ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 มีนาคม 2552
 

สำเร็จแล้ว

15 มีนาคม 2009
คริสตจักร ยะลา

ยอห์น 17:4-6
4 ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก เพราะข้าพระองค์ได้กระทำกิจที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กระทำนั้นสำเร็จแล้ว
5 บัดนี้พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับเกียรติต่อพระพักตร์ของพระองค์ คือเกียรติซึ่งข้าพระองค์ได้มีร่วมกับพระองค์ก่อนที่โลกนี้มีมา
6 "ข้าพระองค์ได้สำแดงพระนามของพระองค์ แก่คนทั้งหลายที่พระองค์ได้ประทานให้แก่ข้าพระองค์จากมวลมนุษย์โลก คนเหล่านั้นเป็นของพระองค์แล้ว และพระองค์ได้ประทานเขาให้แก่ข้าพระองค์ และเขาได้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว



อธิษฐาน
พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ เราทั้งหลายขอบพระคุณสำหรับแผนการแห่งการช่วยกู้ ที่ได้ทรงกระทำโดยทางพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เป็นหนทางเดียวที่เราทั้งหลายผู้เป็นคนบาปได้มาถึงความรอด ขอพระวจนะของพระองค์ในวันนี้ เปิดเผยให้เรารู้ถึงน้ำพระทัยของพระองค์ที่ทรงมีต่อเราขณะที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ เพื่อให้เราดำเนินชีวิตอย่างที่พระองค์พอพระทัย เพื่อให้เราได้สัมผัสกับสันติสุขแท้ที่พระองค์ประทานให้กับเรา


2 สัปดาห์ก่อนผมได้มีโอกาสนำเสนอ พระธรรมยอห์นบทที่ 17 ซึ่งเป็นบันทึกคำอธิษฐานของพระเยซูไว้ทั้งบท เป็นสิ่งเราควรให้ความสนใจ เพราะพระเยซูได้ทรงตรัสหลายประการที่เป็นสิ่งสำคัญ หากเราเข้าใจและเห็นชัดถึงความเป็นห่วงของพระองค์ที่มีต่อบรรดาสาวก เราก็จะมีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่มีสันติสุข ไม่ต้องกังวลว่าทำอย่างนี้จะถูกใจพระเจ้าไหม หากไม่ทำอย่างนั้นจะถูกพระเจ้าลงโทษไหม

เนื้อหาใน 3 ข้อแรกที่ได้แบ่งปันเมื่อคราวก่อน เป็นเรื่องของ “เกียรติ” ซึ่งผมได้ชี้แจงให้พี่น้องทราบว่า เกียรติที่พระคัมภีร์กล่าวถึง กับเกียรติที่สังคมปัจจุบันพูดถึง ไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสียแล้ว เพราะเกียรติที่มนุษย์มอบให้กันไปมอบให้กันมานั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าเรียกว่าเกียรติ ดังนั้น เมื่อเราพูดถึงเกียรติที่พระเจ้าได้ทรงมอบให้พระเยซูคริสต์ หรือที่ทรงมอบให้กับเราที่เป็นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ ก็ขอให้เข้าใจว่า มักจะไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้ตีค่าว่าเป็นสิ่งมีเกียรติ

ในข้อหนึ่ง พระเยซูได้ทรงตรัสถึงการถวายเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา และเกียรตินั้นเป็นเกียรติที่พระเจ้าทรงประทานให้กับพระเยซู เป็นสิ่งที่เตือนสติเราว่า เกียรติที่ควรค่าแก่การที่เราจะมอบถวายให้กับพระเจ้านั้น มีเพียงสิ่งเดียวนั้นคือเกียรติที่พระองค์ได้ทรงมอบให้กับเรา

ในข้อที่สอง พระเยซูยังได้สำแดงให้เราเห็นว่า เกียรติที่พระเจ้าทรงประทานให้นั้น สมควรที่จะใช้เพื่อประโยชน์แก่พระราชกิจของพระเจ้า มิใช่เพื่อประโยชน์ หรือชื่อเสียงส่วนตน

และในข้อที่สาม พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างให้เห็นในการวางตัวอย่างถูกต้องเมื่อปรนนิบัติการงานของพระเจ้า งานเหล่านั้นต้องเป็นงานที่นำการสรรเสริญไปสู่พระเจ้า หรือเป็นงานที่พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ เราทั้งหลายที่กำลังทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็สมควรที่จะวางตัวอย่างถูกต้อง พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างให้เห็นในการกระทำพระราชกิจทุกครั้งคือ ประชาชนที่เห็นพระราชกิจนั้นก็สรรเสริญพระเจ้า การกระทำที่เรียกว่าถวายเกียรติแด่พระเจ้าก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เพื่อตนเองได้รับการสรรเสริญ

ในวันนี้เราจะมาเรียนรู้จากข้อ 4-6

4ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก เพราะข้าพระองค์ได้กระทำกิจที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กระทำนั้นสำเร็จแล้ว 5บัดนี้พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับเกียรติต่อพระพักตร์ของพระองค์ คือเกียรติซึ่งข้าพระองค์ได้มีร่วมกับพระองค์ก่อนที่โลกนี้มีมา

มนุษย์จำนวนหนึ่งในโลกทุกวันนี้กำลังพูดถึงและดิ้นรนเพื่อไปถึงจุดที่เขาเรียกว่า “ความสำเร็จ” แต่ความหมายของความสำเร็จในมุมมองของโลกนี้ กับในมุมมองของพระเจ้าก็เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน โจรที่วางแผนในการปล้น ข้าราชการที่วางแผนในการคอรัปชั่น พ่อค้าที่วางแผนในการเอาเปรียบลูกค้า หุ้นส่วนธุรกิจที่วางแผนในการเบียดบังผลประโยชน์จากผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ นักเรียนที่วางแผนในการโกงข้อสอบ คนเหล่านั้นก็สามารถไปถึงความสำเร็จตามแผนที่วางไว้เช่นกัน แต่เป็นความสำเร็จอย่างที่บุตรของพระเจ้าสมควรถวิลหาหรือไม่

พระเยซูทรงกระทำอะไรสำเร็จหรือ หากมองในสายตาของโลกในเวลานั้น อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าพระเยซูกำลังจะถูกทหารโรมันมาจับตัว กำลังจะถูกนำไปสอบสวน ถูกเฆี่ยนด้วยแส้ และถูกนำไปตรึงไว้ที่ไม้กางเขน พวกสาวกที่พระเยซูได้สั่งสอนมา 3 ปี ก็กำลังจะหนีไปจากพระองค์เพราะความกลัว แม้พระองค์รักเขามาก แต่ก็ไม่มีสักคนที่ออกมาต่อสู้จนสละชีวิตเพื่อพระองค์ แม้แต่ประชาชนที่พระองค์ได้เคยช่วยเหลือ เคยรักษาเขาให้หายจากโรค ก็ไม่มีสักคนที่เข้ามาปกป้องพระองค์เลย สิ่งเหล่านี้พระเยซูกำลังเรียกมันว่า “สำเร็จ” หรือ

ถ้ามองด้วยมุมมองของมนุษย์ก็คงจะเรียกได้ว่า พระเยซูช่างน่าสงสารเหลือเกิน 3 ปีที่พระองค์ไปๆมาๆ เหน็ดเหนื่อยกับการช่วยเหลือและสั่งสอนผู้คน สุดท้ายพระองค์กำลังจะจบชีวิตอย่างนักโทษชั้นเลวคนหนึ่ง

แต่สิ่งนี้ในสายพระเนตรของพระเจ้า พระเจ้าทรงนับว่าเป็นความสำเร็จ เพราะพระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ หรือเราอาจพูดได้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงตั้งจุดมุ่งหมายแห่งความสำเร็จของพระองค์ไว้ที่การกระทำพระราชกิจของพระเจ้าให้สำเร็จ

ลองมองกลับมาที่ชีวิตของเราเองแต่ละคน ที่ผ่านมา เราแต่ละคนคงมีแผนการในชีวิตที่เรามีใจปรารถนา มีความมุ่งหวัง อยากจะไปให้ถึงจุดหมายนั้น หากจะถามว่าผิดหรือที่เราจะมีเป้าหมายแห่งความสำเร็จของเราเอง

