Group Blog
 
All Blogs
 

๔.๑ ยุทธภูมิเอ๊งหยง

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

ยุทธภูมิเอ๊งหยง

"เล่าเซี่ยงชุน"

ผู้อ่านที่คุ้นเคยกับวรรณคดีเรื่อง สามก๊ก ของท่านเจ้าพระยาพระคลัง(หน) นั้น ย่อมต้องรู้จัก โจโฉ เพราะเป็นตัวเอกของเรื่องคนหนึ่ง ที่มีบทบาทมากมาย ทั้งร้ายทั้งดี ทั้งฉลาดทั้งโกง ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งโหดเหี้ยม ไม่มีใครเทียมทาน และในยุคหลังต่อมา ก็มีผู้จับเอาโจโฉ มาผ่าตัด ชำแหละ แยกแยะอย่างละเอียดละออโดยฝีมือของนักเขียนหลายระดับ สามารถเผยให้เห็นถึงตับไตใส้พุงตลอดถึงมันสมองและกึ๋นจนหมดสิ้นไม่เหลืออะไรให้วิเคราะห์วิจารณ์อีกแล้ว

ก็ได้ข้อสรุปว่า ความมีชื่อเสียงของโจโฉนั้น ท่านว่าอยู่ที่สามารถเข้าถึงจิตใจของลิ่วล้อ และรู้จักใช้คนให้ถูกกับงาน ดังนั้นโจโฉจึงมีลิ่วล้อมากมาย ทั้งที่ปรึกษาในด้านพลเรือนและทหารเอก ทหารโท ทหารตรี นับแทบไม่ถ้วน ตั้งแต่เริ่มพะบู๊กับตั๋งโต๊ะจนจบลงด้วยโรคปวดศรีษะประจำตัว ซึ่งมีนายแพทย์วิเคราะห์ว่าเป็นเพราะมีก้อนเนื้องอกอยู่ ในสมอง เมื่ออายุได้หกสิบหกปี

ครั้งแรกที่โจโฉหนีออกจากเมืองลกเอี๋ยง ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่า ไปรวบรวม พลพรรคตั้งขบวนการกู้ชาติ เพื่อช่วยปลดแอกของ ตั๋งโต๊ะ มหาอุปราชจอมเหี้ยมไม่เทียมม้า ให้แก่พระเจ้าเหี้ยนเต้นั้น มีเจ้าเมืองในส่วนภูมิภาค เข้ามาร่วมงานด้วยถึงสิบหกหัวเมือง และยังมีกลุ่มคนที่ไม่ได้อยู่ในวงราชการงานเมือง เข้ามาร่วมมือด้วยอีกหลายกลุ่ม

คนหนึ่งชื่อ แฮหัวตุ้น บ้านอยู่เมืองไพก๊ก อายุเพียงสิบสี่ปี กำลังศึกษาวิชาทหาร อยู่ในสำนักอาจารย์แห่งหนึ่ง บังเอิญมีคนปากไม่ดี มาดูหมิ่นอาจารย์ แฮหัวตุ้นเป็นคนมือไวใจร้อน เลยฆ่าเจ้าหมอคนนั้นเสีย แล้วหนีไปอยู่นอกบ้านนอกเมืองเสียหลายปี จนรู้ข่าวว่าโจโฉได้จัดตั้งกองทัพประชาชนขึ้น จึงชวนน้องชายที่ชื่อ แฮหัวเอี๋ยน มาสมัคร เป็นพลพรรค พร้อมกับนำชาวบ้านที่ชักชวนกันมา อีกประมาณพันคนเข้าร่วมด้วย

อีกกลุ่มหนึ่งคือ โจหยิน กับ โจหอง สองคนพี่น้องเหมือนกัน เป็นคนแซ่เดียวกับโจโฉ ชักชวน งักจิ้น ชาวเมืองยงเป๋ง และ ลิเตียน ชาวเมืองซันหยง คุมลูกน้อง ประมาณพันเศษ มาสมัครเป็นทหารกับโจโฉในคราวนี้ด้วย

ส่วน โจโก๋ บิดาของโจโฉ ก็ได้ชักชวนเสี่ย อุยหอง ซึ่งมีทรัพย์สินเงินทอง มากมายก่ายกอง และมีน้ำใจกว้างขวางซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน มาเป็นนายทุนออกเงินซื้อม้าและอาวุธ สำหรับการสงคราม รวมกับชาวบ้านชาวเมืองที่ช่วยบริจาคข้าวปลาอาหารอีกเป็นอันมาก

โจโฉจึงตั้งกองทัพปลดแอกขึ้นได้สำเร็จ และยกขบวนมารบกับตั๋งโต๊ะได้ตามแผน กองทัพกู้ชาติของโจโฉ ซึ่งมี อ้วนเสี้ยว เป็นแม่ทัพใหญ่ ได้เข้ารบกับกองทัพของ ตั๋งโต๊ะ ซึ่งมี ลิโป้ เป็นขุนพลคู่ใจ รบกันไปได้สักพักตั๋งโต๊ะก็ย้ายเมืองหลวง หอบเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากเมืองลกเอี๋ยง จะไปอยู่เมืองเตียงฮัน โจโฉชวนอ้วนเสี้ยว ให้ยกทัพตามไปจัดการให้แตกหัก อ้วนเสี้ยวก็บ่ายเบี่ยง โจโฉเลยคุมทหาร ที่เป็นพรรคพวกของตน ซึ่งมีอยู่ประมาณหมื่นเศษ พร้อมด้วยนายทหารคู่ใจหกคนตามไปเอง จนทันกองคาราวานของตั๋งโต๊ะ ที่เมืองเอ๊งหยง เจอกันเข้ากับลิโป้ซึ่งคอยระวังหลัง แฮหัวตุ้นเข้ารบกับลิโป้ได้แค่ห้าเพลง ลิฉุย ทหารเอกของตั๋งโต๊ะก็เข้ามาช่วยทางขวา แฮหัวเอี๋ยนก็ออกไปสกัดกั้นไว้ กุยกี เข้ามาช่วยลิฉุยทางซ้าย โจหยินก็ออกไปปะทะไว้ ทั้งสองฝ่ายสี่นายทหารเอกและลิ่วล้อทั้งหลาย ก็รบกันอุดตลุดเสียงอื้ออึงเอิกเกริก ดังแผ่นดินจะถล่ม แต่ลงท้ายฝ่ายโจโฉซึ่งมีกำลังน้อยกว่า ก็ต้องเป็นฝ่ายถอยออกจากยุทธภูมิก่อน

กองทัพของโจโฉ ถอยมาจนถึงเวลาสองยาม เป็นเวลาข้างขึ้น แสงเดือน สว่างจ้าก็หยุดพักพลหุงหาอาหารเลี้ยงดูกันแต่ยังไม่ทันที่จะตักข้าวเข้าปาก ซีเอ๋ง ลูกน้องของลิโป้ซึ่งซุ่มคอยทีอยู่แถวนั้น ก็เข้าตีแบบจู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัวได้ จนทหารของ โจโฉซึ่งกำลังจะซดข้าวต้มให้ชุ่มคอ ต้องแตกกระจัดกระจายไป โจโฉก็กระโดดขึ้นม้ากะจะควบหนี แต่โชคไม่ดีดันไปเจอะเอาซีเอ๋งเข้าจังหน้า เลยโดนยิงด้วยเกาทัณฑ์ปักติดที่หัวไหล่

โจโฉกัดฟันพยายามที่จะขับม้าหนีต่อไป แต่พวกทหารเลวของข้าศึก เอาทวนแทงม้าล้มลง แล้วช่วยกันกลุ้มรุมจับตัวไว้ได้ บังเอิญโจหองควบม้าเข้ามาทันเวลาพอดีจึงไล่ฆ่าฟันทหารเลวเหล่านั้นล้มตายลง แย่งเอาตัวโจโฉคืนมาได้ โจโฉเจ็บปวดจากบาดแผลเกาทัณฑ์แสนสาหัส จึงบอกให้โจหองรีบหนีเอาชีวิตรอดไปก่อนเถิดอย่ามัวเสียเวลาเลย

โจหองลงจากหลังม้าให้โจโฉขี่ แล้วตนเองก็เดินนำคอยรบป้องกันไปพลาง โจโฉซึ้งในน้ำใจโจหองมากถามว่า

".....ท่านเดินเท้าจะต่อรบได้เหมือนขี่ม้าหรือ.....”

โจหองตอบว่า

"....แผ่นดินเป็นจลาจลครั้งนี้หาผู้ใดจะคิดทำนุบำรุงไม่ หากท่านเป็นต้นคิด หัวเมืองทั้งปวงจึงพลอยมาทำการด้วย ถ้าชีวิตข้าพเจ้าจะตายก็ตายเสียเถิด ขอให้ท่านรอดอยู่ จะได้คิดบำรุงแผ่นดินสืบไป....."

