สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


<<
มกราคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 มกราคม 2551
 

MAEHONGSON :: พระอาทิตย์สวยที่ห้วยน้ำดัง

ช่วงนี้อากาศที่กรุงเทพเริ่มหนาวอีกแล้ว หลังจากอากาศร้อนไปได้สักระยะหนึ่ง ทำให้คิดถึงทริปห้วยน้ำดังของพวกเราเลยล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางไปนั้นตรงกับช่วงอากาศหนาวพอดี  ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว จาก สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย จุดหมายต่อไปของพวกเราคือ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งใช้เวลาเพียงสี่สิบห้านาทีพวกเราก็เดินทางไปถึงทางเข้าอุทยานห้วยน้ำดังแล้วล่ะ

เนื่องจากว่าพวกเรามีตั๋วตอนที่ซึ้อจาก โป่งน้ำร้อนท่าปาย พวกเราจึงสามารถเข้าที่นี่ได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีก และจากทางเข้านี่เองทำให้พวกเราได้รู้ว่าทางโค้งที่ผ่านมาตั้งแต่ ปางอุ๋ง และ ปางมะผ้า นั้นเทียบเท่ากับห้วยน้ำดังไม่ได้เลย เพราะตั้งแต่จากปากทางเข้าไปจนถึงห้วยน้ำดังนั้นไม่มีเส้นทางตรงเลยก็ว่าได้ เป็นโค้งตัวเอสซ้อนตัวเอสแถมหักศอกเป็นของแถม สุดยอดโค้งจริงๆ เลยล่ะ และนี่ก็เป็นตัวอย่างโค้งที่เก็บภาพได้





จากปากทางเข้าอุทยานใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงก็เข้าสู่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังแล้วล่ะ ก่อนที่จะตามพวกเราเข้าไปในอุทยานห้วยน้ำดังนั้น มารู้จักสถานที่แห่งนี้กันก่อนดีกว่า อุทยานห้วยน้ำดัง เป็นพื้นที่ตามโครงการพัฒนาที่สูงดอยสามหมื่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเขาตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ลักษณะภูมิประเทศในแถบนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ทอดตัวตามแนวเหนือใต้ โดยมีจุดสูงสุดประมาณ 1,962 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางคือ ยอดเขาดอยช้างซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญคือ แม่น้ำแตงและแม่น้ำปาย

ลักษณะภูมิอากาศบริเวณนี้ สภาพอากาศชื้นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศา โดยอากาศจะหนาวเย็นที่สุดช่วงตุลาคม ถึงกุมภาพันธ์ (0 - 10 องศา) ร้อนที่สุดช่วงมีนาคม ถึงเมษายน (18-25 องศา) และฝนตกชุกมากในเดือนพฤษภาคม ถึงกันยายน

พรรณไม้และสัตว์ป่าในบริเวณนี้มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ สัก แดง ประดู่ ยาง ตะเคียน จำปีป่า สนสองและสามใบ และกล้วยไม้นานาพันธุ์โดยเฉพาะ "เอื้องเงินหลวง" ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม สัตว์ป่านานาชนิดได้แก่ ช้างป่า เลียงผา เก้ง เสือปลา หมูป่า และสัตว์ป่าหายากเช่น กระห่าง เป็นต้น

ดังนั้นที่นี่จึงเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติและจำกัดนักท่องเที่ยวนั่นเอง เมื่อรู้จักที่นี่กันพอสมควรแล้ว ตามพวกเราไปจุดบริการนักท่องเที่ยวกันดีกว่า เมื่อมาถึงห้วยน้ำดังแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือ ต้องไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งนี้เสียก่อน เพื่อชำระค่ากางเต็นท์




