ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

 
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 มกราคม 2550
 

ความจริง ซึ่งพระเยซูได้พยายามบอกเรา

13 พฤศจิกายน 2005
คริสตจักร ยะลา

ยอห์น 8:39-47
39 เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า "อับราฮัมเป็นบิดาของเรา" พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "ถ้าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของอับราฮัมแล้ว ท่านก็จะทำสิ่งที่อับราฮัมได้กระทำ 40 แต่บัดนี้ท่านทั้งหลายหาโอกาส ที่จะฆ่าเรา ซึ่งเป็นผู้ที่ได้บอกท่าน ถึงสัจจะที่เราได้ยินมาจากพระเจ้า อับราฮัมมิได้กระทำอย่างนี้ 41 ท่านทั้งหลายย่อม กระทำสิ่งที่บิดาของท่านทำ" เขาทูลพระองค์ว่า "เรามิได้เกิดจากการล่วงประเวณี เรามีพระบิดาองค์เดียวคือพระเจ้า" 42 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของท่านแล้วท่านก็จะรักเรา เพราะเรามาจากพระเจ้า และอยู่นี่แล้ว เรามิได้มาตามใจชอบของเราเอง แต่พระองค์ทรงใช้เรามา 43 เหตุไฉนท่านจึงไม่เข้าใจถ้อยคำที่เราพูด นั่นเป็นเพราะท่านทนฟังคำของเราไม่ได้ 44 ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา 45 แต่ท่านทั้งหลายมิได้เชื่อเรา เพราะเราพูดความจริง 46 มีผู้ใดในพวกท่านหรือที่ชี้ให้เห็นว่าเราได้ทำผิด ถ้าเราพูดความจริง ทำไมท่านจึงไม่เชื่อเรา 47 ผู้ที่มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายมิได้มาจากพระเจ้า เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ฟัง"

อธิษฐาน
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปิดเผยความจริงจากพระวจนะของพระเจ้า และทรงกระทำให้ใจของเราถ่อมลงเพื่อรับและเชื่อฟังการเตือนสติของพระเจ้า

ผมมีโอกาสได้ชมภาพยนต์เรื่อง The Gospel of John หรือพระกิตติคุณยอห์น ซึ่งสร้างขึ้นโดยมีจุดยืนว่า จะใช้คำทุกคำที่ปรากฏในพระธรรมยอห์นเท่านั้น ไม่มีบทพูดหรือเหตุการณ์เสริมแต่งใดๆเลย ในขณะที่ได้ชมนั้น ได้เห็นหลายๆเหตุการณ์ที่พระเยซูได้ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า” ด้วยสายตาที่แสดงความเป็นห่วงต่อประชาชนที่ห้อมล้อมพระองค์อยู่ เป็นภาพที่บาดใจผมมาก เพราะดูเหมือนพระองค์กำลังพยายามบอกความจริงที่สำคัญยิ่ง แต่คนเหล่านั้นฟังแล้วฟังเล่า แต่กลับตาบอดตาใส หนำซ้ำหลายคนกลับหาเหตุที่จะทำร้ายพระองค์เสียอีก

ผมได้ค้นดูในพระคัมภีร์ก็พบว่ามีหลายตอนที่พระเยซูได้ใช้คำว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า” และ “เราบอกท่านทั้งหลายว่า” ผมได้เลือกหลายๆข้อมาเพื่อศึกษาด้วยกันในวันนี้

ทำไมเราจึงควรให้ความสนใจกับ “ความจริง” ที่พระเยซูบอกเรา ทั้งนี้ก็เพราะเรากำลังอยู่ในโลกของการโฆษณา โลกของการผันแปรความจริง โลกแห่งการตลบตะแลง บิดพลิ้วสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก ทำให้สิ่งประเสริฐเป็นสิ่งไร้คุณค่า แต่กลับสร้างกระแสให้สิ่งอนิจจังเป็นสิ่งมีคุณค่าที่ทุกคนต้องไขว้คว้า สอดแทรกความเท็จเข้ามาในความจริง

ลองมาดูความจริงที่พระเยซูต้องการให้เรารู้

ยอห์น 3:3-6
3 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้" 4 นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า "คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ" 5 พระเยซูตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ 6 ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ

ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคริสตจักรของเรามีการเทศนาสั่งสอนจากพระคำตอนนี้ไม่น้อยกว่า 100 ครั้ง นับตั้งแต่ตั้งคริสตจักรมากว่า 40 ปี แต่ความจริงที่พระเยซูตรัสในข้อเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้อง สอนลูกสอนหลาน จะกี่ยุคกี่สมัยก็ช่าง ใครจะว่าเชยก็ช่าง เป็นความจริงที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งในหลักข้อเชื่อของคริสเตียน เราจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าแน่ ถ้าหากเรายังไม่บังเกิดใหม่

ชีวิตที่ไม่ได้บังเกิดใหม่เป็นอย่างไร ขออนุญาตไม่กล่าวถึง แต่ถ้าเรารู้จักความหมายของชีวิตที่บังเกิดใหม่แล้ว เราจะเข้าใจว่าชีวิตที่ไม่บังเกิดใหม่นั้นเป็นอย่างไร

