การกลับมาพบกันอีกครั้งของ 2 พ่อลูกซูเปอร์สตาร์แห่งวงการฮอลลีวูด
วิลล์ สมิธ (Will Smith) และ
เจเดน สมิธ (Jaden Smith)" หลังจากทั้งคู่เคยประชันฝีมือกันมาแล้วในหนังดราม่า
The Pursuit of Happyness เมื่อปี 2006 ครั้งนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ไซ-ไฟเรื่อง
After Earth จากฝีมือการกำกับของผู้กำกับยอดฝีมือเคยรุ่ง
เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) แห่ง
The Sixth Sense, Unbreakable และ
Signsหนังเล่าเรื่องราวในอนาคตอีกพันปีข้างหน้า ว่าด้วยการเอาตัวรอดและความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกของ
นายพลไซเฟอร์ เรจ (วิลล์ สมิธ) กับลูกชาย
คีไท (เจเดน สมิธ) เมื่อระหว่างทางยานที่ทั้งคู่โดยสารมานั้นถูกอุกกาบาตพุ่งชนจนยานเสียหายต้องลงจอดฉุกเฉิน และ
โลก คือสถานที่ที่พวกเขาจำเป็นต้องนำยานลงจอด.. เรื่องราวการเอาตัวรอด พร้อมการเดินทางเพื่อขอความช่วยเหลือบนดาวเคราะห์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดสำหรับมนุษย์จึงเริ่มต้นขึ้น!!
แม้จะแอบผิดหวังมากกับ
The Last Airbender หนังเรื่องก่อนของผู้กำกับชยามาลาน แต่ถึงยังไงผู้กำกับชยามาลานก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้กำกับในดวงใจผมอยู่ดี พอมาถึงเรื่องนี้ก่อนดูผมก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ขอแค่ให้หนังมันสนุกบ้างเป็นพอ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ อารมณ์ผิดหวังอีกครั้ง!! เพราะหนังมันมาแบบเรื่อยๆเอื่อยๆ เนิบนาบ น่าเบื่อ ชวนง่วง ดราม่าเยอะและสนุกน้อย แถมทั้งเรื่องก็แทบจะแสดงกันอยู่แค่ 2 คน พอเนื้อเรื่องออกมาไม่สนุก ไม่ตื่นเต้น ไม่น่าติดตาม มันก็เลยเกิดอาการน่าเบื่อตามออกมาแบบนี้ แม้การแสดงและพลังเคมีของ 2 พ่อลูก วิลล์และเจเดนจะทำได้ดีและเข้าขากันก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้
After Earth สนุกหรือดีขึ้นมาได้แต่อย่างใด!!
เพราะทั้งเรื่องแทบจะมีฉากแอ็คชั่นหรือฉากซีจีตื่นเต้นแบบนับได้ แถมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตื่นตาหรือแปลกใหม่อะไร? ออกจะธรรมดาและดูซ้ำๆด้วยซ้ำ ก็ผู้กำกับมัวแต่เน้นเรื่องดราม่าพ่อลูกมากจนเกินไปจนดูเฝือ พอมันดราม่าเยอะเกิน แล้วฉากแอ็คชั่นก็ทำได้ไม่ถึง ไม่อึ้งแบบที่ควรเป็น สุดท้ายมันก็เลยทำให้หนังออกมาน่าเบื่ออย่างที่เห็น!
กับประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อลูกนั้น แม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดกับบทลูกชายอยู่ไม่น้อยที่ช่างดื้อดึงและเอาแต่ใจจนเกินไป แต่ยังดีที่มีบทพ่อมาช่วยเบรคความน่าหงุดหงิดนี้ได้ เพราะในส่วนของพ่อนั้นถือว่าเป็นบทที่จริงและตรงมากกับความรักของพ่อส่วนใหญ่ที่มีต่อลูกที่มักจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ชอบกระทำเสียมากกว่า! ซึ่งบทมันส่งและทำออกมาได้โดนและซึ้งอยู่ในหลายฉากทีเดียว!!
ส่วนด้านอื่นๆที่มีโดดเด่นหน่อยก็คงเป็นด้านภาพที่ทำออกมาได้สวยและเหงาโดนใจดี กับเจ้า
สัตว์ประหลาดต่างดาวเออร์ซ่าส์ (Ursas) ชอบตรงที่ต้องให้มันมองเห็นมนุษย์ได้จากความกลัว ซึ่งตรงนี้ถือว่าเก๋ใช้ได้อยู่ และที่ชอบเป็นพิเศษก็คงเป็นเจ้าชุดบอดี้สูทของตัวเอกที่มันเท่ดีตรงเปลี่ยนสีได้ตามสภาวะอากาศและสภาพอันตราย!!
และประเด็นดีๆโดนๆ นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อลูกแล้ว
After Earth ยังช่วยให้เราได้รู้อีกว่า..
อันตรายเป็นของจริง แต่ความกลัวเราเลือกได้!! (Danger is real, Fear is a choice.)