เรามาดูอัตราค่าบริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของที่นี่กันก่อนดีกว่า เผื่อว่าใครที่คิดจะมาที่นี่จะได้ไม่ต้องแบกสัมภาระมามากมายนัก เพราะที่นี่เค้ามีบริการให้เช่านะจ๊ะ รายละเอียดราคาการเช่าดังต่อไปนี้ เต็นท์สำหรับ 8 คน 600 บาท, เต็นท์สำหรับ 6 คน 450 บาท, เต็นท์สำหรับ 4 คน 300 บาท, เต็นท์สำหรับ 3 คน 225 บาท, เต็นท์สำหรับ 2 คน 150 บาท, ถุงนอนใบละ 30 บาท, แผ่นรองนอน 20 บาท, หมอนใบละ 10 บาท, ค่ากางเต็นท์คนละ 30 บาท, โต๊ะสนามราคา 100 บาท, เก้าอี้สนาม 30 บาท, หม้อสนาม 120 บาทและฟลายชีทคลุมเต็นท์ 50 บาท

สำหรับพวกเรานั้น ตอนแรกก็คิดว่าจะกางเต็นท์กันเองเพราะเตรียมกันมาแล้ว แต่ไปดูสถานที่กางเต็นท์ได้เห็นเต็นท์อันนี้แล้วเลยเปลี่ยนใจเช่าอุทยานดีกว่า เพราะเค้ากางไว้ให้แล้วด้วยแถมใหญ่อีกต่างหาก




พวกเรามากันแปดคนพอดีสำหรับเต็นท์ขนาดใหญ่ที่สุด จะได้สะดวกเวลาทำกิจกรรมนับเลขกันช่วงค่ำคืน ซึ่งเมื่อเต็นท์ลงตัวพวกเราก็เก็บข้าวของลงมาไว้ที่เต็นท์ ลานที่เรากางเต็นท์อยู่นี้เป็นลานสองฝั่งตะวันตก (ชาวบ้านเค้าไปกางตะวันออกกันทั้งนั้น) สวนกระแส (เปล่าหรอกฝั่งตะวันออกคนเต็ม 555) เพราะฉะนั้นมาดูบรรยากาศฝั่งตะวันตกกันดีกว่า





หากมองไปทางขวาจากลานที่พวกเราอยู่กันนี้ จะเห็นลานกางเต๊นท์ถัดไปอีกหนึ่งลาน สำหรับลานกางเต็นท์บนห้วยน้ำดังนั้นมีด้วยกันทั้งหมดห้าลาน โดยจะกระจายกันไปตามพื้นที่รอบเขาบนอุทยาน



ซึ่งแต่ละลานก็มีห้องน้ำอำนวยความสะดวกให้แต่ละลาน และที่เก๋ก็คงจะเป็นอ้างล้างหน้าประจำลานนี่ล่ะ ที่ดูกลมกลืนแบบเนียนๆ ไปกับธรรมชาติ ชอบไอเดียนี้จัง




หลังจากเดินขึ้นเดินลงขนของกันอยู่หลายรอบ ท้องก็เริ่มร้องแล้วล่ะ นี่ก็ห้าโมงเย็นเข้าไปแล้วยังไม่ได้กินข้าวกันเลย (ระหว่างที่ขนของอยู่นั้น เต็นท์ข้างๆ ก็เริ่มทำกับข้าว กลิ่มหอมหวนชวนรับประทานยิ่งนัก) ไปหากำลังเสริมทัพกันดีกว่า มาถึงอุทยานแห่งนี้แล้วมีทางเลือกอยู่สองทางคือ ทำกินกันเองกับไปหาร้านในอุทยานกิน ซึ่งสำหรับพวกเราแล้วทางเลือกที่สองคงจะเหมาะกว่า ดังนั้นร้านครัวสายหมอกจึงเป็นคำตอบสุดท้าย

จากลานกิจกรรมพวกเราขับรถลงมาที่จุดชมวิวแล้วเลี้ยวขวาลงไปก็จะเจอครัวสายหมอกแล้วล่ะ สำหรับบรรยากาศเราให้เต็มสิบเลยล่ะ เพราะนั่งทานข้าวท่ามกลางขุนเขาทอดสลับเรียงรายสุดตา มันช่างโรแมนติกเสียนี่กระไร และระหว่างที่รออาหารอยู่นั้น ถึงแม้จะหิวปานใด ก็มิวายถ่ายรูปกันตามอัธยาศัยของดาราหน้ากล้องเช่นพวกเรา






















