BKK - CHIANGRAI :: วัดร่องขุนพุทธศิลป์เพื่อแผ่นดินไทย
Wat Rong Khun, Chiang Rai Province Creating Buddhist Art for the Land
จากตอนที่แล้วเราลงมาจาก ภูชี้ฟ้า ขับรถเข้าผ่านตัวเมืองเชียงราย จากอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายประมาณ ๑๓ กิโลเมตรก็จะถึงสามแยกไฟแดงทางเข้าน้ำตกขุนกรณ์ ให้เลี้ยวขวาตรงไปประมาณ ๑๐๐ เมตรก็จะพบความยิ่งใหญ่อลังการของ "วัดร่องขุน" ศิปละล้ำค่าระดับชาติที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกต่างเดินทางมาเยี่ยมชม
เราเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบในความคิดของท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โดยเฉพาะประโยคที่บอกว่า "ผมอยากเป็นคนมีค่าของชาติ ปรารถนาที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้แก่ผู้คนในอนาคต ได้สำนึกในความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง ด้วยการกระทำที่เป็นรูปธรรม เกิดมาเพื่อสร้างชาติไม่ใช่เกิดมาเพื่อความโลภด้วยการโกงชาติ โกงพี่น้องร่วมชาติ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องญาติมิตร" อ่านประโยคนี่ทีไรขนลุกบอกไม่ถูก ทำให้เราในฐานะคนไทยภูมิใจในคนไทยคนหนึ่งที่คิดดีทำดี และท่านก็ได้ดีอย่างที่เห็น
วัดร่องขุนที่ท่านสร้างไม่ใช่เพียงแค่เป็นงานศิลปะของตัวท่านเอง มันเป็นศิลปะของคนทั้งชาติ บ่งบอกความสามารถทางด้านศิลปะบนพื้นฐานของความเป็นคนไทย การเชื่อมโยงชิ้นส่วนแต่ละส่วนทีละเล็กทีละน้อยก็เหมือนการสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจ ความสามัคคีและการคิดดีทำดี และความร่วมมือซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำรงอยู่แห่งทุกสิ่ง
เราเองมาที่วัดแห่งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วล่ะ หลังจากที่ไปเยี่ยมตามาเมื่อประมาณ ๔ ปีที่แล้วที่เชียงราย จากครั้งนั้นมาจนปัจจุบันที่นี่เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยล่ะ มีศิลปกรรมหลายอย่างที่เพิ่มเติมเข้ามา จนทำให้ที่ยิ่งอลังการขึ้นเรื่อยๆ จำได้ว่าครั้งแรกที่มาพอเห็นภาพนิมิตในโบสถ์ ขนลุกชะมัด แบบว่าต้องมาดูด้วยตัวเองนะ ซึ่งต้องบอกว่าที่นี่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมความงามของวัดแห่งนี้
ส่วนที่สร้างเพิ่มก็เห็นได้ชัดก็จะเป็นส่วนด้านหลังโบสถ์ และด้านหลังที่เป็นห้องน้ำดูอลังการขึ้นเสียจนไม่กล้าเข้าเลยล่ะ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่มีเพิ่มเติมมากหลายอย่าง
สำหรับอีกโซนที่เพิ่มมาก็คือ "หอศิลป์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์" แสดงนิทรรศการภาพวาดของจริงของท่านอาจารย์ เราเดินเข้าไปดูด้านในใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลยล่ะ
พวกเราสามคนแยกกันเดินดูโซนต่างๆ ภายในวัด เดินไปเดินมาชักเริ่มหิวแล้วล่ะ จึงนัดเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างวัดนั่นแหละ พี่เจตบอกว่านอกจากที่นี่จะสวยแล้วยังมีของอร่อยที่ต้องมาชิมให้ได้นั่นก็คือ "หมูยอ" และ "ไอติมมะพร้าวอ่อน" พี่เจตบอกว่าอร่อยโครตๆ เลยอ่ะ
