..:: Living Extreme ::..
 
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
1 พฤศจิกายน 2553

.. วันสุดท้ายของชีวิต ..

เราต้องการตอกย้ำตัวเองว่า..

"ชีวิตที่ผ่านมา เราแก้อะไรไม่ได้แล้ว คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่มันเป็น"

การจั่วหัวแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเรามีความคิด ความรู้สึกที่เศร้าหมองของชีวิต

เพียงรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเล็กน้อยอยู่บ้างเหมือนกัน

หลายๆ คนที่รู้จักเรา ได้มีโอกาสพบเจอกันบ้างในบางจังหวะของชีวิต

มักจะมองเราว่าเราเป็นผู้หญิงเก่ง ขยันทำมาหากิน

จริงๆ แล้วตัวเราหาเป็นเช่นอย่างที่หลายๆ คนคิด

บางคนมองว่าผู้หญิงอย่างเราน่าจะไปอีกได้ไกล

แต่เราคงจังหวะไม่ดีซักเท่าไหร่ ชีวิตเลยยังไม่ไปไหน

ตัวเราเองบางทีก็คิดแบบคนมีอีโก้ คิดว่าชั้นก็เก่ง ฉลาด ไหวพริบดี

แต่เพราะโอกาสที่ดียังไม่มา ชีวิตเลยยังอยู่กับที่ ทั้งๆ ที่เพื่อนฝูงก็ก้าวหน้ากันไปถึงไหนๆ แล้ว

ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้ว เราตอนที่มีความคิดแบบนั้น ก็เป็นคนผู้หญิงขี้ขลาด และขี้เกียจคนนึง

ที่มัวแต่รอคอยจังหวะทั้งๆ ที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรไว้เลย

ต่อให้โอกาสนั้นมาถึงจริงๆ เราก็ไม่สามารถไขว่คว้าไม่ได้

เพราะความประมาทและไม่ใฝ่ดีของเรานั่นเอง ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอก

ความผิดความพลาดในอดีตที่ทำมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องอื่นๆ รอบตัว

ล้วนแค่ความอวดดี มั่นใจแบบไร้สาระทั้งนั้น แต่เพียงเราไม่เคยยอมรับมันนั่นเอง

เรามักจะวางแผนอะไรไว้ซะดิบดี แต่พอเอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ยอมทำตามแผนที่วางไว้

และก็มีข้ออ้างให้ตัวเองตลอด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของพวกชอบผลัดวันประกันพรุ่งอย่างเรา

แทนที่จะตั้งใจอ่านหนังสือสอบ (อย่างที่คิดไว้มานาน) แต่ก็มัวแต่เ้อ้อระเหย

อ่านมั่งไม่อ่านมั่ง จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้สอบซะที

คิดไปคิดมาก็ครบรอบปีเต็มๆ แล้ว นับจากวันเริ่มแรกที่บอกว่าจะสอบให้เสร็จ

แล้วจะได้ลองติดต่อเรื่องเรียน คิดแล้วเราก็ช่างไม่เอาไหนเลยซะจริงๆ นะเนี่ย

แค่นี้ยังไม่พอ เราเองยังมีอคติกับเรื่องอะไรหลายๆ อย่าง ที่ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นเหตุเป็นผลทั้งนั้น

เรายังถือว่าโชคดี ที่อย่างน้อยชีวิตนี้ก็มีเพื่อนๆ ที่ดีคอยสนับสนุนให้กำลังใจ ให้คำแนะนำตลอดมา

คำแนะนำล่าสุดที่ได้ก็คือการที่พี่สาวที่เคารพคนนึงแนะนำให้เราดูหนังเรื่องโอชิน

อย่างที่บอก..

ว่าเรามีอคติงี่เง่ากับการดูละครอย่างมาก เพราะรู้สึกว่าการดูละครมันเป็นอะไรที่ไร้สาระ

(ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำตัวมีสาระอะไรนักหนา) แต่เมื่อพี่สาวพูดถึงหลายครั้ง ก็เลยลองเปิดดูซะหน่อย

ผลปรากฎว่า..

มันเป็นอย่างที่เราคิดไว้จริงๆ ก็คือ.. ละครเรื่องนี้ทำให้เราติด เสียเวลาทำการทำงาน

(ปกติไม่ได้ทำอะไรหรอกนะ ไร้สาระไปวันๆ)

และด้วยนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งของเรา ก็เลยทำให้เราเลือกที่จะดูละครมากกว่าอ่านหนังสือสอบ

(ผลัดอีกแล้วครับท่าน)

ผนวกกับช่วงนี้เป็นช่วงที่แมวไม่อยู่ หนูอย่างเราเลยไร้สาระเต็มเหยียด

(นอนดึก ตื่นสาย กินข้าวไม่เป็นเวลา งานบ้านก็สุมๆ ไว้)

จะว่าไปแล้วละครเรื่องโอชินเนี่ย เป็นละครที่เราได้ยินชื่อมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไร

อคติที่มีต่อหนังเรื่องนี้ก็คือ..

