|
การขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีประเด็นราคาต่ำตามปวิพ.ม.309ทวิ
ซื้อทรัพย์จากบังคับคดีแล้วโจทก์ร้องให้เพิกถอนการขายค่ะ
ขอปรึกษาหน่อยค่ะ เนื่องจากจขกท.ได้ไปประมูลซื้อทรัพย์จากบังคับคดี โดยในการประมูลครั้งที่ 1 (เริ่มต้นที่ 80% ของราคาประเมิน) โจทก์ได้มาดูแลการขาย จำเลยไม่มา แต่ไม่มีผู้อื่นมาประมูลทรัพย์แข่ง ทางจขกท.จึงไม่ได้ทำการประมูล ครั้งที่ 2 (เริ่มต้นที่ 50%) ทั้งโจทก์และจำเลยไม่มาดูแลการขาย มีผู้เข้าร่วมประมูล 2 ราย (รวมจขกท.แล้ว) จขกท.ชนะการประมูลไปในราคา ประมาณ 60% เมื่อโจทก์ทราบ ก็ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขาย โดยศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วให้ยกเลิกคำร้อง โดยหลังจากที่ศาลชั้นต้นยกเลิกคำร้องแล้ว จขกท.ก็ได้ดำเนินการโอนทรัพย์มาเป็นกรรมสิทธิ์ และได้ทำเรื่องขอคืนภาษีเรียบร้อยแล้ว วันนี้ ก็มีหมายศาลมาอีก ว่าโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น มีคำร้องดังนี้ (จขกท.ขอลงอย่างคร่าวๆนะคะ ตัวหนังสือเยอะ กลัวอ่านแล้วปวดหัว) 1. การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน (60%) ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำมาก หากเจ้าพนักงานฯเห็นว่าต่ำไป ถึงแม่ผู้ร้องจะไม่ได้มาดูแลการขาย เจ้าพนักงานฯก็อาจไม่อนุญาตให้ขายหรือเลื่อนไปได้ การที่เจ้าพนักงานฯรีบด่วนขายไป จึงส่อไปในทางรวบรัด ไม่เป็นไปตามระเบียบ แลผู้ขายทอดตลาดอาจถอนทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดได้ การขายฯครั้งนี้จึงเป็นการบังคับคดีที่ฝ่าฝืนมาตรา 513 แห่งประมวลกฎหมาแพ่งและพาณิชย์ ประกอบมาตรา 308 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณความแพ่ง นอกจานี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 286 ให้เพิกถอนการขายฯของเจ้าพนักงานฯได้ หากการขายครั้งนั้นทำให้โจทก์เสียหายเนื่องจากโจทก์ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการประมูลดังกล่าว... 2. การที่โจทก์ไม่ได้เข้าสู้ราคาขายทอดตลาดมิใชเพราะความประมาท แต่เพราะเหตุที่เจ้าพนักงานฯขายทอดตลาดไม่ถูกต้อง
โดยในหมายศาล ไม่มีวันนัด แต่ระบุว่า หากประสงค์จะแก้อุทธรณ์ให้ยื่นคำแก้เข้ามาภายใน 15 วัน คำถามคือ A. จขกท. จะยื่นแก้อย่างไรดีคะ เพราะอ่านดูแล้วเหมือนจะร้องแต่ทางเจ้าพนักงานบังคับคดีอย่างเดียวเลย สอบถามทางพนักงานฯท่านก็บอกว่าจะยื่นเอกสารเข้าไปเหมือนเดิม (เจ้าพนักงานฯไม่เคยเจอคดีแบบนี้เหมือนกัน เพราะเป็นจังหวัดเล็กๆ ตอนแรกยังแนะนำจขกท.ว่ายังไม่ต้องไปโอนด้วยซ้ำ เพราะกลัวจะเสียค่าโอนเปล่า T_T ขนาดเจ้าพนักงานฯ ยังไม่แน่ใจเลย)
B.จากคำร้องในข้อที่ 1 สามารถเพิกถอนการขายได้หรือคะ ในเมื่อโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่ามีการขายทอดตลาด
C. จขกท. จำเป็นต้องใช้ทนายไหมคะ หรือสามารถเขียนคำแก้เองได้ เพราะตอนศาลชั้นต้น ศาลไม่ถามผู้ซื้อเลยค่ะ ไต่สวนแต่ทางโจทก์กับบังคับคดี
D. จขกท. ควรจะเข้าไปทำประโยชน์เลยได้ไหมคะ เนื่องจากทรัพย์ที่ซื้อมาเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว ต้องรื้อแล้วสร้างใหม่อย่างเดียวเท่านั้น ... อยากจะรื้อแล้วสร้างบ้านอยู่ใจจะขาดแล้วค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
จากคุณ : peanut_candy เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 10:57:34
ความคิดเห็นที่ 1
การจะร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี
สามารถร้องขอได้โดยคู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสีย ใน หลายๆเหตุ
เช่น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปฏิบัติตามกฏหมายว่าด้วยการ ส่งประกาศขายให้คู่ความทราบกำหนดขาย , การยึดทรัพย์ผิดแปลง . การขายไปในราคาต่ำเกินสมควร
กรณี จขกท. เป็นการขอให้เพิกถอนการขายเนื่องจาก ราคาต่ำเกินสมควรนั่นเอง
ซึ่งการจะเพิกถอนเพราะเหตุนั้น กฏหมายได้ให้หลักไว้ดังนี้ครับ