ซึ่งก็ต้องบอกว่าหมูยอที่นี่อร่อยมากๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะสูตรพริกไทยดำ แหมพูดถึงแล้วหิวอยากทานขึ้นมาเลย ของเค้าอร่อยจริงๆ นะ ซึ่งแต่ละร้านก็มาดัดแปลงใส่ในก๊วยเตี๋ยวด้วยล่ะ อย่าพลาดเป็นอันขาดนะคะสำหรับหมูยอของเค้าดีจริงๆ และก็ตบท้ายด้วยไอติมมะพร้าวอ่อนที่บอกว่าอร่อยควงคู่มากับหมูยอเลยล่ะ
พอท้องอิ่มพวกเราก็แยกย้ายกันเดินต่อ คนหนึ่งเข้าไปในโซนนิทรรศการ คนหนึ่งเข้าไปเดินเลือกซื้อรูปกลับบ้าน และเราก็เดินไปด้านหลังห้องน้ำซึ่งเป็นโรงปั้น ก็ดูเบื้องหน้ามาเยอะแล้วมาดูเบื้องหลังการสร้างสรรค์งานศิลปะกันบ้างดีกว่า
นอกจากวัดแห่งนี้จะสวยงามแล้ว เบื้องหลังยังเป็นการสร้างงานให้กับคนในชุมชนแห่งนี้อีกด้วย เมื่อมีนักท่องเที่ยวมีร้านค้าผู้คนก็มีแหล่งทำมาหากิน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ต้องดิ้นรนมาใช้ชีวิตในเมืองกรุงให้มันวุ่ยวายด้วยล่ะ
ระหว่างที่เดินเที่ยวอยู่นั้นเราก็ได้โบรชัวร์แนะนำวัดแห่งนี้มาหนึ่งใบ ชอบคำพูดอีกประโยคของอาจารย์ที่กล่าวว่า "ผมต้องการให้เด็กๆ เยาวชนองชาติได้มองเห็นชีวิตที่มีความสุขในความพอเพียงเรียบง่าย ให้เห็นสุขทางจิตใจ (ภายใน) นั้นมีค่ากว่าสุขกาย (วัตถุภายนอก) ผมหยุดชีวิตการกอบโกย สะสมเพื่อตัวเองและครอบครัว ตั้งจิต อุทิศชีวิต เงินทอง สมบัติบ้าและช่วงชีวิตที่มีค่าที่สุด เพื่อสร้างงานศิลปะระดับโลกให้แก่แผ่นดินไปจนลมหายใจสุดท้าย หวังให้เกิดประโยชน์แก่ชาติในอนาคต ให้เป็นสมบัติเป็นของขวัญมอบไว้ให้แก่แผ่นดินจากหัวใจคนรักชาติที่แท้จริง อนาคตสักวันหนึ่ง หากชาติไทยของผมมีผู้คนเจริญรอยตามผมสักคนสองคน ก็ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม ที่ผมตั้งใจทดแทนพระคุณของแผ่นดิน เกิดมาอย่างมีค่า ดีกว่าเกิดมาแล้วทำลายชาติเพราะความโลภ ความไม่รู้จักพอ เกิดมาแล้วทำลายวงศ์ตระกูลของตนเอง ให้ผู้คนในอนาคตสาปแช่งด่าทอสมแล้วที่มึงนั้นโครตโง่" อ่านจบแล้วทำให้นึกถึงอดีตผู้นำท่านหนึ่งที่มีภูมิลำเนาอยู่ใกล้ๆเชียงรายจัง หากท่านรักแผ่นดินท่านคงไม่ทำอย่างทุกวันนี้
"I would like the children, youths of the nation, to see life as being happy through sufficiency and simplicity, I would like them to see that spiritual (Internal) happiness is more worthy than physical (Material) happiness. I have stopped the life of amassing for myself and my family. I have decided to dedicate my life, my possessions, and the best time of my life to creating world class art works to adorn the land until my last breath, hoping that they may benefit the country in the future. I offer them as a treasure, a gift to the land from the heart of one who truly loves the country. In the future, if there are only a couple of people who follow in my footsteps I would consider that more than worth the intention I have of repaying the benevolence of the land. To be born worthily is better than being to destroy the nation through greed, through not being sated. If one were to be born to destroy to be called most stupid" This is the great artist named "Chalermchai Kositpitpat" an eminent artist of Thailand.
