไปในสมรภูมินั้น เราต้องมีชีวิตที่ได้รับการเยียวยารักษาแล้วโดยฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐนั้น

วันนี้เราจะมาพิจารณาเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ลำดับต่อไป

16และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย

จากข้อ 16 นี้ พระเจ้าได้ทรงประทานโล่ เพื่อใช้ในสมรภูมิ และโล่นั้นก็คือ “ความเชื่อ” ทั้งนี้เพราะในสมรภูมิที่เราทำภารกิจนั้น ศัตรูได้ส่งอาวุธคือลูกศรเพลิงออกมา ลูกศรเพลิงเป็นอาวุธที่ร้ายแรงมาก เท่าที่ยุคนั้นจะกล่าวถึงได้ เพราะไม่เพียงทำให้เกิดการบาดเจ็บจากคมลูกธนู ยังสามารถเผาผลาญทำให้เกิดความเสียหายมากมายทั้งต่อตัวผู้ถูกยิง และผู้ที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย

- “ความเชื่อ” คืออะไร ?
สิ่งสำคัญลำดับแรกๆ ในเรื่องราวข่าวประเสริฐของพระเยซูก็คือ เรื่องของความเชื่อ พระคัมภีร์ฮีบรู บทที่ 11 ตลอดทั้งบทได้อธิบายถึงความหมายและความสำคัญของความเชื่อไว้

ฮีบรู 11:1
1ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง


จากความหมายของคำว่า “ความเชื่อ” ตามที่พระคัมภีร์บอกไว้ เราอาจมองไม่เห็นว่า สิ่งนี้จะสามารถเป็นเครื่องอาวุธได้อย่างไร อาจเป็นอีกครั้งที่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังกับยุทธภัณฑ์ที่พระเจ้าจัดไว้ให้ แต่จริงๆแล้วอาวุธชิ้นนี้มีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งมาก

ลองดูโฆษณาประสิทธิภาพของอาวุธชิ้นนี้กันก่อน

มัทธิว 17:20
20พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เพราะเหตุพวกท่านมีความเชื่อน้อย ด้วยเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า "จงเลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น" มันก็จะเลื่อน สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งท่านทำไม่ได้ จะไม่มีเลย"


ยอห์น 11:40-44
40พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า"
41พวกเขาจึงเอาหินออก พระเยซูทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า "ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ ที่พระองค์ทรงโปรดฟังข้าพระองค์
42ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา"
43เมื่อพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงเปล่งพระสุรเสียง ตรัสว่า "ลาซารัสเอ๋ย ออกมาเถิด"
44ผู้ตายนั้นก็ออกมา มีผ้าพันมือและเท้า และที่หน้าก็มีผ้าพันอยู่ด้วย พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "จงแก้ผ้าที่พันออกเสีย แล้วปล่อยเขาเถิด"


จากตัวอย่างทั้งสองเราเห็นได้ว่า “ความเชื่อ” ทำให้สิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ในสายตามนุษย์ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เพราะพระเจ้า

- การมีความเชื่อ
การมีความเชื่อ เป็นอย่างไร? ความเชื่อเป็นนามธรรม คือไม่มีตัวตน หรือรูปร่าง ให้จับต้องได้ ไม่สามารถนำมาวัดขนาดหรือชั่งน้ำหนักได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่

ความเชื่อเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน การที่จะบอกได้ว่า มี หรือไม่มี ความเชื่อนั้น อาจจะบอกได้ด้วยคำพูด แต่บ่อยครั้งที่ผู้พูดก็พูดไม่ตรงกับความจริง ดังนั้น ความเชื่อจะพิสูจน์ได้ด้วยการสำแดงออกมา พระธรรมยากอบ บทที่ 2 ได้บอกไว้ดังนี้

ยากอบ 2:26
26เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น


การที่เราบอกว่า เราเชื่อในพระเจ้า เรามีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ว่า เรามีความเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ?