มาตรา 309ทวิ ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา นั้นก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดที่เจ้าพนักงานบังคับคดี เห็นว่าเป็นราคาที่สมควรขายได้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีสวนได้เสียในการบังคับคดีอาจคัดค้านว่าราคาดังกล่าวมีจำนวนต่ำเกินสมควร ในกรณีเช่นว่านี้ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์สินไป เพื่อให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่คัดค้านหรือไม่ก็ตาม หาผู้ซื้อที่จะเสนอซื้อในราคาที่บุคคลดังกล่าวต้องการมาเสนอซื้อในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งต่อไป โดยให้ผู้เสนอราคาสูงสุดต้องผูกพันกับการเสนอราคาดังกล่าว เป็นระยะเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่เสนอราคานั้น และในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งต่อไป หากมีผู้เสนอราคาสูงสุดในจำนวนไม่สูงกว่าจำนวนที่ผู้เสนอราคาสูงสุด ได้เสนอในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งก่อน หรือไม่มีผู้ใดเสนอราคาเลย ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งก่อน แต่หากมีผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้ง ต่อไปในจำนวนสูงกว่าจำนวนที่ผู้เสนอราคาสูงสุดได้เสนอในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งก่อน ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้น ในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีเห็นว่าราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน มีจำนวนต่ำเกินสมควร และการขายทอดตลาดทรัพย์สินในราคาต่ำเกินสมควรนั้นเกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉล ในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคา หรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้า พนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่บุคคลดังกล่าวอาจยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้ได้ และเมื่อศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าคำร้องรับฟังได้ ให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องหรือแก้ไขหรือมีคำสั่งกำหนดวิธีการอย่างใด ตามที่ศาลเห็นสมควรให้เสร็จภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับคำร้องนั้น ให้นำบทบัญญัติในวรรคสาม วรรคสี่ วรรคห้า และวรรคหกของ มาตรา 296 มาใช้บังคับแก่การยื่นคำร้องตามวรรคสองโดยอนุโลม คำสั่งศาลวรรคสองให้เป็นที่สุด
////
นั่นคือ ตามคำร้องที่ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดไปในราคาต่ำเกินสมควรนั้น จะต้องมีเหตุคือ "การขายทอดตลาดทรัพย์สินในราคาต่ำเกินสมควรนั้นเกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉล ในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคา หรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้า พนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่"
ดังนั้น หาก จขกท.จะแก้อุทธรณ์ก็คงให้อยู่ในประเด็นว่า การขายไม่ได้เกิดจากการคบคิดฉ้อฉลฯหรือความไม่สุจริตฯ ตามข้างต้นครับ
อย่างไรก็ตาม การที่โจทก์ขอเพิกถอนการขายตามกระทู้ หากมีประเด็นเพียงว่า ราคาต่ำเกินสมควร ตามม.309 ทวิข้างต้น ได้บัญญัติให้คำสั่งศาลชั้นต้น"เป็นที่สุด" หมายความว่า จะอุทธรณ์ต่อไปไม่ได้ ดังนั้น จขกท. คงต้องดูในประเด็นนี้ด้วยนะครับ เพราะ เป็นข้อกฏหมายเบื้องต้นจะได้ชัดเจนไม่ยืดเยื้อต่อไปอีก
กรณีตามกระทู้หากในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นมีเพียงประเด็นว่า ราคาต่ำเกินสมควร และ ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องโจทก์แล้ว คดีจึงต้องถือว่าถึงที่สุดแล้วครับ
ในเรื่องที่ถามมา มีการใช้ข้อกฏหมายพอสมควร ถ้าคิดว่าไม่เปลืองค่าใช้จ่ายเกินไปนัก ผมก็แนะนำให้ใช้ทนายเถอะครับ อย่างน้อยๆการเขียนคำร้อง-การติดต่อศาล เขาจะทำให้เราได้ดีกว่าเราทำเองครับ
ขอร่วมแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ครับ
จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 11:50:24
//www.pantip.com/cafe/social/topic/U10069084/U10069084.html
Create Date : 28 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 28 ธันวาคม 2553 8:42:31 น. |
|
1 comments
|
Counter : 6927 Pageviews. |
|
|
|
โดย: nuyect วันที่: 24 มกราคม 2554 เวลา:10:24:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ความผิดพลาดน่าจะอยู่ ที่โจทก์ หรือจำเลย ที่ไม่ไปในวันประมูล ถ้าไปก็มีโอกาสคัดค้่นได้ จิงไม่จิง
ผมดีใจแทนผู้ประมูลได้ ที่ไม่มีพวกจองเวรไปเป็นมาร
ถ้าผมเป็นผู้จัดการธนาคาร ตัดเงินเดือนพนักงานไปแล้วละ บกพร่องแล้วยังหัวหมออีก ทำให้ผู้ประมูลโดยสุจริตต้องเดือดร้อนอีก