กลับมาขึ้นจอเป็นหนที่ 4 กับหนังหุ่นยนต์ยักษ์ภาคต่อที่สร้างมาจากของเล่นชื่อดัง
ทรานส์ฟอร์เมอร์ส (Transformers) ของ
บริษัทฮาสโบร (Hasbro) ที่ครั้งนี้ก็ยังคงได้ผู้กำกับเจ้าของฉายาจอมทำลายล้างแห่งฮอลลีวู๊ดอย่าง
ไมเคิล เบย์ (Transformers ทั้ง 3 ภาค,
Armageddon และ
The Rock) ที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเองกลับมากำกับความมันส์เหมือนเคย นำแสดงโดย
มาร์ค วอห์ลเบิร์ก, นิโคลา เพลท์ซ, แจ็ค เรย์เนอร์, สแตนลีย์ ทุชชี, โซเฟีย ไมลส์, เคลซี่ แกรมเมอร์, ไททัส เวลลิเวอร์ และ
หลี่ปิงปิงหนังเล่าเรื่องราว 5 ปีต่อมาหลังจากเมืองมหานครโดนถล่มในภาคที่แล้ว เหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์สบนโลกถูกมนุษย์ตามล่า ไม่เว้นแม้กระทั่งฝ่ายออโต้บ็อทที่เคยเป็นพันธมิตร จนวันหนึ่ง
เคด เยเกอร์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) นักประดิษฐ์ตกกระป๋องที่ต้องเลี้ยงดูลูกสาววัยรุ่นตัวคนเดียว
เทสซ่า(นิโคลา เพลท์ซ) ได้ไปซื้อซากรถบรรทุกเก่ามา ที่หารู้ไม่ว่านั่นคือ
ออพติมัส ไพรม์ ผู้นำของเหล่าหุ่นเหล็กออโต้บ็อท ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการตัวของซีไอเอที่ร่วมมือกับหุ่นยนต์ต่างดาวลึกลับ ทำให้พวกเขาถูกไล่ล่าจนต้องร่วมมือกับเหล่าหุ่นเหล็กออโต้บ็อท เพื่อปกป้องครอบครัวที่รักพร้อมกับปกป้องโลกจากศึกที่คาดไม่ถึง!!
ถือว่าเป็นหนังภาคต่อที่เป็นการเริ่มต้นไตรภาคใหม่ แบบว่าใช้ตัวละครมนุษย์ชุดใหม่หมดและไม่ได้มีการกล่าวถึงตัวละครจากภาคเก่าๆ เลย (ยกเว้นเหล่าหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์สที่ยังมีตัวเอกหน้าเก่าบางตัวโผล่มาอยู่) เหมือนกับว่านี่เป็นหนังเรื่องใหม่ที่เล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วโดยใช้ตีมหลักเดิมแค่นั้น!! ที่ตัวหนังเองยังคงมาตามสไตล์ผู้กำกับเบย์คือ
เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ เพราะหนังเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นวินาศสันตะโรใหญ่โตมโหฬารที่มาพร้อมกับหุ่นยนต์ใหญ่ยักษ์และระเบิดตูมตามมากมายเหมือนเดิม.. ก็เหมือนเคยที่พอมัวแต่ไปสนใจกับฉากแอ็คชั่นเอามันส์เน้นฉากหุ่นยนต์ตีกันแบบนั้น(ที่ยังทำออกมาได้สนุกและตื่นเต้นอยู่) กับบทหนังก็เลยออกมามั่วซั่วมั่วตั้วอย่างที่เห็น!! ที่รู้สึกว่าบทหนังภาคนี้จะออกมาย่ำแย่กว่าภาคที่ 3 ซะอีก
อารมณ์แบบว่าอย่าได้ไปถามหาเหตุผลใดๆ เลย เหมือนกับว่านี่เป็นหนังที่เหมาะแก่การดูเอา มันส์ อย่างเดียว!! (ทั้งเรื่องติดใจอยู่อย่างเดียวคือ ถ้าพี่ออพติมัสบินออกนอกโลกได้ขนาดนี้ทำไมพี่ไม่บินสู้ตั้งแต่แรกเลยล่ะครับ?!)
นอกจากจะโดดเด่นไปด้วยบรรดาหุ่นยนต์ยักษ์ทั้งหลาย(ชอบเป็นพิเศษก็คือ หุ่นยนต์ซามูไรญี่ปุ่นกับเหล่าหุ่นไดโนเสาร์
ไดโนบ็อท) และเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นระเบิดตูมตามอย่างที่บอกแล้ว
ภาคนี้ผู้กำกับเบย์ก็ยังยัดเยียดเรื่องดราม่าความสัมพันธ์พ่อลูกใส่เข้ามาอีก ที่แบบว่ามันดูยืดเยื้อและกินเวลามากเกินไป แถมพี่แกยังใส่มุกตลกที่คิดว่าขำเข้ามาอีกด้วย ที่แบบว่าบางมุกมันก็โคตรจะฝืดและไม่ได้ฮาอย่างที่ควรเป็น อีกทั้งยังดูมีเยอะเกินความจำเป็นไปหน่อยโดยเฉพาะหลายมุกที่เล่นกับความสัมพันธ์พ่อลูกที่ไม่รู้จะใส่เข้ามาเพื่ออะไร??
มันทั้งฝืด ทั้งแป๊ก ทั้งไม่ฮา และทั้งน่ารำคาญ!!กับด้านการแสดงนั้นโดยรวมแล้ววอห์ลเบิร์กเอาตัวรอดได้ แม้จะดูไม่ค่อยเข้ากันกับบทนักประดิษฐ์สุดฉลาดนัก กับแอบน่ารำคาญไปบ้างเวลาเล่นมุกพ่อหวงลูกสาว แต่ก็ยังจัดว่ามีเสน่ห์และกล้ามโตโดนใจอยู่ ส่วนกับ 2 พระเอก-นางเอกหน้าใหม่นั้น(แจ็ค เรย์เนอร์ กับ นิโคลา เพลท์ซ) ก็โดนเหล่าหุ่นยนต์ยักษ์กลืนหายไปแทบไม่ได้เกิด!!
แต่ก็ยังพอมี 2 คนที่โดดเด่นขึ้นมาคือ ทุชชีกับปิงปิง โดยเฉพาะสาวปิงปิงนั้นสวยเด้งเด่นโดนใจยิ่งนัก!!สรุป Transformers: Age of Extinction เป็นหนังแอ็คชั่นภาคต่อฟอร์มยักษ์รับซัมเมอร์ที่เน้นตัวหุ่นยนต์ยักษ์กับฉากระเบิดวินาศสันตะโรมากกว่าอะไรทั้งหมด!!
ป.ล.1 แอบรำคาญอีกนิดกับการโฆษณาแฝงที่ดูจะมีเยอะมากเกินไปหน่อย
ป.ล.2 อิจฉาพี่จีนเหมือนกันนะเนี่ยที่หนังครึ่งหลังอย่างกับหนังโฆษณาท่องเที่ยวเมืองจีน!!