ลุย! ล่า! ท้าเขียน โจทย์ “คุณได้เพื่อนใหม่จากการรู้จักกันทางสื่อสังคมออนไลน์บ้างไหม”


ได้ค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วบ้าคลั่งศิลปิน ก็จะได้รู้จักกับแฟนคลับศิลปินที่ชอบศิลปินเหมือนๆ กับเรา เราเริ่มต้นจากการเป็นแฟนคลับของเจอร์รี่ F4 ซึ่งในตอนนั้นเราติดตามข่าวสารผ่านทางเว็บบอร์ด ไม่แน่ใจว่าเริ่มต้นที่บอร์ดไหน จนตอนหลังกลุ่มเราก็มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แล้วก็ได้มีการจัดมีตติ้งแฟนคลับขึ้น จัดขึ้นในโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง เราก็ค่อนข้างตื่นเต้นนะ เพราะเป็นมีตติ้งครั้งแรกและเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน

ตอนนั้นพวกเราในกลุ่มก็ร่วมมือร่วมใจกัน ใครสามารถทำอะไรได้ก็ทำในสิ่งนั้น บางคนก็วาดรูป บางคนก็หาคลิป บางคนก็จัดการเรื่องสถานที่ บางคนก็อยู่ในส่วนของกิจกรรมนันทนาการ

ในกลุ่มเราจะไม่ได้มีแต่เด็กๆ จะมีพี่ที่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้วด้วย (ตอนนั้นเรายังเป็นนักศึกษาอยู่ น่าจะปี 2 – ปี 3)

เราเป็นฝ่ายเอาแล็ปท็อปไป ไปเปิดคลิปต่างๆ ในงานนั้น ก็เป็นอะไรที่สนุกสนานดี ซึ่งหลังจากจบงานนั้น เราก็ยังคงมีคุยกันบ้าง แฟนคลับบางคนก็ยังคงติดต่อกันมาจนถึงศิลปินกลุ่มรุ่นต่อไป

เมื่อมาถึงศิลปิน Comic Boyz คราวนี้เราเป็นพี่ใหญ่แล้ว เพราะเราโตสุดในกลุ่ม เราก็จะเป็นคนนำน้องๆ จะพยายามพาน้องๆ ไปเจอกับศิลปินที่ชอบให้ได้ ซึ่งจากตรงนี้เราก็ต้องขอสารภาพว่าเราก็ทำอะไรที่ไม่ถูกไปเหมือนกัน และเรื่องนี้เราก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แม่เราเองก็ไม่เคยรู้ คือ เราเคยพาน้องคนหนึ่งออกจากโรงเรียนก่อนเวลากำหนด เราทำตัวเป็นผู้ปกครองน้องเขา (ตอนนั้นเราอยู่ปี 4 แต่วันนั้นเราไม่มีเรียน) ก็ไปหาน้องเขาที่โรงเรียนช่วงก่อนเที่ยง เพื่อจะได้พาน้องเขาไปในงานแถลงข่าวที่มีสัมภาษณ์ศิลปิน เพราะน้องเขาอยากไปมาก และทางนั้นเขาอนุญาตให้กลุ่มแฟนคลับเข้าไปได้ 2 คน เราก็เลยจะเข้าไปกับน้อง

ตอนไปหาน้องเขาที่โรงเรียน เราก็ทำตามระเบียบทุกอย่าง ไปเซ็นชื่อที่ห้องฝ่ายปกครอง แล้วก็เตรียมกับน้องเขาไว้ ทำเป็นว่ามารับเพราะน้องไม่สบาย แล้วก็ออกจากโรงเรียนกันมา ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าตื่นเต้น ตื่นเต้นยิ่งกว่าจะไปเจอศิลปินอีก

แต่พอไปถึงที่โรงแรมก็ไม่ได้เข้า ได้แต่ยืนอยู่หน้าห้อง เพราะน้องเขาใส่ชุดนักเรียนมา ถ้าเป็นชุดไปรเวทจะเข้าได้ เราก็เข้าใจทีมงานนะ เพราะตอนนั้นมันยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน ถ้าศิลปินเห็นคงจะดูไม่ดีนัก ไหนจะคนจัดงาน พี่ๆ นักข่าวอีก

แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า มันก็ไม่ถูกมาตั้งแต่แรก เราไม่ควรพาน้องมา คิดดูว่าถ้าในระหว่างทางที่นั่งรถแท็กซี่เกิดมีอุบัติเหตุ หรือน้องเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบ ก็ต้องเป็นเรา ถูกไหม

การจะทำอะไรต่างๆ จึงควรคิดหน้าคิดหลัง การรู้จักกันผ่านสื่อออนไลน์ เราไว้ใจกันก็จริง แต่การจะทำอะไรต่างๆ เราก็ควรจะคิดถึงความปลอดภัยและความถูกต้องไว้ด้วย

ต้องบอกว่าในกลุ่มแฟนคลับศิลปิน เราจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกัน คือ รู้จักกันในโลกออนไลน์ แต่เราเชื่อใจกัน เพราะมีความชอบเหมือนกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ อยากเจอศิลปิน อยากทำอะไรให้ศิลปิน เวลาจะทำอะไรต่างๆ เราก็ไปรวมตัวกันที่บ้านของใครคนหนึ่ง หรือสวนสาธารณะ เพื่อทำป้าย หรือทำอะไรต่างๆ เตรียมต้อนรับ หรือให้ศิลปิน

น้องบางคนที่แม่เป็นห่วง เขาก็จะมากับแม่ เวลามีงาน เราก็จะเตรียมหาบัตรให้แม่เขาไว้อีกที่ ช่วงนั้นก็จะเป็นอะไรที่อบอุ่น สนุก เป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำ ตอนนี้น้องๆ ก็โตอยู่ในวัยทำงานกันแล้ว ก็จะไม่ได้คุยกันนัก แต่เมื่อได้ข่าวของศิลปิน เราก็จะกลับมาคุยกันอีก

เราจะมีเพื่อนแฟนคลับอยู่หลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่ยังคงติดตามข่าวคราวกันอยู่ ที่เป็นเหมือนเพื่อน เพื่อนจริงๆ คือ กลุ่มแฟนคลับฟาเรนไฮต์(เฟยหลุนไห่) ที่คอยเป็นกำลังใจให้กัน สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง เวลาอกหักหรือมีปัญหาอะไรก็สามารถปรับทุกข์ หรือคุยกันได้

นอกจากกลุ่มแฟนคลับที่เรารู้จักกันทางสื่อสังคมออนไลน์แล้ว ยังมีกลุ่มพี่ๆ เพลงพวงมาลัยเป็นอีกกลุ่มที่เราได้รู้จัก กลุ่มนี้เราเป็นน้องเล็กของกลุ่ม และการเป็นน้องเล็กจะค่อนข้างสบาย เพราะพี่ๆ จะคอยดูแล เวลาไปมีตติ้ง นัดเจอที่ร้านอาหาร พี่ๆ เขาจะออกให้ พี่คนหนึ่งบอกว่าใครต่ำกว่าสามสิบ เขาจะเลี้ยง (ตอนนั้นเรายังไม่ถึงสามสิบ เลยกินฟรี แต่ตอนนี้คงไม่ได้ละ ฮ่าๆๆ)

ก็เป็นอะไรที่อบอุ่นไปอีกแบบ ตอนไปมีตติ้งก็ตื่นเต้น ยิ่งครั้งแรก ยิ่งอยากรู้ หน้าตาแต่ละคนเป็นยังไง เราเองก็ตื่นเต้น เพราะเขียนกลอนทะลึ่งไว้เยอะ จริงๆ ไม่กล้าไปด้วย อาย แต่พอไปมีตติ้งก็ไม่มีอะไร เพียงแต่จะเกร็งๆ เขินๆ กับคนที่เราแต่งกลอนทะลึ่งๆ กับเขาบ่อยๆ

แต่หลังจากที่เราหายไปสองปี และเขาก็หายไป เรากลับไปห้องกลอนเมื่อปีที่แล้ว ก็ต้องบอกว่าความทะลึ่งเราลดลง ต้องเรียกว่าเกือบเป็นศูนย์ เพราะเราไม่คุ้นกับพี่ๆ คนใหม่ๆ กลอนเราก็จะเป็นอีกแนว และได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

นอกจากกลุ่มแฟนคลับศิลปิน กลุ่มพี่ๆ ในห้องกลอน เรายังมีเพื่อนที่เป็นแฟนคลับนิยายที่เข้ามาทักทายให้กำลังใจทั้งทางหน้าเว็บที่เราโพสต์งาน และทางอีเมล บางคนก็ปรึกษาปัญหาเรื่องความรัก คุยกันนอกเหนือจากเรื่องนิยาย ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ เหมือนน้อง และได้มีโอกาสนัดเจอ

ดังนั้น สังคมออนไลน์เราจึงสามารถพบเจอเพื่อนได้หลายกลุ่ม ตามแต่ที่ว่าเราจะชอบในทางด้านไหน แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องระวังเอาไว้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะสังคมออนไลน์หรอก ในทุกๆ สังคมที่เราอยู่ เราควรที่จะมีสติรู้ในทุกๆ การกระทำทั้งของเขา และของเรา



Create Date : 23 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2559 22:07:22 น.
Counter : 915 Pageviews.

7 comment
กราบลดกู





เป็นภาพที่พี่มาร์ตินโพสต์ไอจีในวันนี้ พร้อมกับข้อความใต้ภาพว่า กราบแบบนี้ใช้กระแสในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเราก็เห็นด้วยนะ

และจากภาพนี้ก็ทำให้เรานึกถึงคำสอนของท่านพุทธทาส ซึ่งแม่เราก็เคยพูดให้ฟัง








ส่วนกลอนด้านล่างเป็นกลอนที่เราเอาคำว่า กราบลดกู มาแต่งเป็นกลอน

กราบเพื่อลดตัวกูของกูลง
กราบเพื่อปลงว่านี่ไม่ใช่ของฉัน
กราบเพื่อรู้ดูจิตทุกสิ่งอัน
กราบเพื่อวันข้างหน้าจะเข้าใจ...


เครดิตรูปภาพ จาก อินสตาแกรมพี่มาร์ติน และกูเกิล



Create Date : 10 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2559 14:11:30 น.
Counter : 1532 Pageviews.

6 comment
4 ปีที่แล้วมีนัดกับผู้ชายคนนี้


เห็นพี่ที่เป็นแฟนคลับโพสต์ภาพในอดีตในไอจี เลยทำให้ได้ทราบว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ววันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เรามีนัดกับผู้ชายคนนี้ ‘ป๊อป – ฐากูร’ เรามีนัดกันที่ร้านรถเสบียง อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟสามเสน 

พวกเราแฟนคลับ เรานัดเจอกันก่อนที่อนุสาวรีย์ที่ห้างห้างหนึ่ง นัดรับเสื้อคลับ และเปลี่ยนเสื้อคลับที่ห้างนั้น ซึ่งพวกเราทั้งหมดก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน เพิ่งจะได้มาเจอกันในวันนั้น

แต่จะรู้จักกันบ้างจากล็อกอินในพันทิป หรือบางคนก็รู้จักกันในแฟนเพจ แต่เพิ่งจะเคยเจอตัวจริงกัน ก็เป็นอะไรที่ตื่นเต้นดี ส่วนใหญ่ เราจะนั่งฟังเขาคุยกันมากกว่า บางคนติดตามน้องป๊อปมานานแล้ว ติดตามตั้งแต่ประกวดเดอะ ซิงเกอร์ (รายการประกวดร้องเพลงของช่อง 3 สมัยก่อน)

เราเพิ่งจะมาตามทีหลัง เพิ่งมาตามตอนที่เป็นชลนที ในรักนี้หัวใจมีครีบ ชอบเพราะเรื่องมันมีความแปลก นางเอกเป็นนางเงือก แล้วเวลาพูดจะพูดเป็นกลอน ชอบตรงนี้