โจโฉจึงขึ้นม้า ฝ่ายโจหองก็ถอดเกราะทิ้งถือง้าวเดินตามไป จนสามยามเศษถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง ได้ยินเสียงทหารข้าศึกตามมาข้างหลังโจหองก็ถอดเสื้อออกอีกให้โจโฉขี่หลังพาว่ายข้ามแม่น้ำไป แม้ทหารที่ไล่ติดตามจะระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ ก็รอดได้จนถึงฝั่ง พากันเดินต่อไปอีกประมาณสามสิบเส้น ก็หยุดพักแต่ยังไม่ทันจะหายเหนื่อย ซีเอ๋งซึ่งคุมทหารข้ามแม่น้ำก็ตามมาทัน ก็เข้าล้อมสองนายบ่าวไว้

เคราะห์ยังดีที่ แฮหัวตุ้น กับ แฮหัวเอี๋ยน ซึ่งคุมทหารม้าที่เหลือประมาณสิบหกสิบเจ็ดม้า ข้ามแม่น้ำตามมาถึงทันเวลาพอดี แฮหัวตุ้นเข้ารบกับซีเอ๋งได้แค่สิบเพลงก็เอาทวนแทงซีเอ๋งตกม้าตาย แล้วก็ไล่ฆ่าฟันทหารข้าศึกแตกกระเจิงไป จนโจหยิน ลิเตียนและงักจิ้น คุมทหารประมาณสามร้อยคนตามมาสมทบอีก จึงพากันยกขบวนไปอยู่เมืองโห้ลาย

พอ อ้วนสุด เจ้าเมืองลำหยง น้องของอ้วนเสี้ยวรู้ข่าว ก็ให้คนไปรับโจโฉมา ปรึกษา หาหนทางที่จะดำเนินการทำสงครามต่อไป โจโฉก็ทอดใจใหญ่หายอยาก เพราะมองเห็นการแตกแยกความสามัคคีของทหารที่มาจากหัวเมืองต่าง ๆ อย่างเช่น ซุนเกี๋ยน เจ้าเมืองเตียงสา ยกไปเป็นทัพหน้าก็โดนหักหลังจากอ้วนสุดซึ่งเป็นแม่กองเสบียง แต่ไม่ยอมส่งข้าวปลาอาหารให้ตามกำหนด

ครั้นพอซุนเกี๋ยนเข้าเมืองลกเอี๋ยง หลังจากที่ตั๋งโต๊ะถอนตัวไปแล้ว เก็บตราหยกประจำตัวพระเจ้าแผ่นดินได้ ก็โลภคิดจะยักยอกเอาไว้เสียเอง เลยขัดใจกันกับ อ้วนเสี้ยวผู้เป็นแม่ทัพใหญ่

ข้าง กองซุนจ้าน ซึ่งมี เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เป็นทหารเอก ก็ยกพวกกลับไปเมืองปักเป๋ง อย่างไม่ยอมสนใจใยดีกับใคร

ส่วน เล่าต้าย เจ้าเมืองอิวจิ๋วนั้นขาดแคลนอาหาร ไปขอยืมจากคลังเสบียงของ เตียวเมา เจ้าเมืองตันลิวก็ไม่ได้ ก็โกรธยกทหารเข้าตีค่ายเตียวเมาแตกกระเจิง คนอื่นนอกนั้นก็ล้วนไม่มีกำลังใจที่จะสู้รบต่อไป พากันยกกองกำลังแยกย้ายกลับบ้านเมืองของตนไปหมด

โจโฉจึงเลิกเป็นพันธมิตรกับอ้วนเสี้ยวพาทหารกับพรรคพวกไปอยู่เมืองเอ๊งจิ๋วบ้าง กองทัพของประชาชนตามความคิดก้าวหน้าของโจโฉ จึงเป็นอันล่มสลายลงไปตั้งแต่บัดนั้น

อยู่มาอีกนาน จน อ้องอุ้น ออกความคิดให้ลิโป้ฆ่าตั๋งโต๊ะตาย และ ลิฉุยกับกุยกี ลิ่วล้อของตั๋งโต๊ะกลับมาแก้แค้นแทนนายฆ่าอ้องอุ้นตาย จนลิโป้ต้องหนีเตลิดเปิดเปิงไปจากเมืองหลวง ปล่อยให้ลิฉุยกุยกียึดอำนาจ จัดการตั้งตนเองเป็นผู้ว่าราชการ ฝ่ายทหารและพลเรือน มีอำนาจสิทธิ์ขาดแล้ว ก็เกิดการกำเริบของโจรโพกผ้าเหลือง ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จึงมีหนังสืออ้างรับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้โจโฉยกทหารไปกำราบปราบปรามโดยเด็ดขาด

โจโฉก็ยกทหารของตนไปตามรับสั่ง เข้ารบกับพวกโจรโพกผ้าเหลือง ที่ตำบลซิวสุน แดนเมืองเซียงจิ๋ว ฆ่าฟันพวกโจรล้มตายลงเป็นอันมาก แล้วก็รุกไล่ติดตามต่อไป จนถึงแดนเมืองเจปัก มีพวกโจรยอมแพ้ จับเป็นได้ประมาณห้าหมื่นคน โจโฉจึงใช้โจรที่ยอมอ่อนน้อมเหล่านั้น ไปกวาดล้างพวกที่ยังไม่ยอมแพ้ ให้ทั่วทุกตำบลที่ยังถูกยึดครองอยู่ ต้องตระเวนไปปราบปราม อีกร่วมสองเดือน จึงสงบเรียบร้อยราบคาบลง ได้พวกโจรที่ยอมสามิภักดิ์ด้วยถึงสามสิบหมื่น สามารถปลดปล่อยประชาชน ที่พวกโจรควบคุมไว้ได้ประมาณร้อยหมื่น โจโฉก็คัดเอาชายฉกรรจ์ไว้เป็นทหาร ประมาณยี่สิบหมื่นเศษ นอกนั้นให้กลับไปทำมาหากินตามภูมิลำเนาเดิมทั้งหมด

โจโฉจึงมีกำลังพล อยู่ในกองทัพของตนขณะนั้น ร่วมห้าสิบหมื่น และเมื่อได้กราบทูลให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงทราบ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ภาคตะวันออก โจโฉจึงยกพหลพลโยธา ไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองกุนจิ๋ว อย่างเป็นปึกแผ่นแน่นหนา สามารถจะขยายอิทธิพลออกไปอย่างกว้างขวางใหญ่โต จนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ยุคสามก๊ก ได้ในภายหลัง

แต่ถ้าไม่มีลิ่วล้อผู้ซื่อสัตย์ และกล้าหาญอย่าง โจหอง คอยช่วยชีวิตไว้ ตั้งแต่การรบครั้งแรกที่ยุทธภูมิเมืองเอ๊งหยงแล้ว โจโฉก็คงจะถูกลบชื่อออกไปจากสามก๊กตั้งแต่ต้นแล้วอย่างแน่นอน.

##########




 

Create Date : 09 เมษายน 2560    
Last Update : 9 เมษายน 2560 13:04:00 น.
Counter : 461 Pageviews.  

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ (๔)

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ (๔)





 

Create Date : 09 เมษายน 2560    
Last Update : 9 เมษายน 2560 12:46:22 น.
Counter : 1055 Pageviews.  

๓.๕ ผู้ทำคุณบูชาโทษ (๕)

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

ตันก๋ง…..ผู้ทำคุณบูชาโทษ

ตอนที่ ๕ มีนายผิดคิดจนตัวตาย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ตันก๋งได้เป็นที่ปรึกษาของลิโป้ อยู่ที่เมืองชีจิ๋วต่อมาอีกเป็นเวลานาน โดยไม่มีภัยมาแผ้วพาน เพราะโจโฉมัวไปรบทางอื่นเสีย ลิโป้ก็เลยชักจะหลงระเริงมัวเมาอยู่ในความสุข ปล่อยให้ตันกุ๋ยกับตันเต๋งที่ปรึกษาสองพ่อลูก ยกยอปอปั้นจนลืมตัว ตันก๋งผู้ซื่อสัตย์ก็เตือนว่า อย่าไปหลงคารมของสองพ่อลูกนั้นให้มากเกินไปนัก เพราะดีแต่ปากส่วนใจนั้นคอยคิดร้ายอยู่เสมอ ขอให้ระวังตัวไว้ให้ดี ลิโป้กลับเห็นว่าตันก๋งอิจฉาริษยา เพราะสองคนนั้นได้ดีกว่าตน ตันก๋งก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ต้องปลีกตัวออกมานอนอยู่บ้านเสีย เพราะความคิดของนายชักจะแปรปรวนไปทุกวัน จะทิ้งไปอยู่ที่อื่นก็ไม่รู้จะไปข้างไหน ได้แต่วิตกทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว อาศัยได้พักผ่อนด้วยการไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่านอกเมือง

ส่วนเมืองเสียวพ่ายที่ลิโป้ชิงมาจากเล่าปี่ได้นั้น ก็ให้โกซุ่นอยู่รักษาเอาไว้ แต่ต่อมาเล่าปี่ซึ่งหนีไปพึ่งโจโฉ และได้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว ต่อมาทำความชอบแก่โจโฉ จึงได้กลับมาอยู่ที่เมืองเสียวพ่ายตามเดิม โดยโจโฉเกลี้ยกล่อมลิโป้ให้เลิกผูกพยาบาทเล่าปี่เสีย จงปรองดองกันเถิด ลิโป้ก็เชื่อคำโจโฉ แต่ที่แท้โจโฉบอกกับเล่าปี่ว่า เมื่อไปอยู่เมืองเสียวพ่ายแล้ว จงคิดอ่านกับตันกุ๋ยและตันเต๋ง หาทางกำจัดลิโป้ให้สำเร็จ

วันหนึ่งตันก๋งไปล่าสัตว์ในป่า เจอม้าใช้ของโจโฉควบม้าออกมาจากเมืองเสียวพ่าย จึงให้ทหารของตนจับตัวมาสอบอสวน เมื่อเอาตัวทหารของโจโฉมาให้ลิโป้ ก็พบหนังสือลับจากเล่าปี่ถึงโจโฉซุกซ่อนอยู่ มีความว่า ที่มหาอุปราชให้คิดกำจัดลิโป้เสียนั้น ยังทำไม่ได้เพราะมีกำลังน้อย ขอให้โจโฉยกทัพมาเองจะได้ช่วยกัน ลิโป้รู้ว่าโจโฉกับเล่าปี่คบคิดกันทำร้ายตนก่อน ก็ให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยว ยกทหารไปตีเมืองเสียวพ่าย อีกพวกหนึ่งให้ยกไปทางตะวันตกเพื่อตีเมืองยี่เอ๋ง ตันก๋งนั้นให้ยกทหารไปเกลี้ยกล่อมพวกโจรที่เขาไทสัน เมื่อได้ไพร่พลเพิ่มขึ้นแล้ว ให้ยกไปทางตะวันออก ลุยดะไปให้ถึงเมืองกุนจิ๋ว

ทางเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยจัดกำลังตั้งรับ แล้วมีหนังสือไปขอให้โจโฉยกทัพมาช่วย เตียวเลี้ยวก็ได้แต่ล้อมเมืองไว้ จนทหารของโจโฉที่ยกมาช่วยเล่าปี่ ปะทะกับทหารของลิโป้ที่ยกมาช่วยพวกของตนเหมือนกัน เลยเกิดเป็นศึกใหญ่ผลัดกันรุกผลัดกันถอย จน ลิโป้ต้องลงมือแสดงเอง ตีเอากวนอูเตียวหุยแตกกระจาย พลัดกับเล่าปี่ไปคนละทาง

