BlogGang.com : : patthanid : CHIANGMAI :: แม่กลางหลวงซีซั่น 2 ตอนเที่ยวเส้นทางธรรมชาติอ่างกาไม่มาไม่รู้เลยว่าเหมือนอยู่ในหนังเลย

โปรดสังเกตุทางข้างหน้า .. มองไม่เห็นค๊าไม่ไหวแล้วมั้ง จอดรถรอให้หมอกจางกว่านี้หน่อยไหมอ่ะขึ้นต่อไปอันตรายเกิ๊น
แวะถ่ายรูปกันดีกว่า .. หนาวเว่อร์อ่ะ

พวกเราหยุดรถกันพักใหญ่เลยล่ะ .. แค่หยุดถ่ายรูปก็เกือบชั่วโมงแล้วมั้ง
ตอนนี้รถคันอื่นก็ทยอยขึ้นกันแล้ว .. มีทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสองแถวขับขึ้นไปกับแบบช้าๆ
พอถ่ายรูปกันเสร็จแบบว่าไม่รู้จะถ่ายอะไรแล้วอ่ะนะก็เลยขับตามเค้าขึ้นไปแวะตรงจุดพักรถจุดชมวิวกิ่วแม่ปานล่ะ

แวะแล้วก็ต้องจัดของร้อนๆ เสียหน่อยโอวัลตินไข่ลวกด้วยความที่นั่งนานจัดเลยสั่งกินมันเรื่อยๆ
ขนมปัง ไข่ทรงเครื่องยันแหนมย่าง เอ่อ..ถ้านั่งนานกว่านี้บอกตรงจะซัดไก่ย่างแระ ไม่รู้ใครเป็นเหมือน จขบ.เปล่า
เวลาเครื่องติดแล้วหยุดไม่อยู่ กินมันเรื่อยๆ อิอิ
.......................................................................................

เอาล่ะตอนนี้ก็ได้เวลาไปต่อกันแล้ว หมอกเริ่มจางคนเริ่มน้อยไปต่อกันเลยจุดหมายต่อไปยอดดอยอินทนนท์ค๊า
แต่ด้วยความที่มาหลายครั้งแล้วอ่ะ บอกตรงว่าเบื่อบ้างไรบ้าง
ลุงเต่ามะเฟื่องเลยพาพวกเราไปแอ๋วเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาแทน

สำหรับ จขบ.ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะไปสำรวจเส้นทางอ่างกาค่ะ ตามไปดูกันว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
บอกตรงๆ บรรยากาศที่นี่เหมือนในหนังประมาณแบบผจญภัยมากๆ อ่ะ

เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Ang Ka Nature Trail)

เส้นทางนี้เป็นสะพานไม้มีความยาวประมาณ 360 เมตรใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 2,500 เมตร สามารถเรียกได้ว่าเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติที่อยู่สูงที่สุดของประเทศไทยโดยมีสภาพแวดล้อมอันเยือกเย็นชุ่มชื้นตลอดปี เนื่องจากเป็นป่าดิบเขาเขตอบอุ่นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้จะต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบนิเวศเฉพาะถิ่น

This trail is a broad walk which it. approximately 360 meters in length. It takes about 30 minutes to complete the trail. It is at about 2,500 meters form the averaged mean sea level. Ang Ka, which means Crow's Pond in Thai could be considered as the highest water body in Thailand. Since it is surrounded by hill evergreen forest, the weather here is pretty mild throughout the year, Additionally, the organisms living in this area are well adjusted to such a specific climatic condition.

ข้าวตอกฤาษี (Sphagnum Moss)

พืชไร้ดอกจำพวกมอสที่มีขนาดใหญ่ เจริญเติบโตได้ในสถาพอากาศที่มีความชื้นสูงและสภาพเหนือผิวดินซึ่งปกคลุมด้วยหมอกหนาทืบที่หาดูได้ยาก ไม่อาจพบเห็นได้ทั่วไปนอกจากบริเวณหุบเขาที่อยู่ในมุุมอับแสง หรือบนภูเขาสูงกว่า 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางขึ้นไป เป็นไฮไลท์หนึ่งของเส้นทางศึกษาธรรมชาติเลยทีเดียว

Sphagnum moss is a large flowerless moss species. It is indigenous to the high moist area covered with dense cloud and fog. You cannot generally see this organism only in the shaded area deep down into the valley or at the elevation higher than 2,000 meters. Here you can enjoy the beauty of Sphagnum moss as long as you wish to stay right here.

ป่าบริเวณนี้เป็นป่าดิบเขาระดับสูง มีเรือนยอดปกคลุมพื้นป๋ามากว่า 95 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้บริเวณนี้มีทั้งพันธุ์ไม้

ในเขตอบอุ่นและพันธุ์ไม้ในเขตร้อน ไม้ต้นที่เด่นๆ ที่พบเห็นบริเวณนี้ได้แก่ พันธุ์ไม้ในวงศ์ก่อทะโล้ และหว้า

อิงอาศัย (Living Together)

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในระบบนิเวศย่อมต้องมีความสัมพันธ์กันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ อาทิเช่น ความสัมพันธ์แบบได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์แบบที่สิ่งหนึ่งสิ่งได้รับประโยชน์ แต่อีกสิ่งหนึ่งเสียประโยชน์และความสัมพันธ์แบบสิ่งหนึ่งได้ประโยชน์แต่อีกสิ่งหนึ่งไม่ได้ประโยชน์ แต่ก็ไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีมอส เฟิน และสำเภาลม เกาะอยู่รอบลำต้นเป็นตัวอย่างการอิงอาศัยแบบได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน มอส เฟินและสำเภาลม ได้ที่อยู่สำหรับการเจริญเติบโต ต้นไม้ก็ได้มอส เฟินและสำเภาลมเป็นตัวคอยควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้แก่ลำต้น

การเดินทางในอ่างกานี่ก็เดินตามทางที่เป็นสะพานไม้ไปเรื่อยๆ สังเกตุสองข้างทางจะเห็นต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศเย็นๆ
ซึ่งเราจะได้เห็นธรรมชาติที่เหนือความคาดหมายในการเดินเที่ยวที่นี่ ทุกสิ่งต่างพึ่งพากัน
และสถานที่ไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งนั่นคือ "ศาลเจ้ากรมเกียรติ"

ศาลนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่

พลอากาศเอกเกียรติ มังคละพฤกษ์และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (นายนิพนธ์ บุญทารมณ์)
ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพอากาศและประเทศชาติ ซึ่งประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกและถึงแก่อนิจกรรม ณ ที่นี้
หลังจากเสร็จภารกิจสำรวจที่ตั้งศูนย์ควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค 2514
นานแล้วเนอะ จขบ.ยังไม่เกิดเลยเหอะ เนี่ยแหละนะเค้าบอกว่าอะไรก็แล้วแต่ทำดีไว้เหอะ เพราะความดีนี่แหละคงทน

คุณค่านิรันดร (Ever lasing Value)

องค์ประกอบของสิ่งแวดล้อมประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต ถ้ากล่าวถึงต้นไม้ผู้คนส่วนใหญ่จะนึกถึงต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้วต้นไม้แห้งและขอนไม้แห้งบริเวณนี้ยังคงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของระบบนิเวศ เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมอสและพันธุ์พืชบางชนิด เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงปีกแข็ง และพันธุ์สัตว์อื่นๆ อีกหลายชนิด เมื่อเวลาผ่านไปหลายฤดูกาลก็จะผุพังเพิ่มอินทรีย์สารให้แก่ดิน ยังประโยชน์แก่พืชที่ขึ้นอยู่บริเวณใกล้เคียง นี่คือวัฏจักรแห่งคุณค่าอันไม่มีหมดสิ้นของต้นไม้ ซึ่งเป็นมรดกอันมีค่าทีพวกเราทุกคนต้องช่วยกันดูแลรักษาไว้ให้ลูกหลานในวันข้างหน้าต่อไป

วันที่ จขบ.มาเที่ยวเค้ามีถ่ายเวดดิ้งด้วยล่ะ ยังคิดในใจเลยว่าเค้าหาโลเกชั่นถ่ายได้สวยดี ฉากหลังเป็นผืนป่าสีเขียว
สวยเชียวล่ะ แต่ก็หนาวเอาเรื่องนะวันที่มาเนี่ยประมาณ 10 กว่าๆ ใส่ชุดเจ้าสาวถ่ายเนี่ยทุ่มเทจริงๆ

สำหรับใครที่มาดอยอินทนนท์ จขบ.แนะนำให้มาเดินสำรวจธรรมชาติที่นี่ค่ะ เปลี่ยนแนวจากเดินห้างลองมาสัมผัส
คำว่า "ธรรมชาติและการพึ่งพากัน" ที่นี่ดูค่ะ
แล้วคุณจะได้รู้ว่าต้นกำเนิดของชีวิตคือป่าไม้ วันใดไม่มีป่าไม่เราก็ไร้ซึ่งชีวิตเช่นกัน

ติดตามต่ตอนหน้านะจ๊ะ .. ยังไม่จบค๊า

Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanid FC