"ไม่มีใครผู้ใด ที่จะทำให้เรา พ้นทุกข์ได้ ตัวของเราเท่านั้น ที่จะทำให้เรา พ้นทุกข์ได้"

สมาชิกหมายเลข 5067499
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ศึกษาและปฏิบัติธรรม มากกว่า 38 ปี
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5067499's blog to your web]
Links
 

 
23. อย่าพร่า “ประโยชน์ของตน” เพราะ “ประโยชน์ของผู้อื่น” แม้มาก



การทำ “ประโยชน์ของผู้อื่น” เป็นสิ่งที่ดี ที่เราควรทำ

เพราะ มีผลเป็น “วิบากกรรมดี” หรือ “กุศลวิบาก”

แต่เราต้องระมัดระวัง อย่าให้เสีย “ประโยชน์ของตน”

ดังข้อความ ในพระสุตตันตปิฎก ที่ว่า

อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน พหุนาปิ น หาปเย
 อตฺตทตฺถมภิญฺญาย สทตฺถปสุโต สิยา

 บุคคล ไม่ควรพร่าประโยชน์ของตน เพราะประโยชน์ของผู้อื่น แม้มาก
 รู้จักประโยชน์ของตนแล้ว พึงขวนขวาย ในประโยชน์ของตน”


(พุทฺธ) ขุ.ธ. ๒๕/๓๗.

พร่า[พฺร่า] หมายถึง ก. ทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้ย่อยยับ เช่น พร่าชื่อเสียง พร่าทรัพย์สมบัติ พร่าประโยชน์ ว. กระจัดกระจายจนเห็นหรือได้ยินไม่ถนัดชัดเจน เช่น ตาพร่า รูปพร่า เสียงพร่า

***************

การทำ “ประโยชน์ของตน” หมายถึง การปฏิบัติตาม โอวาทปาฏิโมกข์ ๓ ประการ ได้แก่

๑. การไม่ทำบาปอกุศลทั้งปวง ทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ หมายถึง การไม่สร้างอกุศลวิบาก หรือ วิบากกรรมที่ไม่ดี มาเติมเพิ่มให้กับชีวิต

๒. การหมั่นทำกุศลให้ถึงพร้อม ทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ หมายถึง การเพียรหมั่นสร้างกุศลวิบาก หรือ วิบากกรรมดี มาเติมเพิ่มให้กับชีวิต

๓. การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส หมายถึง การเพียรหมั่นชำระล้าง กิเลส ตัณหา และ อุปาทาน ซึ่งเป็นอกุศลมูล หรือ มูลเหตุของอกุศล ออกจากจิตใจ ให้หมดสิ้น

การทำ “ประโยชน์ของผู้อื่น” หมายถึง การกระทำ เพื่อเกื้อกูลโลก เพื่อเกื้อกูลสังคม เพื่อเกื้อกูลผู้อื่น และ เพื่อเกื้อกูลสัตว์อื่น อันมีผลเป็น  “วิบากกรรมดี” หรือ “กุศลวิบาก”

***************

เพราะเหตุว่า

ชีวิตของคนเรา ทั้งในชาตินี้ และ ชาติต่อๆไป ขึ้นอยู่กับ ผลของการทำ “ประโยชน์ของตน” เป็นหลัก

และ เพราะเหตุว่า

โดยปกติแล้ว การทำ “ประโยชน์ของตน” ย่อมก่อให้เกิด “ประโยชน์ของผู้อื่น” ตามมา เป็นธรรมดา

ดังนั้น เราจึงควรมุ่งเน้น การทำ “ประโยชน์ของตน” เป็นหลัก

เพื่อทำให้เกิด “ประโยชน์ของผู้อื่น” โดยไม่ทำให้เสีย “ประโยชน์ของตน”

***************

การทำ “ประโยชน์ของผู้อื่น” แล้วทำให้เสีย “ประโยชน์ของตน” หมายถึง

๑. การทำประโยชน์ของผู้อื่น แล้วทำให้ กิเลส ตัณหา และ อุปาทาน พอกพูนเพิ่มขึ้น ในจิตใจของตน คือ

เกิดความโลภ เกิดความอยากได้ เกิดความอยากมี และ เกิดความอยากเป็น เพิ่มมากขึ้น

หรือ เกิดอารมณ์ไม่พอใจ เกิดอารมณ์ขัดเคืองใจ เกิดอารมณ์โกรธ เกิดอารมณ์โทสะ เกิดอารมณ์พยาบาทอาฆาตแค้น