มิสชันนารีท่านหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า คืนหนึ่ง ลูกชายของท่านไม่ยอมเข้านอน เมื่อท่านถามว่าทำไม ลูกก็บอกว่า ผมกลัว ในห้องผมมีสิงโต มิสชันนารีท่านนั้นจึงต้องพาลูกไปที่ห้องนอนแล้วก็เปิดไฟ เพื่อให้เห็นว่า ไม่มีสิงโต

จากตัวอย่างนี้ แม้ความเชื่อของเด็กนั้น จะเป็นความเชื่อที่เกิดจากความเข้าใจผิด แต่สิ่งที่เรามองเห็นก็คือ ความเชื่อของเขา สำแดงออกมาเป็นการกระทำ

การที่เราบอกว่าเราเชื่อในพระเจ้า เราก็ต้องสำแดงออกมาเป็นการกระทำเช่นกัน เช่นโดยการมานมัสการพระเจ้า โดยการอธิษฐานต่อพระเจ้า โดยการบอกเรื่องราวของพระองค์แก่ผู้อื่น โดยการอ่านและทำตามพระคำของพระเจ้า เป็นต้น
- การใช้ความเชื่อ

“ความเชื่อ” ทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้ทุกสิ่งอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนว่าพระคัมภีร์จะบอกอย่างนั้น แต่จริงๆแล้ว มีสิ่งที่เราจะต้องพิจารณา

ตัวอย่างเช่น
หากใครสักคน มีความเชื่อว่า การดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากเทือกเขาบูโดจะทำให้เรารอดจากบาปได้โดยไม่ต้องพึ่งการไถ่ของพระเยซู พี่น้องคิดว่าความเชื่อแบบนี้ใช้ได้หรือไม่

หากใครสักคน มีความเชื่อว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง จะทำให้พระเจ้าไม่มีอยู่จริง พี่น้องคิดว่าความเชื่อแบบนี้ใช้การได้หรือไม่

แล้วความเชื่อแบบไหนล่ะ ที่ใช้การได้? เราสามารถสังเกตได้ว่าความเชื่อแบบไหนเป็นความเชื่อที่ใช้การได้ และเป็นความเชื่ออย่างที่พระคัมภีร์พูดถึง

คำตอบก็คือ ความเชื่อที่ใช้การได้เป็นความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า ไม่ใช่ความเชื่อที่เราทึกทักเอาเอง หากเราอยากรู้ว่าพระเจ้าทรงสัญญาอะไร ก็จงเอาใจใส่กับการอ่านพระวจนะของพระเจ้า แล้วเราจะรู้ว่าพระเจ้าทรงสัญญาอะไร และเราจะได้รับตามสัญญานั้น เมื่อเราเชื่อ

- การใช้งานโล่
ในช่วงนี้เราอาจได้เห็นการใช้งานโล่ในภาพข่าวทางโทรทัศน์บ่อยๆ อาจไม่เป็นที่สงสัยกับวิธีการใช้โล่ว่าจะต้องเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลหรือโซล่า แต่ผมอยากให้เรามาพิจารณาภาพเปรียบเทียบการใช้งานโล่ในทางการรบจริงๆ กับภาพในการรบฝ่ายวิญญาณ

ปกป้องตนเอง แน่นอนว่าโล่ ใช้เป็นเครื่องป้องกันตนเองจากการโจมตีของข้าศึก จากอาวุธต่างๆ ทั้งไม้ตะบอง ดาบ หอก ธนู พระคัมภีร์ระบุถึงลูกศรเพลิง ซึ่งก็นับได้ว่าเป็นอาวุธที่ร้ายแรง เมื่อเปรียบเทียบกับสมรภูมิฝ่ายวิญญาณ ลูกศรเพลิงเปรียบได้กับความสงสัย ซาตานพยายามหาโอกาสที่จะยิงอาวุธชิ้นนี้ใส่เรา และเมื่อมันสบโอกาส มันจะไม่ปล่อยให้ผ่านไป ลูกศรเพลิงแห่งความสงสัยจะถูกยิงมาที่ตัวเรา แม้ว่าเราจะมีความชอบธรรมเป็นทับทรวงป้องกันอก ลูกศรอาจเจาะไม่เข้า แต่เปลวเพลิงก็อาจทำให้เราบาดเจ็บได้ ดังนั้น โล่ จะเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ที่ช่วยเรา ปัดป้องไม่ให้ลูกศรเพลิงมาโดนตัวเรา ความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า จะช่วยให้เราผ่านความสงสัยต่อสถานการณ์ในชีวิตไปได้