ฝ่ายตันก๋งนั้นเกลี้ยกล่อมพวกโจรที่เขาไทสัน ได้ตัวนายมาสี่คนกับไพร่พลอีกมาก ก็ยกไปตีหัวเมืองรายทางด้านตะวันออกเรื่อยไป จนยึดด่านเสียวก๋วนซึ่งอยู่ชายแดนด้านตะวันออกไว้ได้ โจโฉจึงยกทหารตามไปแก้ไข พวกนายโจรทั้งสี่ก็สู้รบต้านทานไว้เป็นสามารถ แต่สู้ฝีมือเคาทู ทหารเอกของโจโฉไม่ได้ ต้องกลับเข้าไปตั้งมั่นอยู่ในด่าน ให้โจโฉล้อมไว้

ลิโป้ซึ่งยึดเมืองเสียวพ่ายได้แล้ว ให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยวรักษาไว้ ตนเองกลับมาเมืองชีจิ๋ว เมื่อรู้ข่าวว่าตันก๋งถูกล้อมอยู่ที่ด่านเสียวก๋วน ก็ตั้งให้ ตันกุ๋ยผู้พ่ออยู่รักษาเมืองชีจิ๋ว ตนเองเอาตันเต๋งผู้ลูกไปในกองทัพ ที่จะยกไปช่วยตันก๋ง ก่อนออกเดินทางตันเต๋งก็ทำอุบายให้ลิโป้แบ่งทหารเอาครอบครัวกับเสบียง ไปตั้งอยู่ที่เมืองแห้ฝือ ถ้าพลาดพลั้งอย่างไรก็จะได้ไปอาศัยอยู่ ลิโป้ก็เชื่อเพราะเป็นห่วงครอบครัวอยู่เหมือนกัน

พอยกพลมาได้ครึ่งทาง ตันเต๋งก็แนะนำให้หยุดพักกองทัพไว้ก่อน ตนจะไปสืบข่าวดูลาดเลาทางกองทัพโจโฉให้รู้เรื่องราว ลิโป้ก็เชื่ออีก ตันเต๋งก็เข้าไปหาตันก๋งในด่าน บอกว่าที่พวกโจรเสียทีโจโฉ แตกถอยเข้ามารักษาด่านนี้ ลิโป้โกรธมากจะเอาโทษนายทัพ แต่ตันก๋งไม่ได้ห่วงตนเอง กลับสั่งตันเต๋งให้ไปบอกลิโป้ว่า ศึกครั้งหนักนัก ให้รีบถอยไปรักษาเมืองชีจิ๋วเอาไว้ให้ดี

ตกค่ำตันเต๋งก็ขึ้นไปบนเชิงเทิน เขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ ยิงไปตกในกองทัพโจโฉที่ตั้งค่ายประชิดอยู่ บอกว่าจะอาสาเป็นไส้ศึกอยู่ในด่าน ถ้าจุดเพลิงขึ้นให้เข้าตีด่าน จะช่วยให้สำเร็จ

แล้ววันรุ่งขึ้นก็กลับมาหาลิโป้ บอกว่าพวกโจรที่รักษาค่ายอยู่นั้น ทำท่าจะเป็นใจกับโจโฉหมดแล้ว ให้รีบยกไปช่วย ลิโป้ก็บอกให้ตันเต๋งไปก่อน แล้วนัดตันก๋งว่าจะไปช่วยคืนนี้ ให้เปิดประตูรับด้วย

ตันเต๋งก็ย้อนมาหาตันก๋งอีกบอกว่า ลิโป้สั่งว่าโจโฉยกมามาก ด่านนี้ไม่สำคัญให้ยกกลับไปเมืองชีจิ๋ว ช่วยลิโป้ป้องกันเมือง ตันก๋งก็ลืมไปว่าตันเต๋งนั้นเป็นอริกับตนอยู่ ก็พลอยหลงเชื่อไปด้วย รีบคุมทหารออกจากด่านไปในตอนค่ำโดยไม่บอกใคร

ตันเต๋งก็ลอบจุดเพลิงขึ้นตามที่นัดหมายกับโจโฉไว้ ลิโป้เห็นแสงเพลิงคิดว่าตันก๋งส่งสัญญาณ ก็ยกทหารจะเข้าไปในค่าย สวนกับตันก๋งและทหารในความมืด ทั้งสองฝ่ายคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นทหารของโจโฉ จึงเข้าสู้รบฆ่าฟันกัน ล้มตายลงเป็นอันมาก

ส่วนโจโฉกลับยกมาอีกทางหนึ่ง นายโจรทั้งสี่ก็ต่อต้านจนสุดกำลังแต่ทานไม่ไหว โจโฉก็พาทหารเข้าค่ายได้ พวกโจรก็หนีกระจัดกระจายตัวใครตัวมัน

ในระหว่างที่รบกันชุลมุนนั้น ตันเต๋งก็ออกจากด่านเสียวก๋วน ไปหาโกซุ่นกับ เตียวเลี้ยวที่เมืองเสียวพ่าย แจ้งว่าเมื่อวานนี้โจโฉล้อมลิโป้ไว้เห็นจะสู้ไม่ได้ จึงให้ตนรีบมาหาให้ยกทหารไปช่วย ทั้งสองนายก็ตกใจสำคัญว่าจริง ก็ยกออกจากเมืองเสียวพ่ายมุ่งไปช่วยลิโป้ ตันเต๋งจึงออกไปพาทหารโจโฉเข้ามายึดเมืองเสียวพ่ายได้อย่างง่ายดาย

จนรุ่งเช้าลิโป้กับตันก๋งจึงเห็นหน้ากัน และรู้ว่าถูกหลอกให้รบกันเอง ด้วยฝีปากของตันเต๋ง จึงรีบยกทหารที่เหลือกลับเมืองชีจิ๋ว แต่ประตูเมืองไม่ยอมเปิด บิต๊กลูกน้องของเล่าปี่โผล่ออกมาบนเชิงเทินบอกว่า เมืองชีจิ๋วเป็นของเล่าปี่นายตน บัดนี้จะเอาคืนให้เล่าปี่แล้ว ลิโป้ยังมีแก่ใจถามว่าตันกุ๋ยซึ่งสั่งให้รักษาเมืองไปอยู่เสียที่ไหนเล่า บิต๊กบอกว่าถูกฆ่าตายไปแล้ว ลิโป้หันมาถามตันก๋งว่า ตันเต๋งลูกชายตันกุ๋ยมาด้วยหรือเปล่า ตันก๋งก็บอกว่ามันเป็นศัตรูหลอกลวงเราถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะรออยู่ให้เห็นหน้าอีกหรือ ลิโป้จึงได้สติแลเห็นความทรยศของสองพ่อลูก ดังที่ ตันก๋งได้เคยเตือนไว้แล้ว

ลิโป้กับตันก๋งก็ยกทหารกลับไปเมืองเสียวพ่าย มาได้กลางทางก็พบโกซุ่นกับเตียวเลี้ยว ลิโป้ก็ว่าตนใช้ให้เฝ้ารักษาเมืองเสียวพ่าย เหตุใดจึงทิ้งเมืองมา ทั้งสองก็ว่าถูกอุบายตันเต๋งล่อลวงให้มาช่วยลิโป้ และขอยอมรับผิดที่ทิ้งเมืองมา ตันก๋งจึงว่าซึ่งตันเต๋งคิดร้ายเราดังนี้ จะทำประการใด ลิโป้ก็ว่าอย่าวิตกเลย ตนจะจัดการกับมันเอง แล้วทั้งสี่นายก็ยกพลกลับไปเมืองเสียวพ่าย แต่ตันเต๋งไม่เปิดประตูให้ ลิโป้ก็ควบม้าเข้าไปถึงเชิงกำแพง ร้องด่าตันเต๋งว่า

“……….ตัวมึงสองคนพ่อลูก กูรักใคร่ตั้งให้เป็นขุนนาง บัดนี้มึงทรยศต่อกู กูจะตัดศรีษะมึงเสียให้ได้…….”

ตันเต๋งก็ตอบว่า

“……..ตัวอย่าโอหังเจรจา เราเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ต่างหาก เมื่อครั้งอ้วนสุดยกมาตีเมืองชีจิ๋วนั้น ก็เพราะความคิดของเรากับบิดาเรา ตัวจึงรอดจากความตาย บัดนี้กลับมาว่าเราทรยศอีกเล่า…….”

ลิโป้ก็โกรธขับทหารเข้าตีหักเอาเมืองเสียวพ่าย แต่ไม่สำเร็จเพราะเตียวหุยกับกวนอู ที่แตกหนีไปคราวก่อน รวบรวมกำลังพลกลับมาช่วยตันเต๋ง ลิโป้เสียกำลังมาหลายครั้งก็ไม่สามารถจะต่อสู้ได้ จึงต้องพาพรรคพวกไปอยู่ที่เมืองแห้ฝือ ตามแผนการของตันเต๋งจนได้ โจโฉก็ยกกองทัพเข้าล้อมเมืองแหฝือไว้

ลิโป้นั้นเห็นว่าเมืองแห้ฝือ มีเสบียงอาหารบริบูรณ์ คูเมืองก็กว้างและลึก เมื่อโจโฉยกมาล้อมก็ไม่ออกไปสู้รบด้วย คงรักษาเชิงเทินไว้แน่นหนา ตันก๋งจึงบอกแก่ลิโป้ว่า

“………บัดนี้โจโฉยกทัพมายังมิได้ตั้งมั่น เป็นไฉนท่านจึงนิ่งอยู่ ไม่คิดอ่านที่จะยกออกรบกับโจโฉ แม้โจโฉตั้งมั่นแล้ว เห็นเราจะทำการยาก……..”