มันคงเป็นละครน้ำเน่าเคล้าน้ำตาเรื่องหนึ่ง

พอหลังได้มาดูแล้ว มันทำให้เรามองโลกใบนี้เปลี่ยนไป

จากที่เคยคิดว่าชีวิตนี้ลำบาก อยากได้อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ

กลับมาเป็นการมองโลกใบเิดิมในมุมมองที่เข้าใจอะไรมากขึ้น

จากความคิดที่เอาตัวเองเป็นใหญ่ เป็นคนถูกเสมอ ก็ทำให้เรามองชีวิตเราซะใหม่

พอมานั่งคิดให้ดีเราก็ถึงได้รู้ว่า..

ชีวิตเรานี้ดีกว่าที่เราเคยคิดเป็นไหนๆ

สิ่งที่คนที่บ้านทำให้เราเคยไม่พอใจ จริงๆ แล้วมันเป็นเราต่างหากที่ตั้งแง่ไม่เคยพอใจอะไร

เรารู้สึกว่าคนที่บ้านเรารักเรามาก ถึงได้ยอมอดทนกับพฤติกรรมแสนเลวร้ายของเรามาตลอดเวลา

เราเองซะอีกที่ไม่เคยพยายามเข้าใจอะไรเลย แต่กลับแสดงออกว่าเราเข้าใจคนอื่นดีเป็นนักหนา

สิ่งที่คนรอบตัวเราพยายามทำอะไรหลายๆ อย่างให้เรา

เรากลับไม่เคยคิดสำนึก เพราะเราคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเค้าที่เค้าต้องทำ

(ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองแย่มาก)

มาถึงตอนนี้..

เราเองรู้สึกว่าเราเป็นคนที่โชคดีอย่างมากที่คนรอบข้างพร้อมจะให้อภัยเสมอ

ไม่ว่าเราจะทำตัวแย่แค่ไหน..

หน้าที่ในบ้านที่เราต้องรับผิดชอบ เราก็ยังทำได้ไม่ดี

พอมาคิดดูแล้วก็สมควรแล้วที่เราจะโดนว่าในหลายๆ ครั้ง

เราคิดและบอกกับตัวเองว่า..

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะทำตัวเป็นคนใหม่ นิสัยที่ไม่ดีเราจะเลิกให้ได้หมด

เราจะตั้งใจทำงานบ้าน อ่านหนังสืออย่างที่เราสมควรทำ

เราจะไม่รอคอยเวลาและโอกาสอีกต่อไป

อะไรเราทำได้เราจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่อย่างน้อยเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ รู้สึกเสียดายเวลาทีหลัง

เราจะต้องยืนหยัดต่อสู้สร้างครอบครัว

ดูแลทดแทนคุณคนที่คอยให้การช่วยเหลือเรามาตลอดเวลาให้ได้

มันอาจจะช้าไปหน่อยสำหรับเราที่เพิ่งมาคิดได้เอาป่านนี้

แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเอาซะเลย

อย่างน้อยแม่เราก็จะได้ไม่ต้องกลุ้มใจกับเราอีกต่อไป

ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีิวิตเรา..

ขอบคุณที่คอยให้ความช่วยเหลือ ความหวัง และกำลังใจเรามาตลอด..

ขอบคุณสิ่งเลวร้ายที่ได้เจอ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น..

ขอบคุณคำดุด่าว่ากล่าวที่คอยเตือนสติเราตลอดมา..

.. ขอบคุณจริงๆ จากหัวใจ ..


Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2553 6:08:55 น. 1 comments
Counter : 653 Pageviews.  

 

สวัสดีค่ะ..

อ่านชื่อหัวเรื่องแล้ว..น่าตกใจนะค่ะ..

ขอให้สิ่งเลวร้ายผ่านพ้นไปด้วยค่ะ

เพิ่งกลับจากกฐินที่สกลนครค่ะ..

เลยแวะเอาบุญมาฝากด้วยค่ะ..

ขอให้มีแต่ความสุข-ความเจริญนะค่ะ

มีของรางวัลมาให้ด้วยค่ะ..

ลองตอบคำถามกันมานะค่ะ





โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:22:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Living Extreme
Location :
Fayetteville, AR United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add Living Extreme's blog to your web]