เมื่อถ่ายรูปกันอย่างจุใจแล้ว ไม่นานนักอาหารที่สั่งไว้ก็เริ่มทยอยมาครบ ซึ่งงานนี้ช้าไม่ได้ เพราะเรามีพี่เจต (แชมป์กินเร็ว) อยู่ด้วย พอบอกว่า "ลุย" เท่านั้นล่ะ มือพันกันเป็นพัลวันเลยแถมติดสปีดกันอีกต่างหาก




แล้วทุกอย่างก็ราบเรียบภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมื่อท้องอิ่มอาการง่วงก็ตามมา กลับที่พักกันดีกว่า แต่ก่อนกลับเรามาดูดอกไม้ที่นี่กันดีกว่า เห็นว่าแปลกดี เพราะดอกมันใหญ่มาก ถามพนักงานที่นี่เค้าบอกว่า ชื่อดอกลำโพงล่ะ






พวกเราไปกินข้าวกันที่ครัวสายหมอกร้านอาหารของอุทยาน จุดนี้เป็นอีกจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปรองจากจุดชมวิวกิ่วลมล่ะ และที่นี่เองทำให้เราได้เจอท่านเทพ .. งงล่ะสิ นึกว่าไสยศาสตร์ใช่ไหมล่ะ เปล่าหรอก 
ท่านเทพที่เราหมายถึงก็คือมีผู้ชายคนหนึ่งที่เรากล้ารับรองเลยว่า ใครเห็นเขาวันนั้นก็ต้องคิดเหมือนเรา ก็จะไม่ให้คิดได้อย่างไรล่ะ พี่ท่านแต่งตัวสีขาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยมาแบบเสื้อโค้ชตัวยาวสเลคขาวเลยล่ะ

ตอนแรกนึกว่าพี่ก๊อตมาเล่นคอนเสริต์เสียอีก นี่ถ้าเจอกลางคืนนึกว่าท่านเทพเลยนะเนี่ย พี่เค้าคงเข้าใจผิดว่าห้วยน้ำดังเป็นญี่ปุ่นซะล่ะมั้ง มาซะอลังการเลย แต่เสียดายถ่ายรูปเค้าไว้ไม่ทัน อ่ะ.. กลับมาดูพวกเรากันต่อดีกว่า






หลังจากถ่ายรูปเล่นกันสักพักพวกเราก็เดินทางกลับมาที่เต็นท์ เพื่อพักผ่อนนอนหลับ ช่วงนี้เต็นท์อื่นๆ เค้าก็ก่อไฟทำกับข้าวกันสนุกสนาน แต่พวกเรา.. หลับ

ส่วนเรานอนยังไงก็นอนไม่หลับเพราะติดนิสัยนอนดึก ก็เลยเดินออกมาเดินแถวๆ ลานกิจกรรม วันนี้คนขึ้นมาห้วยน้ำดังเยอะจัง สงสัยเป็นวันเสาร์ด้วยล่ะ ดูเหมือนบางครอบครัวก็มาเพื่อพักผ่อนเลยนะ เดินไปเดินมาสักพัก ก็กลับเต็นท์เจอเพื่อนๆ กำลังนั่งนับเลข (เล่นไพ่) กันอยู่เลย

พวกเราก็นั่งเล่นไพ่กันอยู่สักพัก ก็เริ่มชักอยากก่อไฟต้มมาม่าแล้วล่ะ อากาศข้างนอกไม่ต้องพูดถึงหนาวมาก แบบไม่อยากทำอะไรเลยจริงๆ นะ แต่ด้วยความที่มาแล้วอ่ะ มานอนเต็นท์กันทั้งที่นอนเฉยๆ ได้เยี่ยงไร ก็เริ่มเลยก่อไฟ เบ็นซ์ก่อเท่าไหร่ก็ไม่ติดนี่ก็จะสามทุ่มกว่าแล้วนะเนี่ย เผากระดาษทิชชูเป็นม้วนๆ ก็ไม่รอด สุดท้ายต้องอาศัยความหน้าด้านของป๋าเข้าไปขอไฟจากเต็นท์สาวๆ ข้างๆ (ขอบคุณจริงๆ ค่ะ) ระหว่างที่คนอื่นพยายามก่อไฟอยู่นั้น พี่เจตก็เมาดิบเพ้อรำพันเลยล่ะ เล่นเอาฮากันเลยทีเดียว เมื่อเจตเปิดใจ