ผมคิดว่าคำตอบก็คือ ถ้าความสำเร็จนั้น แลกมาด้วยการกระทำบาป จงหันกลับทันที สารภาพกับพระเจ้า และไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวอีก แต่หากความสำเร็จนั้น ไม่ได้เป็นการกระทำบาป ก็อาจนับได้ว่าดี แต่อาจยังไม่ใช่สิ่งที่ดีกว่า หรือดีที่สุด เช่น เราสามารถมีใจปรารถนาที่จะเรียนให้จบการศึกษาสูงๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี ถ้าเรากระทำอย่างถูกต้องและสุจริต เราสามารถมีใจปรารถนาที่จะมีหน้าที่การงานที่ใหญ่โต ก็เป็นสิ่งที่ดี ถ้าสิ่งนั้นไม่นำให้เราละเมิดต่อพระเจ้า

แต่หากว่าเรากำลังคิดว่า เราจะพยายามทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เพื่อมอบให้เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า บางทีเราอาจต้องใคร่ครวญมากขึ้น เพราะความสำเร็จที่เราพยายามทุ่มเทไปทั้งชีวิตเพื่อจะได้มา อาจเป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะไม่ได้ทำให้พระราชกิจของพระเจ้าสำเร็จเลย แล้วจะนับเป็นความสำเร็จในสายพระเนตรของพระเจ้าได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับความรอด เพราะเรารอดโดยพระคุณ ทางพระเยซูคริสต์อยู่แล้ว แต่หากเราเข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้อง และกระทำอย่างถูกต้อง เราก็จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า

ถ้าอย่างนั้น อะไรคือพระราชกิจของพระเจ้าสำหรับเรา ผมเชื่อว่าเราได้ฟังกันมามากแล้วว่าพระเจ้าทรงมอบหมายหน้าที่อะไรให้กับเรา คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก

ผู้ที่กระทำให้พระราชกิจของพระเจ้าสำเร็จนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีการศึกษาดี ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีฐานะดี ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่จำำเป็นต้องเป็นผู้ที่ยินดีสละเป้าหมายส่วนตัวเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า อาจจะง่ายกว่านั้นถ้าพระราชกิจของพระเจ้าเป็นเป้าหมายเดียวกับเป้าหมายชีวิตของเขา

ดังนั้นวันนี้หากพี่น้องมีใจปรารถนาที่จะมีชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัย มีชีวิตที่ถวายเกียรติกับพระเจ้า ผมขอบอกว่าพี่น้องสามารถเริ่มได้ทันที ด้วยการกระทำพระราชกิจของพระเจ้าที่มอบหมายให้นั้นให้สำเร็จ ไม่ต้องรอว่าได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดก่อน แล้วจะได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า หรือจะต้องทำงานมีเงินเดือน 2 แสนก่อน จึงจะมีสิทธิถวายเกียรติแด่พระเจ้า ไม่ต้องรอว่าเมื่อได้ย้ายจากบ้านเช่าเล็กๆไปอยู่คอนโดมิเนียมหรูๆก่อน จึงจะมีสิทธิ์ถวายเกียรติแด่พระเจ้า อย่าลืมว่า เกียรติที่โลกนี้พูดถึง ไม่ใช่เกียรติที่พระเจ้าพูดถึง


6 "ข้าพระองค์ได้สำแดงพระนามของพระองค์ แก่คนทั้งหลายที่พระองค์ได้ประทานให้แก่ข้าพระองค์จากมวลมนุษย์โลก คนเหล่านั้นเป็นของพระองค์แล้ว และพระองค์ได้ประทานเขาให้แก่ข้าพระองค์ และเขาได้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว

สิ่งสำคัญประการต่อมา เราต้องรู้ว่า พระราชกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้กับเรานั้นคืออะไร คือการที่เราต้องไปตายบนกางเขนเพื่อรับโทษบาปแทนผู้อื่นอย่างนั้นหรือ หรือคือการที่จะทำให้คนกลับใจใหม่ ในค่ายประจำปีของคริสตจักรเราเมื่อ 3-4 ปีก่อน ศจ.สมศักดิ์ ชูสงฆ์ มาเป็นวิทยากร ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า “เราอย่าพยายามไปทำงานในส่วนที่เป็นงานของพระเจ้า” สิ่งนี้เป็นปัญหาไม่น้อยเลย เพราะผลที่จะได้คือความเหน็ดเหนื่อยและทุกข์ใจ เนื่องจากเราจะไม่สามารถกระทำให้สำเร็จได้ มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะกระทำให้สำเร็จ

