Heart-Shaped Box เปิดกล่องอาฆาต




เปิดกล่องอาฆาต Heart-Shaped Box (2007) 
โดย Joe Hill
สนพ.น้ำพุ แปลโดย พีระ ทวีขัย

จูดาส คอยน์ "จู๊ด" หรือจัสติน คาวซินสกี้ อดีตนักร้องเพลงร็อควัย 54 ปีซึ่งเลิกร้องเพลงไปนานแล้ว เขามีความชอบส่วนตัว ชอบซื้อและสะสมของแปลกประหลาดต่างๆ เช่น หัวกะโหลกชาวไร่ในศตวรรษที่ 16 กระดาษคำสารภาพผิดที่เขียนด้วยลายมือของแม่มดเมื่อ 300 ปีที่แล้ว วิดีโอหนังสนัฟฟ์ฟิล์ม เมื่อเลขาส่วนตัวของเขาเห็นโฆษณาว่าด้วยการประมูลสินค้าทางเว็บไซต์แห่งหนึ่ง  

"ประกาศขายวิญญาณพ่อเลี้ยง" 

เขาจึงตัดสินใจบิดประมูลซื้อมันทันที สิ่งที่เขาได้รับคือ สูทสีดำตัวเก่าที่มาใน "กล่องรูปหัวใจสีแดง" หลังจากนั้นบ้านของเขาก็เปลี่ยนแปลงด้วยบรรยากาศเย็นเยียบ มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทีวีปิดและเปิดเอง มีโทรศัพท์จากคนที่ตายไปแล้ว ที่หนักกว่านั้น คือ มีชายแก่ใส่สูทตัวนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกบนโถงทางเดิน 

วิญญาณชายแก่คนนั้น คือ แครดด็อก แมคเดอร์ม็อต พ่อเลี้ยงของแฟนเก่าของเขาอย่าง 
แอนนา แมคเดอร์มอต "ฟลอริด้า" ที่ฆ่าตัวตายไปนั่นเอง 

มันมาพร้อมกับมือที่ถือโซ่ที่ห้อยเพนดูลัมปลายเป็นใบมีดโกน ดวงตามีแต่สีดำ มีเส้นริ้วๆวิ่งไปมาลายตาไปหมด มันพยายามชวนเขาไปนั่งรถกระบะวิ่งไปบนถนนที่เปล่าเปลี่ยว เสียงพูดของมันเข้ามาในหัวเขาเสมอ

เขากับแมรี่เบ็ธ คิมบอลล์ "จอร์เจีย" แฟนสาวแนวโกธิคร็อคคนปัจจุบันของเขา รวมทั้งหมา ทั้ง 2 ตัวอย่างแองกัสและบอนจะพ้นเงื้อมมือของมันหรือไม่ มีเรื่องอะไรของแอนนาที่เขาไม่รู้อีกหรือไม่ 

มีเพียงคำเตือนในหัวเขาอยู่ 2 เรื่องเท่านั้นที่เขาจำต้องยึดมั่นไว้ 

"คนตายจะลากคนเป็นลงมา"
"คนตายจะชนะถ้าเราหยุดร้องเพลง"

นิยายเล่มแรกของ Joseph Hillstorm King ที่ใช้ชื่อสั้นๆว่า Joe Hill เพื่อหลีกเลี่ยงการเกาะนามสกุลพ่ออย่าง Stephen King ในการไต่เป็นนักเขียนชื่อดัง (ไม่ค่อยเหมือนที่ไหนสักแห่งหนึ่งบนโลกนี้ที่ชอบถามรู้ไหม กูลูกใคร) เห็นชื่อนิยาย ถ้าคอเพลงสากลแนวร็อค ต้องคุ้นแน่นอนเพราะมันคือชื่อเพลงของ Nirvana วงกรันจ์ร็อคอันโด่งดังที่ทำให้แนวร็อคแฮร์แบนด์ทั้งหลายล้มหายตายจากวงการดนตรีในยุค 90's ไปเกือบหมด ซึ่งก็สื่อถึงกล่องรูปหัวใจสีแดงนั่นเอง 

Hill เขียนได้สนุกใช้ไดั มีปมให้เราค้นหาที่น่าสนใจ จบได้ดีทีเดียว บางจังหวะมีบรรยายผีแบบ Stop-Motion ค่อยๆขยับเคลื่อนไหว แปลกดี ไม่ค่อยเห็นใครบรรยายแบบนี้เท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าน่าจะสร้างบรรยากาศให้ดูสะพรึงน่ากลัวขนลุกแบบจัดเต็มได้มากกว่านี้อีกนะ อย่างว่าล่ะ นี่คือนิยายเล่มแรกของเขา ซึ่งถือว่ามีแววรุ่งแน่ๆ มีกลิ่นอายของพ่อบ้าง ถ้าให้เทียบความสนุกกับนิยายของพ่อเขาผมให้สนุกกว่า Cujo, Dark Half แต่น้อยกว่า Christine นิดๆ ยังไม่ถึงระดับมาสเตอร์พีซอย่าง It แน่นอน จริงๆแล้ว ต้องลองเทียบกับ Carrie นิยายเล่มแรกของผู้เป็นพ่อจึงจะยุติธรรมกว่า แต่ผมยังไม่เคยอ่านเลยเทียบไม่ได้ (แต่อ่านตอนนี้ ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปคงมีผลต่อความสนุกอีก เพราะ Carrie เขียนไว้ตั้งแต่ปี 1974)