หรือ เกิดความหลงใหลติดใจ ในลาภ ยศ สรรเสริญ และ โลกียสุข เพิ่มมากขึ้น

๒. การมุ่งทำประโยชน์ของผู้อื่น จนไม่มีเวลา ทำประโยน์ของตน

๓. การทำประโยชน์ของผู้อื่น แล้วทำให้ตน เป็นทุกข์ เดือดร้อนกาย และ เดือดร้อนใจ

๔. การทำประโยชน์ของผู้อื่น แล้วทำให้ผู้อื่น หรือ สัตว์อื่น เป็นทุกข์ เดือดร้อนกาย และ เดือดร้อนใจ (เกิดอกุศลวิบาก มาเติมเพิ่มในชีวิต)

***************

การทำ “ประโยชน์ของตน” และ การทำ “ประโยชน์ของผู้อื่น”

มีผลต่อ “การเกิดมาและการตายจากไปของคนเรา”

การตายจากไปของคนเรา คือ การเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิ ตามกรรม ตามวิบาก ตามเวลาอันควร หรือ ตามผลของการทำ “ประโยชน์ของตน” และ “ประโยชน์ของผู้อื่น”

***************

การเกิดมาและการตายจากไปของคนเรา

โดยทั่วๆไปแล้ว มีอยู่ ๔ ลักษณะ คือ

๑. มาดี ไปดี

๒. มาดี ไปไม่ดี

๓. มาไม่ดี ไปดี

๔. มาไม่ดี ไปไม่ดี

“มาดี” หมายถึง เกิดมาเพื่อ มารับวิบากกรรมดี (กุศลวิบาก) เป็นส่วนใหญ่

“มาไม่ดี” หมายถึง เกิดมาเพื่อ มารับวิบากกรรมไม่ดี (อกุศลวิบาก) เป็นส่วนใหญ่

“ไปดี” หมายถึง เมื่อเกิดมาแล้ว มีการละอกุศลกรรม หมั่นทำกุศลกรรม และ หมั่นชำระล้าง กิเลส ตัณหา และ อุปาทาน ออกจากจิตใจ ทำให้ “มีภพภูมิที่สูงขึ้น เป็นที่หมาย เมื่อตายจากไป” (ได้ไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น เพื่อรับวิบากกรรมดี)


“ไปไม่ดี” หมายถึง เมื่อเกิดมาแล้ว มีการทำอกุศลกรรมอยู่เนืองนิจ ไม่หมั่นทำกุศลกรรม และ ไม่หมั่นชำระล้าง กิเลส ตัณหา และ อุปาทาน ออกจากจิตใจ ทำให้ “มีภพภูมิที่ต่ำลง (อบายภูมิ) เป็นที่หมาย เมื่อตายจากไป” (ได้ไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำลง เพื่อรับวิบากกรรมไม่ดี)

***************

ชีวิตนี้ น้อยนัก

ชีวิตนี้ สั้นนัก

ชีวิตนี้ ไม่แน่นอน


ขอพวกเรา จงอย่ามัววุ่นวายอยู่กับ เรื่องราวของโลก ของสังคม และ ของผู้อื่น จนเกินควร จนไม่มีเวลา ทำ “ประโยชน์ของตน”

ขอพวกเรา จงอย่าให้ เรื่องราวของโลก ของสังคม และ ของผู้อื่น มาทำให้เกิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเกลียดชัง ฯลฯ พอกพูนเพิ่มขึ้น ในจิตใจ

ขอพวกเรา จงอย่าให้ เรื่องราวของโลก ของสังคม และ ของผู้อื่น มาทำให้เรา เป็นทุกข์ เครียด และ วิตกกังวลใจ

และ ขอพวกเรา จงเพียรหมั่นทำ “ประโยชน์ของตน” และ “ประโยชน์ของผู้อื่น” ให้บริบูรณ์

เพื่อประโยชน์สุขของชีวิต ทั้งในชาตินี้ และ ชาติต่อๆไป

และ เพื่อความพ้นทุกข์ หรือ เพื่อความดับทุกข์ อันเป็นที่สุดของชีวิต

ชาญ คำพิมูล

 


Create Date : 06 กรกฎาคม 2562
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2564 15:09:24 น. 4 comments
Counter : 42792 Pageviews.

 
ดีมากคับ


โดย: บอย IP: 51.81.85.242 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:9:24:25 น.  

 
ดีมากคับ


โดย: บอย IP: 51.81.85.242 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:9:24:30 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ


โดย: ปุณวิชล IP: 182.232.227.54 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:9:31:13 น.  

 
ขอบคุณที่ทำให้ปมจบโทนักธรรมครับ


โดย: ปุณณวิชญ์ ญาติพัฒน์ IP: 182.232.227.54 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:9:32:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.