|
|||
จากนักร้องสู่อาจารย์ จากแฟนคลับสู่แฟนคลับ
หมายเหตุ : บล็อกนี้มีความเวิ่นเว้อ อาจจะหาสาระอะไรไม่ค่อยได้นะคะ เนื่องจากวันนี้เราได้แชร์ลิงค์ดาวน์โหลด แจกฟรี!! พจนานุกรมคำใหม่ เล่ม 1 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน //www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/teacher/25889 ลงในเฟซ ก็ได้มีคนมากดไลค์ 1 ในนั้นก็มีพี่มาร์ตินซึ่งเป็นอดีตนักร้องที่เราชื่นชอบมากด บอกตรงๆ เวลาเห็นศิลปินมากดไลค์ หรือใครก็ตามที่เราชื่นชอบมากดไลค์ เราก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจนะ ปัจจุบันพี่เขาเป็นอาจารย์แล้ว เราก็ยังกรี๊ดอยู่ ในความรู้สึกของเรา เขายังคงเป็นศิลปินที่เราชื่นชอบและชื่นชมอยู่ ในบทบาทของอาจารย์เขาก็ทำได้ดีเยี่ยม เราชอบเข้าไปดูเฟซของเขา ชอบดูแนวคิด หลักการสอน และดูรูปนักศึกษาที่เขาถ่ายไว้เวลาให้ออกมาพรีเซนต์หรือลองฝึกสอนที่หน้าชั้นเรียน ทุกๆ คนดูมีความสุขมากนะ นักศึกษาทุกๆ คนก็รักเขา เราชอบอ่านคอมเมนต์นักศึกษาในเฟซเขาเหมือนกัน เขาดูเป็นกันเองกับนักศึกษาดีนะ แต่ถ้าเราเจอเขา เราคงจะเกร็งอยู่ เพราะเราก็ไม่ได้เจอเขามานานมากๆ ตอนที่เราเจอเขา เขาเป็นนักร้อง เราเป็นแฟนคลับ ก็มีเกร็งช่วงแรกๆ แต่หลังๆ เราก็รู้สึกผ่อนคลาย เพราะเขาเข้ามาคุยเป็นกันเองมาก เขาจำเราได้ เพราะเราตามเกือบตลอด งานไหนเราไปได้เราก็ไป ตอนนั้นมีเบอร์โทรผู้จัดการเขาด้วย เวลามีงานอะไรพี่เขาก็จะโทรมา ก็รู้สึกดีนะที่ได้รู้จักและผูกพันกับศิลปินคนหนึ่ง ถึงตอนนี้สถานะเขาจะเปลี่ยนไป แต่เราก็ยังคงเป็นแฟนคลับอยู่เสมอ และจะเป็นตลอดไป เพราะเราคงไม่มีโอกาสเป็นนักศึกษาของเขา หรือถึงเป็น เราก็คงเรียนไม่รู้เรื่อง อาจจะมัวแต่นั่งมองอาจารย์ นักศึกษาที่เรียนกับเขา บางคนอาจจะไม่รู้ว่าเขาเคยเป็นศิลปินมาก่อน เขาเป็นอาจารย์ที่ดูสุขุม บางครั้งก็มีแอบดุ (ดูจากในเฟซ) แต่ก็อย่างนี้แหละบทบาทของอาจารย์ ย่อมต้องมีความจริงจัง แต่ถ้าจริงจังเกินไป เด็กก็อาจจะกลัว ต้องมีมุมที่ผ่อนคลายบ้าง เพื่อนของเราที่เป็นอาจารย์ก็มีสองมุม คือ มุมจริงจัง กับ มุมผ่อนคลาย เราก็ชอบเข้าไปอ่านเฟซเพื่อนคนนี้เหมือนกันก็ได้แง่คิดและได้เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักศึกษา ซึ่งมันก็คล้ายๆ กับยุคของเราและยุคที่เขาเป็นนักศึกษานั่นแหละ หน้าปกซีดี.พร้อมลายเซ็นของพี่เทมส์และพี่มาร์ติน รูปพี่มาร์ติน ณ ปัจจุบัน และวง 3 Plus One จาก Prism Digital Magazine ว่าด้วยเรื่องลูกเสือ เนตรนารี
น้ำท่วมในความทรงจำ
ใจจริงอยากจะเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ช่วงที่ฝนตกหนักมากๆ และมีน้ำท่วมในหลายจุด เพราะให้คิดถึงอดีตที่มีความทรงจำที่น่ารักๆ และความทรงจำที่น่าหวาดเสียว (เฉียดตาย) กับเหตุการณ์ที่ฝนตกหนักและน้ำท่วม
ขอเริ่มต้นกับความทรงจำที่น่ารักๆ ก่อน คือ ตอนเด็กๆ จำได้คร่าวๆ ว่าได้นั่งลอยกะละมังเล่นที่หน้าบ้าน โตขึ้นมาหน่อยก็เป็นความสุขใจที่ได้หยุดเรียน (อันนี้ไม่ดีนะ) เด็กๆ อะ พอรู้ว่าเลื่อนเปิดเทอมก็ดีใจ ตอนนั้นอยู่ม.ต้นได้เลื่อนเปิดเทอมไป 1 สัปดาห์ ขึ้นม.ปลาย อันนี้เป็นความทรงจำที่น่าหวาดเสียว และเป็นความทรงจำที่เราไม่อาจจะลืมได้ คือ ในวันนั้นเป็นวันที่ห้องเรามีสอบอ่านภาษาอังกฤษหลังจากที่เลิกเรียน เราก็จะไปเข้าคิวสอบอ่านกัน ช่วงขณะนั้นฝนก็เริ่มตกแล้วล่ะ คนที่เขาเลิกเรียนกันแล้วเขาก็ทยอยกลับกันไป คงเหลือแต่ห้องเราเพียงเท่านั้นที่ยังรอสอบอ่านกันทีละคน คนที่สอบอ่านเสร็จแล้วบางคนก็รอเพื่อนยังไม่กลับ ขณะนั้นฝนก็เริ่มตกหนักขึ้น ตกแบบจั้กๆ ก็เริ่มกลับลำบากละ ยังไงก็ต้องรอให้ฝนซาก่อนถึงจะลงกันไปได้ ตอนนั้นเพื่อนๆ ที่ยังอยู่กันในห้อง ก็น่าจะประมาณสัก 30 คน พอฝนเริ่มซาก็ทยอยกันลงมา ลงมาเป็นกลุ่มๆ แต่ยังไงเราก็มากระจุกตัวรวมกัน ณ ที่จอดรถสองแถว เพื่อจะรอรถสองแถวเพื่อจะออกไปหน้าปากซอย ซึ่งวันนั้นฝนก็ตก น้ำท่วมนะ เราก็เดินลุยน้ำกันมารอขึ้นรถ แต่รถก็ยังไม่มาสักที เป็นครึ่งชั่วโมง ตอนนั้นก็น่าจะประมาณสักหกโมงครึ่งได้แล้ว ฟ้าเริ่มมืด เมื่อรถสองแถวเล็กมาเราก็กรูกันขึ้น แต่เราน่ะตัวเราได้มาอยู่รั้งท้ายโหนตรงบันได แต่ได้เพื่อนที่นั่งช่วยถือกระเป๋านักเรียนให้ ครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เรายืนบันไดรถสองแถว ปกติเราจะไม่ขึ้นนะถ้ารถเต็ม แต่นี่มันไม่ปกติ เราก็ไม่รู้ว่าต้องรอต่อไปอีกเท่าไหร่ รถคันใหม่ถึงจะมา และมันก็ค่ำลงเรื่อยๆ ก็ยืนมันไป ต้องบอกเลยว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม เพราะรถมันต้องขึ้นสะพานข้ามทางด่วนสุขุมวิท 62 เป็นจุดที่ค่อนข้างอันตราย และรถก็วิ่งกันเร็ว ตอนที่ขึ้นสะพาน ใจเราปิ๋ววิ้วมากๆ เพราะเพื่อนที่ยืนในรถก็เล่นกันดันกัน บอกตรงๆ เสียวตกลงไปสุดๆ ถ้าจับราวไม่แน่นพอ หรือทรงตัวได้ไม่ดี ก็คิดว่าคงจะไม่มีมานั่งพิมพ์อะไรอยู่ตรงนี้ คงจะจบชีวิตไปแล้วตั้งแต่ม.4 ซึ่งจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้เราได้ข้อคิดว่าเราไม่ควรประมาท และอย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอะไรให้มันมากเกินไป เพราะถ้าเราตายเราก็แค่ตาย แต่คนข้างหลังเรานี่คงจะเสียใจมาก นับจากวันนั้นเราก็บอกกับตัวเองว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบวันนั้นอีก