The Fog เทคโนโลยีอุบาทว์




เทคโนโลยีอุบาทว์ The Fog (1975) 
โดย James Herbert
สนพ.ธนบรรณ แปลโดย สุธัชริน

จอห์น ฮอลเมิน เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของกระทรวงสิ่งแวดล้อมออกตรวจสอบที่ราบแถวซอลเบอรี่ เพลน พื้นที่ว่างเปล่าไม่ได้ใช้งานของกระทรวงกลาโหม เพื่อนำเสนอรายงานไปปรับปรุงการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ระหว่างที่เขาขับรถผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งในละแวกนั้น จู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหว พื้นดินแตกแยกเป็นร่องลึกพร้อมกับกลุ่มหมอกควันเหลืองลอยพุ่งออกมาจากรอยแยกนั้น

ตัวเขาอาการปางตายจากการตกลงไปในหลุมนั้น พร้อมๆกับชาวบ้านที่บาดเจ็บล้มตายไปบางส่วนเช่นกัน ด้วยความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีของเจ้าหน้าที่เมืองลอนดอน เขาจึงฟื้นตัวทั้งจากอาการบาดเจ็บและสติที่หลุดลอยมาได้

ขณะที่กลุ่มหมอกควันสีเหลืองก็ยังคงลอยละล่องตามสายลมไปทั่วเมือง มันขยายตัวและไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าใครที่สัมผัสกับมัน จะสติวิปลาสไม่รู้ตัว มีพฤติกรรมรุนแรง โหดเหี้ยม หรือบ้าได้อย่างคาดไม่ถึง 

หายนะครั้งใหญ่กำลังมาเยือนทั้งคนใกล้ตัวของจอห์นเอง เมืองทั้งเมืองอาจจะมีแต่คนบ้าเพ่นพ่าน หรือแม้กระทั่งกับโลกใบนี้ เจ้าหมอกสีเหลืองราวกับมีชีวิตนี้คืออะไรกันแน่และเพราะอะไรล่ะเขาถึงเอาชีวิตรอดจากมันได้

เขาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องเร่งค้นหาคำตอบ ถึงต้องฆ่าเป็นฆ่าก็ต้องหยุดมันให้ได้

เรื่องที่ 2 ต่อจาก กระท่อมมายา (The Magic Cottage) ที่อ่านงานของ James Herbert นักเขียนชาวอังกฤษ ที่บางรีวิวยกให้เป็น Stephen King แห่งเกาะอังกฤษ และเป็นผลงานการเขียนเล่มที่ 2 ของเขาต่อจาก The Rats 

นิยายแนวสยองขวัญมักจะสร้างความลึกลับให้คนอ่านสงสัยก่อนเลยเป็นอันดับแรก แล้วค่อยเฉลยตอนใกล้ๆจบว่ามันคืออะไร แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ บรรยากาศระหว่างทางและการบรรยายตัวละคร ว่าจะจับคนอ่านติด สร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้อ่าน รู้สึกสะพรึง หวาดกลัว ขนลุก ตื่นเต้นได้มากขนาดไหน ถ้าทำได้ดีและเฉลยตอนจบดีด้วยจะยิ่งประทับใจ 

เปิดเรื่องมาถือว่าชวนสงสัยแล้ว แต่ระหว่างทาง มันออกแนวโหดมากกว่าสยองขวัญ ชวนให้ขยิบตามากกว่าให้ขนลุก โดยเฉพาะฉากในโรงยิม เห็นภาพชัดเจนมาก หรือผมอาจจะชอบแนวการเขียนของ Koontz มากกว่า ที่บางทีไม่มีอะไรโหดมาก แต่บรรยากาศจัดมาเต็มมาก เสียวสันหลังวาบ ให้ลุ้นมากกว่าน่ะ

เข้าใจว่า Herbert ต้องการฉายภาพให้เห็นผลกระทบของหมอกต่อเมืองนี้ ตัวละครจึงเยอะมากแต่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ จึงสลับเรื่องราวไปมาทั้งแบบมุมกว้างไปที่ครอบครัวนี้บ้าง ครอบครัวนั้นบ้าง แล้วสลับกลับมาในมุมแคบที่ตัวจอห์นในการสืบสวนเรื่องนี้ กำลังลุ้นอยู่ดีๆกับตัวเอกก็มาสะดุดกับภาพใหญ่ที่เขาเขียนอีกแล้ว

แต่ก็ถือว่าชอบมากกว่าเรื่องแรกที่อ่านนิดหน่อย แต่ยังไม่สร้างความประทับใจในระดับเท่า Dean Koontz, Stephen King (Koontz อ่านไป 3, King อ่านไป 4 และรวมเรื่องสั้นอีก 2)

ป.ล.ยังมีผลงานของเขาให้ลองอ่านอีก 5 เรื่อง The Rats, Fluke, The Dark, Moon, The Ghosts Of Sleath ครับ

คะแนน 7.4/10



Create Date : 09 ธันวาคม 2559
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 19:18:43 น.
Counter : 1128 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
ธันวาคม 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog