Group Blog
 
All Blogs
 
๔.๖ สมรภูมิเต็งกนสัน

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

สมรภูมิเต็งกุนสัน

"เล่าเซี่ยงชุน"

หลังจากที่ โจโฉ ต้องแตกพ่ายอย่างยับเยิน ในการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกครั้งยิ่งใหญ่จากตำบลเซ็กเพ็กแขวงเมืองกังต๋ง และให้ โจหยิน อยู่รักษาเมืองลำกุ๋น นั้นก็ได้ให้ แฮหัวตุ้น อยู่ป้องกันเมืองซงหยง และให้ เตียวเลี้ยว ไปดูแลเมืองหับป๋า แล้วตัวโจโฉเองก็กลับไปพักผ่อนตั้งสติที่เมืองฮูโต๋ หาทางกลับมาลบรอยแค้นในคราวหน้า

ต่อมาอีกไม่นานนัก ซุนกวน ก็ยกทัพมาตีเมืองหับป๋า แต่พ่ายแพ้แก่เตียวเลี้ยว ต้องถอยกลับเมืองกังตั๋ง เตียวเลี้ยวไม่ไว้วางใจกลัวซุนกวนจะหวนกลับมาแก้ตัวใหม่ จึงขอความช่วยเหลือไปยังเมืองฮูโต๋ โจโฉจึงให้ เตียวคับ รักษาค่ายเขา บองเทาเหงียม และให้ แฮหัวเอี๋ยน รักษาด่านเขาเต็งกุนสัน ปากทางเข้าเมืองฮันต๋ง อันเป็นเมืองหน้าด่านของฮูโต๋ แล้วโจโฉก็ยกทัพใหญ่มีไพร่พลถึงสี่สิบหมื่นไปตั้งอยู่ชายแดนเมืองกังตั๋ง เพื่อเข้าตีล้างแค้นเก่า ซุนกวนส่งทหารเอกออกมาสู้รบยันกองทัพโจโฉอยู่ได้เดือนเศษ ก็ยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ ขอส่งเครื่องบรรณาการให้ตามกำหนด โจโฉก็ยินยอมรับโดยดี แล้วก็เลิกราทัพกลับไป

จากนั้นโจโฉก็ได้เลื่อนยศจาก วุยก๋ง ขึ้นเป็น วุยอ๋อง มีฐานะเป็นเจ้าต่าง กรมรองจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทำให้มีอำนาจราชศักดิ์ใหญ่โตมากขึ้นไปอีก พอดีได้ข่าวว่า เล่าปี่ ให้ เตียวหุย กับ ม้าเฉียว มาอยู่เมืองปาเสเตรียมเข้าตีเมืองฮันต๋งหน้าด่านจึงให้ โจหอง ยกไปช่วยเตียวคับกับแฮหัวเอี๋ยน รักษาเมืองเอาไว้ให้ได้

เมื่อสองสามปีก่อนหน้านี้ โจโฉจะยกทัพไปตีเมืองฮันต๋ง ซึ่งอยู่ในเส้นทางที่จะไปเมืองเสฉวน จึงได้ให้ เตียวคับ และ แฮหัวเอี๋ยน สองนายทหารเอกนี้เป็นทัพหน้าโจหยิน กับ แฮหัวตุ้น เป็นทัพหลัง ยกออกจากเมืองฮูโต๋ไปเจอเอาทัพหน้าของ เตียวฬ่อเจ้าเมืองฮันต๋ง ที่ยกออกมาตั้งรับอยู่ที่ด่านเองเปงก๋วน โดยตั้งค่ายออกมานอกด่านเรียงรายไปสองข้างทาง ข้างละห้าร้อยค่าย เป็นระยะทางไกลถึงหกร้อยเส้น เตียวคับ กับแฮหัวเอี๋ยน จึงหยุดยั้งตั้งค่ายห่างไกลกันประมาณร้อยสิบเส้น แล้วก็ให้ทหารพักเหนี่อยกันตามสบายคิดว่าข้าศึกยังอยู่อีกไกล

