'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
~ จาก 'พิภพบาดาล / City of Ember' ถึง 'บ้านใหม่บนดิน/The People of Sparks' โดย ฌานน์ ดูโปร(แสงตะวัน/







'บ้านใหม่บนดิน/The People of Sparks'
ผู้เขียน :ฌานน์ ดูโปร/ผู้แปล : แสงตะวัน
สนพ.แพรวเยาวชน(มิ.ย. 48)
358 หน้า ราคา 235 บาท



เรื่อง 'บ้านใหม่บนดิน/The People of Sparks' นี้เป็นภาคต่อของ'พิภพบาดาล'(City of Ember)ที่เคยอ่านไปเมื่อหลายปีก่อน...
เช่นนั้น ก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องราวในเล่มนี้จึงจะขอทบทวน ความเป็นไปเป็นมาในเล่มแรกก่อนสักนิดนึง...

'พิภพบาดาล'(City of Ember) เป็นกึ่งๆ ไซไฟ กึ่งๆนิยายแนวดิสโทเปียที่ว่าด้วยเรื่องเมืองสมมติ
เมืองเอ็มเบอร์เป็นเมืองที่อยู่ใต้ดิน ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์...
กลางวันกลางคืนแยกจากกันด้วยการเปิด-ปิดไฟในบางจุด
แต่ผู้คนก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่
และเสบียงจำนวนมหาศาลในโกดังที่มีการจัดสรรปันส่วนโดยระบบการบริหาร
ที่มีการสืบทอดส่งต่อกันมาหลายชั่วคน...

เรื่องราวใน"พิภพบาดาล"เริ่มต้นขึ้นในยุคที่นครเอ็มเบอร์กำลังก้าวเข้าสู้กาลสิ้นสุด
ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองยังไม่สำเหนียก...
เว้นแต่เด็กวัยรุ่นสองคนอย่างดูน แฮร์โร่วกับลีน่า เมย์ฟลีต
ดูนกับลีน่าเพิ่งจะเรียนจบชั้นสูงสุดของโรงเรียนที่มีแห่งเดียวในเมือง
และเริ่มเข้าทำงานตามที่ถูกมอบหมาย(จับสลากได้)
ดูนเข้าทำงานในเครือข่ายท่อ...อันเป็นแหล่งที่มาแห่งสาธารณูปโภคของเมือง
โดยเฉพาะเป็นที่ตั้งของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าซึ่งดูนรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
ส่วนลีน่าทำหน้าที่เป็นผู้ส่งข่าว...เธอต้องทำหน้าที่รับข่าวสารจากคนหนึ่งไปส่งให้อีกคนหนึ่ง...

ไฟฟ้าในเมืองเริ่มติด ๆ ดับ ๆ บางช่วงดับเป็นเวลานานขึ้น
เครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ เริ่มขาดแคลนร่อยหรอ...
ลีน่ากับดูนเริ่มคิดถึงดินแดนปริศนาที่อยู่นอกเมือง
โดยมีเบาะแสจากเศษกระดาษเก่าแก่ขาดวิ่นแผ่นหนึ่งที่พวกเขาค้นพบ...
แต่เมื่อเขาบอกเล่าเรื่องนี้ออกไปแก่คนอื่น ๆ เด็กทั้งสองก็ถูกประกาศจับด้วยข้อหา...กระพือข่าวเลวร้าย!!!
ดูนกับลีน่าต้องหนีสุดชีวิต...!!!







เรื่องเล่าของ'พิภพบาดาล'ด้านบนนี้ เป็นการอ่านซ้ำรอบสองค่ะ
แต่ยังคงความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ
ทั้งยังได้แง่คิดมุมมองว่าด้วยความรักความสามัคคี และการสงวนรักษาสิ่งแวดล้อม
ผู้เขียนได้จำลองโลกทั้งโลกของเราให้เป็นเมืองๆหนึ่ง
ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอยู่ในนั้น...
อยู่ที่ผู้คนที่อยู่ร่วมกันในนั้นจะช่วยกันอนุรักษ์และสร้างเสริมสิ่งที่มีอยู่ให้คงสภาพ
และเพียงพอสำหรับทุกคนได้ยาวนานแค่ไหน...?

มาต่อเนื่องกับภาคต่อของเรื่องนี้ คือ 'บ้านใหม่บนดิน' ค่ะ


เรื่องย่อ ๆ จากปกหลัง

เมื่อชาวเอ็มเบอร์หนีจากเมืองใต้ดินของตนที่กำลังจะดับสูญ
ออกมาสู่โลกภายนอกบนดินนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างช่างแปลกใหม่
และน่าหวาดกลัวเล็กน้อยสำหรับพวกเขา
ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ นก ต้นไม้ ไฟ และชาวบ้านชาวสปาร์คส์
ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองบนโลกที่เหลือรอดจากช่วง ‘กลียุค’

