สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


 
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 มกราคม 2554
 

BKK - UTTARADIT :: ๔ เนินหฤโหดกว่าจะได้ไปสอยดาว ณ ภูสอยดาว

จากตอนที่แล้วพวกเราเดินทางผ่านเนินแรก เนินส่งญาติ ญาติมาส่งไกลเหลือเกิ๊น กัดฟันเดินเมื่อไหร่จะถึงสักทีฟ่ะ จากนั้นก็ขึ้นเขาลงเขากันต่อ


แต่ที่เหนื่อยสุดใจก็เห็นจะเป็นตอนขึ้นบันไดสีเขียวนี่แหละ ไม่รู้ว่าจะถี่ไปไหน เฮ้อ เห็นป้ายเดินไปข้างหน้าเนินปราบเซียนแล้วใจชื้นขึ้นมาหน่อย เนินที่สองแล้ววุ้ย



แต่พอหันมาดูป้ายนี้แล้วเฮ้อ .. คุณหลอกดาวอีกล่ะ ตอนเนินแรกก็หลอกให้ดีใจมาทีล่ะ เจอเนินนี้เลยเริ่มชิน


ไปอีก ๑,๕๐๐ เมตรเอง (เอง) เดินกันไปพักกันไป ไอ้กลุ่มที่อยู่ข้างหน้าก็เดินกันไปรอกันไป ไอ้ข้างหลังก็เดินไปพักไป มันจะเจอกันไหมเนี่ย





จำได้ว่าเนินนี้ ไม่รู้ใครขโมยไม้เท้าตรูฟ่ะ วางอยู่หันไปอีกที เอ้ย..ไม้เท้าตรูหาย เดือดร้อนต้องมองหาไม้คู่ใจอันใหม่เลย หาก็ยากสุดท้ายเลยได้อันใหญ่เบิ้มเลย กลายเป็นหนักไปซะอีก ไม่รู้ไม้เท้าจะพาคนหรือคนจะพาไม้เท้าขึ้นเขากันแน่






ถึงแล้ววุ้ยเนินปราบเซียน เดินจนขาจะลากล่ะเพิ่งเนินที่สองเองตอนนี้จะปาไปครึ่งวันแล้วมั้งเนี่ย เอ้า .. พวกเราพักถ่ายรูปหมู่กันหน่อย เดินบ้างอู้บ้าง อย่าได้แคร์สื่อ


จากเนินปราบเซียนต้องเดินอีก ๒,๐๐๐ เมตรเห็นตัวเลขแล้วขาสั่นเลยตรู เมื่อไหร่จะถึงสักทีฟ่ะ อย่าบ่นๆๆ เดินต่อไป




เก้าอี้เว้ย.. เก้าอี้พักกันดีกว่าเราควักน้ำที่ติดตัวมาไม่ว่าจะสปอรเซอร์หรือน้ำเป-ล่า ก็กินๆ มันเข้าไปจะได้เบาๆ แต่ดันไม่มีห้องน้ำนี่ดิสุดจะปวดใจ ใครว่าภูกระดึงหินๆ ยังมีห้องน้ำตลอดทาง แต่ภูสอยดาวมีแต่ป่าเขาและดาวเดือน





เมื่อไหร่จะถึงเนินป่าก่อล่ะเนี่ย มองทางข้างหน้าแล้วนึกในใจตรูมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย มีใครบอกตรูไหมว่ามันไกลได้ถ้วยอย่างนี้ แต่มันถอยไม่ได้แล้วไงก็ต้องไปต่อ เจอกระท่อมแล้ววุ้ย




ไอ้เด็กพวกนี้หน้าคุ้นๆ อ้าวน้องตรูนี่หว่า โหพี่ครับผมมารอพวกพี่จนหลับไปชั่วโมงหนึ่งแล้วเนี่ย แหม.. น้องเอ้ยสังขารมันเท่ากันที่ไหนล่ะ อ่ะพี่ๆ ผมเก็บหมากเม่ามาให้ด้วย



ลูกอะไรฟ่ะเนี่ย ชื่อไม่เห็นคุ้นเลยตรูกินไปจะชักตายไหมเนี่ย อิอิ น้องๆ บอกว่ากินไปเปรี้ยวๆ ฝาด จะได้มีแรงเดินต่อ งั้นพวกพี่พักกันไปก่อนนะพวกผมจะรีบขึ้นไปจองที่กางเต็นท์ หลังจากส่งมอบป้ายและเงินให้น้องๆ แล้ว พวกน้องๆ ก็เดินหายลับตาไป พักก่อนเว้ยตรูไม่ไหวล่ะ มีกองหน้าไปล่ะกองหลังชิวๆ ล่ะกัน






เดินไปถ่ายรูปกันไป สองข้างทางก็มีแต่ป่าและต้นไม้ ระหว่างทางก็มีลูกหาบเดินสวนลงมาบ้างเป็นระยะๆ




สักพักลูกหาบเข้าออกนอกเส้นทางไปเก็บอะไรกันหว่า ก็เลยเดินเข้าไปขอดูเค้าบอกว่าเป็นเห็ดป่ากินได้ แต่เค้าไม่รู้ว่าชื่ออะไรอ่ะ พอบอกว่ากินได้เท่านั้นล่ะมองหากันใหญ่เลย แต่อย่าไปเก็บกันสุ่มสี่สุ่มห้านะเพราะมันมีเห็ดที่คล้ายๆ กันแต่เป็นเห็ดพิษล่ะ เฮ้อยุ่งยากจังอย่าไปกินมันเลยหมดเรื่อง






รีบๆ เดินกันดีกว่าตอนนี้ราวๆ บ่ายสามโมงแล้วมั้งเนี่ยยังไปไม่ถึงเนินที่สามเลยล่ะ เร่งฝีเท้ากันหน่อยเรา และในที่สุดก็มาถึงเนินที่สาม "เนินป่าก่อ"


เนินป่าก่อ ราชาแห่งป่าดิบเขา หากมองไปรอบๆ จะเห็นว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นก่อ หรือต้นโอ๊กในภาษาต่างประเทศ และนี่ก็คือที่มาของชื่อเนินแห่งนี้ล่ะ ซึ่งเนินแห่งนี้มีสัตว์มากมายใช้ก่อเป็นอาหาร เช่น นก หนู กระรอก แม้แต่มนุษย์เองกินลูกก่อบางชนิดด้วย เพราะเหตุนี้จึงยกย่องให้ก่อเป็นเสมือนราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้ความเอื้ออาทร ให้อาหาร ที่พักอาศัยแก่สรรพชีวิตน้อยใหญ่ในอาณาจักรแห่งป่าดิบเขา .. นี่คือข้อความบนป้ายบอกความเป็นมาของเนินป่าก่อ





เนินต่อไปคือเนินเสือโคร่ง .. รู้สึกว่าเหมือนเราเดินกันมาอยู่บนที่สูงๆ ยังไงบอกไม่ถูกอากาศเริ่มชื้น ตอนนี้เริ่มเย็นแล้วล่ะเพราะนี่จะสี่โมงกว่าแล้วยังไปไม่ถึงเนินที่สี่เลย เอ้าเดินเดินเดิน






เส้นทางเริ่มหฤโหดล่ะ เริ่มชันขึ้นมาแล้วล่ะเหมือนต้องปีนเขายังไงบอกไม่ถูก เริ่มมองซ้ายมองขวาข้างหน้ามันเนินเสือโคร่ง ทำไมชื่อฟังดูพิกลหรือว่ามันมีเสือโคร่งจริงๆ ฟ่ะ .. เริ่มสังหรณ์ใจยังไงบอกไม่ถูก




เค้ามีที่มาอย่าเพิ่งจิตตก .. จริงๆ แล้วเรื่องมันมีอยู่ว่า เนินเสือโคร่งคือต้นกำลังเสือโคร่ง หรือกำลังพญาเสือโคร่งที่ขึ้นอยู่หนาแน่นนั่นเอง จึงเป็นที่มาของ "เนินเสือโคร่ง" ไม่ใช่เพราะมีเสือออกมาเดินเพ่นพานแต่อย่างใด เปลือกของต้น "กำลังเสือโคร่ง" นำไปต้มน้ำรับประทานเป็นยาสมุนไพรบำรุงกำลัง ทำให้เจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ บำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง และแก้ปวดเมื่อยตามร่างกายด้วย