แต่พอเวลายามเศษทหารของเตียวฬ่อซึ่งมีกำลังสดชื่นกว่า ก็ยกเข้าโจมตี ตลุมบอนฆ่าฟันทหารของฝ่ายโจโฉล้มตายกลาดเกลื่อน แล้วก็เผาค่ายเสียวอดวายไปสิ้น ทั้งสองนายก็จำเป็นต้องควบม้าหน้าเริด กลับมาหาโจโฉขอสารภาพผิด โจโฉก็ให้เอาตัวไปฆ่าเสีย ดีแต่ที่ปรึกษาและนายทหารทั้งปวง ช่วยกันคำนับขอโทษเอาไว้ จนรอดชีวิตได้อยู่ช่วยโจโฉรบแก้ตัว ตีเอาเมืองฮันต๋งมาเป็นของโจโฉจนได้ จึงรอดตัวมาถึงตอนนี้

โจหอง ดูแลเมืองฮันต๋งให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ยกทหารไปรบกับ ม้าเฉียวที่ตำบลแฮเปียน หว่างทางเมืองปาเสกับฮันต๋ง เจอเข้ากับกองตระเวนของม้าเฉียว ซึ่งมีนายทหารคุมมาสองคน โจหองก็ฆ่าเสียคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งพาทหารแตกหนีไป แต่ ม้าเฉียวก็ยังไม่ออกมารบด้วย โจหองกลัวจะต้องอุบายจึงถอยทัพกลับ เตียวคับถามว่าเมื่อรบได้ทีข้าศึกแล้วถอยกลับมาทำไม

โจหองตอบว่าหมอดูเคยทำนายว่า โจโฉหรือพระเจ้าวุยอ๋องนั้น จะต้องเสียพี่น้องและทหารเอก ณ เขาลำปิสัน เกรงว่าจะเป็นเหมือนคำทำนาย จึงถอยมาดูเชิงก่อน

เตียวคับก็หัวเราะแล้วว่า

"...ตัวท่านเป็นวงศ์ของพระเจ้าวุยอ๋อง แล้วท่านก็เป็นทหารเอก เหตุใดจะมาเชื่อคำหมอดูนั้นไม่ควร....ข้าพเจ้าจะขอคุมทหารของข้าพเจ้า ยกไปตีเอาเมือง ปาเสให้ได้...."

โจหองก็เตือนว่า เตียวหุยนั้นมีฝีมือกล้าหาญอย่าดูหมิ่น เตียวคับเถียงว่า คนกลัวแต่ฝีมือเตียวหุย แต่ความคิดของเตียวหุยนั้นเหมือนเด็กเจ็ดขวบเท่านั้น โจหองก็ว่าถ้าไปทำการไม่สำเร็จจะว่าอย่างไร เตียวคับก็เขียนหนังสือสัญญาให้ไว้ว่า ถ้าทำได้ไม่เหมือนที่พูดจะให้ตัดศรีษะเสีย แล้วก็ยกทหารสามหมื่นไปรบกับเตียวหุย แต่ลงท้ายก็แพ้กลอุบายของเตียวหุย ต้องเสียทหารไปถึงสองหมื่น จึงมีใบบอกมาขอให้โจหองยกไปช่วย

โจหองก็โกรธบอกว่าห้ามแล้วไม่ฟัง ให้เร่งรบกับเตียวหุยเอาชัยชนะคืนมาให้ได้ เตียวคับก็ต้องกัดฟันเข้าต่อสู้กับเตียวหุยอีก แต่ก็แพ้อีกเหลือทหารหนีตายมาเพียงสิบเอ็ดสิบสองคน โจหองก็ให้เอาตัวไปประหารเสียตามสัญญา ที่ปรึกษาของโจหองก็ขอร้องไว้ ขอให้คุมทหารห้าพัน ไปตีด่านแฮบังก๋วนของเมืองเสฉวน ป้องกันไม่ให้ยกมาตีเมืองฮันต๋งได้ เตียวคับจึงรอดตายได้แก้ตัวอีกครั้ง