น้องป๊อปเป็นพระเอกที่น่ารัก เราชอบจากบทบาทในเรื่อง ในภาคแรกเป็นอะไรที่สนุกมาก ละครก็สนุก กระทู้รายงานสดก็สนุก เราก็แคปภาพรัวๆ ไป

เมื่อแฟนคลับนัดมีตติ้ง เราก็ไม่พลาด เพราะอยากไปเจอเขา ยอมรับว่าตื่นเต้น คิดว่าทุกคนที่ไปก็คงตื่นเต้น น้องป๊อปเองก็น่าจะตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะเป็นมีตติ้งแฟนคลับครั้งแรกของเขา

เมื่อน้องป๊อปมาถึง น้องที่จัดทำเสื้อคลับก็ให้เสื้อคลับกับน้อง น้องป๊อปก็ไปเปลี่ยน แล้วก็มานั่งหัวโต๊ะ

พวกเราก็แนะนำตัวกันไปทีละคน ตอนแนะนำตัวก็ตื่นเต้น (ไม่รู้ว่าคนอื่นตื่นเต้นไหม แต่เราตื่นเต้น) มองหน้าน้องแล้วเขิน

วันนั้นพวกเราสั่งอาหารกันหลายอย่าง เพราะไปกันหลายคน ประมาณสิบกว่าคน แต่ว่าอาหารบนโต๊ะแทบไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ปลื้ม อิ่มอกอิ่มใจกับน้อง เราก็ทานไปพอประมาณ ไม่ได้ทานเยอะ เราจะเป็นคนที่เวลาตื่นเต้น จะทานอะไรไม่ค่อยลง

อาหารก็เหลือพอสมควร ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้เราได้เห็นมุมดีๆ ของป๊อปอีกมุม น้องป๊อปบอกว่าผมขอกินนะ รู้สึกเสียดาย ป๊อปบอกว่าถ้าเห็นอาหารเหลือจะรู้สึกเสียดายมาก จะต้องพยายามเคลียร์ แล้วป๊อบก็บอกว่าพ่อแม่เขาเป็นข้าราชการ ปลูกฝังว่าต้องกินข้าวให้หมด ทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย! เขามีความคิดดี แล้วก็รู้สึกเหมือนไม่ได้เป็นดารา เหมือนเป็นพี่ เป็นน้องที่มีความกล้าพูด

ตอนนั้นเขาก็ยังเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ วันที่มามีตติ้งเขามากับเพื่อน เพราะคิดว่าบางทีอาจจะมีของ (ของจากแฟนคลับ) ก็จะได้ให้เพื่อนช่วยขน

เขาดูเป็นคนซื่อๆ จริงใจดี

ตอนทานข้าวเสร็จเขาก็ควักกระเป๋าสตางค์จะจ่าย พวกเราต้องรีบห้าม บอกว่าพวกเราจ่ายเอง (คือ พวกเราหารกัน) ซึ่งเป็นปกติธรรมเนียมของการมีตติ้ง แฟนคลับจะเป็นคนจ่าย เขาก็งง อ้าว เหรอ ผมเตรียมตังค์มาจ่ายเลยนะ คือ ตั้งใจจะเลี้ยง (เราเดาว่าในมุมมองของเขาคงคิดว่าการมีตติ้ง คือ การที่ดาราจะต้องมาเลี้ยงตอบแทน เป็นการขอบคุณแฟนคลับ)

แต่การมีตติ้งของพวกเรา มันคือการตอบแทนที่เขาได้ทำงานผลงานดีๆ ให้พวกเราได้ดู เป็นการสนับสนุนเขา

หลังจากนั้นเราก็มาถ่ายรูป ซึ่งปกติแล้วเราจะไม่ค่อยชอบถูกถ่ายรูปนะ แต่ในกรณีนี้ถ้าไม่ถ่ายรูปมันก็น่าเกลียดเกินไป ทุกๆ คนเขาเรียกไปถ่ายรูปคู่กันหมด เราก็ไป และก็ตามเคย ท่าประจำ ชูสองนิ้ว โพสท่าอื่นไม่เป็น แค่ไปอยู่ใกล้ๆ ก็เขินแล้ว ก็ได้รูปมาเช่นนี้...