ด้วยสรรพคุณดังกล่าวจึงทำให้ต้นกำลังเสือโคร่งถูกถากเปลือกจนเหลือแต่แก่นทำให้ไม่มีทางลำเลียงอาหารไปเลี้ยงกิ่งก้านและใบ ทำให้ยืนต้นตายในที่สุด .. โห ฟังแล้วเศร้าจัง



ไอ้เราก็นึกว่ามีเสือโคร่งเดินไปกลัวกันไป บรรยากาศก็แสนจะวังเวงด้วย อ่านป้ายเสร็จค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยเรา เอ้าเดินกันต่อ บอกตรงๆ ไม่เกลียดป้ายไหนเล้ยเท่ากับป้าย "ลานสนภูสอยดาว ๑.๖ กิโล" มองที่ไรตรูเห็นป้ายแบบเนี๊ยะมาตั้งแต่เนินแรกล่ะ




ตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้ว ฝนก็เริ่มตก อากาศก็เย็นเสื้อหนาวก็อยู่ในกระเป๋ามีเพียงเสื้อกันฝนที่เอาติดตัวมาด้วยเท่านั้น พอฝนตกทางก็ลื่นช่วงนี้เรียกว่า โหดเอาเรื่องมองไปข้างทางก็ทิวเขา ตรูจะตกไปตายไหมฟ่ะเนี่ย


แล้วก็มาถึงจุดปักป้ายเนินมรณะ เนินสุดท้ายก่อนขึ้นลานสนภูสอยดาว ช่วงนี้เริ่มตกหนักลงเป็นระยะ เรียกว่าเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุดสลับกันไป








ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว งานเข้าแล้วช้าน ไฟฉายก็ไม่มี รองเท้าก็พื้นหลุดโอ้ยชีวิตตรูนึกถึงสตั๊คดอยขึ้นมาจับใจ รู้งี้ลงทุนซื้อใหม่ดีกว่า ไม่ต้องถามว่าสภาพรองเท้าผ้าใบเป็นเช่นไร ตอบได้อย่างเดียวว่า "เละ"




แต่ขอบอกว่าวิวตรงเนินมรณะสุดยอดมากมาย พระอาทิตย์ตกดินสวยสุดๆ แต่หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดเข้ามาปกคลุม ไม่มีไฟฉายมีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่อง ณ จุดนี้มองเห็นพระจันทร์ใกล้มากๆ เลยล่ะ พวกเราค่อยๆ เดินขึ้นไปตามทางเรื่อยๆ ตอนนี้มีเพียงเสียงเพื่อนที่ร้องเรียก "อยู่ไหน" กันเป็นระยะๆ คู่สุดท้ายที่รั้งท้ายอยู่ก็เป็นคู่นู๋เอ็มมี่ที่ได้ยินเสียง "เฮ้อ .... ยาวๆ " อยู่ข้างหลังเป็นระยะ จนท้ายที่สุดก็รวบกันครบกลุ่มสุดท้าย ก่อนที่จะเกาะกลุ่มกันเดินต่อไปยังลานสนภูสอยดาว ...

ณ ลานสนภูสอยดาวพวกเราใช้เวลาเดินทางเกือบเจ็ดชั่วโมง เหนื่อยโครตๆ สิ่งที่คิดไว้คือจะกินข้าวแล้วนอนเล่นในเต็นท์ล่ะ เพราะน้องที่ขึ้นมาชุดแรกน่าจะกางเต็นท์ทำกับข้าวกันเสร็จแล้ว แต่...ความเป็นจริงมันมีอยู่ว่า เวลาทุ่มกว่าแล้วสัมภาระที่รวมสามร้อยโลที่จ้างลูกหาบแบบมาเกือบหกพันบาท ยังมาไม่ถึงสักชิ้น งานเข้าแล้วตรู .. หนาวก็หนาว หิวก็หิว ของก็ไม่มีเต็นท์ก็ไม่มา .. พวกเราตอนนี้มีเพียงเสื้อกันฝนที่ใส่กันลม และขนมและน้ำที่เหลือเพียงน้อยนิด กินประทังความหิวระหว่างรอว่าของพวกเราจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่ใช่ว่าเราจะเป็นกลุ่มเดียวนะ มีเพื่อนๆ อีกหลายกลุ่มที่เจอปัญหาเช่นเดียวกัน

