สร้างมาจากนิยายชุดชื่อดังชื่อเดียวกันของ
แคสแซนดร้า แคลร์ (Cassandra Clare) โดยได้ผู้กำกับ
ฮาโรลด์ ซวาร์ต (Harald Zwart) แห่ง
The Karate Kid (2010), Agent Cody Banks และ
The Pink Panther 2 มากำกับความสนุก นำแสดงโดย
ลิลี คอลลินส์ (Lily Collins), เจมี่ แคมพ์เบลล์ โบเวอร์ (Jamie Campbell Bower), โรเบิร์ต ชีฮาน (Robert Sheehan), เควิน ซีเกอร์ส (Kevin Zegers), เจมิมา เวสต์ (Jemima West), เลน่า เฮดดีย์ (Lena Headey), จาเร็ด แฮร์ริส (Jared Harris) และ
โจนาธาน รีส เมเยอร์ส (Jonathan Rhys Meyers)ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อ
แคลรี่ (ลิลลี่ คอลลินส์) ซึ่งเห็นการฆาตกรรมในไนท์คลับ จากน้ำมือของเด็กหนุ่มที่มีอาวุธและรอยสักประหลาด แต่กลายเป็นว่ามีเพียงเธอคนเดียวที่พบเห็น และศพที่ถูกฆ่าก็หายไปเฉยๆ แคลรี่ได้เจอกับเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง รู้ว่าเขาชื่อ
เจซ (เจมี่ แคมป์เบล โบเวอร์) ซึ่งบอกความจริงแก่เธอว่าเธอไม่ควรเห็นเขา เพราะเขาคือ
"ชาโดว์ฮันเตอร์" หรือ
"นักล่าเงา" นักรบครึ่งมนุษย์ครึ่งเทวดา ที่อยู่ในอีกโลกที่ซ้อนกับโลกมนุษย์ มีหน้าที่คอยกำจัดปีศาจต่างๆ มนุษย์ปกติไม่ควรมองเห็นโลกแห่งนี้ ทันทีที่แคล์รี่รับรู้ในสิ่งที่เธอไม่ควรรู้ วันถัดมาเธอก็ถูกโจมตีโดยปีศาจ และแม่ของเธอก็ถูกลักพาตัวไป ทำให้ แคล์รี่ ตัดสินใจร่วมมือกับกลุ่มนักล่าเงา ในการผจญภัยเข้าไปในโลกของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตำนาน พวกเขาต้องต่อสู้กับ ปิศาจ มนุษย์หมาป่า วอร์ล็อก แวมไพร์ ซอมบี้ และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อภารกิจในการตามหาแม่ของเธอ และค้นหาว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นใคร?!
(ขอบคุณเรื่องย่อจาก kapook.com)อีกหนึ่งเทรนด์ฮิตในฮอลลีวู๊ดตอนนี้ก็คือ การหยิบเอานิยายชุดชื่อดังแนววัยรุ่นมาสร้างเป็นหนังเพื่อหวังจะทำเงินถล่มทลายและได้สร้างภาคต่ออย่างที่
Harry Potter และ
Twilight เคยทำได้ ซึ่ง
The Mortal Instruments: City of Bones ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่หวังจะเดินตามความสำเร็จ เพียงแต่ต่างกันตรงที่ผลลัพธ์สุดท้ายที่หนังไปได้ไม่ถึงฝั่งฝัน!! เท่าที่ดูจบก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงทำไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง
แม้ตัวหนังจะเต็มไปด้วยทรัพยากรชั้นดี ทั้งสร้างมาจากนิยายชื่อดังที่สนุก ทั้งผู้กำกับที่พอเชื่อฝีมือได้ ทั้งเหล่านักแสดงนำที่คุ้นหน้าคุ้นตา ทั้งเรื่องราวที่แฟนตาซีและน่าจะทำออกมาสนุกได้ไม่ยาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเมื่อได้มาอยู่รวมกันกลับกลายออกมาเป็นเพียงแค่หนังแอ็คชั่นแฟนตาซีที่พอดูได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรดึงดูดเป็นพิเศษ แถมความสนุกก็อยู่ในระดับงั้นๆ สุดท้ายหนังจึงกลายเป็นเพียงอีกหนึ่งหนังวัยรุ่นแฟนตาซีธรรมดาๆที่ใช้ทรัพยากรได้น่าเสียดายเป็นที่สุด!!
กับเนื้อเรื่องนั้นก็มาในรูปแบบรักสามเส้าเคล้าแฟนตาซีที่ดูเข้าใจง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อนยากเกินเข้าใจ พูดถึงบทหักมุมก็พอมีให้ได้อึ้งอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ยากเกินคาดเดา ใครดี ใครร้ายหรือใครจะหักหลังดูออกได้ภายในไม่กี่ฉาก!
แต่ที่ทำให้คนดูอย่างผม(ที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน) หงุดหงิดเป็นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นความคาราคาซังของบทหนังที่สุดท้ายก็ไม่คิดจะเฉลยให้เคลียร์สักกะเรื่อง?! แต่เลือกที่จะตัดจบแบบให้ไปดูเฉลยต่อในภาค 2 กันเอาเอง!! ด้านฉากแอ็คชั่นและซีจีนั้นก็ทำออกมาอยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ อาจจะชอบหน่อยก็ตรงที่ในเรื่องมีเผ่าพันธุ์พิเศษเยอะดี ทั้งปีศาจ แม่มด พ่อมด แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า และนักล่าเงา กับด้านการแสดงนั้น 2 พระนางก็ดูมีเคมีเข้ากันดี ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็แสดงได้ดีในระดับมาตราฐาน จะมีที่ขโมยซีนหน่อยก็คงเป็น
ก็อดฟรีย์ เกา (Godfrey Gao) ในบทแม็กนัส ที่ออกมาทีสาวๆพากันลืมพระเอกไปเลยทีเดียว!!
สรุป
The Mortal Instruments: City of Bones เป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีที่พอดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้สนุกเว่อร์จนอยากแนะนำ แต่ก็ไม่ได้แย่จนไม่อยากให้ดู เอาง่ายๆก็คือ รอดูตอนออกแผ่นก็ยังไม่สาย!!