ลิโป้ก็ว่าเราทำศึกกับโจโฉเสียทีมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้จะขอตั้งมั่นอยู่แต่ในเมือง คอยให้โจโฉเข้ามาถึงกำแพงเมือง จึงค่อยออกรบ

โจโฉก็ขึ้นม้าเข้ามาใกล้กำแพงเมือง แล้วเกลี้ยกล่อมลิโป้ว่า เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะเป็นขบถ ลิโป้ได้คิดอ่านฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย มีความชอบต่อแผ่นดินเป็นอันมาก คราวนี้มาคบคิดกับอ้วนสุด ซึ่งเป็นขบถต่อแผ่นดิน กิตติศัพท์รู้ถึงฮ่องเต้ จึงให้ตนออกมาปราบปราม แม้ว่าไม่ได้คบคิดกับ อ้วนสุด และยังมีน้ำใจซื่อตรงต่อแผ่นดินอยู่ ให้ยอมมอบตัวเสียโดยดี

ลิโป้ก็ชักเสียงอ่อนลง จะขอปรึกษาพรรคพวกก่อน ตันก๋งซึ่งยืนอยู่ใกล้ลิโป้ได้ยินดังนั้น ด้วยใจที่เกลียดชังโจโฉ ไม่อยากให้ลิโป้กลับใจไปปรองดองกับโจโฉ จึงยิงเกาทัณฑ์ลงไปถูกพู่หมวกโจโฉเป็นการขู่ขวัญ โจโฉมองเห็นเพื่อนเก่าอยู่กับฝ่ายตรงข้าม จึงร้องประกาศว่า กูจะฆ่ามึงเสียให้หายความแค้น แล้วก็ชักม้ากลับไม่ยอมเจรจาด้วยดีอีกต่อไป

ตันก๋งก็แนะนำลิโป้ว่า

“………โจโฉยกมาจากเมืองฮูโต๋ช้านานแล้ว เห็นทหารจะอิดโรย ขอให้ท่านแบ่งทหารออกไปตั้งอยู่นอกเมือง ข้าพเจ้าจะคุมทหารอยู่รักษาเมือง แม้โฉยกเข้าตีเมือง ท่านจงยกเข้ากระหนาบหลังโจโฉ ข้าพเจ้าจะต้านหน้าไว้ ถ้าโจโฉจะรบกับท่าน ข้าพเจ้าจะยกทหารออกรบหลังโจโฉ แม้คิดเป็นกลล่อไว้ฉะนี้ โจโฉก็จะพะว้าพะวัง สิ้นเสบียงอาหารแล้ว ก็จะเสียทีเรา…….”

ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย จึงจัดแจงทหารไว้พร้อมแล้ว ก็เข้าไปหานางเหงียมซีภรรยาใหญ่ แจ้งเนื้อความให้ฟัง นางก็ร้องไห้ขอร้องอย่าทิ้งเมืองออกไปเลย ลิโป้ก็สงสารเมียจึงเลิกล้มความคิดของตันก๋งเสีย และไม่ออกว่าราชการถึงสามวัน ตันก๋งก็เข้ามาเตือนว่า

“…….บัดนี้โจโฉยกทหารรุกเข้ามาถึงเชิงกำแพง เป็นไฉนท่านมานิ่งอยู่ฉะนี้ เมืองมิเสียแก่โจโฉหรือ……”

ลิโป้ก็ว่าไม่เอาแล้ว อยู่ในเมืองดีกว่า ตันก๋งก็เปลี่ยนแผนใหม่ ว่า

“…….ข้าพเจ้าได้กิตติศัพท์ว่า เสบียงอาหารในกองทัพโจโฉเบาบางลงแล้ว บัดนี้โจโฉให้ทหารกลับไปเอาเสบียง ณ เมืองฮูโต๋ ขอให้ท่านยกไปสกัดชิงเสบียง โจโฉเห็นจะเสียทีแก่เรา…..”

ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย แต่พอเข้าไปปรึกษาภรรยา นางก็ห้ามปรามอีก ลิโป้ก็สงสารนางเป็นกำลัง ไม่รู้จะคิดอ่านผ่อนปรนประการใด จึงไปหานางเตียวเสียนภรรยาน้อย ที่แย่งชิงเอามาจากตั๋งโต๊ะ นางก็วิงวอนห้ามปรามอย่างเดียวกัน ลิโป้ก็ออกมาบอกกับตันก๋งว่า โจโฉอาจจะทำกลลวงก็ได้ ขืนออกไปก็เห็นจะเสียทีโจโฉ

ตันก๋งก็หมดปัญญาที่จะแนะนำต่อไปอีก ได้แต่ปรารภกับนายทัพนายกองทั้งปวงว่า ตัวเราทั้งหลายทุกวันนี้เห็นจะถึงแก่ความตายสิ้น เพราะลิโป้คิดการผิดพลาดไปเสียแล้ว

ตั้งแต่นั้นมาลิโป้ก็ขลุกอยู่แต่ภรรยาทั้งสอง เสพสุราทุกวันหวังจะให้คลายทุกข์ เพราะเหลือแต่ตัวคนเดียวแล้ว นอกนั้นเป็นศัตรูหมด ให้ทหารไปติดต่อขอยกลูกสาวให้อ้วนสุด เป็นไมตรีดังเดิม อ้วนสุดก็ไม่เอาด้วย แม้เจ้าเมืองโห้ลายซึ่งเป็นพวกลิโป้ จะยกทหารมาช่วยก็ถูกลูกน้องฆ่าตายเสียก่อนที่จะยกมา

โจโฉล้อมเมืองแห้ฝือไว้ถึงสองเดือน ลิโป้ก็ไม่ยอมออกไปสู้รบ คงเสพสุราทุกวันมิได้ขาด แต่ก็รักษาเชิงเทินไว้มั่นคง ข้าศึกตีหักเข้ามามิได้ โจโฉจึงเปลี่ยนวิธีใหม่ ให้ทหารไปทดน้ำในแม่น้ำแห้ฝือ ซึ่งไหลผ่านทางด้านตะวันตกของเมือง ขณะนั้นเป็นฤดูน้ำหลาก แล้วกั้นทำนบให้น้ำไหลบ่าเข้ามืองทางเดียว น้ำก็ท่วมเมืองมากขึ้น ใครจะมาบอกลิโป้ก็ไม่ฟัง คงเสพสุราจนหมดสง่าราศรี พอภรรยาเอากระจกมาส่องให้ดูหน้า ลิโป้ซึ่งเดิมเป็นชายรูปงาม เห็นหน้าตาตนเองเศร้าหมองแล้วก็เกิดกลับใจ เลิกเสพสุราและออกประกาศห้ามทหารทั้งปวงไม่ให้กินสุรา ใครฝ่าฝืนจะถูกตัดศรีษะ

เผอิญนายทหารผู้หนึ่งชื่อเฮาเสง มีความดีความชอบ ในการจับผู้ร้ายลักม้าได้ เพื่อนฝูงมาเยี่ยมแสดงความยินดี เฮาเสงอยากจะเอาใจเพื่อน จึงไปขออนุญาตลิโป้ขอเลี้ยงสุราเพื่อน ลิโป้ก็โกรธให้เอาตัวไปฆ่าเสีย แต่ซงเหียนกับงุยซก ซึ่งเป็นที่ปรึกษาขอโทษไว้ จึงให้โบยห้าสิบที ทหารทั้งปวงก็เสียใจว่าลิโป้ไม่รักทหาร เชื่อฟังแต่ภรรยา จึงคิดเอาใจออกห่าง เพื่อให้เอาตัวรอดเป็นจำนวนมาก

เฮาเสงจึงลักเอาม้าเซ็กเธาว์ ซึ่งเป็นม้าชั้นดีสูงสี่ศอกเศษ ขนแดงดังถ่านเพลิงทั่วตัว มีฝีเท้าเดินทางได้วันละหมื่นเส้น แม้ขึ้นเขาหรือข้ามน้ำก็เหมือนเดินในที่ราบ ซึ่งลิโป้ได้เป็นของกำนัลจากตั๋งโต๊ะ เมื่อคราวฆ่าเต๊งหงวนพ่อเลี้ยงคนแรก และใช้ออกศึกสงครามคู่ขามาเป็นเวลานาน เอาไปให้โจโฉเป็นการตัดกำลังก่อน โจโฉก็ทำหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมืองว่า บัดนี้ลิโป้สิ้นอำนาจแล้ว ผู้ใดจับตัวส่งให้โจโฉได้จะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แล้วก็ยกทหารเข้าทำลายประตูเมือง และปีนกำแพงเมืองเข้าไป

ลิโป้หาม้าไม่ได้ก็ฉวยทวนคู่มือขึ้นเชิงเทิน สู้รบกับทหารที่บุกเข้ามาอย่างทรหด ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ทหารโจโฉต้องถอยลงไป ลิโป้ก็หมดแรงต้องลงมานั่งพิงประตูเมือง แล้วก็ม่อยหลับไป ซงเหียนกับงุยซกก็ขับทหารที่เฝ้ารักษาลิโป้ ให้ถอยออกไปจะปรึกษาราชการด้วย แล้วก็หยิบทวนคู่มือเอาไปวางไว้ให้ไกล และช่วยกันจับเอาเชือกมัดไว้แน่น ลิโป้ตกใจตื่นก็ร้องเรียกให้ทหารช่วย ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วย ที่ปรึกษาทั้งสองนายก็เปิดประตูเมือง ให้ทหารโจโฉเข้าเมืองได้

ตันก๋งรู้ว่าเมืองแตกแล้ว ก็พยายามหนีออกนอกเมือง แต่ก็ถูกทหารโจโฉตามจับตัวมาได้ แล้วคุมตัวไปให้โจโฉบนหอรบ มีเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ขนาบข้าง โจโฉก็ถามตันก๋งว่า ตั้งแต่จากกันคราวโน้นแล้ว ยังสบายดีหรือ ตันก๋งโกรธที่โจโฉเยาะเย้ย จึงทวนความหลังว่า

“….ตัวท่านหยาบช้า เจรจามิได้มีความสัตย์ซื่อ มีแต่ล่อลวงให้คน หลงด้วยกลอุบาย เราจึงเอาตัวหนี…….”

โจโฉจึงว่า

“……..เราเป็นคนชั่วจึงคิดออกจากเราแล้ว เหตุใดจึงมิได้อยู่กับผู้อื่น เฉพาะมาอยู่กับลิโป้ซึ่งเป็นคนหยาบช้า……….”

ตันก๋งจึงตอบว่า

“……..ลิโป้นั้นเป็นคนหยาบช้า หาความคิดมิได้ก็จริง แต่มิได้เป็นคนโกหกเหมือนตัว เราจึงมาอยู่ทำการด้วย……..”

โจโฉก็ว่า

“………ลิโป้หาปัญญาไม่ ตัวเป็นคนมีความคิด เหตุไฉนจึงให้ลิโป้เสียแก่เราเล่า…..”