ปกป้องผู้อื่น โล่เป็นอุปกรณ์ประจำกายของทหารแต่ละคน แต่ในบางโอกาส ทหารบางคนก็สูญเสียโล่ไป อาจจะโดยถือไว้ไม่ดีทำให้หล่นไป หรือถูกศัตรูทำให้หลุดมือไป เพื่อนทหารที่มีโล่ อาจสามารถใช้โล่ของตนช่วยปกป้องเพื่อนได้ บางครั้งพี่น้องคริสเตียนกำลังประสบปัญหารุมเร้า เนื่องจากยังมีความเชื่อที่ไม่ลึก สถานการณ์ที่ทุกข์ยากอาจทำให้เขาสูญเสียความเชื่อไป แต่พี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆที่ยังคงมีความเชื่อ ก็สามารถสำแดงความรักความห่วงใยได้ โดยการให้ที่หลบภัยภายใต้โล่ของตน หมายความว่า คำอธิษฐานโดยความเชื่อของพี่น้องคริสเตียนท่านอื่นๆ จะสามารถช่วยพี่น้องที่อ่อนแรงและขาดความเชื่อได้ พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานนั้น และจะทรงประทานการช่วยเหลือ

ปกป้องจากเปลวแดด บางครั้งการรบในสมรภูมิไม่ได้ดุเดือดนัก แต่แสงแดดที่แผดเผา ก็ทำให้อ่อนล้าได้ โล่ก็สามารถปรับใช้เป็นที่กำบังแดดได้ บางครั้งความไม่สะดวกสบายในเรื่องส่วนตัวบางอย่าง อาจเปรียบได้กับแสงแดด มันอาจไม่ใช่การโจมตีของซาตาน แต่ก็ทำให้เราอ่อนล้าได้ ความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า ก็เป็นร่มเย็นที่จะช่วยกำบังเราให้พ้นจากแดดที่แผดเผา เพื่อให้เราได้มีกำลังชุ่มชื่นขึ้น

เป็นเครื่องหมายบ่งบอกตัวตน แต่ละกองทัพมีสัญญลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตน บ้างก็บ่งบอกด้วยสีของเครื่องแต่งกาย บ้างก็ด้วยผ้าโพกศีรษะ ลักษณะของโล่ ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของทหาร ว่าเป็นคนของกองทัพใด คนในโลกนี้จำนวนมากก็สามารถต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต และสามารถเอาชนะได้ ทำให้เขาไปถึงความสำเร็จได้ และคนเหล่านั้นหลายคนได้บอกว่า เป็นเพราะเขามีความมุ่งมั่น มีความอุตสาหะ มีความเพียรพยายาม และไม่เห็นว่าจะต้องมีความเชื่อในพระเจ้า ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ เป็นความจริงที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่คนของพระเจ้านั้นจะมีสัญญลักษณ์ที่บ่งบอกได้ ความเชื่อในพระเจ้า เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า เราเป็นทหารของกองทัพของพระเจ้า แม้ทหารในกองทัพอื่น จะสามารถทำภารกิจของเขาได้ผลดี โดยที่เขาไม่มีโล่อย่างเดียวกับเรา แต่ขอให้เราอย่าได้ละทิ้งโล่นี้ อันเป็นเครื่องหมายแสดงตนว่าเราเป็นทหารของใคร

ขอให้เรามีและรู้จักใช้โล่ ที่พระเจ้าประทานให้นั้น อย่างเกิดประโยชน์


Create Date : 12 เมษายน 2553
Last Update : 12 เมษายน 2553 9:54:36 น. 1 comments
Counter : 994 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณมาก ติดตามตลอดครับ
 
 

โดย: lin IP: 118.173.199.136 วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:19:19:09 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com