ชาวสปาร์คส์ 322 คน จะเลี้ยงดูและให้ที่พักพิงแก่ชาวเอ็มเบอร์ 417 คนได้อย่างไร
ทั้งที่พวกเขาเพิ่งจะเริ่มสามารถเลี้ยงตัวเองอย่างสบายๆ ได้ไม่นานเท่านั้น
แต่ถ้าไม่ให้ความช่วยเหลือ ชาวเอ็มเบอร์จากใต้ดินเหล่านี้ก็จะต้องตายแน่ๆ
เพราะมามีทักษะในการเอาชีวิตรอดบนดิน

ชาวสปาร์คส์จำต้องช่วยเหลือชาวเอ็มเบอร์เท่าที่จะทำได้
ขณะที่ความรู่สึกต่อต้านเริ่มทวีขึ้นทั้งสองฝ่าย
ลีน่ากับดูนจะทำอย่างไรเพื่อกอบกู้สถานการณ์และสร้างความสมานฉันท์
เพื่อทั้งสองฝ่ายจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติในฐานะชาวสปาร์คส์ด้วยกัน







บอกเล่าเรื่องราวของชาวเมืองเอ็มเบอร์หลังจากหนีออกจากเมืองใต้ดินที่กำลังจะสิ้นสูญ โดยการนำของดูนกับลีน่า
พวกเขาล้วนตื่นตะลึงกับทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดิน...
แสงสว่างอันจัดจ้าจากดวงอาทิตย์ พืชพันธุ์อันเขียวขจี สายลมที่โบกไหว...
ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในที่ที่พวกเขาจากมา...
ชุมชนแห่งแรกที่พวกเขาได้มาพบคือเมืองสปาร์กส์...ที่มีประชากรเพียง 300 กว่าคน
ในขณะที่กลุ่มของพวกเขามีจำนวนมากกว่า...

เบื้องต้น จากการประชุมตกลงกันในกลุ่มผู้บริหาร พวกเขายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือรับรองชาวเมืองเอ็มเบอร์สักระยะหนึ่ง
หลังจากที่พวกเขาเรียนรู้ปรับตัวการใช้ชีวิตบนดินได้แล้วพวกเขาต้องอพยพไปหาแหล่งทำมาหากินตั้งรกรากของตัวเอง
เพราะทรัพยากรต่างๆ ที่พวกเขามีอยู่ มันเพียงพอสำหรับผู้คนในเมืองของพวกเขาเท่านั้น...

หากทว่า...เมื่อกลุ่มคนที่มีวิถีชีวิตที่แตกต่างคนละขั้วสองกลุ่มต้องมาอยู่ร่วมกัน
การกระทบกระทั่งย่อมบังเกิด เริ่มต้นจากเหตุเพียงเล็กน้อย
ผสมผเสด้วยความเห็นแก่ตัว ความหวาดกลัวหวั่นไหวต่อความเปลี่ยนแปลง...
ทำให้ปมขัดแย้งบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่...






ชอบมากค่ะ ดีใจที่ได้อ่านเสียทีหลังจากที่ตามหามาเนิ่นนาน
การอ่านเล่มนี้ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นไปเป็นมาของเรื่องแรกอย่างพิภพบาดาลมากขึ้น...
ตอนแรกคิดว่าเมืองเอ็มเบอร์เป็นเมืองสมมติที่ผู้เขียนได้สร้างขึ้น
เป็นประหนึ่งเมืองในอีกมิติหนึ่งที่คู่ขนานไปกับโลกปกติของเรา
แต่พอมาอ่านเล่มนี้ถึงได้เข้าใจว่า จริง ๆ แล้ว เมืองเอ็มเบอร์ก็เป็นเมืองสมมตินั่นแหละ
แต่เป็นเมืองที่อยู่ในโลกอนาคต หลังจากการสิ้นสุดของสงครามกลียุค
ทุกหนทุกแห่งบนโลกใบนี้ก็เหลือแต่เศษซากปรักหักพังของสิ่งต่าง ๆ
ผู้คนที่เหลือรอดจากสงครามต้องกอบรวมผู้คน "สร้างบ้านแปงเมือง"ขึ้นมาใหม่
สร้างระบบการปกครอง สร้าง ๆ อะไร ๆ ขึ้นใหม่ทั้งหมด
ซึ่งเมืองเอ็มเบอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ผู้สร้างแต่แรกเริ่มนั้นได้พากันลงไปสร้างเมืองอยู่ใต้พิภพ
ในขณะที่ผู้คนกลุ่มอื่น ๆ ก็พากันตระเวนไปหาทำเลดี ๆ ที่จะอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน
อย่างเช่นเมืองสปาร์คส์นี้เป็นต้น

อ่านแล้วทึ่งและนับถือในจินตนาการของผู้เขียนสุดๆเลยค่ะ

เพราะมันไม่ใช่เป็นแค่นิยายอ่านสนุกเร้าใจธรรมดา ๆ
หากแต่ยังแฝงไว้ซึ่งแง่คิดมุมมองอันเป็นสากลมากมายหลายประการทีเดียว

ชวนอ่านอย่างแรงทั้งสองเล่มค่ะ















Create Date : 21 สิงหาคม 2560
Last Update : 21 สิงหาคม 2560 13:25:02 น. 0 comments
Counter : 2613 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.