ตันก๋งได้ฟังจึงเหลียวมาว่าแก่ลิโป้ซึ่งถูกมัดอยู่ใกล้กันว่า

“………เพราะตัวมิได้ฟังคำเรา จึงได้เสียการทั้งนี้ แม้ทำการตามคำเราที่ไหนจะได้อัปยศแก่ทหารทั้งปวง…….”

โจโฉได้ยินตันก๋งว่าดังนั้น ก็พูดว่า

“……..ลิโป้ไม่ฟังตัวจึงเสียการ บัดนี้จะคิดประการใดสืบไป…….”

ตันก๋งก็โกรธร้องขึ้นว่า

“…ตัวกูบัดนี้ถึงที่ตายอยู่แล้ว มึงจะมาซักไซ้ถามเอาเนื้อความสิ่งใดอีกเล่า…”

โจโฉก็ทำเป็นไม่โกรธ ถามว่า

“…….ซึ่งตัวว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว แต่มารดากับภรรยานั้น ตัวจะคิดประการใด….”

ตันก๋งได้ฟังดังนั้นก็คิดอาลัยถึงมารดากับภรรยา เสียงจึงอ่อนลงว่า

“……..อันธรรมดาชาติทหารจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ถึงจะจับข้าศึกได้ก็ไม่ทำอันตรายแก่ บิดามารดาและบุตรภรรยา ผู้ใดทำผิดก็ลงโทษแต่ผู้นั้น บัดนี้ตัวเราก็ทำผิด ถึงที่ตายอยู่แล้วมิได้อาลัยแก่ชีวิต เราจะขอฝากมารดากับภรรยา มหาอุปราชจงกรุณาช่วยเลี้ยงดูไว้ด้วย……”

พูดแล้วตันก๋งก็เดินลงจากหอรบจะให้ทหารฆ่าตัวเสีย โจโฉคิดถึงบุญคุณของ ตันก๋งที่มีมาแต่หนหลัง อยากจะใคร่เลี้ยงตันก๋งไว้ จึงให้ทหารยึดตัวไว้ แต่ตันก๋งก็มิฟัง โจโฉมีความสงสารก็เดินตามหลังไปและว่า

“……..ตัวท่านมิพอใจอยู่แล้วก็ตามทีเถิด อันมารดาและภรรยาท่านนั้น อย่าเป็นกังวลวิตกเลย เราจะเลี้ยงไว้ให้เป็นปกติ……..”

ครั้นตันก๋งมาถึงนอกประตูเมืองก็เร่งให้ทหารลงดาบ ทหารก็ฟันตันก๋งตาย โจโฉจึงให้เอาศพไปทำพิธีฝังไว้ แล้วให้คุมมารดาและภรรยาตันก๋ง ไปรักษาไว้ที่เมืองฮูโต๋เป็นอย่างดี

ส่วนลิโป้นั้น โจโฉได้สั่งให้ประหารชีวิต โดยไม่ยอมฟังคำขอร้องอ้อนวอนใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะต่างก็รู้ถึงความชั่วของลิโป้มาแล้วเป็นอย่างดี

จึงเป็นอันจบเกมของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้สมญานามว่า ลูกสามพ่อ ลงไปคนหนึ่ง พร้อมด้วยชีวิตของตันก๋ง ผู้ซึ่งทำคุณแก่ใครก็ไม่ขึ้น ได้รับแต่ความผิดหวังมาตลอดชีวิต จนสุดท้ายซึ่งเลือกนายผิด จึงต้องตายตามนายไปอย่างน่าสมเพท ด้วยน้ำมือของผู้ที่ตนได้เคยช่วยเหลือมาตั้งแต่ต้น นั้นเอง.

###########




 

Create Date : 09 เมษายน 2560    
Last Update : 9 เมษายน 2560 12:27:41 น.
Counter : 241 Pageviews.  

๓.๔ ผู้ทำคุณบูชาโทษ (๔)

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

ตันก๋ง…..ผู้ทำคุณบูชาโทษ

ตอนที่ ๔ ที่ปรึกษาจอมกะล่อน

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ขณะเมื่อลิโป้ได้ครอบครองเมืองชีจิ๋ว แล้วให้เล่าปี่ไปอยู่เมืองเสียวพ่าย โดยเก็บความขุ่นในไว้ในอกนั้น อ้วนสุดน้องชายอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองลำหยง มีตราหยกประจำแผ่นดิน ซึ่ง ซุนเซ็กบุตรชายของซุนเกี๋ยน ได้รับตกทอดจากบิดา เอามาฝากไว้ ก็คิดจะตั้งตัวเป็นเจ้า แต่จะต้องขยายอาณาเขตการปกครองของตนออกไป ให้กว้างขวางกว่าเดิมเสียก่อน เมื่อมองดูผู้ที่เป็นศัตรูสมควรจะกำจัดนั้น ก็คือเล่าปี่กับลิโป้ แต่ลิโป้กล้าแข็งกว่า จึงคิดจะผูกมิตรกับลิโป้เพื่อเล่นงาน เล่าปี่ก่อน

อ้วนสุดจึงมีหนังสือไปถึงลิโป้ พร้อมด้วยข้าวยี่สิบหมื่นถัง เป็นของกำนัล และแจ้งว่าจะยกทัพไปตีเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย ขอให้ลิโป้วางตัวเป็นกลาง อย่าได้เข้าไปช่วยเล่าปี่ ลิโป้ก็รับไว้ด้วยความยินดี ตามนิสัยดั้งเดิม

อ้วนสุดก็ให้กิเหลงคุมทหารห้าหมื่นไปตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่มีทหารเพียงห้าพัน จึงแจ้งไปยังเมืองชีจิ๋ว ซึ่งขึ้นการปกครองอยู่ ให้ยกไปช่วยด่วน ลิโป้ก็ปรึกษากับตันก๋งตามเคย ตันก๋งเห็นว่าควรจะช่วยเล่าปี่ เพราะเป็นคนบ้านใกล้และอยู่ในปกครอง แต่ต้องใช้อุบายนิดหน่อย เพราะรับของกำนัลเขาไว้แล้ว

ลิโป้จึงยกทหารไปขวางทัพทั้งสองไว้ และให้ทหารไปเชิญแม่ทัพทั้งสองฝ่ายมาพบกัน กิเหลงก็ต่อว่าลิโป้ที่รับของกำนัลจากนายของตนไว้แล้ว ว่าจะไม่ช่วยเล่าปี่ แล้วทำไมจึงยกทัพมา ท่านคิดทำการทั้งนี้ จะฆ่าเราเสีย หรือจะฆ่าเล่าปี่ ลิโป้ก็ว่าตนมิได้คิดร้ายแก่ท่านทั้งสอง แต่ เล่าปี่กับเราเหมือนพี่น้องกัน บัดนี้ท่านจะมาทำอันตรายแก่เล่าปี่ เราจึงยกมาช่วย กิเหลงก็ว่าท่านจำจะฆ่าเราเสียก่อน เล่าปี่จึงจะมีความสุข ลิโป้ก็ว่าตนคิดจะให้ทั้งสองเป็นมิตรต่อกัน ไพร่พลจะได้ไม่ลำบาก แล้วก็ชวนทั้งสองฝ่ายนั่งลงทั้งสองข้าง ชวนให้กินสุรา แล้วก็ให้ทหารเอาทวนไปปักไว้ไกลประมาณห้าเส้น และเสี่ยงสัตย์อธิษฐานต่อเทพยดาฟ้าดินว่า ตนจะยิงเกาทัณฑ์ให้ปักที่ปลายทวน.แม้นยิงเกาทัณฑ์ไปมิได้ถูกปลายทวน ก็ให้ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันตามความคิดเดิม แต่ถ้าตนยิงถูก ทั้งสองฝ่ายจงเลิกทัพกลับไป แม้นผู้ใดมิฟัง ตนก็จะทำสงครามด้วยผู้นั้น

เล่าปี่นั้นไม่อยากรบอยู่แล้ว ก็ไม่ขัดข้อง ส่วนกิเหลงคิดว่าลิโป้หรือจะยิงเกาทัณฑ์ ให้ถูกปลายทวนได้ ก็ยอมตกลงเหมือนกัน ผลปรากฏว่าลิโป้ยิงเกาทัณฑ์ไปปักที่ปลายทวนได้จริง ทั้ง ๆ ที่ล่อสุราเข้าไปตั้งหลายจอก กิเหลงก็เลยต้องยกกองทัพกลับ เพราะถ้าขืนรบกับลิโป้ ก็น่ากลัวว่าจะไม่รอดกลับไปเป็นแน่

อ้วนสุดนั้นพอฟังรายงานจากกิเหลงแล้ว ก็โกรธเป็นกำลัง อยากจะลุยเสียเองทั้งสองเมือง แต่กิเหลงออกความคิดตรงกันข้าม กลับให้เอาสิ่งของไปขอบุตรสาวของลิโป้มาแต่งงานกับลูกชายอ้วนสุด ให้เกี่ยวดองกันเสียเลย ลิโป้ก็จะเลิกเป็นศัตรูหันมาเป็นพวกเดียวกัน ก็จะมีกำลังเข้มแข็งยิ่งขึ้น สามารถกำจัดเล่าปี่ได้ อ้วนสุดเห็นด้วย จึงให้หันอิ้น คุมเครื่องขันหมาก ล้วนแต่เป็นของดีมีราคาเป็นอันมาก เป็นทูตไปเจรจาสู่ขอตามประเพณี

ลิโป้ก็ยอมรับสินสอดด้วยความยินดี แล้วก็ปรึกษากับนางเหงียมซีภรรยาใหญ่ ซึ่งเป็นแม่ของลูกสาวคนที่อ้วนสุดมาสู่ขอ นางก็บอกว่าอ้วนสุดนั้นมีกำลังมาก อยู่เมืองใหญ่ นานไปคงตั้งตัวเป็นเจ้า แล้วลูกสาวเราก็จะได้เป็นใหญ่เป็นโตตามสามี จึงไม่มีข้อขัดข้อง หันอิ้นก็กลับไปบอกอ้วนสุด แล้วก็จัดขบวนกลับมารับตัวเจ้าสาวจะไปแต่งงาน ลิโป้ก็กลับลังเลขึ้นมาอีก

ฝ่ายตันก๋งซึ่งไม่ชอบเล่าปี่ อยากจะให้ลิโป้เป็นพวกอ้วนสุด ก็เข้าไปเตือนว่าทำไมจึงไม่ส่งลูกสาวไป ลิโป้ก็บอกว่าตามธรรมเนียมโบราณ ถ้าเป็นกษัตริย์กำหนดปีหนึ่งจึงจะส่งลูกสาว ถ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่กำหนดหกเดือน ถ้าเป็นคนธรรมดาก็สามสิบวัน อ้วนสุดนั้นมีตราหยกประจำแผ่นดินเทียบเท่ากษัตริย์ ก็ต้องถือปฏิบัติอย่างกษัตริย์ ตันก๋งก็ว่าอย่าปล่อยไว้นาน เดี๋ยวศัตรูอื่นรู้เรื่องยกพวกมาชิงเจ้าสาว จะเกิดวุ่นวายกันใหญ่ ขอให้รีบส่งตัวไปพรุ่งนี้เช้าเลย ลิโป้ก็เชื่อคำที่ปรึกษา สั่งให้ภรรยาจัดแจงส่งตัวลูกสาวขึ้นเกวียนไม้หอม มอบให้หันอิ้นนำขบวนแห่ออกจากเมืองไป

ปรากฏว่าตันกุ๋ยซึ่งเป็นที่ปรึกษาของโตเกี๋ยมเจ้าเมืองเก่า บิดาของตันเต๋งซึ่งเป็นพวกนิยมเล่าปี่ ทราบข่าวการแต่งงานก็เข้าไปเกลี้ยกล่อมลิโป้ว่า แต่ก่อนก็เคยช่วยเล่าปี่ให้พ้นมืออ้วนสุด ตอนนี้กลับจะไปเกี่ยวดองเป็นญาติกับอ้วนสุด ต่อไปอ้วนสุดจะทำอะไรเล่าปี่ก็ไปช่วยไม่ได้ และเมื่ออ้วนสุดทำสงครามต่อไป ก็จะมากะเกณฑ์เมืองชีจิ๋วให้ไปช่วย บ้านเมืองก็จะไม่เป็นสุข และอีกประการหนึ่งอ้วนสุดจะตั้งตัวเป็นเจ้านั้น ก็เท่ากับเป็นขบถต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ เมื่อลิโป้เป็นญาติกับอ้วนสุด ใคร ๆ ก็พลอยเป็นศัตรูกับลิโป้ไปด้วย

ลิโป้ก็หันมาเชื่อตันกุ๋ย สั่งให้ทหารตามไปชิงเอาตัวลูกสาวกลับคืนมา แล้วเอา หันอิ้นไปใส่คุกไว้ พร้อมกับมีหนังสือไปบอกอ้วนสุดว่า ยังจัดแจงสิ่งของไม่เสร็จ ตันกุ๋ยก็ยุให้ส่งตัว หันอิ้นไปให้โจโฉเสีย จะได้มีความชอบ แต่ลิโป้ก็ยังเฉยอยู่

พอดีลิ่วล้อที่ใช้ให้ไปซื้อม้าจากเมืองซัวตั๋ง กลับมารายงานว่า ม้าสามร้อยตัวที่ซื้อมานั้น ขากลับผ่านชายแดนเมืองเสียวพ่าย ถูกโจรตีชิงไปร้อยห้าสิบ สืบดูได้ความว่าหัวหน้าก็คือเตียวหุยเอง ลิโป้จึงยกทหารไปเมืองเสียวพ่ายจะจับตัวเตียวหุย เล่าปี่ก็คุมทหารออกตั้งรับ ลิโป้ก็ชี้หน้าว่าไม่รู้จักบุญคุณที่เคยช่วยเหลือ บังอาจมาตีชิงเอาม้าไปได้ เล่าปี่ก็ว่าไม่เคยทำดังนั้น ลิโป็ก็ยันว่าเตียวหุยนั่นแหละเป็นตัวการ จะรับหรือไม่รับ เตียวหุยโกรธจัดก็ว่าเอามาแล้วละจะทำไม ลิโป้ก็ว่าอ้ายผู้ร้ายคนนี้ ทำการหยาบช้าดูหมิ่นตนมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ยังมาท้าทายอีก

เตียวหุยก็ย้อนเอาว่า ที่ตนชิงม้าเอามานี่โกรธหรือ แล้วที่ตีชิงเอาเมืองชีจิ๋วของ เล่าปี่ไว้นั้น คิดว่าเราพี่น้องจะไม่โกรธบ้างหรือ แล้วทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันดุเดือดถึงร้อยเพลง ก็ยังไม่เสียท่าทีแก่กัน จนค่ำเล่าปี่ก็ตีม้าล่อให้ยกทหารกลับเข้าเมือง ลิโป้ก็ล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน

เล่าปี่ไต่สวนเตียวหุย ได้ความว่าเอาม้าไปซ่อนไว้ที่วัดก๊กอี้บนเนินเขา เล่าปี่จึงให้ทหารออกไปขอขมายอมรับผิดกับลิโป้ และจะเอาม้ามาคืนให้ ลิโป้ก็หายโกรธ แต่ตันก๋งไม่ชอบ เล่าปี่ จึงว่าตอนนี้เป็นทีของเราแล้ว ขืนรั้งรอไม่กำจัดเล่าปี่นานไปจะเป็นอันตรายแก่เราเอง

ลิโป้จึงยกทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ต้านทานไม่ไหว จึงพาพี่น้องตีฝ่าออกทางทิศเหนือ ไปขอพึ่งโจโฉที่เมืองฮูโต๋ ลิโป้ก็มิได้ติดตามเล่าปี่ คงตั้งให้โกซุ่นเป็นเจ้าเมืองเสียวพ่าย แล้วตนเองกับตันก๋งก็กลับไปเมืองชีจิ๋ว

โจโฉก็ขอรับสั่งฮ่องเต้ แต่งตั้งเล่าปี่ให้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว และแต่งตั้งลิโป้ให้เป็นผู้ว่าราชการภาคตะวันออก ลิโป้ก็ดีใจว่าได้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับเล่าปี่และโจโฉอีกต่อไป พอดีอ้วนสุดให้ทหารมาแจ้งว่าจะตั้งตัวเป็นฮ่องเต้บ้าง และให้ลูกชายเป็นเจ้าฝ่ายหน้า จึงขอให้ลิโป้ส่งตัวลูกสาวไปแต่งงานโดยเร็ว ลิโป้ก็ว่าอ้วนสุดเป็นขบถต่อแผ่นดิน จึงเอาตัวหันอิ้นออกจากคุกมาเข้าเครื่องจองจำ แล้วให้ตันเต๋งลูกชายของตันกุ๋ย คุมตัวไปส่งให้โจโฉประหารชีวิตเสีย ตันเต๋งก็เข้าไปประจบประแจงโจโฉ จนได้เป็นเจ้าเมืองกองเหลง ซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองชีจิ๋ว และเพิ่มค่าส่วยให้แก่ตันกุ๋ยผู้พ่ออีกด้วย

พอตันเต๋งกลับมา ลิโป้รู้เรื่องที่สองพ่อลูกได้บำเหน็จรางวัล ก็ด่าว่าใช้ให้ไปหาโจโฉ แทนที่จะเอาความดีความชอบให้นาย กลับเอาดีแต่ตัวสองคนเท่านั้น ลิ่วล้ออย่างนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้ ก็ชักกระบี่จะฆ่าเสีย ตันเต๋งก็ทำใจเย็นอธิบายว่า โจโฉยังไม่ได้ตั้งให้ลิโป้เป็นใหญ่กว่านี้ ก็เพราะจะให้คอยช่วยกำจัดศัตรูด้านนี้ ให้ราบคาบเสียก่อน เพราะโจโฉเชื่อฝีมือลิโป้ว่าเก่งกล้าสามารถ เมื่อขยายอำนาจครอบครองหัวเมืองเพิ่มขึ้น ทรัพย์สินลาภสการก็เพิ่มพูนขึ้นเอง ลิโป้ก็หลงเชื่ออีกตามเคย

ฝ่ายอ้วนสุดเมื่อรู้ว่าลิโป้กลับใจ ไม่ยกลูกสาวให้ แล้วยังส่งตัวหันอิ้นไปให้โจโฉฆ่าเสียอีก ก็โกรธแค้นอย่างยิ่ง สั่งให้ยกกองทัพเจ็ดกองใหญ่ แยกเข้าตีเมืองขึ้นของชีจิ๋วทุกเมือง ไม่ให้ช่วยกันได้ แล้วก็ยกทัพหลวงมุ่งเข้าตีเมืองชีจิ๋ว

ลิโป้ก็เรียกประชุมที่ปรึกษาทั้งสามคือ ตันก๋ง ตันกุ๋ย ตันเต๋ง มาหารือ ตันก๋งก็ว่าที่เกิดเหตุใหญ่ขึ้นนี้ เพราะสองพ่อลูกห้ามไม่ให้ลิโป้ยกลูกสาวให้อ้วนสุด แล้วไปหาความดีความชอบจากโจโฉ สมควรสั่งประหารชีวิตสองพ่อลูกเสีย แล้วตัดศรีษะส่งไปให้อ้วนสุด พร้อมกับชี้แจงให้อ้วนสุดเข้าใจ ก็คงจะเลิกทัพกลับไป

ลิโป้ก็เชื่อที่ปรึกษาเก่า สั่งให้เอาตัวสองพ่อลูกไปปนะหารเสีย แต่ตันเต๋งกับตันกุ๋ยไม่ตกใจ แกล้งยอลิโป้ว่ากลัวอะไรกับทหารทั้งเจ็ดกองนั้น เปรียบเหมือนหญ้าเจ็ดกำอยู่ใกล้ปากโค ถ้าคิดวางแผนให้ดีก็เห็นจะไม่พอฝีมือลิโป้ ขอให้เชื่อคำแนะนำของตนรับรองว่าเมืองชีจิ๋วจะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ลิโป้ก็ยอมเชื่อฟังอีกครั้ง ตันเต๋งจึงออกอุบายไปเกลี้ยกล่อมทหารเอกสองคนของอ้วนสุด ให้ยอมเข้าเป็นพวกด้วยสองกอง เหลืออีกห้ากองลิโป้กับตันก๋งและทหารรองอีกสี่คน ก็แบ่งทหารเข้ารบจนสุดท้าย อ้วนสุดก็แตกพ่ายไปตามคำของพ่อลูกจริง ทั้งคู่ก็เลยรอดชีวิตอยู่คอยเป็นไส้ศึกให้โจโฉและเล่าปี่ต่อไป

ตันก๋งจึงเป็นเหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบ แม้จะหวังดีต่อลิโป้สักเพียงใด ก็ไม่มีพรรคพวกที่จะคัดค้านความคิดเห็ยของที่ปรึกษาจอมกะล่อนทั้งสองได้ เพราะนายของตันก๋งคนนี้เป็นคนหูเบา เชื่อง่าย และเป็นคนโลภเห็นแก่ลาภยศสรรเสริญ และไม่รู้จักกตัญญูต่อผู้ใด แม้ฝีมือจะเข้มแข็งแเกร่งกล้าปานใด ก็ยากที่จะรอดจากศัตรู ที่มีอยู่รอบด้านไปได้.

