|
๕.๕ ผู้เป็นใหญ่ในแดนใต้
สามก๊กฉบับลิ่วล้อ
ผู้ยิ่งใหญ่ในทักษิณ
ตอนที่ ๕ ผู้เป็นใหญ่ในแดนใต้
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อซุนกวนได้ครอบครองเมืองกังตั๋ง ตั้งแต่ พ.ศ.๗๔๒ นั้น มีอายุประมาณสิบแปดปี เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม หน้าผากใหญ่ ปากกว้าง จักษุแดง เคยมีขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งทำนายไว้ว่าจะเป็นคนมีบุญมากกว่าพี่น้องทั้งปวง และอายุยืน นานไปจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ขณะนั้นจิวยี่คุมทหารรักษาด่านอยู่ที่ตำบลปากิ๋ว พอรู้ข่าวว่าซุนเซ็กตายก็กลับมาเมืองกังตั๋ง ซุนกวนก็แจ้งเรื่องที่ซุนเซ็กสั่งความไว้ทั้งหมด จิวยี่ก็รับปากว่าจะช่วยทำนุบำรุงซุนกวนโดยสุจริต แต่ถ่อมตัวว่าสติปัญญายังไม่ถึงขั้น จึงขอให้ไปชวนโลซกชาวเมืองตังฉวน ซึ่งเป็นคนมีทรัพย์สินบริบูรณ์ และกำลังมีคนมาชักชวนไปทำราชการที่เมืองเจาเอ๋อ แต่ยังไม่ได้ตกลงใจ ซุนกวนก็ขอร้องให้จิวยี่ไปชักชวนมาทำราชการอยู่ด้วยกัน
จากนั้นโลซกก็ไปชวนเพื่อนชื่อจูกัดกิ๋นซึ่งเป็นพี่ชายของจูกัดเหลียงหรือขงเบ้ง บ้านเดิมอยู่เมืองเกงจิ๋ว ซึ่งเป็นผู้มีสติปัญญาเหมือนกัน มาด้วยอีกคนหนึ่ง ซุนกวนก็ตั้งให้เป็นที่ปรึกษา
ตอนนี้โจโฉคิดอ่านจะเอาใจซุนกวน จึงถือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั้งให้เป็นเจ้าเมือง กังตั๋งโดยถูกต้อง ซุนกวนก็ตั้งให้เตียวเหียนขุนนางเก่าของซุนเซ็ก กับเตียวเจียวเป็นขุนนางผู้ใหญ่สำหรับดูแลบ้านเมือง
อยู่มาเตียวเหียนก็พาโกะหยงซึ่งเป็นผู้มีสติปัญญา และมีความซื่อสัตย์มั่นคง ไม่เสพสุรายาเมามาฝากอีก ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง สำหรับตัดสินเนื้อความอาณาประชาราษฎร และซุนกวนก็ได้ปกครองบ้านเมืองถูกต้องตามขนบธรรมเนียม บำรุงทหารและเลี้ยงดูไพร่บ้านพลเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข บรรดาราษฎรและเมืองขึ้นทั้งปวงก็ชื่นชมยินดีกันทั่วหน้า
ซุนกวนปกครองเมืองกังตั๋งด้วยความสงบสุขมาได้สามปี บ้านเมืองก็เจริญขึ้นเป็นอันมาก มีที่ปรึกษาเพิ่มขึ้นอีกเก้าคน นายทหารเอกอีกห้าคน ต่อมานางงอฮูหยินมารดาก็ป่วยหนัก นางจึงเรียก จิวยี่ เตียวเจียวเข้ามาสั่งเสียไว้อย่างละเอียดว่า