ตัวละครอย่าง "จู๊ด" ก็เหมือนร็อคสตาร์ทั่วๆไป แรกๆนี่แทบไม่ได้เอาใจช่วยเลยเพราะปูพื้นมาว่า คบกับแฟนคนไหนไม่เคยเกินปีเลย แต่พอเราอ่านไปเรื่อยๆ ปมมันค่อยๆเฉลยออกมา ความเห็นใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เอาใจช่วยให้รอด ตรงจุดนี้ต้องชม Hill คนเขียนเลย 

นิยายตลบอบอวลไปด้วยเสียงเพลง วงดนตรี ถ้าใครพอรู้จักศิลปิน นักร้องต่างประเทศจะช่วยให้อ่านได้เพลิดเพลินมากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น ชื่อหมา แองกัสกับ บอน ก็น่าจะมาจากชื่อของ Angus Young ขุนขวานกีตาร์และ Bon Scott นักร้องนำของวง AC/DC หรือชื่อหมาอย่าง โรเบิร์ตกับจิมมี แน่นอนว่าต้องมาจาก Robert Plant และ Jimmy Page แห่งวง ร็อคระดับตำนาน Led Zeppelin พอเจอชื่อหมา 2 ตัวหลัง ผมยิ้มเลย 55 แม้แต่ชื่อ จูดาส คอยน์ เดาว่าน่าจะมาจากชื่อวง Judas Priest คนมาเยี่ยมไข้ก็ยังเป็น Jackson Browne เจ้าของเพลงดังอย่าง Loaded-Out, Stay, Running On Empty เขียนบุคลิกได้แบบผมอมยิ้มเลยเวลานึกภาพตาม 

Hill ก็มีเรื่องที่สอดแทรกข้อคิดเตือนใจไว้เหมือนพ่อที่แทรกเรื่องการหมกหมุ่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งของวัยรุ่นใน Christine หรือ การออกไปเล่นนอกบ้านของเด็กๆที่ต้องระวังคนแปลกหน้าใน It เรื่องนี้ Hill สอดแทรกเรื่องการละเมิดทางเพศของคนในครอบครัว ที่จริงๆแล้วถ้าใครเจอต้องรีบแก้ไข อย่าปล่อยให้เป็นตราบาปแก่เหยื่อที่ได้รับผลนั้นๆ 

อ่านนิยายแนวนี้มาพอสมควร เริ่มรู้สึกว่า จริงๆแล้วผีหรือปิศาจที่มีในเรื่องไม่น่ากลัวเท่าจิตวิญญาณในตัวเราที่ไร้สำนึกผิดชอบชั่วดีจนทำให้พฤติกรรมของเราดูเหมือนปิศาจหรือผีมากกว่าซะอีก

เราคงต้องทำแบบนี้ล่ะมั้ง

"เขาเข้าใจดีว่าผีตัวนั้นคือสิ่งที่มีตัวตนมากกว่าอะไรอื่น ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่สุดในสมองของเขา บางทีพวกภูตผีต่างๆคงจะตามหลอกหลอนในความคิดคนเราอยู่เสมอ ไม่ใช่ตามสถานที่ต่างๆ ถ้าเขาอยากจะยิงใส่มัน เขาก็ต้องหันปากกระบอกปืนจ่อเข้าที่ขมับตัวเอง"

แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เอาปืนจ่อจริงๆนะครับ นั่นมันสิ้นคิดเกินถึงแม้ในเรื่องจะสื่อแบบนั้นก็ตาม ให้ทำเหมือนเซเซ่ที่พูดกับโปรตุก้าใน "ต้นส้มแสนรัก" ดีกว่าครับ  

"ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะฆ่าเขาเสีย"
"ว่าอะไรนะเจ้าเด็กน้อย ฆ่าพ่อตัวเองงั้นรึ"
"ใช่ ฉันจะทำ ฉันเริ่มทำไปแล้ว ที่ว่าฆ่านั่น ไม่ได้หมายถึงว่าหยิบปืนของบัค โจนส์ แล้วก็เอาไปยิงเขาตูมเดียวตายนั่นหรอก ไม่ใช่ ฉันจะฆ่าเขาในหัวใจของฉัน ด้วยการหยุดรักเขา แล้ววันหนึ่งเขาก็จะตาย"

นั่นคือหยุดหรือฆ่าความคิดที่จะทำให้เราเป็นผีหรือปิศาจนั่นเอง 

ป.ล.ยังไม่ได้อ่าน Horns เล่มต่อมาของเขา ไม่รู้ฝีมือพัฒนาขึ้นหรือเปล่า

คะแนน 7.8/10




Create Date : 27 พฤษภาคม 2560
Last Update : 27 พฤษภาคม 2560 19:00:24 น.
Counter : 1642 Pageviews.

2 comments
  
มาอ่านรีวิวค่ะ เพิ่งเคยเห็นเล่มนี้ และเพิ่งรู้ว่านี่เป็นผลงานลูกของ Stephen King
โดย: ออโอ วันที่: 4 มิถุนายน 2560 เวลา:14:15:07 น.
  
เล่มนี้ออกมานานจนขาดตลาดกลายเป็นหนังสือหายากแล้วครับ มีอีกเล่มของเขาที่แปลคือ เรื่อง สัมผัสที่ 7 สัมผัสต้องสาป (Horns) ที่นำไปทำเป็นหนัง นำแสดงโดย ดาเนียล แรดคลิฟฟ์ครับ

เรื่อง Horns ยังพอหาได้ครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 6 มิถุนายน 2560 เวลา:14:17:31 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
พฤษภาคม 2560

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
All Blog