อีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังจาก
ค่ายมาร์เวลที่ขอกลับมาผงาดพ่นใยอีกครั้งในหนังรีบูทภาคต่อ โดยยังคงได้
ผู้กำกับมาร์ค เว็บบ์ จาก
The Amazing Spider-Man ภาคแรกมากำกับความสนุกเหมือนเคย พร้อมด้วยหนุ่ม
แอนดรูว์ การ์ฟีลด์ในบทบทสไปเดอร์-แมนเหมือนเก่า และร่วมเสริมทัพด้วยนักแสดงชั้นนำ อาทิ
เอ็มม่า สโตน, เจมี่ ฟ็อกซ์, เดน ดีฮาน, โคล์ม เฟโอเร่ และ
แซลลี่ ฟีลด์โดยภาคนี้ขอเล่าเรื่องราวของ
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ หรือ
สไปเดอร์-แมน(แอนดรูว์ การ์ฟีลด์) ที่เขาต้องออกไปปราบปรามเหล่าร้าย ในขณะที่เรื่องความรักระหว่างเขากับ
เกวน สเตซี่(เอ็มม่า สโตน) ก็ยังอึมครึมเมื่อเขายังจำคำสัญญากับพ่อของเกวนที่จะอยู่ให้ห่างตัวเธอเพื่อ ไม่ให้เธอมีอันตราย แต่มันก็เป็นคำสัญญาที่เขาทำได้ลำบาก และแล้ววายร้ายตัวใหม่นาม
อิเล็คโตร(เจมี่ ฟ็อกซ์) ก็เผยตัวออกมา พร้อมกับเพื่อนเก่าอย่าง
แฮร์รี่ ออสบอร์น(เดน ดีฮาน) ก็กลับมาหา และเขายังได้ค้นพบเบาะแสใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตในอดีตอันเป็นปริศนาของเขาอีกด้วย..
(ขอบคุณเรื่องย่อจาก sanook.com)
แม้จะรู้สึกเฉยๆ กับภาคที่แล้ว แต่ยอมรับเลยว่าสไปเดอร์-แมนภาคนี้ทำออกมาได้สนุกและครบรสกว่ามาก (แม้โดยรวมจะสู้กับไตรภาค Spider-Man ของแซม ไรมิ ไม่ได้ก็ตาม) ตัวหนังมีความเป็นดราม่าพอๆ กันกับแอ็คชั่น จัดหนักจัดเต็มมากๆ ในฉากซีจีอลังการทั้งหลายที่แม้ช่วงแรกๆ อาจจะดูหลอกตาเหมือนตัวการ์ตูนไปบ้าง
แต่กับ 3 ฉากแอ็คชั่นไคลแมกซ์นั้น(ฉากกลางแยกไทม์แสควร์, ฉากในโรงพลังงานไฟฟ้า และฉากบนหอนาฬิกา) ก็ทำออกมาได้สมจริงและมันส์มากๆ เล่นเอาลุ้นตัวโก่งแบบสุดๆ โดดเด่นสุดๆ ก็คงเป็นฉากพ่นใยไต่ตึกที่ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังเล่นเกมอยู่เลยทีเดียว และเหมาะมากๆ ที่จะดูแบบสามมิติในโรงไอแมกซ์เพราะเราจะได้เห็นใยแมงมุมกับสายฟ้าชัดๆ แบบให้เสียวแปล๊บๆ เหมือนโดนไฟช๊อตกันไปเลย..
ส่
วนเรื่องดราม่าครอบครัวทั้งหลายที่เคยขมวดปมไว้ในภาคที่แล้ว ทั้งประเด็นเรื่องความลับของพ่อแม่ ทั้งเรื่องความรักของปีเตอร์ที่มีต่อเกวน และเรื่องสัญญาสุดท้ายที่มีให้กับพ่อของเกวนนั้นต่างก็ถูกเฉลยและคลายออกในภาคนี้ได้อย่างลงตัวและมีเหตุผล เดี๋ยวก่อน..ยังไม่หมดซึ่งกับประเด็นใหม่อย่างการต้องการเป็น
Someone ไม่ใช่
No one ของตัวร้ายอย่างอิเล็คโตรนั้นก็เล่าได้ดีอย่างมีชั้นเชิง ผิดกับประเด็นเรื่องเพื่อนรักเพื่อนร้ายก่อนกลายเป็นกรีน ก็อบบลิน ผมว่าฉบับก่อนทำออกมาได้อินกว่าเยอะ!!
นอกจากหนังจะเต็มไปฉากแอ็คชั่นอลังการงานการ์ตูนแล้ว
ผู้กำกับยังจับฉากกุ๊กกิ๊กโรแมนติกของพระเอก-นางเอกเข้ามาในเรื่องราวได้อย่างน่ารักน่าชัง ไม่เสียชื่อที่เคยกำกับหนังรักเรื่องดังอย่าง
(500) Days of Summer มาก่อน!! จนทำให้
The Amazing Spider-Man 2 กลายเป็นหนังรักแนวซูเปอร์ฮีโร่ไปเลยทีเดียว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนดูก็ยังถูกทำร้ายในบทหักมุมสุดท้ายที่หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ไอ้แมงมุมหรือเคยอ่านฉบับการ์ตูนมาก่อนก็ต้องรู้ดีว่าบทสรุปสุดท้ายมันเป็นอย่างไร? เอาง่ายๆ ว่าผมขอทำใจแป๊บนึง
กับการแสดงนั้นการ์ฟีลด์ก็ยังเหมาะกับบทปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ที่เกรียนๆ เนิร์ดๆ อยู่เหมือนเดิม แถมยังเคมีเข้ากั๊นเข้ากันกับสโตนที่ช่างดูน่ารักสดใสตลอดเวลา พอจับทั้งคู่มาอยู่ในฉากกุ๊กกิ๊กกันเมื่อไรมันช่างน่าเอ็นดูและดูเหมาะเหม็งกันเสียเหลือเกิน(แหม..ก็นอกจอทั้งคู่เขาเป็นแฟนกันจริงๆ นิ) ส่วนนักแสดงคนอื่นที่เหลือต่างก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
ชอบมากหน่อยก็คงเป็นป้าฟีลด์ในบทป้าเมย์ที่แสดงได้ดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติมากๆ สมกับมี 2 รางวัลออสการ์เป็นประกัน!!สรุป The Amazing Spider-Man 2 จัดว่าเป็นหนังซุเปอร์ฮีโร่ภาคต่อที่ดูสนุกมากกว่าภาคแรก เซอร์วิสเอาใจแฟนๆ การ์ตูนได้อย่างเต็มอิ่ม(ก็จัดหนักผู้ร้ายตั้ง 3 ตัวนิ แต่ตัวสุดท้ายไว้ไปมันส์กันต่อในภาค 3 นะจ้ะ) และถือว่าเป็นไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นใหม่ที่ไม่ทำให้ผิดหวัง!!
ได้ยินคนพูดถึงกันเยอะ วายร้ายตัวใหม่หน้าตาน่าสนใจดี
เป็นหนังอีกเรื่องที่น่าดู
มีดาราคนโปรดพี่ด้วย แซลลี่ ฟิลด์
คนนี้เจ้าบทบาทจริงๆ ชอบมากๆๆ
ขอบคุณที่แวะไปชมดอกไม้นะจ๊ะ
ไล้คืไว้ก่อนจ้า ไว้มาใหม่