แต่ก่อนเราเป็นชาวเมืองต๋องง่อ บิดามารดาตายเป็นกำพร้า เลี้ยงกันอยู่แต่พี่น้องสามคน แลมาได้ซุนเกี๋ยนเป็นสามีจนเกิดบุตรถึงสี่คน แลเมื่อเราจะตั้งท้องซุนเซ็กผู้บุตรหัวปีนั้น เราฝันเห็นว่าดวงพระจันทร์อยู่ในครรภ์ แลเมื่อซุนกวนจะเข้าท้องนั้นฝันเห็นว่า ดวงพระอาทิตย์เข้าไปอยู่ในท้อง หมอทำนายว่าบุตรท่านทั้งสองนี้นานไปจะได้เป็นใหญ่ แลซุนเซ็กก็อายุน้อยถึงแก่ความตายก่อน เมื่อใกล้จะตายก็มอบเมืองกังตั๋งไว้แก่ซุนกวนผู้น้องให้เป็นเจ้าเมือง บัดนี้ตัวเราป่วยหนัก เห็นจะไม่คงชีวิตอยู่ จะลาท่านทั้งสองไปแล้ว แม้ว่าเราหาบุญไม่ ท่านจงได้เอ็นดูช่วยอนุเคราะห์สั่งสอนซุนกวนสืบไปโดยความชอบ อย่าทิ้งเสียเลย
แล้วก็สั่งแก่ซุนกวนว่า
แม้สืบไปเมื่อหน้า เจ้าจะทำการสิ่งใดจงปรึกษาหารือด้วยจิวยี่และเตียวเจียวซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ให้รู้จักผิดแลชอบ อย่าถือทิฐิมานะ จงคารวะนับถือท่านทั้งสองนี้เป็นอาจารย์ใหญ่ อย่าได้ทำการแต่อำเภอน้ำใจ อนึ่งนางงอก๊กไถ้น้องเราผู้เป็นแม่น้าของเจ้านั้น ถ้าแม่ตายแล้วอย่าได้ละเมินเสีย จงตั้งใจอุปถัมภ์บำรุง ปฏิบัติรักษาดุจตัวของแม่ อนึ่งน้องหญิงอันร่วมบิดากับเจ้านั้น จงตั้งใจเลี้ยงรักษาไว้ให้ปกติด้วย แม้จะให้มีสามีเจ้าจงพิเคราะห์ดู ผู้ใดมีสติปัญญาจึงยกให้เป็นภรรยา
สั่งเสร็จแล้วก็สิ้นใจตายไป
พอย่างเข้าปีใหม่ข้างขึ้นเดือนสาม ซุนกวนก็ยกทัพไปตีเมืองกังแฮ ซึ่งหองจอซึ่งเป็นผู้ฆ่าซุนเกี๋ยนบิดาของตน เป็นเจ้าเมืองอยู่ ก็ได้ชัยชนะ ตัดศีรษะหองจอเอาไปเซ่นศพบิดาได้สมใจ ต่อมาได้ข่าวว่าเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วตาย เล่าปี่ก็แตกหนีไปอาศัยอยู่กับเล่ากี๋ บุตรของเล่าเปียวซึ่งเป็นเจ้าเมืองแทนหองจอ ส่วนโจโฉก็ยกทัพบกทัพเรือมาชุมนุมที่เมืองเกงจิ๋ว ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบหน้าเมืองกังตั๋งเป็นจำนวนนับร้อยหมื่น จึงใช้ให้โลซกไปสืบข่าวคราว
โลซกกลับไปเชิญขงเบ้งมาที่เมืองกังตั๋งเพื่อพบกับจูกัดกิ๋นพี่ชาย แต่ขงเบ้งนั้นตั้งใจจะมาเกลี้ยกล่อมซุนกวนให้ยอมร่วมมือกับเล่าปี่ รบกับโจโฉ ขณะนั้นขุนนางของซุนกวนแบ่งออกเป็นสองพวก ฝ่ายพลเรือนแนะนำให้ยอมอ่อนน้อมเข้าเป็นพวกโจโฉ เพราะเกรงกลัวแสนยานุภาพของข้าศึก ส่วนฝ่ายทหารคิดจะต่อสู้กับโจโฉให้แพ้ชนะกันไป
