CHIANGMAI :: ลุยเดี่ยวเที่ยวเชียงใหม่ ตอนที่ ๗ วัดเจดีย์หลวง
ตอนที่แล้วเราไปแวะ วัดพันเตา กันมาแล้ว จากวัดพันเตาเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับวัดดังอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ที่มีชื่อว่า "วัดเจดีย์หลวง"
วัดนี้ไม่ต้องกลัวหลงมีป้ายบอกทางชัดเจน พอเห็นทางเข้าโรงเรียนก็เลี้ยวซ้ายเดินเข้าไปเลย ก็จะเจอกับวัดเจดีย์หลวงแล้วล่ะ เดินเข้าไปก็จะพบองค์พระสังกระจายก่อนเลย
จากนั้นก็จะเจอกับหอธรรมซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์วัดเจดีย์หลวง เราแวะเข้าไปเดินดูในหอธรรมก่อนแล้วกัน ภายในด้านในก็จัดแสดงประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้ มีข้าวของเครื่องใช้สมัยนั้นจัดแสดง
แต่ที่ จขบ. สนใจก็ช้างสารเคียรอันนี้แหละ ตามประวัติเล่าว่า "ช้างเอราวัณ ส่วนประดับหน้าบันชั้นบนทางทิศตะวันออกของพระวิหารหลวงหลังเดิม น่าจะสร้าง พ.ศ. 2571 เป็นไม้แกะสลักรูปช้างเอราวัณ ลงรักสีดำปิดทองทั้งตัว ลงรักสีแดงปิดทอง ดวงตาเป็นสีน้ำเงินวาว" ดูแล้วขลังยังไงบอกไม่ถูกแฮะ
จากนั้น จขบ. ก็เดินขึ้นไปชั้นสองของหอธรรมมีของเก่าแก่ เช่น ตู้พระไตรปีฏกเก่ามากตั้งอยู่เต็มเลย สวยๆ ทั้งนั้นเลยเหอะ แต่เสียใจเค้าห้ามถ่ายรูปจ้า แล้วก็ลงมาเดินต่อไปยังจุดต่อไป
พระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐฉาบปูนหันพระเศียรไปทางทิศใต้ และหันพระพักตร์เข้าหาองค์เจดีย์หลวง ขนาดยาว 8.70 เมตร เป็นปูชนียวัตถุสำคัญคู่วัดเจดีย์หลวงมาช้านาน ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารขนาดเล็กด้านทิศตะวันตกขององค์พระเจดีย์หลวง พระนอนเนี่ยเป็นปรางค์ของ จขบ. คนเกิดวันอังคารเลยล่ะ พอก้มลงกราบพระเสร็จเรียบร้อย จขบ. ก็หันไปเห็นบางสิ่งที่ต้องบอกว่า ทำกันขนาดนี้เชียวเหรอ
ทำบุญใส่ตู้เชฟกันเลยเหอะ โอ้ว .. แม่เจ้า ขโมยมันคิดกันไม่ได้เลยเนอะ ว่านี้เงินทำบุญวัดน้า เท่าที่เดินอ่านเค้าบอกว่า โดยขโมยหลายครั้งจนต้องติดกล้องวงจรปิด เราว่าวงจรปิดคงจะเอาไม่อยู่เอาตู้เชฟเลยดีกว่า ให้มันรู้กันไป อิอิ เฮ้อ .. ทำกันได้
จากนั้น จขบ. ก็เดินไปต่อยังพระวิหารจัตรมุขบูรพาจารย์ ด้านในมีหุ่นขึ้ผึ้งหลวงปู่มั่นกับอัฐิเกจิอาจารย์ต่างๆ เต็มไปหมดเลยอ่ะ ถัดจากพระวิหารแห่งนี้ไปก็เป็นวิหารท่านพระอาจารย์ มั่น ภูริฑัตโตล่ะ ตามไปดูต่อกันเลยค่ะ
พอกราบหลวงปู่มั่นเสร็จ จขบ. ก็เดินต่อไปเพื่อถ่ายรูปเจดีย์หลวงซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของวัดนี้เลยอ่ะ ใหญ่มากแบบกลางเมืองเชียงใหม่เนี่ย บ่งบอกความรุ่งเรืองทางศาสนาในอดีตเลยล่ะ
ตามประวัติเล่าว่า "พระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงค์มังราย ทรงสร้างพระธาตุเจดีย์หลวงขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1934 เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลถวายพระเจ้ากือนา พระราชบิดาและพระนางติโลกจุฑาราชเทวี พระมเหสีได้ทรงสร้างต่อจนแล้วเสร็จในรัชกาลต่อมา เป็นพระเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 14 เมตร สูง 24 เมตร
ต่อมาในสมัยพระเจ้าตีโลกราช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย โปรตให้ต่อเติมพระธาตุเจดีย์หลวงเมือปี พ.ศ. 2022 จนแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2024 โดยได้ขยายฐานให้กว้างออกเป็นด้านละ 56 เมตร ส่วนสูง 80 เมตร มีซุ้มจระนำหรือมุขทั้งสี่ทิศ ประดิษฐานพระแก้วมรกต ซึ่งพระเจ้าติโลกราชโปรดให้อัญเชิญจากเมืองลำปาง เมื่อ พ.ศ. 2011 มาไว้ ณ พระวิหารหลวง วัดเจดีย์หลวงหนึ่งปี แล้งจึงอัญเชิญขึ้นฐานชุกชีในซุ้มจระนำทิศตะวันออกขององค์พระเจดีย์หลวง
เมื่อปี พ.ศ. 2088 สมัยพระนางจิรประภาเทวี รัชกาลที่ 15 แห่งราชวงศ์มังราย ได้เกิดพายุลมแรง ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน และเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ส่วนยอดขององค์เจดีย์หักพังลง เหลือเพียงครึ่งองค์และถูกปล่อยร้างอยู่ถึง 440 ปี พระธรรมดิลก เจ้าอาวาสองค์ที่ 4 ซ่อมพระเจดีย์รักษาสภาพและได้เทปูนทับบันไดทางขึ้นให้เป็นทางลาดเพื่อป้องกันมิให้มีผู้ใดปีนขึ้นไปชั้นบน กรมศิลปากรดำเนินการบูรณะครั้งใหญ๋ตามที่เหลืออยู่ใน พ.ศ. 2536
ปัจจุบันซุ้มจระนำด้านทิศตะวันออกขององค์พระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วหยก พระพุทธเฉลิมสิริราช ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 ส่วนซุ้มจระนำด้านทิศเหนือประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิแบบสิงห์หนึ่ง เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า พระคงเจดีย์หลวง"
วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ต้องบอกว่ามีพื้นที่กว้างมาก จขบ. เดินอยู่ภายในวัดกว่าจะวนรอบใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยอ่ะ ก่อนที่จะเดินออกไปยังจุดหมายต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าเชียงใหม่จะมีวัดสวยๆ เยอะมากนี่ขนาดถนนเส้นเดียวนะ ยังมีตั้งหลายวัดแน่ะ ติดตามต่อตอนหน้านะคะ
Photo and Story By Patthanid C. www.patthanid.bloggang.com Facebook : Patthanid FC
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 6 ธันวาคม 2556 0:45:02 น. |
|
4 comments
|
Counter : 2157 Pageviews. |
|
|
|