มาเดอลีน มาเดอเลน เมเดอลีน
ทั้งสามคำเป็นชื่อเรียกขนมแบบเดียวกันหมด คือ Madeleine นั่นแหละ คำแปลที่ค้นมาได้ หมายถึงขนมเค้กเล็ก ๆ ที่จัดอยู่ในตระกูลเค้กสปองจ์ หรือเค้กที่ทำให้ขึ้นฟูด้วยการตีไข่ หยอดในพิมพ์รูปหอย หน้าตาน่ารัก
ขนาดพอเหมาะสำหรับการหยิบกินทีละชิ้น ละชิ้น
เผลอ ๆ ก็กินเข้าไปหลายชิ้นได้ ถ้ามีโอกาสได้กินขนมเค้กนี้ที่ออกมาจากเตาอบใหม่ ๆ ร้อน ๆ ผิวนอกยังกรอบ เนื้อข้างในนุ่ม
มีเมเดอลีนอยู่หลายสูตร ส่วนใหญ่จะต้องให้พักส่วนแบเทอร์ไว้ก่อนอบ บางสูตรให้พักค้างคืนเอาไว้เลย
เท่าที่สังเกตุดู มีอาหารและขนมหลายอย่างที่ทำด้วยแป้ง จะต้องมีการพักให้แป้งดูดซึมส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไปซึ่งต้องใช้เวลา ก่อนที่จะนำมาทำให้สุก ไม่ว่าจะเป็นการเอาไปนึ่ง หรืออบ
ถ้าได้พักก่อน จะได้ขนมที่ออกมาดี
เรื่องแบบนี้บางทีในสูตรก็ไม่ได้บอกไว้
เคยคิดอยากทำเจ้าเค้กหน้าตาน่ารักนี้มาพักใหญ่ แต่ยังไม่มีพิมพ์ที่เป็นรูปเมเดอลีนคลาสสิค อันที่จริงก็เคยลองทำ แต่หยอดใส่พิมพ์เค้กจิ๋ว ๆ รู้สึกว่ายังไม่ค่อยถูกใจ ถึงเนื้อสัมผัสจะดี แต่รูปทรงยังไม่ใช่
เรียกว่ายังไม่ครบทั้ง รูป รส กลิ่น และสัมผัส ว่างั้น
ไปเห็นคุณตา ทำขนมนี้ไว้นานแล้ว ทำตามมาทีนึง แต่ยังไม่ค่อยดี เลยเก็บแอบเอาไว้เงียบ ๆ ตอนนี้ได้พิมพ์ราคาน่ารักมาก ๆ มาจากร้านทุกอย่างหกสิบบาท ได้ฤกษ์ทำซะหน่อย
ต้นฉบับไปดูได้ที่บล็อกภาพสวยสุดจิตของคุณตา และขอขอบคุณเจ้าของสูตรมา ณ ที่นี้ค่ะ
Japanese Milky Madeleine จากบ้าน Febie
ส่วนผสม
ตรงนี้มีเรื่องจะเล่าขำ ๆ เกี่ยวกับการชอบทำขนมสูตรใหญ่โตมโหฬารของตัวเองที่โดนเพื่อนล้อประจำ สูตรเดิมเขาก็ค่อนข้างใหญ่อยู่แล้ว สำหรับขนมชิ้นเล็ก ๆ แต่เราก็เผอิญไปเริ่มจากการชั่งเนยเอาไว้ก่อน แล้วเกินไปหนึ่งเท่า ด้วยความขี้เกียจเอากลับไปเก็บ เลยเพิ่มส่วนอื่นเข้าไปอีกกลายเป็นสองสูตร อบกันจนเบื่อไปเลย เพราะพิมพ์ขนมอันน้อย ๆ มี 5 ชิ้นต่อพิมพ์ ใส่ในเตาอบได้ครั้งละสองพิมพ์..