เมื่อขงเบ้งไปถึงก็เจรจาต่อปากคำกับพวกพลเรือน ให้อับจนปัญญาไปถึงเจ้ดคน ครั้นเข้าพบซุนกวนก็หว่านล้อมด้วยสำนวนโวหารคารมคมคายทั้งล่อทั้งชน เล่นเอาซุนกวนหัวหมุนไม่รู้จะตกลงใจอย่างไรดี จึงต้องขอคิดดูก่อน พอดีจิวยี่ซึ่งอยู่เมืองกวนหยงรู้ข่าวศึกก็เข้ามาหา ขุนนางพลเรือนก็คอยดักพบขอให้เข้ากับพวกยอมแพ้ด้วย พอเจอนายทหารเอกสามนายคือ เทียเภา ฮันต๋ง และอุยกาย กับนายทหารรองวอีกสองคน ก็ชักชวนให้รบกับโจโฉให้รู้ดีรู้ชั่วไป จิวยี่ก็รับปากกับทั้งสองฝ่าย ว่าจะลองเจรจากับขงเบ้งดูก่อน
พอจิวยี่ได้พบกับขงเบ้ง ก็ตกหลุมของขงเบ้งในทันที ที่เอ่ยถึงปราสาทอันสวยงามของโจโฉริมแม่น้ำเจียงโหว่า โจโฉตั้งใจสร้างไว้ให้บุตรหญิงทั้งสองคนของนางเกียวก๊กโล่แห่งเมืองกังตั๋ง ถ้าต้องการให้โจโฉเลิกทัพกลับไป ก็จงส่งนางทั้งสองคนนี้ออกไปให้โจโฉเถิด จิวยี่ถามว่ามีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันในเรื่องนี้ ขงเบ้งก็ว่าโจโฉให้ลูกชายผูกเป็นโคลงไว้บนปราสาทนั้น มีใจความว่า
ปรัศว์ซ้ายขวาซึ่งเราทำไว้ ชื่อหยกหลงกับกิมฮอง ข้าจะกอดนางสองเกี้ยวไว้ทั้งซ้ายขวา ให้มีความสุขทุกเวลามิให้อาทรเลย
เท่านั้นเองจิวยี่ก็โกรธดังเอาเพลิงเข้าไปจุดในหัวใจ เพราะนางแซ่เกียวทั้งสองนั้น นางไต้เกียวผู้พี่เป็นภรรยาม่ายของซุนเซ็ก และนางเสียวเกียวผู้น้องก็เป็นภรรยาของจิวยี่เอง จึงลุกขึ้นประกาศสงครามกับโจโฉ โดยมิได้ลังเลอีกต่อไป
การศึกสงครามทางเรืออันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ที่ตำบลเซ็กเพ็กในอ่าวหน้าเมืองกังตั๋งครั้งนั้น เป็นที่เลื่องลือกันมาถึงพันเจ็ดร้อยกว่าปี เพราะขงเบ้งใช้ลิ้นกว้างเพียงสองนิ้ว กับความรู้ความสามารถของตน รวมทั้งสติปัญญาของจิวยี่แม่ทัพใหญ่ ใช้กำลังทหารที่มีจำนวนน้อยกว่า เอาชนะข้าศึกได้โดยเด็ดขาด จนโจโฉต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ เสียทหารไปประมาณแปดสิบหมื่น กองทัพเรือถูกเผาทำลายไปหลายพันลำ ตัวโจโฉต้องหนีซอกซอนไป จนเหลือทหารติดตามไม่ถึงสามสิบคน เอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิดเต็มที
หลังจากนั้นซุนกวนและจิวยี่ก็ถูกขงเบ้งกับเล่าปี่หักหลังยึดเอาเมืองลำกุ๋น เมืองซงหยง และเทืองเกงจิ๋วไปได้หมดโดยไม่ต้องลงแรงเท่าไรเลย จิวยี่ช้ำใจนักจึงออกอุบายให้ซุนกวนเชิญเล่าปี่มาแต่งงานกับนางซุนหยินน้องสาว เพื่อจะจับตัวฆ่าเสีย แต่ขงเบ้งวางแผนซ้อนกลให้เล่าปี่แต่งงานได้สำเร็จ และนางซุนฮูหยินก็รักใคร่เล่าปี่ด้วยความสุจริตใจ จึงพากันหนีซุนกวนมาอยู่ด้วยกันที่เมืองเกงจิ๋วเสียอีก