พระเยซูได้ทรงตรัสถึงพระราชกิจอีกประการที่ได้ทรงกระทำสำเร็จแล้ว นั่นคือการสำแดงพระเจ้าให้กับคนเหล่านั้น ซึ่งก็หมายถึงสาวก และหมายถึงพวกเราในที่นี่ด้วย สิ่งนี้เป็นพระราชกิจที่เราสามารถมีส่วนร่วมกระทำได้ เมื่อมาถึงตรงนี้อาจทำให้สงสัยได้ว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า อย่างไหนเป็นงานของพระเจ้า อย่างไหนเป็นงานที่เราได้รับมอบหมายให้ทำ

หากเราเข้าสนิทกับพระเยซูคริสต์ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระองค์ เหมือนดังที่พระเยซูทรงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระบิดา เราก็จะสามารถสำแดงพระนามของพระเจ้าให้ผู้อื่นได้ ดังเช่นที่พระเยซูทรงสำแดงพระนามของพระเจ้าให้แก่สาวกของพระองค์ สิ่งนี้จะแตกต่างจากการสอนศาสนาหรือการสอนจริยธรรม เพราะมันคือการสำแดงออกจากชีวิตจริง ไม่ใช่คำพูดที่สวยหรู ที่ท่องมาจากตำรา

และเมื่อความจริงของพระเจ้าได้ถูกสำแดงออกไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการงานของพระเจ้าที่จะทรงกระทำภายในจิตใจของคนเหล่านั้นที่ได้ยินได้ฟัง

การสำแดงพระนามของพระเจ้า เป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าเราทุกคนทราบดีว่า พระเจ้าทรงมีพระนามที่ยิ่งใหญ่ บรรพบุรุษในพระคัมภีร์เดิมได้กล่าวถึงพระนามของพระเจ้าไว้หลายพระนามด้วยกันเช่น

1. เอโลฮิม พระผู้สร้าง
2. เอล ชัดดาย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
3. อาโดนาย พระเจ้า จอมเจ้านาย
4. เอล เอลยอน พระเจ้าผู้สูงสุด
5. เอล โอลาม พระเจ้านิรันดร์
6. ควนนา พระเจ้า "ผู้ทรงนามว่าหวงแหน"
7. เยโฮวาห์ นิสสี พระเจ้าทรงเป็นธงชัย
8. เยโฮวาห์ ราอาห์ พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยง
9. เยโฮวาห์ ยิเรห์ พระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียม
10. เยโฮวาห์ ราฟาห์ พระเจ้าผู้ทรงรักษา
11. เยโฮวาห์ ชาโลม พระเจ้าแห่งสันติสุข
12. เยโฮวาห์ ชามาห์ พระเจ้าทรงสถิต ณ ที่นั่น
13. เยโฮวาห์ ซาบาโอด พระเจ้าจอมโยธา
14. เยโฮวาห์ ธิสคานู พระเจ้าผู้เป็นความชอบธรรมของเรา
15. เยโฮวาห์ มาคาเดช พระเจ้าผู้ทรงชำระท่าน
16. เอล รอย พระเจ้าผู้ทรงเห็น

ขอให้ชีวิตของเราสามารถสำแดงพระนามของพระเจ้าให้กับผู้คนรอบข้างได้ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการที่เราไปเที่ยวบอกคนนั้นคนนี้ว่าพระเจ้าทรงพระนามว่าอย่างนี้ แปลว่าอย่างนี้ แต่หมายถึงคนรอบข้างสามารถสังเกตเห็นว่าพระเจ้าได้ทรงปรากฏจริงในชีวิตของเรา สมตามพระนามของพระองค์ และนั่นคือพระราชกิจของพระเจ้าที่เราได้รับมอบหมาย


Create Date : 16 มีนาคม 2552
Last Update : 16 มีนาคม 2552 9:05:43 น. 1 comments
Counter : 764 Pageviews.  
 
 
 
 
Sawadee ka.
 
 

โดย: CrackyDong วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:20:45:34 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com