เวลาผ่านไปสามทุ่มกว่าเจ้าหน้าที่ก็พยายามหาทางช่วย โดยการใช้วิธีชักรอกของขึ้นทางหน้าผา งานนี้ขอบอกว่ากระเป๋าใบไหนหล่นนั่นหมายถึงทุกอย่างจบกัน เพราะมันจะได้เท่าที่ได้เท่านั้น ทุกคนตอนนี้นั่งรอของของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ ลูกหาบค่อยๆ ทยอยมาทีละคนสองคน มาทีพวกเราก็เฮกันทีเพราะต่างก็ลุ้นว่าของเบอร์เราจะมาหรือเปล่า พวกเรา The Gang ถือหมายเลข ๗๙ สามทุ่มกว่าแล้วลูกหาบคนหนึ่งเดินขึ้นมาพร้อมของ แกะออกมา ๗๙ ครับ ๗๙

เสียงเฮของพวกเราดังลั่น หลังจากนั้นก็มาลุ้นต่อว่ามีอะไรในถุงใบนั้น ช่างเป็นความโชคดีของพวกเราเสียเหลือเกินที่ถุงใบนั้นเราบรรจุเต็นท์ของทุกคนรวมไว้เป็นถุงเดียวกัน ดังนั้นเต็นท์ทั้งหมดจึงถูกกาง ณ บัดดล ทุกคนช่วยกันอย่างแข็งขัน หลังจากนั้นของก็ค่อยๆ ทยอยขึ้นมาจนครบขาดแต่เสบียงและกระเป๋านู๋แอนหนึ่งใบ ค่ำคืนนี้พวกเราจึงต้องหลับไหลด้วยความเหนื่อยและหิวสุดๆๆ





เช้าวันใหม่ ณ ภูสอยดาว "ตื่นเร็วๆ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน" แว่บแรกช่างแม่งวะพระอาทิตย์ก็ขึ้นเหมือนกันแหละตรูง่วงนอน แต่อีกใจหนึ่งแล้วตรูถ่อมาอะไรฟ่ะตั้งไกล ตื่นเลยที่นี้







เดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เดินไปเดินมาเดินผิดทางเดินไปตรงพระอาทิตย์ตกซะงั้น แล้วกันช้านจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น สุดท้ายกลับเต็นท์ดีกว่าเรา เฮ้อ .. ปลุกตรูทำไมเนี่ย






ไหนๆ ก็ตื่นกันแล้วทำกับข้าวกันเลยแล้วกัน ทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือก่อไฟ หุงข้าว ทำกับข้าวกันอย่างขมักเขม้น วันนี้ล่ะตรูจะกินให้อิ่มเลย ส่วนกับข้าวก็ไม่ต้องพูดถึงประมาณสิบห้ารายการ บานทุ่ง





งานนี้เรียกว่าพร้อมสรรพ นี่ช้านมาภูสอยดาวหรือกินข้าวร้านตามสั่งข้างบ้านฟ่ะเนี่ย เยอะแยะขนาดนี้ กะกินชดเชยเมื่อวานกันเลยทีเดียว


คิดดูล่ะกันว่าทำกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าได้กินข้าวเกือบเที่ยง แหม น้ำลายยืดกันเลยทีเดียว ทานกันเกลี้ยงความอร่อยไม่ต้องพูดถึงงานนี้แม่ครัวมากันเพียบพร้อมสรรพ






พอทานกันเสร็จก็ช่วยกันล้างจาน ข้อควรระวังหากท่านเดินทางมาช่วงเทศกาลโปรดอย่างลืมนำถังน้ำขึ้นมาด้วย เพราะเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ ความที่พวกเราตั้งเต็นท์ไกลมาก การล้างจานก็ต้องช่วยกันประหยัดน้ำ เอานะขำๆ มาลำบากเนอะเรา