เมื่อเริ่มสนุกก็เริ่มมีเสียง ซึ่งในทางกลับกันที่คนอื่นเริ่มเงียบไปจนถึงเงียบกริบ เพราะเค้าเข้านอนกันหมดแล้ว นี่เป็นเต็นท์ที่กางอยู่ลานด้านล่างต่อจากพวกเราลงไป




และขณะที่พวกเรากำลังเฮฮากันได้ที่ ก็มีเสียงตะโกนมาจากลานด้านล่างขึ้นมาว่า "เบาๆ หน่อยผมมีเด็ก" พี่เจตด้วยความสำนึกผิดเลยตะโกนบอกเค้าไปว่า "ขอโทษครับ" แต่แทนที่เค้าจะเงียบ กลับว่าขึ้นมาอีก พวกเราก็เงียบแล้วนะ ก็เข้าใจว่าห้ามส่งเสียงดังอ่ะนะแต่ก็สำนึกผิดแล้วนิน่า พวกเราก็เลยเข้านอน แต่ก็แอบมาเม๊าส์กันในเต็นท์ ว่า "ที่หลังก็นอนอยู่บ้านดิวะ .. ถ้ามีเด็กอ่ะ" ประโยคนี่พี่เจตมันพูดเบาๆ นะอย่าเข้าใจผิด เมื่อพวกเราหลับทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบสงัด คืนนี้หนาวเอาเรื่องเชียวล่ะ ดีนะที่นอนเบียดๆ กันเลยอุ่นขึ้นมาหน่อย

1-12-2007

เวลาตีห้าครึ่งของเช้าวันใหม่ "ตื่นเร็วๆ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน" เสียงปลุกจากพี่เจตดังขึ้น โอ้ยเช้าจริงอ่ะ อยู่บ้านนี่ไม่มีทางลุกเป็นอันขาด แต่ว่าไหนๆ มาแล้วก็ต้องตื่นไปดูพระอาทิตย์ให้ได้ พวกเราแต่ละคนก็ทยอยตื่นเพื่อไปแปรงฟัน ขอบอกว่าหนาวมาก รับรองได้เลยว่าเช้าแบบนี้ไม่มีใครอาบน้ำแน่ๆ พอรวมตัวกันครบพวกเราก็ขับรถไปยังจุดชมวิวกิ่วลม ซึ่งอยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไม่ไกลนัก บางคนเดินไปก็ยังมีเลยล่ะ








พวกเรามาถึงตอน 06.30 น. พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย แต่คนที่มารอดูพระอาทิตย์ขึ้นก็มากันเยอะแล้วล่ะ แต่ละคนก็หามุมสวยๆ เพื่อเตรียมกดชัตเตอร์กันทั้งนั้น มุมว่างๆ เนี่ยแทบจะหาไม่ได้เลยล่ะ พี่เจตบอกว่าต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นก่อน จึงจะเห็นสายหมอก ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นพวกเราก็ถ่ายรูปรอกันไปเรื่อยๆ






ไม่นานนักพระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า มาพร้อมๆ กับเสียงชัตเตอร์ที่กดกันระรัวเลยล่ะ และเสียงผู้คนที่มารอดูความงดงามของสายหมอกที่ปกคลุมยอดเขาที่สลับซับซ้อน






วันนี้โชคดีจังที่ฟ้าเป็นใจ ทำให้เราได้เห็นสายหมอกชัดเจน นี่ล่ะมั้งที่เค้าเรียกว่าเมืองสามหมอก ช่างสวยงามตามคำเล่าลือเสียจริงๆ







สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ถ้าไม่มาจุดนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงห้วยน้ำดัง เพื่อเป็นการบอกว่าเรามาห้วยน้ำดังแล้ว นั่นก็คือการแบกป้ายอุทยานห้วยน้ำดังนั่นเอง แต่ช่วงเวลาเช่นนี้ใครๆ ก็คิดเหมือนกับเรานั่นแหละ ป้ายห้วยน้ำดังจึงเนื่องแน่นไปด้วยผู้คนรอต่อแถวกันยาวเหยียด พี่เจตบอกว่าถ้าจะถ่ายรูปก็ต้องอาศัยช่วงชุลมุนนั่นแหละ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น แต่ต้องเร็วหน่อยนะ เพราะเดี๋ยวเค้าตั้งสติทันหันมาด่าแทน



และอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กับการแบบป้าย นั่นก็คือดอกไม้สีสันสดใสที่ปลูกเป็นแนวตามทิวเขานี่ล่ะ















เดินถ่ายรูปกันไปมาก็มาสะดุดกับป้ายพยากรณ์อากาศนี่ล่ะ เมื่อคืนนี้ที่ห้วยน้ำดัง 7 องศาเชียวล่ะ แต่ป้ายมันอยู่สูงกว่าจะได้ป้ายนี้มีกรี๊ดสนั่นห้วยน้ำดังแทบแตก เพราะลื่นร่วงลงมานั่นเอง ดีนะที่ฝึกวิชาพลิ้วเลยไม่เจ็บเท่าไหร่ อิอิ







หลังจากที่เล่าเรื่องทริปของพวกเรา ปางอุ๋ง-ปาย-ห้วยน้ำดัง เมืองสามหมอกแม่ฮ่องสอนมากว่าสิบตอนแล้ว สุดท้ายก็ต้องถึงเวลาปิดทริปนี้กันแล้วล่ะ ตอนแรกก่อนไปทริปนี้ก็คิดว่าคงลำบากแน่ๆ เพราะนอนเต็นท์กันทุกวันเลย แต่ที่ไหนได้ทริปนี้กลับสนุกสนานได้บรรยากาศไปอีกแบบ บางทีช่วงชีวิตหนึ่งก็ลองไปนอนกลางดินกินกลางทราย ปล่อยวางความสบายมันก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ

พอถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกันเสร็จแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถเตรียมตัวกลับเต็นท์ เพื่อไปเก็บของกลับบ้าน ซึ่งตามกำหนดการพวกเราจะแวะเชียงใหม่ไปพระตำหนักภูพิงค์กันล่ะ กำลังจะขึ้นรถกลับเต็นท็แล้วเชียว ปรากฏว่าพี่เจตดันทำฝาปิดหน้ากล้องหาย เลยต้องจอดรถกลับมาช่วยกันเดินหาฝาปิดหน้ากล้องกันตรงจุดชมวิวกิ่วลมกันอีกรอบ ซึ่งโชคดีมากๆ ที่หาเจอ พี่เจตเลยหน้าบานขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นมีงอนกันยาวเลยล่ะ



จากจุดชมวิวกิ่วลมมาถึงเต็นท์ก็ใช้เวลาไม่นานนัก พวกเราก็เก็บข้าวเก็บของกันอย่างรวดเร็ว เพราะตามกำหนดการพวกเราต้องเข้าเชียงใหม่ไปตำหนักภูพิงค์กันต่อ ดังนั้นเวลาทุกนาทีจึงมีค่าสำหรับพวกเรา แต่จะว่าไปแล้วทริปนี้ของเยอะจังเลย สาเหตุก็เนื่องมาจากว่า ขนขนมกันมาเยอะ เจอโค้งเป็นพันโค้งเข้าไปเลยกินกันไม่ลง เสบียงที่เอามาเหลือทุกอย่างเลยล่ะ สรุปว่าเราแบกขนมมาเที่ยวให้มันหนักรถเล่นๆ ซะงั้น