คุณโอจะแซวไปอีกนานแน่นอน
ขอลงสูตรเท่าที่เราทำละกันนะคะ
แป้งเค้ก 240 กรัม
แป้งข้าวโพด 40 กรัม
นมผง 45 กรัม (เราไม่มีวิปปิ้งครีมเลยเพิ่มนมผงมากหน่อย)
ผงฟู 1 ช้อนชา
น้ำผึ้ง 30 กรัม
น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ
เนยสด(จืด) 200 กรัม
นมสด 100 กรัม
วานิลลาเอ็กซแทรค 2 ช้อนชา
เกลือป่น หยิบนิ้ว
ไข่ไก่ 300 กรัม (ใช้ไข่เบอร์ 0 5 ฟอง)
น้ำตาลทรายป่น 250 กรัม
วิธีทำ
- เตรียมพิมพ์ที่จะใช้อบ ทาเนยให้ทั่ว โรยแป้งบาง ๆ แล้วเคาะส่วนที่เกินออก
- ร่อนแป้งทั้งสองชนิด กับผงฟูและนมผง รวมกันไว้สักสองสามรอบ
- ละลายเนย และพักไว้ให้พออุ่น ใส่นมสดและวานิลลาลงไปในเนย คนให้เข้ากันพักไว้
- ผสมน้ำผึ้งกับน้ำร้อน คนให้ละลายเข้ากัน พักไว้
- ตอกไข่ใส่ชามผสมที่ใช้ตั้งบนหม้อน้ำร้อนได้ เติมเกลือป่นลงไป ตีไข่ด้วยแฮนด์มิกซเซอร์บนหม้อน้ำร้อนที่ไม่เดือดจัด และไม่ให้ก้นชามสัมผัสน้ำร้อน ค่อย ๆ เติมน้ำตาลทรายป่นลงทีละช้อนในขณะที่ใช้ความเร็วปานกลาง เมื่อใส่น้ำตาลหมดแล้วให้เพิ่มเป็นความเร็วสูงสุด ตีจนได้ริบบ้อนสเตจ หรือเมื่อยกหัวตะกร้อไฟฟ้าขึ้นปล่อยให้ส่วนผสมไข่และน้ำตาลไหลลงจากหัวตะกร้อ จะเห็นเป็นรอยริบบิ้นทบกัน
- นำชามไข่ออกจากหม้อน้ำร้อน ใส่น้ำผึ้งที่ผสมน้ำร้อนลงไป ผสมให้เข้ากัน
- ตามด้วยแป้งที่ร่อนไว้ แบ่งใส่หลาย ๆ รอบ ตะล่อมให้เข้ากันอย่างเบามือจนหมดแป้ง
- ค่อย ๆ ใส่เนยละลายที่ผสมนมและวานิลลาไว้ลงทีละน้อย โฟลด์ให้เข้ากัน เบา ๆ มือนะคะ เราใช้พายยาง หรือใครจะใช้ตะกร้อมือก็ได้ แล้วแต่ถนัด สุดท้ายแล้วควรใช้พายยางกวาดส่วนผสมให้ถึงก้นชาม ใช้วิธีช้อนส่วนผสมจากก้นชามพลิกขึ้นมาด้านบน เพื่อไม่ให้มีเนยละลายนอนอยู่ก้นชาม
- อุ่นเตาอบที่ 200 องศาซี
- พักส่วนผสมไว้สักครู่ แล้วหยอดลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ถ้าใครใช้พิมพ์แบบซิลิโคนก็จะง่ายหน่อย หยอดส่วนผสมลงไปประมาณ 3 ใน 4 ของพิมพ์
- ส่งเข้าอบ พิมพ์บาง ๆ แบบที่เราใช้ เวลาอบประมาณ 15-17นาที ก็เหลืองสวยเป็นสีทองแล้วค่ะ อุณหภูมิที่ใช้ ดูให้เหมาะสมกับพิมพ์ของแต่ละคนนะคะ คิดว่าน่าจะต้องใช้ความร้อนค่อนข้างสูงกว่าเค้กสปองจ์โดยทั่วไปสักหน่อย ใช้เวลาสั้น ให้ผิวข้างนอกแห้ง แต่เนื้อเค้กยังนุ่มอยู่ น่าจะดีค่ะ
- นำออกจากพิมพ์ พักสักครู่แล้วแกะออกมา..ชิม ค่ะ
อร่อยที่สุดตอนออกจากเตาอบใหม่ ๆ แหละ หอมหวาน ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่มนวล เนื้อเค้กฉ่ำ ถ้าเราใช้ครีมแทนนม น่าจะเข้มข้นกว่านี้ แต่เท่าที่ได้มาก็รสชาดและสัมผัสดีแล้วนะคะ
อย่าลืมทาเนยให้ทั่ว ๆ พิมพ์ โรยแป้งบาง ๆ แล้วเคาะออกค่ะ พิมพ์ที่เราใช้ หนึ่งชิ้นมีห้าหลุม
ส่วนผสมคร่าว ๆ ค่ะ
ตีไข่บนหม้อน้ำร้อนให้ได้ ribbon stage ประมาณนี้
หลังจากใส่น้ำผึ้งที่ผสมน้ำร้อนแล้ว ค่อย ๆ เติมแป้งที่ร่อนเตรียมไว้ลงไป โฟลด์ให้เข้ากัน
ส่วนผสมหลังจากที่ใส่แป้งหมด และใส่เนยละลายพร้อมด้วยนมไปแล้ว
ใช้ไม้พายกวาดส่วนของเนยละลาย ที่อาจจะยังกองอยู่ก้นชามผสมขึ้นมาให้หมด เนื้อแบทเทอร์จะเนียนขึ้น ฟองน้อยลงค่ะ
ทุกครั้งที่จะหยอด ให้คนส่วนผสมจากด้านล่างชามขึ้นมาก่อนนะคะ
หยอดประมาณนี้
อย่างที่บอก เราทำแบทเทอร์เยอะมาก จนต้องใช้พิมพ์ซิลิโคนเล็ก ๆ มาใส่ด้วย เพราะชักขี้เกียจรอแล้ว
ล็อตแรก ๆ สีเข้มมาก ๆ แต่อร่อยดีค่ะ เปลือกกรอบ ๆ
อบออกมาได้ขี้เหร่แบบนี้ ยังกล้านำเสนอนะ
อันนี้เป็นแบบใส่พิมพ์เค้กซิลิโคนเล็ก ๆ
หลังจากใช้พิมพ์รอบสอง เริ่มทาพิมพ์ได้ไม่เรียบร้อย เคาะแป้งไม่ดี ผิวขนมเริ่มเกิดสิว
แต่ก็ยังหาได้แคร์สื่อไม่ เอาออกมาโชว์กันไป
ชุดข้างล่างนี้ ผิวปานโลกพระจันทร์เลยค่ะ เหมือนมีหลุมสิวที่โดนแกะไปแล้ว แฮ่..
ชุดท้าย ๆ นี้ อุณหภูมิในเตาเปลี่ยน กลายเป็นได้ขนมมีขอบสีน้ำตาลเข้มด้วยแหละ ตั้งใจยังทำให้เป็นแบบนี้ไม่ได้เลยนะเออ
แต่เราคิดว่า รักกันจริง ต้องสามารถที่จะยอมรับได้ ในสิ่งที่เพื่อนทำ หรือในสิ่งที่เพื่อนเป็น
ไม่ได้ต้องการเห็นหรือแสดงแต่สิ่งที่สวยงามเพียงด้านเดียว ไม่มีใครสวยไปทุกมุม หรือดีไปหมดทุกเรื่องหรอกในชีวิตจริง ถ้าคาดหวังว่าจะได้เห็นแต่เรื่องดี ๆ อาจะผิดหวัง
หรือคนที่พยายามแสดงให้เห็นแต่มุมที่แสนดี แสนสวยของตัวเอง ก็จะเกิดความรู้สึกไปเป็นธรรมชาติ ไม่นานจะเหนื่อย แล้วคนข้าง ๆ ก็จะรู้สึกได้อยู่ดี คนเราล้วนแต่มีผลกระทบที่ต่อเนื่องซึ่งกันและกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ ยอมรับได้หรือไม่ได้ก็ตาม มนุษย์เป็นแบบนั้น
สุดท้ายเจ้ามาเดอลีนที่ไปวางท่าสะสวย(หรือนั่น) ในจานชามต่าง ๆ นานา ก็กลับมาคืนสู่สามัญในที่ที่ควรอยู่ คือลงไปรวมกันในกล่องมีฝาปิด นับเป็นที่เหมาะที่ควร ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ และคงสภาพอยู่ได้ตามอายุขัยของมัน อาจจะไม่สวยสะตลอด แต่อยู่ในที่ที่เหมาะสมกับความจำเป็น สมเหตุผลและฐานานุภาพของมัน
ขอให้มีความสุขทุก ๆ วันกับการทำอะไรเล่นที่บ้านนะคะ
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่นี้เสมอค่ะ