#########




 

Create Date : 09 เมษายน 2560    
Last Update : 9 เมษายน 2560 12:30:19 น.
Counter : 208 Pageviews.  

๓.๓ ผู้ทำคุณบูชาโทษ (๓)

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

ตันก๋ง…..ผู้ทำคุญบูชาโทษ

ตอนที่ ๓ มิตรไม่แท้และศัตรูไม่ถาวร

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ในการทำศึกระหว่างลิโป้กับโจโฉที่เมืองปักเอี้ยงนั้น ทั้งสองฝ่ายได้พักรบไประยะหนึ่ง เพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวของชาวบ้าน ต่างก็หาเสบียงไว้เลี้ยงกองทัพของตน ลิโป้และตันก๋งนั้นอยู่ที่เมืองปักเอี้ยง กับเตียนซีเศรษฐีใหญ่ซึ่งยอมเป็นพวกด้วย เพราะกลัวฤทธิ์เดชของลิโป้ ส่วนเมืองกุนจิ๋วที่ยึดเอามาจากโจโฉนั้น ให้นายทหารรองสองนายรักษาไว้ จึงถูกเคาทูทหารเสือผู้มีพละกำลังของโจโฉ เข้าตีแย่งเอาคืนไปได้อย่างง่ายดาย แล้วก็ยกพลมาจะเข้าตีเมืองปักเอี้ยง

ลิโป้รู้ข่าวแล้วก็รีบยกทหารออกไปสู้รบด้วย ตันก๋งห้ามก็ไม่ฟัง ขับม้ารำทวนออกไปท้ารบหน้าทัพโจโฉ และลองกำลังกับเคาทูคนเก่งกล้าบ้าบิ่น ถึงยี่สิบเพลงแล้วก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำต่อกัน โจโฉจึงให้ทหารเอกออกมาช่วยอีกห้าคน กลายเป็นมวยหมู่หกต่อหนึ่ง ลิโป้ก็ยังไม่แพ้แต่เห็นว่าจะเอาเปรียบกันเกินไป ก็เลยถอยจะกลับเข้าเมือง ปรากฏว่าเตียนซีซึ่งอยู่บนเชิงเทิน สั่งให้ชักสะพานข้ามคูเมืองออก แล้วร้องบอกลิโป้ว่า ตนเปลี่ยนใจกลับไปเข้ากับโจโฉแล้ว อย่าเข้ามาทำเรื่องวุ่นวายในเมืองอีกเลย ลิโป้ก็ไม่รู้ว่าจะทำประการใด นอกจากก่นด่าบรรพบุรุษของเตียนซี กลับไปกลับมาพอให้บรรเทาความแค้น แล้วก็พาทหารกลับไปเมืองตันลิวตามเดิม ส่วนตันก๋งที่ยังอยู่ในเมืองก็ต้องพาครอบครัวของลิโป้ ตามไปเมืองตันลิวด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ดีกว่านั้นเหมือนกัน

เมื่อโจโฉเข้าเมืองปักเอี้ยงได้ ก็ให้นำตัวเตียนซีมาสอบสวนเป็นประการแรก แล้วลงความเห็นว่า คราวก่อนมีหนังสือไปลวงมาให้เสียทีลิโป้นั้น โทษหนักหนาอยู่ แต่คราวนี้แก้ตัวไม่ให้ลิโป้เข้าเมืองได้ ก็มีความชอบมากเป็นอันเสมอตัว แล้วโจโฉก็ยกทหารตามลิโป้ไปยังเมืองตันลิว

ลิโป้กับเตียวเมา เจ้าเมืองซึ่งสนิทชิดชอบกันอยู่ ก็ช่วยกันรักษาเมืองไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ลิโป้เป็นนักรบที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง แม้ตันก๋งที่ปรึกษาผู้หวังดีจะทัดทานให้คิดดูให้ดีก่อน เพราะโจโฉมีสติปัญญาในการศึกลึกล้ำยิ่งนัก ลิโป้ก็ไม่ฟังตามเคย จึงออกไปดูลาดเลาจะเข้าตีค่ายโจโฉ แต่โจโฉก็วางกับดักไว้อย่างดี เมื่อลิโป้ยกทหารไปเผาป่ารอบค่ายโจโฉเพราะคิดว่ามีข้าศึกซุ่มซ่อนอยู่ ก็ไม่ได้ผลเพราะไม่มีผู้ใดเลย จะยกเข้าตีค่ายก็เห็นเงียบอยู่ จึงลังเลไม่แน่ใจว่าจะทำประการใด ทหารเอกทั้งหกคนของโจโฉ ก็คุมทหารโห่ร้องเข้ามาล้อมลิโป้ไว้ แต่ลิโป้ก็ใช้ฝีมือที่เหนือกว่า ตีหักออกมาได้แต่ตัวคนเดียว แล้วก็ไม่เข้าเมือง โจโฉจึงยกพลเข้าตีเมืองตันลิวแตก เตียวเมาเจ้าเมืองเผ่นหนีไปหาอ้วนสุดที่เมืองลำหยง ตันก๋งก็รับหน้าที่คุมครอบครัวของลิโป้หนีออกจากเมือง ไปเจอลิโป้ที่ริมทะเลชายแดน ปรึกษากันว่าจะไปอาศัยอ้วนเสี้ยวก็ไม่ได้ เพราะเคยผิดใจกันมาแล้ว จึงพากันบ่ายหน้าไปทางเมืองชีจิ๋ว ซึ่งโตเกี๋ยมเคยเป็นเจ้าเมืองอยู่ และลิโป้มีคุณในการที่ช่วยรักษาเมืองครั้งก่อน

แต่คราวนี้ปรากฏว่าโตเกี๋ยมป่วยตายไปแล้ว และยกเมืองชีจิ๋วให้เล่าปี่ครอบครองอยู่แทนทายาทของตน ลิโป้กับตันก๋งก็เข้าไปหาเล่าปี่ ขอฝากเนื้อฝากตัวอาศัยอยู่ด้วย ลิโป้ท้าวความเก่าให้ฟัง และย้ำว่าเมื่อครั้งที่โจโฉยกมา จะทลายเมืองชีจิ๋วให้ราบเรียบนั้น ตนก็ได้ช่วยเหลือโดยการไปตีเมืองกุนจิ๋วของโจโฉ จนต้องถอยจากเมืองนี้ไปโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แต่รบกันอยู่นานจนโจโฉกลับเป็นผู้ชนะ ตนเองไม่มีที่จะอาศัย จึงต้องหนีมาพึ่งพาครั้งนี้ เชื่อว่าคงยินดีช่วยเหลือ
เล่าปี่นั้นแม้จะเคยต่อสู้กับลิโป้ แต่ก็นับถือฝีมือว่าเป็นนักรบที่เข้มแข็งกล้าหาญ อยากจะเอาไว้เป็นพวกด้วย และมีอาวุโสสูงกว่า จึงจะยกเมืองชีจิ๋วให้ลิโป้ครอบครองเสียเลย ลิโป้ซึ่งใคร ๆ ก็ตราหน้าว่าเป็นคนโลภ หากตัญญูมิได้ ก็ดีใจอยากจะรับไว้เหมือนกัน แต่เกรงใจกวนอูกับเตียวหุย ซึ่งยืนถลึงตาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ข้างหลังเล่าปี่ จึงแกล้งหัวเราะแล้วว่าตนเองเป็นทหารชำนาญการรบพุ่งเท่านั้น ถ้าจะให้ปกครองบ้านเมืองเห็นจะเกินสติปัญญา ตันก๋งก็ช่วยออกตัวให้ว่า

“…….ธรรมดาเป็นแขกมาหาท่าน แล้วหรือจะบังอาจเก็บเอาทรัพย์สินสิ่งของ เจ้าเรือนไปด้วยนั้น หาควรไม่ และตัวลิโป้ซึ่งมาอยู่ในสำนักท่าน ซึ่งจะคิดชิงเอาเมืองนี้หามิได้ ท่านอย่าได้สงสัยเลย……..”

เรื่องก็ทำท่าว่าจะเรียบร้อยลงด้วยดี เล่าปี่ก็ให้ลิโป้พักอาศัยในเมืองชีจิ๋ว แต่กวนอูกับเตียวหุยนั้น คอยจ้องลิโป้ด้วยความหวาดระแวงอยู่เสมอ เพราะเคยปะทะเห็นฝีไม้ลายมือกันมาแล้ว

วันต่อมาลิโป้เชิญสามพี่น้องมากินเลี้ยงที่บ้าน เพื่อขอบคุณเล่าปี่ซึ่งให้ที่อยู่อาศัย และให้ครอบครัวออกมาคำนับเล่าปี่ แต่เล่าปี่ถ่อมตัวว่าไม่ต้องคำนับหรอก ลิโป้ก็ว่าน้องเราจงให้บุตรภรรยาเราคำนับเถิด เท่านั้นเองเตียวหุยซึ่งคอยจะหาเรื่องอยู่แล้ว ก็โพล่งออกมาว่า

“……..ตัวนี้เป็นไฉน จึงบังอาจเรียกพี่กูว่าน้อง พี่กูเป็นเชื้อพระวงศ์ อุปมาเหมือนต้นไม้ทองใบแก้ว ซึ่งอวดตัวว่ากล้าหาญ จงออกไปลองฝีมือกันดูสักสามร้อยเพลง……..”