ระหว่างที่บรรดาหนุ่มๆ จัดของให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อให้เหลือที่พอสำหรับกระเหรี่ยงหลังรถอยู่นั้น พวกเราที่เหลือก็วิ่งไปถ่ายรูปกับป้ายลานสายหมอก อากาศยามเช้าบนอุทยานแห่งนี้ดีจัง ต่างกับเมืองกรุงราวฟ้ากับเหวเลยก็ว่าได้ และแล้วก็ได้เวลาอำลาห้วยน้ำดังกันจริงๆ แล้วล่ะ ไปก่อนนะถ้ามีโอกาสจะแวะมาใหม่นะ









พวกเราออกจากห้วยน้ำดังตอนประมาณเก้าโมงกว่าล่ะ ดูวิวที่นี่สิ ยังเห็นสายหมอกสีขาวโพนปกคลุมยอดขุนเขาที่สลับซับซ้อนอยู่เลยล่ะ




ระยะทางจากห้วยน้ำดังถึงเชียงใหม่ประมาณ 102 กิโลล่ะ พวกเรามาถึงเชียงใหม่เกือบเที่ยงล่ะ ก่อนอื่นต้องแวะหาอะไรใส่ท้องก่อนล่ะ เพราะนี่ก็เที่ยงเข้าไปแล้ว เนวิเกเตอร์ของเราก็นำทางไปเรื่อยๆ ไปๆ มาๆ ชักยังไงหว่า ไม่แวะสักที่ สุดท้ายเลยฟันธงกันที่ร้าน Boat Bakery อยู่กอนจะถึงแยกทางไปภูพิงค์ล่ะ ร้านนี้เปิดมานานแล้วตั้งแต่ปี 1970 แน่ะ (อันนี้ดูจากเมนูบอกไว้) แต่คนเยอะมากๆ แน่นร้านเลยล่ะ พวกเราก็สั่งกันกระจายด้วยความหิว แต่ร้านนี้อร่อยดีนะมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ดี โดยเฉพาะส้มตำรสเด็ดเชียวล่ะ

ตามกำหนดการวันนี้เราจะไปพระตำหนักภูพิงค์ แต่ว่าดูอาการรถแล้วท่าจะไม่รอด เลยเปลี่ยนแผนไปเดินซื้อของฝากกันที่ตลาดวโนรส ส่วนใหญ่ก็เน้นแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มร้านดำรงไทย (ร้านนี้เค้าแนะนำมา) แต่สำหรับเราแล้วเราว่าแหนมหม้อป้าใสนะเด็ดจริงๆ เอาใส่เวฟทานอร่อยเชียวล่ะ (คิดแล้วน้ำลายไหล) แต่ละคนก็ซื้อกันเต็มไม้เต็มมือเลยล่ะ ไม่ได้คำนึงเลยว่าจะเอากลับบ้านยังไง เพราะรถตอนนี้ก็เต็มสุดๆ แล้ว แต่ก็อัดมาจนได้แหละนะ

จากเชียงใหม่พวกเราก็ยิงยาวเข้ากรุงเทพฯ เลย แต่ละคนก็หลับกันสนิท (ยกเว้นคนขับนะ ขืนหลับมีหวังไม่ได้มานั่งอัพบล็อกอยู่นี่หรอก) เมื่อมาถึงอำเภอสบปราบ ทำไมรถเริ่มชลอหว่า โดนอีกแล้วครับท่าน ขอตรวจอีกแล้วสาเหตุก็เนื่องมาจากเห็นมีผ้าใบคลุมหลังรถมานั่นล่ะ ตำรวจก็ขอตรวจ พี่เจตก็โผล่ออกมาจากผ้าห่มเล่นเอาคุณตำรวจตกใจนึกว่าซ่อนกระเหรี่ยงมาเสียอีก คุณตำรวจเค้าก็ขอเปิดดูของในผ้าใบหลังรถ พวกเราก็ต้องรีบขอคุณตำรวจไว้ว่า อย่าเปิดเลย ไม่งั้นกองแคปหมูของพวกหนูพังทลายแน่ๆ คุณตำรวจก็เลยปล่อยพวกเรามาเพราะกดดูแล้วดังก๊อบแก๊บเลยล่ะ ทริปนี้ดูเหมือนจะถูกชะตากับคุณตำรวจเสียจริง โดนตรวจตลอดทางเลย