งานนี้ใครล้างก็ล้างกันไป ใครแอ็คก็ถ่ายรูปกันไป แหม อุตส่าห์เดินขึ้นมาจนขาลาก ขอถ่ายทุกช็อตให้คุ้มกันหน่อย มาดูดอกไม้ใบหญ้ากันบ้าง








ขอบอกว่าดอกพวกนี้ไม่มาที่นี่ไม่มีทางได้เห็น เพราะดอกหงอนนาคขึ้นบนภูสอยดาวแห่งนี้เพียงที่เดียว สวยไหมล่ะ พวกเรากางเต็นท์ท่างกลางทุ่งดอกหงอนนาคสวยเชียว


ที่นี่อากาศดีจัง เหมือนเราอยู่เลยชั้นเมฆมาอากาศเลยเย็นตลอดเวลา เหมือนอยู่เมืองหนาวเลยทีเดียว กลางวันอากาศกำลังดีเย็นสบาย กลางคืนก็หนาวจับใจเชียวล่ะ หลังจากที่ล้างจานกันเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตะลุยลานสนสองใบกัน




ระหว่างนี้ จขบ. แต่งตัวเสร็จก่อนใครก็เลยมาถ่ายรูปบริเวณรอบๆ ก่อนรอน้องๆ ที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องแบบเต็มสูบ แต่ละคนพร็อบพร้อมเพียบเลยทีเดียว อิอิ .. ไว้ต่อตอนหน้านะ จะพาไปเที่ยวลานสนสองใบที่สวยที่สุดในประเทศไทยจ้า

Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com



Create Date : 12 มกราคม 2554
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2556 0:47:38 น. 8 comments
Counter : 3822 Pageviews.  
 
 
 
 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เป็นทริปที่ผมตามดูแล้วคิดว่าโหดมาก แต่ภาพบรรยากาศดูแล้วน่าจะคุ้มค่ากับการขึ้นไปชมบนยอดภูครับ ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปเที่ยวป่าเดินขึ้นเขาแบบนี้เลยสักครั้งครับ เห็นแล้วก็อยากจะลองไปดูเหมือนกันครับ

อิอิ
 
 

โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:2:16:12 น.  

 
 
 
เป็นทริปแห่งความทรงจำ มิอาจจะลืมได้ชั่วชีวิต
 
 

โดย: น้าเหี่ยว IP: 58.8.126.23 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:11:14:20 น.  

 
 
 
เราเคยไปตอนเรียน แต่ละเนินชื่อสะท้านใจจิงจิง แต่ขึ้นไปถึงก็หายเหนื่อยเลย ได้ดื่มน้ำจากตาน้ำที่นั่นด้วย สดชื่นสุดๆ
 
 

โดย: duen IP: 182.53.39.228 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:11:57:14 น.  

 
 
 
น่าไปเที่ยวมากเลยค่ะ...อยากไปที่นี่มาก แต่ไม่รู้เดินไหวป่าว อิๆๆๆ ต้องฟิตๆร่างกายไปสู้บ้างค่ะ.....
 
 

โดย: auau_py วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:20:14:52 น.  

 
 
 
มาชม ภูสอยดาว ครับ
 
 

โดย: Kavanich96 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:8:35:59 น.  

 
 
 
เดี๋ยวนี้มีบรรไดเหล็ก เหมือนภูกระดึงแล้วเหรอคะเนี่ย เคยไปตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลยอ่ะ
 
 

โดย: AM NUCH วันที่: 14 มกราคม 2554 เวลา:13:40:21 น.  

 
 
 
สภาพเหมือนตอนยที่เราไปไม่มีผิด....แต่ของกินเค้าเยอะกว่าเรา 55555...จำไม่เคยลืม
 
 

โดย: Atchara arsenal IP: 171.4.78.8 วันที่: 30 พฤษภาคม 2555 เวลา:21:29:04 น.  

 
 
 
^^ชอบใจมากๆครับ บรรยายจนผมรู้สึกว่าได้ไปด้วยจริงๆครับ ขอให้มีความสุขและสนุกกันทุกๆคน^_^
 
 

โดย: ชูชาติ IP: 125.24.127.139 วันที่: 23 มิถุนายน 2556 เวลา:17:11:11 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com