นี่เป็นการขึ้นจอใหญ่หนที่ 6 ของ
วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ซูเปอร์ฮีโร่ที่มาพร้อมกับกรงเล็บเหล็กแห่ง
จักรวาลมาร์เวลล์ (ถ้านับการโผล่แบบแว๊บๆใน
X-Men: First Class ด้วย) แต่ถือว่าเป็นหนังตอนแยกแบบฉายเดี่ยวเรื่องที่ 2 ของวูล์ฟเวอรีน โดยหนังมี
เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold) แห่ง
Knight and Day, Identity และ
Walk the Line มากำกับความมันส์ สวมบทบาทวูล์ฟเวอรีนโดยหนุ่มหล่อล่ำคนเดิม
ฮิวจ์ แจ๊คแมน (Hugh Jackman) ร่วมด้วย
ริลา ฟูกูชิม่า (Rila Fukushima), ทาโอะ โอกะโมโตะ (Tao Okamoto), สเวทลานา คอดเชนโควา (Svetlana Khodchenkova), ฮัล ยามานูชิ (Hal Yamanouchi), ลี วิลล์ ยุน (Will Yun Lee) และ
เฟมเก้ แจนส์เซ่น (Famke Janssen)เหตุการณ์ในหนังจะเกิดหลังเรื่องราวใน
X-Men: The Last Stand หลายปี
โลแกนหรือวูล์ฟเวอรีน (ฮิวจ์ แจ๊คแมน) ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในเมืองเล็กๆท่ามกลางหุบเขาอันห่างไกล แต่ความตายของคนรักหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา
จีน เกรย์ (เฟมเก้ แจนส์เซ่น) ยังคงตามมาหลอกหลอน และได้พบกับ
ยูกิโอะ (ริลา ฟูกูชิม่า) สาวญี่ปุ่นลึกลับ เธอพาเขามาที่ญี่ปุ่น ตามความปรารถนาของ
ยาชิดะ (ฮัล ยามานูชิ) อาจารย์ของเธอที่กำลังใกล้ตาย ซึ่งเป็นอดีตทหารที่ต้องการขอบคุณวูล์ฟเวอรีนที่เคยช่วยเขาไว้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่นานหลังจากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เขาถูกลากไปเผชิญหน้ากับพวกของยาชิดะที่เต็มไปด้วยพลังรุนแรงและพิษร้ายแรงของ
ไวเปอร์ (สเวทลานา คอดเชนโควา) หญิงสาวที่เลือดเย็นราวงูพิษ!
(ขอบคุณเรื่องย่อจาก นิตยสารเอนเตอร์เทน)ด้วยความที่ตัวผู้กำกับพยายามสร้างตัวละครตัวนี้ให้มีเลือดมีเนื้อมากขึ้นกว่าแต่ก่อนตามเทรนด์หนังซูเปอร์ฮีโร่สมัยนี้ที่ต้องดราม่าเข้าไว้เพื่อให้ดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น
ตัวหนังจึงพยายามยัดเยียดบทดราม่ามากมายเข้ามา ทั้งประเด็นหลักอย่างความไม่พอใจและไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตนเองมี ทั้งเรื่องความรู้สึกผิดกับเรื่องราวในอดีต ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร ทั้งเรื่องความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ซึ่งตรงนี้พอมันมีมากเกินไปจนดูล้น แถมดันทำได้ไม่ถึง ไม่กลมกล่อมและไม่ไหลลื่นอย่างที่ควรเป็น มันเลยพลอยทำให้ความสนุกของหนังนั้นลดน้อยลง แถมบางฉากบางช่วงก็ชวนง่วงอยู่ไม่น้อย
จนพลอยทำให้คนดูที่คาดหวังความสนุก(อย่างผม) แอบผิดหวังอยู่ไม่ใช่น้อย!!
ด้านฉากแอ็คชั่นแม้จะทำออกมาได้มันส์ถูกใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีน้อยเกินไป แถมบางฉากบางตอนก็ดูเหมือนจะลากยาวเกินเหตุ จากที่ตอนแรกดูแล้วตื่นเต้น พอยิ่งสู้กันนานเกินไปเลยทำให้เกิดอาการเฉยๆขึ้นมาแทนซะงั้น อีกทั้งบรรดาตัวร้ายก็ดูจะตายง่ายไปหน่อย
นี่ถ้าตัวหนังเพิ่มฉากแอ็คชั่นมันส์ๆแบบตื่นตาตื่นใจมาแทนฉากดราม่ายืดยาดบางฉาก ผมว่า The Wolverine จะสนุกและมันส์มากขึ้นกว่านี้อีกแน่นอนส่วนด้านการแสดงนั้นพี่แจ๊คแมนก็กลับมาสวมบทบาทเดิมได้ดีเยี่ยมเหมือนเคย ทั้งฉากดราม่าและฉากแอ็คชั่น ไม่มีอะไรให้ต้องติ โดดเด่นรองลงมาก็คงเป็นบรรดาสาวๆในเรื่อง ทั้งฟูกูชิม่า, โอกะโมโตะ, คอดเชนโควา และ แจนส์เซ่น ต่างก็มีช่วงเวลาโดดเด่นเป็นของตัวเอง
ถูกใจหน่อยก็คงเป็นแจนส์เซ่นในบทจีน เกรย์ ที่พอทำให้แฟนหนังชุดนี้อย่างผมหายคิดถึงไปได้เยอะกับข้อคิดดีๆที่ได้รับจากหนังเรื่องนี้ก็คือ
จงพอใจและยินดีในสิ่งที่ตัวเองมีเถอะ เพราะอย่างน้อยๆมันก็คือส่วนหนึ่งในชีวิตที่เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าถ้าไม่มีมันเมื่อไรจะต้องเสียใจ!!สรุปแม้
The Wolverine จะไม่ได้สนุกมากอย่างที่หวัง แต่มันก็ยังเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่น่าดูเรื่องหนึ่ง ที่ท้ายสุดแล้วก็ยังให้คุณค่าและมีข้อคิดบางอย่างให้กับคนดู..
ป.ล. อย่าลืมรอดูฉากพิเศษแถมท้ายตอนหลังเอนด์เครดิตด้วยนะครับ
ป.ล.2 ถ้าอยากดูเรื่องนี้แบบอินและเข้าใจ แนะนำให้ไปหา X-Men: The Last Stand มาดูก่อนครับผม
ตามมาดูรีวิวหนังของคอหนังตัวยง
โหวตให้กับคอหนังค่า
แต่ส่วนตัวมิค่อยชอบแนวนี้เท่าไหร่หรอกน๊าา
พริ้วไหวจะชอบแนวเบาๆสมอง ฮาๆ ตลกๆมากกว่า
โหวต ไล้ค์จัดปายยย
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หมอหว่อง Literature Blog ดู Blog
au_jean Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น