ยอห์น 6:26-27
26 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายตามหาเรามิใช่เพราะได้เห็นหมายสำคัญ แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม 27 อย่าขวนขวายหาอาหารที่เสื่อมสิ้นไป แต่จงหาอาหารที่ดำรงอยู่คืออาหารแห่งชีวิตนิรันดร์ ซึ่งบุตรมนุษย์จะให้แก่ท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาได้ทรงประทับตรามอบอำนาจแก่พระบุตรแล้ว"

ผมไม่ได้กำลังแนะนำให้เราคอยจ้องจะชี้นิ้วพี่น้องของเราว่า “ฮั่นแน่…แกยังไม่บังเกิดใหม่” แต่กำลังบอกกับทุกคนว่า นี่เป็นความจริงที่พระเยซูตรัสไว้ และตรัสถึงเราแต่ละคน และเราแต่ละคนต้องสำรวจดูตัวของเราเองว่าได้มาถึงการบังเกิดใหม่ มีชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้วหรือยัง เพราะชีวิตฝ่ายเนื้อหนังจะมีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้

ลองถามตัวเองอีกครั้งว่า เราติดตามพระเยซูทำไม เพราะเราได้กินอิ่ม เพราะได้เพื่อนดี เพราะได้สังคมใหม่ เพราะได้การอวยพรให้มีมากขึ้น เพราะได้โน่นได้นี่ หรือเปล่า? พระเยซูทรงเตือนเราว่า ให้เราแสวงหาพระองค์ เพราะพระองค์เท่านั้นอาหารสำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณ

ข้อที่เราได้อ่านไปนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่พระเยซูทรงเลี้ยงคน 5 พันคน คนเหล่านั้นได้เห็นอัศจรรย์ ก็เลยจะตั้งพระเยซูเป็นกษัตริย์ แต่พระเยซูเสด็จหนีไปจากเขาเหล่านั้น เอ๊ะ…ทำไมล่ะ การที่พระองค์จะได้เป็นกษัตริย์นั้นไม่ดีหรือ

ชาวยิวกำลังตั้งตารอ กษัตริย์ หรือผู้รับการเจิมที่จะมาตามพระสัญญาของพระเจ้า เพื่อกอบกู้ชนชาติของพวกเขา ถ้าพระเยซูเป็นกษัตริย์ การอัศจรรย์อย่างนี้ จะทำให้การกู้ชาติของชาวยิวสำเร็จ

แต่พระราขกิจของพระเยซูไม่ได้มาเพื่อเป็นกษัตริย์แห่งเนื้อหนัง พระองค์ทรงมีพระราขกิจที่ใหญ่กว่านั้น คือการช่วยกู้ดวงวิญญาณจากบึงไฟนรก

เราเองเป็นเหมือนชาวบ้านเหล่านั้นหรือไม่ ที่เห็นเพียงการอัศจรรย์เท่านั้น ต้องการแต่การอัศจรรย์สำหรับเรื่องปากท้องเท่านั้น ต้องการเพียงพระเยซูมาเป็นกษัตริย์ในเรื่องเนื้อหนังของเรา แต่ไม่ได้เห็นถึงหมายสำคัญ ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ที่สามารถช่วยกู้วิญญาณให้รอดจากบึงไฟนรกได้

ถ้าเช่นนั้น คริสเตียนต้องสนใจแต่เรื่องฝ่ายวิญญาณ ตั้งหน้าตั้งตาอ่านพระคัมภีร์ การงานไม่ต้องทำ อ้าปากคอยพระเจ้าป้อนอาหารให้ งั้นหรือ?

หวังว่าคำถามนี้จะไม่เกิดขึ้นในใจของคนที่บังเกิดใหม่แล้ว ครับเราควรตั้งหน้าตั้งตาอ่านพระคัมภีร์ เป็นสิ่งที่ถูก และยิ่งกว่านั้น เราจะเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าว่า เมื่อเราได้รับพระเยซูเป็นพระเจ้าของเราแล้ว เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคนงานของพระองค์เพื่อกระทำการของพระองค์ ซึ่งพระองค์จะทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นทั้งสิ้นสำหรับพระราชกิจนั้นที่จะทรงให้เราไปทำ ถ้าพระองค์จะส่งเราเข้าไปที่ไหน พระองค์เองจะเป็นผู้จัดเตรียม มิใช่เราจะตะเกียกตะกายเพื่อจะพยายามทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ให้พระองค์

ยอห์น 13:38
38 พระเยซูตรัสตอบว่า "ท่านจะสละชีวิตของท่านเพื่อเราหรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่าก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง"
เรื่องของเปโตรปฏิเสธพระเยซู ผมก็เชื่อว่าเรารับฟังมาหลายครั้งแล้ว ผมไม่ถามว่าเราจำเรื่องนี้ได้หรือเปล่า แต่อยากถามว่า เราได้รับรู้สิ่งที่พระเยซูกำลังบอกเราว่าอย่างไร?