ต่อมาจิวยี่ช้ำใจหลายครั้งจนป่วยตายไปแล้ว และเล่าปี่ยกทัพไปตีเมืองเสฉวนเพื่อขยายอาณาเขต ซุนกวนจึงหลอกเอาตัวนางซุนฮูหยินกลับคืนมาอยู่ที่เมืองกังตั๋งดังเดิม แต่นางก็ยังจงรักภักดีต่อเล่าปี่ตลอดมา เมื่อซุนกวนไม่มีห่วงแล้วก็ยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งกวนอูน้องร่วมสาบานของเล่าปี่รักษาอยู่ จยแตกพ่ายนและจับตัวกวนอูมาประหารชีวิต ทำให้เล่าปี่แค้นมากถึงกับตัดญาติขาดมิตรกับซุนกวนตั้งแต่บัดนั้น
เมื่อเล่าปี่ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ของจ๊กก๊กแล้ว ก็ยกกองทัพมาคิดบัญชีแค้นกับซุนกวน และรบชนะมาตลอด ซุนกวนหาหนทางที่จะเอาตัวรอดจากน้ำมือของพระเจ้าเล่าปี่ จึงให้เตียวจี๋เป็นทูตถือหนังสือไปอ่อนน้อมต่อพระเจ้าโจผี ขอความช่วยเหลือ พระเจ้าโจผีจึงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเงาอ่อง มีเครื่องยศเก้าสิ่งตามอย่างแต่โบราณ แล้วพระเจ้าซุนกวนก็จัดทัพไปสู้รบกับพระเจ้าเล่าปี่ โดยให้ลกซุนเป็นแม่ทัพใหญ่ จนได้รับชัยชนะตีกองทัพพระเจ้าเล่าปี่แตกพ่ายยับเยินไป
พระเจ้าเล่าปี่จึงช้ำใจถึงกับประชวรและสิ้นพระชนม์ลงที่เมืองเป๊กเต้ นางซุนฮูหยินรู้ข่าวก็โจนลงแม่น้ำฆ่าตัวตายตาม
แต่ปรากฏว่าพระเจ้าโจผีกลับยกทัพมาตีเมืองกังตั๋งถึงสามทาง และก็พ่ายแพ้ลกวุนไปอีกทั้งสามทาง พระเจ้าซุนกวนจึงตั้งตัวเป็นอิสระ ไม่ยอมขึ้นกับพระเจ้าโจผีอีกต่อไป ต่อมาพระเจ้าโจผีสิ้นพระชนม์ พระเจ้าโจยอยได้สืบราชสมบัติต่อ จ๊กก๊กกับง่อก๊กก็ร่วมมือกันรบกับวุยก๊กอีกหลายครั้ง แต่ไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงล้ำแก่กัน
จนถึง พ.ศ.๗๗๒ ขึ้นเดือนสี่ ขุนนางเมืองกังตั๋งก็แต่งการพระราชพิธีราชาภิเษก พระเจ้าซุนกวนเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นง่อก๊ก ทรงพระนามว่าพระเจ้าใต้ฮ่องเต้ เสร็จแล้วจึงมีพระราชสาส์นไปทำพระราชไมตรีกับพระเจ้าเล่าเสี้ยนอย่างเป็นทางการ ขงเบ้งจึงยกทัพไปรบกับพระเจ้าโจยอย ซึ่งมีสุมาอี้เป็นมหาอุปราชอีกสี่ครั้งโดยไม่ต้องกังวลกับฝ่ายใต้ จนขงเบ้งถึงแก่ความตายเมื่อ พ.ศ.๗๗๗ พระเจ้าวุนกวนก็ยังให้ขุนนางนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์แก่ขงเบ้ง และให้ทหารคุมสิ่งของมาเซ่นศพขงเบ้ง พร้อมกับให้สัตย์สาบานว่าจะไม่คิดร้ายต่อจ๊กก๊กเป็นอันขาด