คราวนี้ เล่าปี่ หาคนจะไปปราบเตียวคับ ฮองตงนายทหารเอกผู้เฒ่าอายุถึงเจ็ดสิบกว่าปีก็ขออาสา ขงเบ้ง ก็แกล้งว่า ท่านมีฝีมือก็จริงแต่ทว่าชราแล้ว เกรงว่าจะทานกำลังเตียวคับไม่ได้ ฮองตงก็โกรธลุกขึ้นรำง้าวให้ดูจนสิ้นเพลงง้าวก็ยังไม่หมดกำลัง แถมเอาเกาทัณฑ์อันแข็งแกร่ง มาขึ้นสายจนเกาทัณฑ์หักไปสองคันอีกด้วย ขงเบ้งจึงยอมให้ไปรบได้ แต่ให้เอาทหารรองไปด้วยสักคนหนึ่ง ฮองตงก็เลือกเอาเงียม หงัน ซึ่งแก่ชราพอกัน และย้ำว่าถ้าไปแล้วไม่ได้เรื่อง ก็ให้ตัดหัวหงอกนี้ทิ้งไปเลย

เตียวคับมาเจอเอาแม่ทัพผู้เฒ่าเข้า ก็เย้ยหยันว่า

".....ตัวชราถึงเพียงนี้ยังหามีความละอายไม่ ช่างมีหน้าอาสาออกมาทำสงคราม จะเอายศศักดิ์ไปถึงไหน..."

ฮองตงก็สวนว่า

"...ถึงตัวกูชราก็จริง แต่ง้าวซึ่งกูถือนี้ยังคมอยู่....."

ว่าแล้วก็ขับม้าเข้าฟาดฟันกันได้สิบเพลง เงียมหงันก็ตีตลบหลังเข้ามาตลุมบอนจนเตียวคับต้องแตกหนีไปถึงเก้าร้อยเส้น โจหองพอรู้ว่าเตียวคับแพ้อีกก็ให้ทหารเที่ยวตามหาตัว จะเอามาฆ่าเสียตามเคย ที่ปรึกษาคนเดิมก็ห้ามไว้อีก และให้ส่งทหารไปช่วย

โจหองจึงส่ง แฮหัวซง ซึ่งเป็นหลานของแฮหัวตุ้น กับ ฮันโฮ ลูกของ ฮันเหียน ที่ถูกฆ่าตาย เพราะฮองตงเป็นตัวการ เมื่อครั้งอยู่เมืองเตียงสา ทั้งสองยังหนุ่มแน่นจึงประมาทฝีมือฮองตงตามเคย แม้เตียวคับจะเตือนก็ไม่เชื่อกลับดูหมิ่นว่ารบแพ้มาหลายครั้งแล้วอย่ายุ่งดีกว่า แล้วในที่สุดก็ถูกฮองตงตีแตกพาให้เตียวคับต้องถอยตามไปด้วย จนถึงแม่น้ำฮันซุยแล้วพากันไปช่วยป้องกันเสบียงที่เขาเทียนตองสัน ซึ่ง แฮหัวเต๊ก พี่ชายของแฮหัวซงรักษาอยู่

ฮองตงกับเงียมหงันก็ตามมาตีซ้ำเติม จนฮันโฮกับแฮหัวเต๊กถูกฆ่าตาย เสบียงก็ถูกเผาเสียหายหมดสิ้น แฮหัวซงกับเตียวคับต้องหนีเอาตัวรอด ไปหาแฮหัวเอี๋ยนที่เขาเต็งกุนสัน แฮหัวเอี๋ยนจึงแจ้งให้โจหอง มีใบบอกไปทูลเนื้อความแก่ พระเจ้าวุยอ๋องที่เมืองฮูโต๋ ทุกประการ

พอพ้นเดือนเก้าเข้าเดือนสิบ เล่าปี่ก็ยกกองทัพมาตีเมืองฮันต๋งของโจโฉ พอมาถึงถึงด่านแฮเบ้งก๋วน ก็ให้ฮองตงแยกไปจัดการกับแฮหัวเอี๋ยนที่เขาเต็งกุนสัน โจโฉก็ยกทัพใหญ่แบบทัพกษัตริย์ มีทหารสี่สิบหมื่นให้แฮหัวตุ้นเป็นทัพหน้า โจฮิว เป็นทัพหลัง ส่วนทัพหลวงนั้น มีทหารรักษาพระองค์ห้ากอง แบ่งเป็นกองละสามพันคน ที่นำหน้าถือธงแดง แซงขวาถือธงเขียว แซงซ้ายถือธงขาว ระวังหลังถือธงดำ โดยเฉพาะกองกลางที่ล้อมรอบแม่ทัพนั้นถือธงเหลือง ตัวโจโฉเองถือธงอาญาสิทธิ์ขี่ม้าผูกเครื่องทองกั้นสัปทนทอง ทหารที่แห่หน้าม้า ถือธงเดือน ธงตะวัน ธงมังกร ธงหงส์เป็นที่โอ่อ่ายิ่งนัก

เดินทางมาไม่กี่วันก็ถึงเมืองลำเต๋ง ที่โจหองคอยท่าอยู่ จึงพักพลเตรียมทำศึกใหญ่ แล้วมีหนังสือสั่งการให้ แฮหัวเอี๋ยน สกัดทัพฮองตงไว้ให้ได้พร้อมกับกำชับว่า

"...ธรรมดาผู้เป็นนายทัพนายกองจะทำการสงครามก็ให้รู้จักทีได้ทีเสียอย่าให้เชื่อกำลังฝีมือของตัว อันกำลังฝีมือของตัวนั้นจะหักหาญเอาคน ร้อยคนพันคนนั้นไม่ได้ จะสู้ได้ก็ตัวต่อตัว ถ้าเว้นไว้แต่ผู้มีความคิดรู้กลสงคราม จึงจะอาจเอาชัยชนะแก่ข้าศึกอันมากกว่าได้ ซึ่งแฮหัวเอี๋ยน จะทำการสงครามครั้งนี้ให้ตรองตรึกให้จงหนัก อย่าให้เสียทีที่เราชุบเลี้ยงเป็นทหาร บัดนี้เราก็ยกมาถึงเมืองลำเต๋งแล้ว จะขอดูความคิดเจ้าสักครั้งหนึ่งก่อน....."

แฮหัวเอี๋ยนก็ดีใจ ที่โจโฉห่วงใยตัว รีบเข้าตีข้าศึกหวังเอาฤกษ์เอาชัยไว้ก่อนโดยให้แฮหัวซงหลานชาย คุมทหารสามพันเป็นกองหน้า ตนเองพาทหารแอบซุ่มดักบนเนินสองข้างภูเขาและเตรียมก้อนศิลาท่อนไม้ไว้รับมือกับข้าศึก

ฮองตงก็ให้ ตันเซ็ก คุมทหารพันคน ออกรบกับแฮหัวซงได้เพียงเจ็ดเพลง แฮหัวซงก็ทำเป็นแพ้ควบม้าหนีไป ตันเซ็กไล่ตามมาประมาณยี่สิบเส้น ถึงหุบเขาที่ทหารของแฮหัวเอี๋ยนซุ่มคอยทีอยู่ก็ช่วยกันทิ้งก้อนศิลา และท่อนไม้ถูกทหารของตันเซ็กล้มระเนระนาด ตัวตันเซ็กก็บอบช้ำตกใจรีบชักม้ากลับเจอเอาแฮหัวเอี๋ยนดักอยู่ เลยโดนจับมัดเป็นเชลยหนีไม่รอด

ฮองตงรู้ข่าวก็หาทางแก้ไข โดยทำเป็นกลศึกชื่อ ฮวนเคกอุยจู๋จีอวด ด้วยวิธีตั้งค่ายเรียงรายเข้าไปจนใกล้เขาเต็งกุนสัน แต่วางทหารไว้ในค่ายน้อยเพื่อล่อให้ข้าศึกเข้าตี แฮหัวเอี๋ยนก็ให้แฮหัวซงคุมทหารเข้าตีตามแผน ค่ายนั้นก็แตกไปเรื่อย ทหารเก็บทรัพย์สินเงินทองได้มากก็โลภ รุกล้ำเข้าไปอยู่ในวงล้อมของฮองตง แฮหัวซงเข้ารบได้เพียงเพลงเดียว ก็ถูกจับตัวมัดเข้าค่าย ทหารที่เหลือก็แตกหนีกลับบ้าง แฮหัวเอี๋ยนจึงเจรจาขอแลกเปลี่ยนเชลย ซึ่งฮองตงก็ไม่ขัดข้อง