Create Date : 04 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2559 11:20:39 น.
Counter : 1336 Pageviews.

15 comment
ดูแลคุณยาย และอ่านนิยาย


ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เขียนอะไรไม่ค่อยออก เพราะค่อนข้างมึนๆ เพลียๆ มาตั้งแต่ช่วงที่ยายเข้าโรงพยาบาลเมื่อตอนต้นเดือน แต่ในช่วงนั้นยังไม่ค่อยเพลียมากนัก เพราะยังนอนได้เต็มอิ่ม เพราะโดยหลักแล้วเราจะอยู่ที่บ้าน น้าจะไปเฝ้าที่โรงพยาบาล เราก็จะมีหน้าที่ดูแลจัดการงานในบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน เอาผ้าเข้าเครื่อง ตากผ้า ล้างจาน และก็จะมีหน้าที่คอยรับส่งของ ถ้ายายต้องการอะไรเพิ่มเติม เราก็จะหิ้วไปให้ ส่วนใหญ่ก็นั่งแท็กซี่ไปเพราะของเยอะ

จนเมื่อช่วงที่ยายเข้าไอซียู น้าเราก็ได้กลับมาพักที่บ้านบ้าง เพราะไอซียูเขาจะให้เยี่ยมเป็นเวลา พอตอนเช้าก็ตื่นไปหายายที่โรงพยาบาล น้าเราต้องไปป้อนข้าวยาย เพราะยายไม่ค่อยยอมจะกินอะไร เราเองก็เคยป้อนก็ไม่รู้จะคะยั้นคะยออย่างไร ตอนนั้นยายไม่ค่อยทานอาหาร (เบื่ออาหาร) เพราะยายยังไม่ได้ฟอกไต เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าหลังจากฟอกไตแล้ว จะเริ่มทานได้มากขึ้น

ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก็เรียกว่าค่อนข้างยุ่งๆ เพราะหลังจากที่ยายกลับมาอยู่บ้านแล้ว ทุกๆ อย่างเราต้องจัดการ เรื่องวัดความดัน ชั่งน้ำหนักเช้ากลางวันเย็น เจาะเบาหวานเช้าเย็น จัดยา ต้องจัดทุกวัน เมื่อก่อนจัดทีละ 5 กล่องจัดเผื่อไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องจัดทุกวัน เพราะยายายเยอะ ยายเป็นหลายโรค แต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาล บุรุษพยาบาลที่ดูแลเรื่องยาบอกว่าจัดอย่างนี้ไม่ได้ ยามันจะเสื่อม ทำให้ออกฤทธิ์ได้ไม่ดีพอ ต้องจัดใหม่ทุกวัน เราเลยต้องเปลี่ยนการจัดยาใหม่เป็นจัดทุกวันวันละกล่อง วันนึงยายกินยา 30 เม็ด รวมเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน จะมียุ่งขึ้นมาคือวันไปฟอกไต ต้องงดยาความดัน 4 ตัวหลังเช้า เพราะฟอกไตจะทำให้ความดันต่ำ ยายจะฟอกไตทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ดังนั้นคืนวันอาทิตย์ อังคาร พฤหัสก็จะจัดไม่เหมือนปกติ จัดเสร็จก็เช็คตามใบยาแล้วให้น้าช่วยดูอีกที

และก็ยังมีเรื่องยุ่งขึ้นมาอีกในช่วงนี้ คือ ต้องดูเรื่องแผลกดทับ ซึ่งแผลกดทับนี้มาจากตอนที่คุณยายนอนที่โรงพยาบาล นอนติดเตียงเป็นเวลานาน เพราะช่วงนั้นยายเหนื่อยง่าย มีอาการน้ำท่วมปอด เขาใส่สายสวนปัสสาวะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินไปเข้าห้องน้ำ เกือบสองอาทิตย์ที่นอนอยู่บนเตียงนั่น เลยมีแผลกดทับอยู่สามจุดที่ก้น พอกลับมาบ้าน ก็ทำมาแผลกันต่อ

