"ไม่มีใครผู้ใด ที่จะทำให้เรา พ้นทุกข์ได้ ตัวของเราเท่านั้น ที่จะทำให้เรา พ้นทุกข์ได้"

สมาชิกหมายเลข 5067499
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ศึกษาและปฏิบัติธรรม มากกว่า 38 ปี
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5067499's blog to your web]
Links
 

 
58. ไม่ควรไปคาดหวังสิ่งใดๆ จากใจของผู้อื่น



การมีจิตเมตา และ การช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น

ควรยึดถือหลักธรรม “พรหมวิหาร 4” ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติเอาไว้ คือ

1. เมตตา หมายถึง มีความปรารถนาให้ผู้อื่น พ้นจากทุกข์

2. กรุณา หมายถึง ลงมือช่วยเหลือให้ผู้อื่น พ้นจากทุกข์

3. มุทิตา หมายถึง ยินดีที่ผู้อื่น พ้นจากทุกข์

4. อุเบกขา หมายถึง วางปล่อย วางเฉย หรือ ไม่ยึดถือเอาไว้ว่า ตนเป็นผู้ช่วยเหลือ ให้ผู้อื่นและสัตว์อื่น พ้นจากทุกข์ (เป็นการช่วยเหลือ ที่ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ)

***************

การมีจิตเมตตา ต้องประกอบด้วย "ปัญญา" คือ

1. เราต้องทำความเข้าใจ ให้ชัดแจ้งว่า “สัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามกรรม กมฺมุนา วตฺตติโลโก” คือ

สัตว์โลกทั้งหลาย ล้วนเกิดมา เพื่อมารับผลของกรรม หรือ วิบากกรรม ที่ตนได้เคยกระทำสั่งสมเอาไว้ ในชาติก่อนๆ

ไม่มีใคร ที่จะหลีกหนี ให้พ้นไปได้ 

2. เราต้องทำความเข้าใจ ให้ชัดแจ้งว่า ในความเป็นจริงแล้ว “ไม่มีใคร ที่จะช่วยให้ผู้อื่นและสัตว์อื่น พ้นจากทุกข์ไปได้”

"ตนของตนเท่านั้น ที่จะทำให้ตน พ้นจากทุกข์ไปได้"

การช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น

จะมีผลอย่างมาก ก็แค่เพียง “ช่วยให้ผู้อื่นและสัตว์อื่น บรรเทาทุกข์ลง” เท่านั้นเอง

3. การช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น ต้องไม่ทำให้ตน ผู้อื่น และสัตว์อื่น เดือดร้อนกายและเดือดร้อนใจ

การช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น ต้องทำตามกำลัง และ ตามสมควร เพราะ การช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น ที่มากจนเกินไป อาจจะส่งผลเสีย ทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ

การช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพย์สินเงินทองหรือสิ่งของ ก็ได้ อาจใช้กำลังกาย หรือ กำลังสติปัญญา ก็ได้

ในบางครั้ง หรือ ในบางโอกาส “การให้กำลังใจ หรือ การแสดงการเห็นอกเห็นใจ” ก็มากเพียงพอแล้ว สำหรับบางคน

4. เมื่อเราได้ช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น แล้ว จงอย่าไปคาดหวัง ผลตอบแทนใดๆ

การช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้อื่นและสัตว์อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

จะเป็นบุญและเป็นกุศล ที่บริบูรณ์ และ มีอานิสงส์มาก

***************

โดยส่วนใหญ่แล้ว

จิตใจของคนเรา มักจะถูกกิเลส ตัณหา และ อุปาทาน ครอบงำอยู่ และ บงการอยู่

ทำให้จิตใจของคนเรา มักจะมีความไม่เที่ยง มีความไม่ยั่งยืน มีความแปรปรวน และ มีความไม่แน่นอน เป็นธรรมดา

ดังนั้น จึงไม่ควร ไปคาดหวังสิ่งใดๆ จากจิตใจของผู้อื่น

***************

ในการกระทำสิ่งใดๆ

จงยึดถือ “ความถูกต้อง และ ความเหมาะสม” เป็นหลัก

จงอย่ายึดถือ “ความถูกใจ หรือ ความพึงพอใจ ของผู้อื่น” เป็นหลัก

เพราะ “ไม่มีใคร ที่จะทำให้ผู้อื่นพอใจ ได้ทั้งหมด”

***************

ความพึงพอใจของคนๆหนึ่ง ที่มีต่อเรา

เพราะ การกระทำของเรา ที่ทำให้เขา “พึงพอใจ" 100 ครั้ง (ตามใจ)

อาจมลายหายสิ้นไป

เพราะ การกระทำของเรา เพียงครั้งเดียว ที่ทำให้เขา “ไม่พอใจ" (ขัดใจ)

***************

จงมีจิตเมตตาต่อผู้อื่นและสัตว์อื่น

ด้วยการไม่คิดเบียดเบียน และไม่คิดทำร้ายทำลาย ชีวิตผู้อื่นและสัตว์ 

ด้วยการไม่ทำร้ายทำลายผู้อื่น ด้วยวาจา

และ ด้วยการไม่เบียดเบียน และ ไม่ทำร้ายทำลาย ชีวิตผู้อื่นและสัตว์อื่น 

 
ชาญ คำพิมูล

 


Create Date : 28 มิถุนายน 2563
Last Update : 9 กรกฎาคม 2563 7:28:56 น. 0 comments
Counter : 865 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.