พวกเรามาถึงจังหวัดตากตอน 19.30 น. เนวิเกเตอร์ (พี่เจต) บอกพวกเราว่าจะพาไปกินข้างแกงสิบบาทที่อร่อยที่สุดในโลกในตลาดกลางคืนตัวเมือง แต่โชคไม่ดีที่วันนี้เค้าปิดเราเลยได้กินอาหารตามสั่งแทน ที่นี่มีเมนูแปลกด้วยนำยำข้าวเกรียบ รสชาติก็แปลกๆ ดี แต่ไม่ค่อยโดนใจเราเท่าไหร่ เพราไม่ชอบหวาน แต่ที่โดนคือยำหอยแครงรสชาติจัดจ้านมากกว่า





จากตากก็มุ่งหน้าตรงเข้าสู่กรุงเทพฯ มาถึงราวๆ เกือบเที่ยงคืนล่ะ แต่ที่สำคัญพรุ่งนี้ต้องไปทำงานเพราะสัญญากับหัวหน้าไว้แล้วว่า หนีเที่ยวครั้งนี้จะมาทำงานวันจันทร์แน่นอนไม่มีใครขาดงาน หุหุ เลยต้องลากสังขารมานอนกันที่ออฟฟิตนี่ล่ะ และหลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็ได้รับโปสการ์ดที่เขียนที่ร้านมิตรไทยในปายล่ะ








Create Date : 10 มกราคม 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2556 0:15:03 น. 7 comments
Counter : 2999 Pageviews.  
 
 
 
 
เห็นแล้วอยากไปมั่ง
ยังไม่เคยนอนในเต๊นท์เลยครับ
ดูแล้วน่าสนุก วิวก็สวย
ที่ยืนเรียงกันตรงบันได นั่นน่ะ
เรียงตามลำดับความสวยหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวและภาพถ่าย
ดูเพลินเลยครับ
 
 

โดย: www.oknation.net/blog/chedtha IP: 62.158.81.185 วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:4:33:59 น.  

 
 
 
คิดถึงห้วยน้ำดังอย่างแรงค่ะ เห็นเพื่อนบอกว่าเมื่อปลายปีคนเยอะมากมาย กลายเป็นศูนย์อพยพไปเลย แต่ก็อากาศดีนะคะเนี่ย คงต้องหาโอกาสไปอีกนะคะ
 
 

โดย: umi chan (umi_chan_2 ) วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:9:56:30 น.  

 
 
 
น่าไปน่าไป ปีันี้เพื่อนๆ ใน blog ไปที่นี่กันหลายคนเนอะ (รับประกันความงามได้อย่างดีเยี่ยม)
 
 

โดย: veeda วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:15:37:40 น.  

 
 
 
ทำไมบรรยากาศเป็นใจแบบนี้ น่าอิจฉามากๆ เพียงแค่ดูก็สึกได้ว่าเราก็เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ขอบคุณสำหรับภาพถ่ายสวยๆนะค่ะ
 
 

โดย: แอ๊ปเอง IP: 124.157.246.237 วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:17:27:08 น.  

 
 
 
 
 

โดย: my friend IP: 124.157.246.237 วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:17:28:57 น.  

 
 
 
ตี 3 แล้วยัง Up Block อยู่เลย พักผ่อนบ้างนะ เป็นห่วง...
 
 

โดย: แอบห่วง... IP: 58.9.74.111 วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:23:22:43 น.  

 
 
 
เจอกันที่ห้วยน้ำดัง 2555
 
 

โดย: ToY IP: 110.171.173.255 วันที่: 26 สิงหาคม 2555 เวลา:9:51:29 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com