อีกหนึ่งหนังแอ็คชั่นไซ-ไฟเอเลี่ยนบุกโลกของปีนี้ที่มีป๋า
ทอม ครูซ กับ สาว
เอมิลี่ บลันท์ มาสวมเกราะเหล็กนำแสดง โดยตัวหนังดัดแปลงมาจากนิยายญี่ปุ่นเรื่องดัง
All You Need Is Kill ของ
ฮิโรชิ ซากุระซากะ (ก่อนที่จะถูกนำไปทำเป็นหนังสือการ์ตูน) ซึ่งได้ผู้กำกับ
ดั๊ก ไลแมน แห่ง
The Bourne Identity, Mr. & Mrs. Smith และ
Jumper มากำกับความมันส์ พร้อมร่วมแสดงด้วย
เบรนดัน กลีสัน และ
บิลล์ แพกซ์ตัน
ว่าด้วยเรื่องราวของอนาคตอันใกล้ เผ่าพันธุ์เอเลี่ยนรวมกลุ่มกันแบบรังผึ้งที่เรียกว่า
มิมิค มาบุกโจมตีโลกอย่างไม่หยุดยั้ง ทำลายเมืองจนแหลกสลาย และทิ้งให้ผู้คนนับล้านต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น..
พันโทบิลล์ เคจ(ทอม ครูซ) นายทหารฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพที่ไม่มีความสามารถด้านการรบเลยแม้แต่นิดเดียว เขากลับถูกส่งตัวให้ไปอยู่กองหน้าและไม่กี่นาทีที่เขาออกศึกที่ชายหาด เขาก็เสียชีวิตในทันที และทุกครั้งที่เขาตายบิลล์ก็จะตื่นขึ้นมาอยู่ในสถานการณ์เดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาจึงเริ่มตัดสินใจจะฝึกฝนตัวเองกับ
ริต้า วาทาสกี้(เอมิลี่ บลันท์) ทหารหญิงสุดแกร่ง โดยทุกครั้งที่บิลล์ตายและตื่นขึ้นมาใหม่เขาก็ได้ฝึกฝนร่างกายและหาทางเอาชนะเอเลี่ยนเหล่านี้ได้มากขึ้น.. ซึ่งแต่ละครั้งเหมือนเพิ่มโอกาสในการค้นพบกุญแจสู่การกวาดล้างเอเลี่ยนผู้บุกรุกและการกอบกู้โลก!!
โชคดีที่ไม่เคยอ่านการ์ตูนหรือนิยายเรื่องนี้มาก่อน ทำให้ก่อนดูไม่ค่อยได้ตั้งความหวังไว้สูงอะไรมากมายนัก
นอกจากแค่ถูกใจไปกับพล็อตหลักที่เล่นกับการวนลูปของเวลาเหมือนอย่าง 2 หนังในดวงใจ Source Code และ
Groundhog Day ก็เท่านั้นที่พอจะเป็นแรงกระตุ้นให้ผมอยากรู้และอยากดูว่า
Edge of Tomorrow จะเล่าเรื่องราวออกมาเป็นแบบไหน?
ซึ่งกับประเด็นเรื่องลูปเวลาที่ว่านี้ก็เหมือนกับเป็นการเอา 2 หนังดังที่ว่ามายำรวมกัน
เหมือนเป็น Groundhog Day เวอร์ชั่นสงครามไซ-ไฟที่ดำเนินเรื่องแบบตายแล้วฟื้นอย่าง Source Code ที่ต้องยกความดีความชอบให้กับตัวผู้กำกับที่เก่งมากในการเล่าเรื่องออกมาได้อย่างเข้าใจง่าย ไม่สับสน ทั้งๆ ที่เรื่องราวมันต้องวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายฉากหลายรอบก็ตาม เนื่องด้วยผู้กำกับรู้จักสอดแทรกฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ กับมุกตลกขำๆ มาเป็นระยะๆ(จี๊ดมากกับมุกฆ่าให้ตายเพื่อเริ่มลูปใหม่) ทำให้ไม่น่าเบื่อ มีอะไรให้ตื่นเต้นและน่าติดตามอยู่ตลอดเวลา
อารมณ์แบบว่าทำให้คนดูอย่างเราอดไม่ได้ที่จะลุ้นและเอาใจช่วยต่อว่าจะมีเหตุการณ์อะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นหรือเปล่าหลังจากที่พระเอกของเรากลับมาวนลูปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง?! ชอบเป็นพิเศษก็คือ ตอนต้นเรื่องที่นำเสนอพระเอกออกมาไม่ได้ดูเป็นฮีโร่จ๋าอย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นเพียงแค่ผู้ชายขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมันขัดกับภาพลักษณ์ของพระเอกหนังแนวนี้มากๆ ที่กว่าความเป็นพระเอกจะโผล่มาก็เมื่อตัวเขาได้เริ่มสู้และวนลูปซ้ำๆ นั่นแหละความเป็นฮีโร่จากภายในจึงปรากฏออกมาและทำให้เราคนดูได้สัมผัสถึงคำว่า..
ฮีโร่ที่แท้จริง!!กับฉากแอ็คชั่นนั้นก็มันส์ระทึกได้ใจอยู่ แม้จะไม่ค่อยมีฉากใหญ่ฉากอลังให้ติดตาติดใจสักเท่าไรนัก? ส่วนเจ้าเอเลี่ยนมิมิคนั้นก็ทำออกมาได้เนียนสมจริงใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากพอให้จดจำ(แถมแว๊บแรกยังดูคล้ายๆ กับเอเลี่ยนแมลงใน
The Matrix Revolutions อีกด้วย)
ซึ่งด้านการแสดงนั้นป๋าครูซยังคงท็อปฟอร์มทั้งเรื่องหน้าหล่อและบทบู๊ ยิ่งช่วงหลังๆ แสดงผ่านสีหน้าและแววตาได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ส่วนสาวบลันท์นั้นก็ดูดีมีเสน่ห์และเท่โดนใจสุดๆ ไม่รู้ว่าบทสรุปในการ์ตูนกับนิยายจะเป็นอย่างไร? หรือจบเหมือนกันกับในหนังหรือไม่? แต่ที่รู้แน่ๆ คือทำให้เรารู้ว่า
ชีวิตยังมีความหวัง, ทุกความพยายามไม่เคยสูญเปล่า และการเป็นฮีโร่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้ภายในเวลาแค่ครั้งเดียว!! (แต่โดยส่วนตัวแล้วตอนจบแอบไม่ค่อยโดนใจเท่าไร? มันดูจบง่ายและปลายเปิดเกินไปหน่อย)
สรุป
Edge of Tomorrow เป็นหนังแอ็คชั่นไซ-ไฟพล็อตเรื่องเจ๋งที่เล่าเรื่องสนุก น่าติดตาม และมันส์มากกับการเล่นเรื่องซ้ำที่ทำออกมาได้ไม่น่าเบื่อ!!
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog
AdrenalineRush Photo Blog ดู Blog
mastana Literature Blog ดู Blog
ปีศาจความฝัน Movie Blog ดู Blog
โหวตให้จ้า