เราเองก็เพิ่งจะเคยเห็นแผลที่เรียกว่าแผลกดทับ มันน่ากลัวเหมือนกันนะ เหมือนมันกินเนื้อไปเรื่อยๆ เห็นเนื้อแดงๆ แล้วถ้าลึกหน่อยก็เห็นเป็นขาวๆ น้าเราบอกว่าที่ขาวๆ นั่นคือไขมัน เป็นชั้นไขมัน เราก็เป็นลูกมือช่วยคุณน้าตอนทำแผลให้ยาย ตอนนี้แผลสองจุดดีขึ้นจนเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นปกติ แต่อีกจุดนึงดีขึ้นแต่ยังไม่ปกตินัก

ก็จะเป็นห่วงเรื่องคุณยายเข้าห้องน้ำ จะเหนื่อยกันตรงนี้ เพราะคุณยายบอกปวดท้องหนักบ่อยมาก แต่พอเข้าห้องน้ำกลับออกมาทีละหน่อย ซึ่งเวลาล้าง จะทำให้ที่ปิดแผลบางจุดมันหลุด ต้องทำใหม่ ก็ล้างแล้วทำแผลใหม่ วันนึงทำแผลไม่ต่ำกว่าสามรอบ วันไหนกินยาถ่าย วันนั้นก็หนักหน่อย เดี๋ยวก็จะเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็จะห้องน้ำ

ก็เรียกว่ามึนๆ กันไป งานเขียนเราเลยเหมือนหยุดพักยาวๆ เวลาว่างๆ ก็นั่งอ่านนิยาย ช่วงนี้มาอ่านนิยายแจ่มใส ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยอ่านที่เป็นนิยายวัยรุ่น ตอนนี้กลับติด เพราะเริ่มต้นมาจากการที่อ่านทีเรกซ์ Lovely Geologist หนุ่มหล่อหน้าใสตื๊อหัวใจอ้อนรัก หนึ่งในชุด U-Prince ตอนนี้ก็เลยไล่ตามเก็บเล่มอื่นๆ อีก 11 เล่มโดยซื้อเป็นมือสอง (แต่ทีเรกซ์ซื้อมือหนึ่ง)





ที่ตามอ่านทีเรกซ์เป็นเล่มแรก เพราะชอบคชา คนที่รับบทเป็นทีเรกซ์ในซีรีส์ ซึ่งเมื่อได้อ่านนิยายแล้วก็ โอ๊ย... นี่มันคชาชัดๆ หน้าแบ๊วๆ มึนๆ อึนๆ ตาแป๋วๆ ใช่เลย

ถ้ามีเวลา อยากจะรีวิว U-Prince ให้ครบ แต่ตอนนี้ยังก่อน ขอไล่อ่านไปเรื่อยๆ พักผ่อนก่อน อาจจะรีวิวอีกทีในปีหน้า (ยาวไป)

แล้วเราจะได้พบกันอีก

ขอแปะคชา (ทีเรกซ์) ไว้ดูความมุ้งมิ้ง




Cr. Youtube :: Trailer U-PRINCE Series ตอน ทีเรกซ์ (T-rex)




Cr. Youtube :: U-PRINCE Series | ความน่ารักของ 'ทีเรกซ์'



Create Date : 22 ตุลาคม 2559
Last Update : 22 ตุลาคม 2559 17:49:12 น.
Counter : 1916 Pageviews.

25 comment
รวมรูปภาพถวายความอาลัยจาก IG (3)

































































Create Date : 18 ตุลาคม 2559
Last Update : 18 ตุลาคม 2559 0:26:43 น.
Counter : 1551 Pageviews.

11 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  

comicclubs
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]



Group Blog
All Blog
  •  Bloggang.com