จากนั้นก๊กทั้งสามก็ว่างเว้นการทำสงครามกันต่อไปหลายปี จนกระทั่งพระเจ้าโจยอยสิ้นพระชนม์ พระเจ้าโจฮองขึ้นเสวยราชย์เป็นฮ่องเต้ของวุยก๊กแล้ว บ้านเมืองก็ยังยุ่งเหยิงแย่งกันเป็นใหญ่อยู่อีกหลายปี
จนถึง พ.ศ.๗๙๔ พระเจ้าซุนกวนได้เสวยราชย์มาประมาณยี่สิบสามปี ซุนเต๋งบุตรนางซีฮูหยินมเหสีเอกซึ่งเป็นไทจู้หรือรัชทายาทได้เสียชีวิตไป จึงตั้งให้ซุนโฮน้องนางกิมกงจู๋บุตรนางฮองฮูหยินมเหสีรอง ขึ้นเป็นไทจู้แทนพี่ชาย ต่อมาเกิดวิวาทกับนางกิมกงจู๊พี่สาว นางกิมกงจู๊ไปฟ้องพระเจ้าซุนกวน ให้ถอดออกเสียจากตำแหน่ง ก็เลยตรอมใจเป็นไข้ตายไปอีกคนหนึ่ง ซุนเหลียงบุตรนางพัวฮูหยินมเหสีคนสุดท้ายจึงได้เป็นไทจู้แทน
ครั้นถึงเดือนสี่ขึ้นหนึ่งค่ำปีเดียวกัน บังเกิดมีพายุใหญ่ทำให้คลื่นในแม่น้ำและทะเลกำเริบหนัก น้ำท่วมใหญ่ในเมืองกังตั๋งลึกถึงแปดศอก พายุหอบเอาต้นสนใหญ่ซึ่งปลูกอยู่หน้ากุฏิฝังศพของซุนเซ็กพี่ชายของพระเจ้าซุนกวน ลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วก็ตกลงมาเอาปลายปักลงดิน อยู่ที่ริมประตูเมืองกังตั๋ง พระเจ้าซุนกวนก็ประชวรตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลาปีกว่า
จนถึงเดือนหก พ.ศ.๗๙๕ ก็สิ้นพระชนม์เมื่ออายุได้เจ็ดสิบเอ็ดปี จากนั้นขุนนางใหญ่น้อยซึ่งมีจูกัดเก๊กเป็นมหาอุปราชอยู่ในเวลานั้น ได้เชิญซุนเหลียงรัชทายาทอายุประมาณสิบเอ็ดปี ขึ้นเสวยราชย์สืบต่อจากบิดา
ถึง พ.ศ.๘๐๑ พระเจ้าซุนเหลียงก็ถูกถอดออกจากราชสมบัติ ซุนหลิม มหาอุปราชในเวลานั้นก็เชิญ ซุนฮิวบุตรคนที่หกของพระเจ้าซุนกวน ที่อยู่เมืองฮ่อหลิม มาครองราชย์แทน
พ.ศ.๘๐๘ พระเจ้าซุนฮิวสิ้นพระชนม์ ขุนนางก็เชิญ ซุนโฮ บุตรของพระเจ้าซุนเหลียงที่ถูกถอด และเป็นหลานปู่ของพระเจ้าซุนกวน ขึ้นสืบราชสมบัติต่อไป
จนถึง พ.ศ.๘๒๓ ก็ถูกพระเจ้าสุมาเอี๋ยน ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์จิ้น ซึ่งแย่งราชสมบัติมาจากพระเจ้าโจฮวนของวุยก๊ก ยกทัพมาตีเมืองกังตั๋งได้สำเร็จ และรวมแผ่นจีนเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่นั้นมา.
##########
Create Date : 09 เมษายน 2560 |
Last Update : 9 เมษายน 2560 15:41:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 252 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|