แน่นอนเรารู้ว่า เปโตรปฏิเสธพระเยซูเพราะ พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่ได้อยู่กับเขาในเวลานั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าคือพระวิญญาณแห่งความจริง เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงอยู่ในผู้ใดผู้นั้นก็รู้ความจริงว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ ถ้ารู้ว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ จะปฏิเสธพระองค์ได้หรือ
พระเยซูอาจกำลังตรัสกับท่านวันนี้ว่า
“ท่านจะสละชีวิตของท่านเพื่อเราหรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะปฏิเสธเรา เพราะไม่ต้องการเสียโอกาสในธุรกิจ” หรือ
“ท่านจะสละชีวิตของท่านเพื่อเราหรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะปฏิเสธเรา เพื่อต้องการตามใจคนรักของท่าน” หรือ
“ท่านจะสละชีวิตของท่านเพื่อเราหรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะปฏิเสธเรา เพื่อความสวัสดิภาพของท่าน”

ถ้าพระวิญญาณแห่งความจริงอยู่กับเรา เราจะปฏิเสธพระองค์หรือ?

เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ผมเองก็ยอมรับว่ารู้สึกหวั่นไหว เราไม่สามารถอวดได้เลยว่า เราจะสามารถอดทนได้ ที่จะสามารถสละชีวิตเพื่อพระเยซู ผมเชื่อว่าเราไม่สามารถทำด้วยกำลังของเราเอง ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเสริมกำลังเราในเวลานั้น

ยอห์น 8:58-59
58 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราดำรงอยู่ก่อนอับราฮัมเกิด"59 คนเหล่านั้นจึงหยิบก้อนหินขึ้นจะขว้างพระองค์ แต่พระเยซูทรงหลบและเสด็จออกไปจากบริเวณพระวิหาร

หลายท่านก็คงสงสัยว่า เป็นไปได้อย่างไร พระเยซูทรงดำรงอยู่ก่อนอับราฮัมเกิด ในเมื่อเราก็ได้อ่านพระคัมภีร์ในเรื่องการกำเนิดของพระเยซูว่า พระองค์กำเนิดจานางมารีย์ สาวพรหมจารีย์ ในรางหญ้าที่บ้านเบธเลเฮม ส่วนเรื่องของอับราฮัมก็เคยอ่าน อยู่ในพระคัมภีร์ปฐมกาล ซึ่งเป็นสมัยก่อนการกำเนิดพระเยซูหลายพันปี เอ๊ะ… มีอะไรประหลาดหรือเปล่า

ลองเปิดอ่านในยอห์นบทที่ 1 : 1-18 เราจะพบความจริงอย่างที่พระเยซูทรงตรัสไว้ พระเยซูทรงดำรงอยู่ก่อนการสร้างโลก และแท้จริงแล้วพระเจ้าทรงสร้างโลกโดยพระเยซู เพียงแต่พระนามว่าพระเยซูนั้นได้ถูกใช้เมื่อทรงเข้ามาในโลกนี้ในฐานะของพระผู้ช่วย ที่มารับสภาพเป็นมนุษย์ เพื่อที่จะสามารถ “ตาย” ได้ คุณบุญขว่างได้เทศนาในสัปดาห์ที่แล้วว่า คำว่า “เยซู” นั้น ในภาษาเดิมอ่านว่า “โยชูวา” แปลว่า “พระเยโฮวาห์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด”

พระคัมภีร์ โรม 6:23 กล่าวว่า “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”

เมื่อพระเยซูมาเพื่อสำแดงความยุติธรรมพร้อมพระคุณของพระเจ้า โดยการรับโทษของความบาปนั้น พระองค์ต้องรับความตาย แต่พระลักษณะของพระเจ้าเป็นพระวิญญาณ ซึ่งไม่อาจ “ตาย” ได้ ดังนั้นจึงต้องมารับสภาพเป็นมนุษย์ เพื่อจะสามารถรับโทษตายแทนคนบาปได้

การที่พระองค์ทรงมอบหมายให้เรามีส่วนในภารกิจแห่งการช่วยกู้นี้ ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่เราควรยินดี มิใช่หันไปถามพระองค์ว่า พระองค์จะให้โบนัสเท่าไร?

ขอจบลงด้วยเหตุการณ์หลังจากพิธีมหาสนิทครั้งแรกที่พระเยซูทรงกระทำ

มัทธิว 26:26-35
26 ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อถวายสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า "จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา"
27 แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่า "จงรับไปดื่มทุกคนเถิด
28 ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา อันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก
29 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่านในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา"
30 เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ
31 ครั้งนั้นพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า "ในคืนวันนี้ท่านทุกคนจะทิ้งเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้น จะกระจัดกระจายไป
32 แต่เมื่อทรงให้เราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน"
33 ฝ่ายเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า "แม้คนทั้งปวงจะทิ้งพระองค์ ข้าพระองค์จะทิ้งก็หามิได้เลย"
34 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง"35 เปโตรทูลพระองค์ว่า "ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย" เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน

ขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังพี่น้องทุกท่าน




Create Date : 25 มกราคม 2550
Last Update : 25 มกราคม 2550 15:41:05 น. 0 comments
Counter : 676 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com