เราจะลุย คือ ถอดรองเท้าเดินลุยเลย เราสามารถเดินออกจากโรงเรียนเรา (พระโขนงพิทยาลัย) ไปหน้าปากซอยสุขุมวิท 62 ได้นะ เพราะชอบเดินอยู่แล้ว ก็เดินไปเรื่อยๆ แต่ก็อาจจะเป็นน้ำกัดเท้าได้ ก็ช่างมัน หรือไม่ก็ทนรอคันใหม่ จะมาอีกครึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมงก็รอไป แต่เราจะไม่ทำอีกแล้ว คือยืนตรงบันได น้ำท่วมในความทรงจำครั้งถัดมาก็น่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่แต่ละคนก็อพยพกันไปอยู่ต่างจังหวัด เราก็ไปอยู่แม่กลอง บ้านเก่า(บ้านเกิด)ของคุณตาที่ปัจจุบันทำเป็นโฮมสเตย์ให้ญาติๆ ดูแล ก็ไปอยู่กันที่นั่น ก็สบายๆ ดี รู้สึกชีวิตช้าลง อยู่กับธรรมชาติ และนี่ก็เป็นน้ำท่วมในความทรงจำของเรา ที่แน่นอนว่าจะไม่มีวันลืม... น่าสงสารพี่ทศ คนดีๆ ที่เธอไม่รัก (ลายหงส์)
ในละครส่วนใหญ่ คนดีๆ ที่มักถูกทิ้งคือพระรอง แต่เรื่องนี้คือพระเอก แต่อย่างว่าพระเอกกับนางเอกก็ไม่มีอะไรที่เข้ากันได้มาตั้งแต่ต้น พระเอกคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนนางเอกได้หลังจากแต่งงาน แต่ความจริงคือไม่ได้เลย จริงๆ ถ้าจะเปลี่ยนมันต้องเปลี่ยนให้ได้ตั้งแต่ก่อนแต่ง หรือถ้าจะปล่อยให้เขาเป็นอย่างนั้น ใจเราต้องมีความอดทนและนิ่ง ต้องยอมรับสภาพและแบกรับในสิ่งที่เขาเป็นให้ได้
Club Friday The Series 7 ตอน 'รักต้องเลือก' กับประเด็นแม่ผัวลูกสะใภ้
จบไปแล้วกับ Club Friday The Series 7 ตอน Home ซึ่งก็จบไม่สวยอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ นั่นเป็นเพราะทั้งคู่ไม่เคยรับฟังความรู้สึกที่แท้จริงของกันและกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งต้องทนเก็บความรู้สึกเอาไว้ ไม่สื่อสารหรือแสดงอะไรออกมา ณ วันวันหนึ่งเมื่อเขาเจอใครที่รู้สึกว่าเข้ากับตัวเองได้ เขาก็หาทางไป นางเอกก็เศร้าซึมไปตามระเบียบก็เพราะความจัดแจงของตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าได้พูดคุย นั่งจับเข่าคุยกันสักนิด เรื่องมันคงไม่ลงเอยแบบนี้
สำหรับประเด็นเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ เราว่าในชีวิตจริงคงจะมีหลายบ้านที่เจอปัญหา ในนิยายในละครเราก็จะพบเห็นบ่อยครั้ง แต่กับบ้านเราไม่มีนะ เพราะแม่เราใจดีมาก ลูกรักใครแม่ก็รักด้วย เรียกว่าผ่านด่านแม่อย่างชิลล์ๆ แต่กับบ้านอื่นๆ ก็คงต้องปรับตัวกัน เพราะแต่ละบ้านก็คงไม่เหมือนกัน |
comicclubs
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?] Group Blog
All Blog
Friends Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |