CHIANGRAI :: แอ่วเหนือเมื่อหนาว :: ตอนที่ 3 วัดถ้ำเสาหินพญานาค VS วัดพุทธสถานถ้ำปลา
ตอนที่แล้วก็พาไปแวะ "ร้านชีวิตธรรมดา" กันมาค่ะ โปรแกรมต่อไปไกด์โลคอลบอกว่าจะพาไปอันซีนที่วัดถ้ำเสาหินพญานาค เพื่อนตี๋บอกว่าสวยจริงอะไรจริง ห้ามพลาดอันซีนไทยแลนด์มากๆ เกริ่นขนาดนี้มีเหรอจะไม่แวะจัดไป จากตัวเมืองมาวัดนี้ก็ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงยังวัดถ้ำเสาหินพญานาค
โอ้โห .. ยังกะสังขละเลยมีสะพานไม้ด้วย เดินไประวังกันไปไม้พื้ันมันเริ่มผุตามกาลเวลา สะพานก็ยาวเหมือนกันนะเนี่ย มีให้แวะพักให้อาหารปลาตรงซุ้มตรงกลางน้ำ
บรรยากาศดีมาก คนก็ไม่มีด้วยชอบตรงนี้แหละ แต่ก็แอบวังเวงเล็กน้อยนี่ขนาดมากลางวันนะเนี่ย เอาล่ะตอนนี้พวกเราข้ามมาอยู่อีกฝั่งเรียบร้อยแล้ว
มาถึงก็ไหว้พระกันก่อนเลยจ้า จขบ.ไหว้เสร็จก็ไปยืนอ่านข้อห้ามที่ไม่ควรทำในถ้ำแห่งนี้ คือไม่ควรสุมไฟในถ้ำหรือสูบบุหรี่ ไม่ควรนำสุราหรือสิ่งเสพติดเข้ามาในถ้ำ ไม่ควรนำวัตถุอันตรายเข้าไปทิ้งในถ้ำ ไม่ควรขีดเขียน หรือทุบผนังถ้ำ หรือนำก้อนหินออกจากถ้ำ ควรเจรจากันด้วยวาจาสุภาพเรียบร้อยไม่พูดหยาบคาย ห้ามสตรีลงบ่อน้ำทิพย์โดยเด็ดขาด
ข้อห้ามข้อแรกๆ ก็แลดูปกติเนอะ แต่ข้อหลังๆ เนี่ยแปลกประหนึ่งว่าถ้าไม่เชื่อฟังท่านอาจได้เจอดีไรงี้ เอาล่ะเดินเข้าไปดูในถ้ำกันเลยจ้า จขบ.ไม่มั่นใจนะว่าจะเดินไปได้ลึกแค่ไหน เพราะความปลอดภัยแก่ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ตามไปค๊า
จขบ และผองเพื่อนเข้ามาได้แค่จุดเริ่มต้น เห็นทางขึ้นเป็นบันได ทุกคนลงมติว่าไม่ขึ้นไปดีกว่าแลดูอันตรายเกินไป แต่น้องที่เคยขึ้นไปบอกว่าข้างบนเป็นเสาหินที่ค้ำถ้ำแห่งนี้อยู่มีขนาดใหญ่มากๆ เอาเป็นว่าใครมาแล้วได้ขึ้นไปถ่ายรูปกลับมาให้ชมหน่อยนะ จขบ.ขอบายจ้า มิไหวถ้ำมืดมาก
จากวัดถ้ำเสาหินพญานาคพวกเราไปต่อยังวัดถ้ำปลาซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้วจ้า นั่งในรถยังไม่ทันอุ่นเลย ถึงแระเร็วจัง
พอจอดรถเสร็จก็เดินเข้าวัดมาจะไปดูปลาก็เจอเจ้าที่หน้าเหมือนจะใจดี แต่ที่ไหนได้ดุและซนมากเหอะ ต้องมีไม้เอาไปด้วยหนึ่งอัน เอาไว้คอยไล่ลิงซึ่งก็ต้องระวังสิ่งของให้ดี เพราะลิงที่นี่ไวมาก
จขบ.เดินมาได้ถึงสะพานที่ดูปลาก็เจอสิ่งประดิษฐกังหันน้ำน้าผี เข้าท่าดีแฮะพอหยอดเหรียญสิบบาท น้าผีแกก็จะปั่นจักรยานน้ำเป็นกังหันน้ำนั่นเอง น้ำที่นี่ใสมากมองเห็นตัวปลาได้ชัดเจน ดูไปดูมาเหมือนน้ำมันมาจากในถ้ำนะ มิน่าถึงชื่อว่าถ้ำปลา
จากสะพานเดินไปอีกนิดเป็นทางขึ้น จขบ.มองแล้วเดาในใจเลยเหล่าบรรดา สว.ไม่ขึ้นไปแน่นอน ตรงนี้เป็นทางขึ้นเพื่อไปยังถ้ำเปลวปล่องฟ้า เป็นถ้ำที่อยู่ถัดจากถ้ำปลาไปทางทิศใต้ ถ้ำนี้ตั้งอยู่บนยอดเขามีลักษณะเป็นถ้ำทะลุสู่ท้องฟ้า
การขึ้นไปชมถ้ำนี้ต้องเดินบันไดจำนวน 205 ขั้น ระยะทาง 100 เมตร ด้านซ้ายมือจะมีจุดชมวิว มีความสูงประมาณ 17 เมตร จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์บริเวณตำบลโป่งงาม เมื่อเดินลงมาจากจุดชมวิวแล้ว จะเป็นทางเดินเรียบจนถึงบริเวณปากถ้ำ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดกว้าง ตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.50 เมตร ประดิษฐไว้ให้บูชา
ด้านบนสุดเป็นช่อง (ปล่อง) ทะลุท้องฟ้าแสงอาทิตย์สามารถลอดผ่านได้ แสงที่ส่องทะลุปล่องลงมาภายในถ้ำทำให้เกิดความงดงาม เมื่อแสงสว่างส่องลงมากระทบกับพระพุทธรูปและสถูปเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำเปลวปล่องฟ้าล่ะ
อันนี้ จขบ.ยืนอ่านหน้าทางขึ้น ใจก็อยากจะขึ้นไปนะ แต่ดูเวลาแล้วนานแน่นอน ประกอบกับไม่มีแนวร่วมเลยอ่ะ แนวร่วมยืนนิ่งอยู่กับที่ประหนึ่งว่าอยู่ตรงนี้แหละไม่ไปไหนเด็ดขาด อิอิ
เหล่า สว ก็ยืนให้อาหารปลากันสักพัก ก็ต้องเดินไปหาไม้มาแหวกลิง ไม่งั้นออกไม่ได้ พี่เป็นเจ้าถิ่นที่แน่มาก ขวางทางเดินเลยจ้า แถมตัวใหญ่ด้วยเหอะ ไล่กัดกันอีกต่างหาก จะดุไปไหนเนี่ยพี่ครับบบบ ไว้มาตามต่อกันตอนหน้านะจ๊ะ
Create Date : 27 มกราคม 2558 |
Last Update : 27 มกราคม 2558 9:10:10 น. |
|
4 comments
|
Counter : 4396 Pageviews. |
|
|
|