จากวัดร่องขุนพวกเราก็เดินทางกลับโดยพักที่จังหวัดเชียงใหม่ พักที่ซ่าร่าเรสซิเด้นท์ คืนละ ๔๕๐ บาทเองล่ะ ห้องโอเคมากๆ อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ มีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ฟรีด้วยล่ะ พออาบน้ำกันเสร็จพวกเราก็เดินทางเข้าตัวเมืองไปลองชิมหมูกระทะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย "สุคนธาเจ็ดยอด" อยู่ถนนเดียวกับกาดสวนแก้วล่ะ ซึ่งต้องบอกว่าร้านใหญ่มาก ของกินเยอะมากๆ แต่เค้าห้ามถ่ายรูป เลยไม่มีรูปมาอวดเพื่อนๆ เลย ร้านนี้เปิดตอน ๕ โมงเย็นปิดประมาณ ๔ ทุ่มล่ะ ตอนแรกเดินเข้าไปนึกว่างานเลี้ยงซะอีก เพราะอลังการมากๆ เลยล่ะ
พออิ่มแล้วพวกเราก็ไปต่อ มาเชียงใหม่ทั้งที่พี่เจตแนะนำว่าหน้า มช. มีร้านนมสดอร่อย อิ่มก็อิ่มนะ แต่ใช่ว่าจะมากันบ่อยๆ มันก็ต้องลองตามสูตรนักชิมอย่างพวกเรา เอาวะมาทั้งที สู้ตายค่ะ พี่เจตเลยพาเลี้ยวเข้าร้านเดี่่ยวนมสดหน้า มช.
จากนั้นก็ไปเดินย่อยต่อกันที่ถนนคนเดินเมืองเชียงใหม่ ขับเลย มช. มาหน่อยก็จะเจอแล้วล่ะ โชคดีนะที่พวกเรามากันวันเสาร์อ่ะ ก็เลยเดินเข้าไปดูกันหน่อยว่าที่นี่ตลาดแห่งนี้เค้าขายอะไรกันบ้างล่ะ
ก็มีสินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องประดับ มากมายหลายสิ่งให้เลือกซื้อหา แต่ที่น่าสะดุดตาสะดุดใจก็คือ เจอน้องผู้ชายคนหนึ่ง แม่เจ้าหล่อโครตๆ ให้พี่เจตแอบถ่ายรูปก็ไม่ถ่าย เพราะเห็นหน้าน้องเค้า อึ้ง เด็กบ้าไรวะหล่อโครตๆ สูงประมาณ ๑๘๐ กว่าเลยอ่ะ พี่เจตบอกว่าโห พี่เป็นผู้ชายยังอึ้งเลยอ่ะ เสียดายถ่ายรูปน้องเค้าไม่ได้อ่ะ มาเที่ยวเชียงใหม่เพิ่งเจอคนหน้าตาดีก็เจ้าน้องคนนี้ล่ะ หุหุ
แล้วทริปแอบนายมาคลายเครียดเมืองเหนือของเราก็จบลง พร้อมกับความประทับใจในทุกพื้นที่ที่มาเยือนตั้งแต่ ตาก - ลำปาง - เชียงใหม่ - เชียงราย เรียกว่าอาทิตย์กว่าๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่บนรถยนต์ ขับรถเที่ยวท่องล่องขึ้นเหนือมาเรื่อยๆ ไว้มีโอกาสคราวหน้าจะแอบมาเที่ยวใหม่นะจะเมืองเหนือ ม๋วนอกม๋วนใจ๋ไปแอ๋วเมืองเหนือกันเตอะ บายๆ จ๊ะ สำหรับทริปหน้าจะพาเพื่อนๆ ไปตักบาตรดอกไม้จังหวัดสระบุรีกันล่ะ ..
| Create Date : 10 กรกฎาคม 2552 |
| Last Update : 21 สิงหาคม 2556 22:33:42 น. |
|
5 comments
|
| Counter : 4211 Pageviews. |
|
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [
ไอ้เราก้อเข้าใจว่าชื่อ วัดร่องขุน ตลอด
รูปสวยดีครับ