เล่าปี่ก็ห้ามปรามไว้ แล้วให้กวนอูพาเตียวหุยออกไปก่อน พร้อมกับขออภัยลิโป้ว่า เตียวหุยคงจะเมาสุรา จึงพูดหยาบคายขออย่าได้ถือโทษเลย แต่พอเล่าปี่ลากลับไปแล้ว สักพักเตียวหุยก็ย้อนกลับมาหาลิโป้ร้องท้าทายว่า เมื่อกี้พี่กูอยู่กูเกรงใจ ตอนนี้พี่กูไปแล้ว มาลองฝีมือกันสักพักดีกว่า ลิโป้ชักอดใจไม่ไหว แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น เล่าปี่ก็ให้กวนอูมาลากตัวเตียวหุยไปเสีย

ลิโป้เห็นว่าขืนอยู่ไปก็ไม่มีความสุขแน่ รุ่งขึ้นอีกวันจึงไปลาเล่าปี่ว่า เมื่อมาขออาศัยท่านก็ยอมให้อยู่ แต่เตียวหุยน้องท่านกลับดูหมิ่นด่าว่าให้เจ็บใจ ขืนอยู่ไปก็จะเคืองใจกันเสียเปล่า ๆ ตนจึงจะขอลาไปหาที่อยู่ใหม่ดีกว่า เล่าปี่ก็เสียใจว่าถ้าลิโป้อยู่กับตนไม่ได้ ผู้คนก็จะนินทาเอา ขอให้ไปอยู่ที่เมืองเสียวพ่ายเถิด ถ้าขาดเหลือสิ่งใดก็ให้บอกมา จะได้ช่วยดูแลส่งเสียให้ แล้ววันหลังตนจะพาเตียวหุยไปขอขมาลิโป้เอง

ลิโป้กับตันก๋งก็เลยต้องพาครอบครัว ไปอยู่ที่เมืองเสียวพ่าย ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในปกครองของเมืองชีจิ๋ว เพราะไม่มีปัญญาที่จะไปอยู่ที่ไหนให้ดีกว่านี้ แต่ลิโป้กับเล่าปี่ก็ดีกันอยู่ได้ไม่นาน โจโฉปราบปรามขุนนางของพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่เป็นศัตรูได้หมดแล้ว ก็ตั้งตัวเป็นมหาอุปราชว่าราชการอยู่ที่เมืองฮูโต๋ ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ แล้วก็คิดถึงเล่าปี่ว่า ถ้าเป็นมิตรกับลิโป้แล้ว ก็อาจชวนกันมารุกรานเอาได้ จึงวางแผนให้ทั้งสองแตกคอกันเสียก่อน จึงให้ทำหนังสือเป็นรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่งตั้งให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วอย่างเป็นทางการ แล้วฝากหนังสือลับส่วนตัวถึงเล่าปี่ ให้ช่วยกำจัดลิโป้ด้วย เล่าปี่ก็ดีใจที่ได้รับหนังสือแต่งตั้ง แต่หนังสือของโจโฉนั้น ขอคิดดูก่อน

ฝ่ายลิโป้รู้ว่าเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วตามรับสั่งฮ่องเต้ ก็ไปแสดงความยินดีตามธรรมเนียม กำลังคำนับกันอยู่ดี ๆ เตียวหุยก็ชักกระบี่ออกมาจะฆ่าลิโป้อีก เล่าปี่ก็กันเอาไว้ได้ ลิโป้ก็สงสัยว่าเตียวหุยโกรธเคืองด้วยเรื่องอะไรหนักหนา จึงคิดพยาบาทอาฆาตจองเวรพาลหาเรื่องตนอยู่เรื่อยไม่เลิกรา

เตียวหุยก็เลยเปิดโปงออกมาว่า

“………ตัวมึงมิรู้จักคุณคน โจโฉจึงมีหนังสือมาให้พี่กูฆ่ามึงเสีย……”

เล่าปี่ก็ตกใจที่เจ้าน้องชายตัวดี เอาความลับออกมาเปิดเผยดังนั้น จึงให้ทหารเอาตัวเตียวหุยออกไปเสียจากที่นั้น แล้วก็พาลิโป้เข้าไปข้างใน เอาหนังสือของโจโฉออกมาให้ดู แล้วเล่าความให้ฟังตามความจริง ลิโป้ก็ว่าโจโฉทำเช่นนี้ก็หวังจะให้เราทั้งสองเป็นศัตรูกัน เล่าปี่ก็ว่าถึงอย่างไรตนก็จะไม่คิดร้ายต่อลิโป้ ขอให้วางใจได้ แล้วก็ชวนลิโป้กินโต๊ะอยู่จนเย็น จึงลากลับไป

ฝ่ายโจโฉพอรู้ว่าเล่าปี่ไม่หลงกล ก็เดินหมากใหม่ ทำหนังสือไปบอกอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงว่า เล่าปี่จะยกทัพมาตีเมืองลำหยง แล้วก็อ้างรับสั่งฮ่องเต้ให้เล่าปี่ยกไปตีอ้วนสุดด้วย เป็นการยุยงให้แตกแยก จะได้ทำลายทีละส่วน

เล่าปี่ก็ต้องยกทหารไปตามรับสั่ง โดยให้เตียวหุยอยู่รักษาเมือง แม้จะไม่ค่อยไว้ใจ แต่เตียวหุยให้สัญญาว่าจะไม่เสพสุรา และให้ตันเต๋งขุนนางเก่าฝ่ายบุ๋นเป็นที่ปรึกษา พอเล่าปี่ยกไปได้ไม่นาน เตียวหุยก็เชิญขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนมาประชุม บอกว่าวันนี้จะเสพสุราให้สนุกสักวัน ต่อไปจะหยุดโดยเด็ดขาด แล้วก็ชวนขุนนางทั้งปวงกินสุรา

แต่มีอยู่คนหนึ่งชื่อโจป้าเป็นทหารเก่า ไม่ยอมกินเพราะไม่เคยกิน เตียวหุยก็บังคับให้กินไปจอกหนึ่ง ครั้นตนเองเมาแล้วจะให้โจป้ากินอีกโจป้าไม่กิน ก็สั่งให้เอาตัวไปเฆี่ยนเสียร้อยหนึ่ง ตันเต๋งจะห้ามปรามก็ไม่ฟัง โจป้าจึงอ้อนวอนขอโทษว่าขอให้เห็นแก่หน้าบุตรเขยของตนเถิด เตียวหุยถามว่าผู้ใดเป็นบุตรเขย โจป้าก็บอกว่าลิโป้ เตียวหุยได้ยินชื่อคู่อาฆาตก็ยิ่งโกรธ เร่งให้เฆี่ยนฝากไปให้ลูกเขยด้วย พอเฆี่ยนได้ห้าสิบที ขุนนางทั้งปวงก็ช่วยกันขอโทษไว้

โจป้ากลับมาบ้านก็ให้คนถือหนังสือไปถึงลิโป้ เล่าเรื่องให้แจ้งทุกประการ และขอให้ยกทหารไปชิงเอาเมืองชีจิ๋วในคืนนี้ เพราะเตียวหุยกำลังเมาอยู่ ลิโป้ปรึกษากับตันก๋ง ที่ปรึกษาก็ว่าบัดนี้ได้ทีแล้ว จงรีบยกไปตีเอาเมืองชีจิ๋วไว้ จะได้อยู่เป็นสุข ลิโป้เห็นชอบด้วยจึงยกทหารไปเป็นการด่วน เตียวหุยเห็นว่าสู้ไม่ไหวแน่ จึงทิ้งเมืองเอาตัวรอดไปกับทหารอีกสิบแปดคน ลิโป้ก็ไม่ได้ตามไป แต่โจป้ายังไม่หายแค้น จึงคุมทหารตามไปถึงริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง เตียวหุยก็หันกลับมาสู้ได้สามเพลงก็แทงโจป้าตกม้าตาย

ลิโป้ก็คิดถึงคุณของเล่าปี่ จึงดูแลรักษาครอบครัวของเล่าปี่ไว้เป็นอย่างดี ส่วน เล่าปี่รบกับอ้วนสุดยังไม่แพ้ชนะ ได้ข่าวว่าเมืองชีจิ๋วถุกลิโป้ยึดได้ ก็ถอยทัพไปทางเมืองกองเหลง อ้วนสุดได้ทีก็ตามมาตีแตก ลิโป้จึงมีหนังสือเชิญเล่าปี่ให้กลับเมืองชีจิ๋ว แล้วพาครอบครัวมามอบให้ ภรรยาทั้งสอง คือนางกำฮูหยินกับนางบีฮูหยิน ก็ยืนยันว่าลิโป้เลี้ยงดูเป็นอันดี ลิโป้ก็ออกตัวว่าที่ยกมาตีเมืองชีจิ๋วนี้ มิใช่จะเห็นแก่สมบัติ แต่เป็นเพราะเตียวหุยมัวแต่เมาสุรา เกรงว่าจะรักษาเมืองไว้ไม่ได้ จึงมาช่วยรักษาไว้ให้ แต่เล่าปี่อายแก่ใจบอกว่า เมืองนี้เดิมตนก็ตั้งใจจะยกให้ลิโป้อยู่แล้ว แต่ลิโป้ไม่เอา คราวนี้ยึดได้แล้วก็อยู่ไปเถิด ตนจะไปอยู่เมืองเสียวพ่ายเอง ลิโป้จะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ยอม คงลาไปจนได้ ลิโป้ก็ส่งเสียเล่าปี่ มิให้ขัดสนในเรื่องต่าง ๆ ทั้งสองก็อยู่กันเป็นปกติสืบไป

ในทางการเมืองมีสำนวนอยู่ว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร คงจะมาจากตอนนี้เอง ลิโป้เคยรบกับเล่าปี่ แล้วก็มาช่วยเล่าปี่รบกับโจโฉ แล้วก็หันมารบกันเอง แล้วก็ดีกันอีก

ส่วนตันก๋งนั้น เมื่อแรกจะเป็นมิตรกับโจโฉก็ต้องผิดหวัง คราวนี้มาเป็นมิตรกับลิโป้ ก็อยากจะให้ลิโป้เป็นใหญ่ โดยไม่ต้องพึ่งทั้งโจโฉและเล่าปี่ แต่ผลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูกันต่อไป

#########




 

Create Date : 09 เมษายน 2560    
Last Update : 9 เมษายน 2560 12:29:18 น.
Counter : 268 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.