รุ่งขึ้นเช้าต่างก็พาเชลยทั้งสองมาพบกันที่หน้าค่าย โดยไม่ได้ใส่เกราะถืออาวุธทั้งสองฝ่าย เมื่อเชลยขึ้นม้าแล้วตีกลองสัญญา ทั้งตันเซ็กและแฮหัวซงก็ควบม้าเข้าไปหาพวกของตน แต่ท่านผู้เฒ่าเล่นไม่ซื่อ พอแฮหัวซงขับม้าไปถึงหน้าค่ายของแฮหัวเอี๋ยน ฮองตงก็ยิงเกาทัณฑ์ไปถูกแฮหัวซงตกม้าตายไป แฮหัวเอี๋ยนโกรธมาก ควบม้าเข้ารบกับฮองตงได้ยี่สิบเพลง ทหารในค่ายก็ตีม้าล่อเรียกแฮหัวเอี๋ยนกลับ เพราะเห็นทหารข้าศึกอยู่ในหุบเขา เป็นอันมาก กลัวจะถูกล้อมอีก ฮองตงได้ทีก็เลยไล่ตามฆ่าฟันทหารของแฮหัวเอี๋ยน ล้มตายลงไปเป็นอันมาก

ตั้งแต่นั้นแฮหัวเอี๋ยนก็ไม่ออกมารบอีกเลย คงปักหลักรักษาค่ายไว้อย่างกวดขัน ฮองตนจึงหาทางที่จะได้เปรียบ โดยยกทหารขึ้นไปยึดภูเขาไทสัน ซึ่งเป็นเขาสูงที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาเต็งกุนสัน ในตอนกลางดึก ซึ่งบนนั้นแฮหัวเอี๋ยนให้ทหารผู้น้อย รักษาอยู่เพียงร้อยคน จึงต้องถอยหนีกลับลงมาบอกแฮหัวเอี๋ยน ฮองตงจึงให้ หวดเจ้ง นายทหารคู่หู คุมทหารอยู่บนยอดเขาสังเกตุการณ์ ถ้าเห็นว่าข้าศึกเข้มแข็งให้ยกธงขาว จะได้ไม่ออกไปรบ ถ้าข้าศึกอ่อนแอให้ยกธงแดง จะได้เอาชนะโดยง่าย

แฮหัวเอี๋ยนก็รู้ว่า ยอดเขาไทสันนั้นเป็นภูมิประเทศสำคัญ จะต้อง
ยึดเอาคืน มาให้ได้ จึงยกทหารไปล้อมเข้าไว้ทั้งสี่ด้าน และให้ทหารร้องด่าท้าทายฮองตง อย่าง สุดที่จะหยาบคาย ฮองตงก็คอยดูสัญญาณจากหวดเจ้ง ซึ่งยังถือธงขาวอยู่ รอจนกระทั่งบ่ายลง ทหารของแฮหัวเอี๋ยนมัวแต่ร้องด่าจนอ่อนเพลียอิดโรย ลงพักผ่อนนอนเหยียด ไม่ถืออาวุธไว้ประจำกายเหมือนตอนเช้า หวดเจ้งก็โบกธงแดงขี้น

ฮองตงก็ยกทหารโห่ร้องตีม้าล่อฆ้องกลอง กรูกันลงมาจากเขา เข้าตลุมบอน กองทหารของแฮหัวเอี๋ยนอย่างรวดเร็ว จนแตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ตัวแฮหัวเอี๋ยนเองยังไม่ทันได้คว้าอาวุธคู่มือ ฮองตงก็ควบม้าเข้ามาถึง เอาดาบฟันศรีษะขาดกระเด็น ตายกลางสมรภูมินั้นเอง

จึงเป็นอันว่า โจโฉต้องเสียขุนทหารเก่าแก่ ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมผจญศึกด้วยกันมาถึงยี่สิบแปดปี ไปอีกคนหนึ่งอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่ได้แสดงฝีไม้ลายมือที่มีอยู่ให้คุ้มค่า สมกับความเป็นทหารเอกเลย

ทั้งนี้ก็เพราะความประมาทแก่ข้าศึก เห็นว่าแก่เล่าเหลาแล้ว นั่นเอง.

##########



Create Date : 09 เมษายน 2560
Last Update : 9 เมษายน 2560 15:14:59 น. 0 comments
Counter : 212 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.