CHIANGRAI :: แอ่วเหนือเมื่อหนาว :: ตอนที่ 11 เที่ยวสุสานนายพลต้วนแวะชิมแค้าสวีทแม่สลอง
ตอนที่แล้วพาไปเที่ยว "ตลาดเช้าแม่สลอง" กันมาแล้ว .. มาถึงตอนนี้ก็ได้เวลาเข้าสู่โปรแกรมการท่องเที่ยวในแม่สลองกันแล้วค่ะ พวกเราเริ่มเดินทางจากจุดที่ใกล้ที่สุดนั่นคือสุสานนายพลต้วน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดเช้าแม่สลองมากนัก มีทางขึ้นสังเกตุได้ง่ายค่ะ
พอขึ้นมาแล้วก็จะเจอร้านขายชาซึ่งด้านข้างมองเห็นวิวแม่สลองด้วยล่ะ ถือเป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่สวยค่ะ สวยไม่สวยแค่มุมนี้ยืนถ่ายรูปกันนานเลยกว่าจะได้ขึ้นไปไหว้ท่านนายพล
สุสานนายพล ต้วน ซี เหวิน ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติของท่านกันก่อนค่ะ มาแล้วก็ต้องศึกษากันหน่อย ท่านเป็นบุคคลสำคัญของแม่สลองเลยทีเดียว เป็นผู้ก่อตั้งชุมชนชาวจีนดอยแม่สลอง พัฒนาพื้นที่นี้ให้ชาวบ้านได้กินดีอยู่ดี จนที่นี่ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ทำให้คนที่นี่เคารพและรักในคุณงามความดีของนายพลต้วน เรามาเรียนรู้ประวัติของดอยแม่สลองกันหน่อยดีกว่าเนอะ จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปกัน
ดอยแม่สลอง ในอดีตเป็นชุมชนของอดีตทหารจีนกองพล 93 สังกัดพรรคกกมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ค ทำการรบอยู่ทางตอนใต้ของจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาเกินการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจีน เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์นำโดย เหมาเจ๋อตุงยึดอำนาจสำเร็จ พรรคกกมินตั๋งจึงถอยร่นไปปักหลักที่เกาะไต้หวันกองพล 93 กลายเป็นกองกำลังพลัดถิ่นถูกกดดันเป็นอย่างหนัก จนถอยร่นเข้ามาในเขตพม่าแต่ถูกทางพม่าผลักดันทำให้เกินการปะทะกันหลายครั้ง จนต้องถอยร่นมาถึงเทือกเขาดอยตุงชายแดนไทย
ฝ่ายพม่าได้ร้องเรียนไปยังสหประชาชาติเมื่อปี พ.ศ. 2496 และมีมติให้อพยพกองกำลังพลัดถิ่นไปยังประเทศไต้หวัน แต่ทหารสังกัดนายพลหลี่เหวินฝานและนายพลต้วนซีเหวิน ราวสามหมื่นคนทำเรื่องขอลี้ภัยในประเทศไทย เนื่องจากไม่แน่ใจในอนาคตเพราะไต้หวันเป็นเพียงเกาะเล็กๆ
ในปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลไทยอนุญาติโดยจัดสรรให้ทหารของหนายพลหลี่เหวินผ่านไปอยู่ที่ถ้ำงอบ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ส่วนทหารสังกัดนายพลต้วนซีเหวิน 15,000 คนอยู่บนดอยแม่สลอง จากนั้นราวปี 2512 อดีตทหารจีนคณะชาติกองพลที่ 93 จึงอาสาเข้าร่วมกับทหารไทยสู้รับกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ บริเวณดอยหลวง ดอยยาว ดอยผาหม่น จนเหตุการณ์สงบ จากความเสียสละดังกล่าวของอดีตทหารจีน
รัฐบาลไทยเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย กระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2515 ครม.มีมติรับทหารจีนคณะชาติให้อาศัยในไทยอย่างเป็นทางการ จึงมีนโยบายให้สัญชาติไทยแก่บุคคลเหล่านี้พร้อมทั้งครอบครัวรวมประมาณ 5,000 คน อีกทั้งปี 2524 เมื่อครั้งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนไทยเชื่อสายจีนเหล่านี้ยังได้อาสาเข้าร่วมสู้รบในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์บริเวณเขาค้อ เขาย่า จังหวัดเพชรบูรณ์ จนเหตุการณ์ยุติลงจึงได้เดินทางกลับมาประกอบอาชีพเยี่ยงพลเรือนไทย โดยประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก
ในขณะนั้น พล.อ เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ริเริ่มโครงการปลูกชาและปลูกสนสามใบ เพื่อทดแทนป่าชุมชนบนดอยแม่สลอง ทำให้ดอยแม่สลองเป็นที่รู้จักและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญนับแต่นั้นมา จึงได้ชื่อใหม่ว่า "บ้านสันติคีรี" หมายถึง หมู่บ้านอันเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่สงบสุข ภาษาจีนเรียกว่า "เหมย ชื่อ เล่อ" (เหมย แปลว่า สวยงาม , ซือ แปลว่า เรียบร้อย , เล่อ แปลว่า ความสงบสุข) ดอยแม่สลองจึงหมายถึง ดินแดนอันสงบสุขเรียบร้อยแล้วสวยงาม
ฟังประวัติมายาวหน่อย แต่ทุกคนจะเข้าใจว่าเพราะเหตุนี้แหละ ชุมชนคนที่นี่จึงรักผืนแผ่นดินไทยมาก และพวกเค้าจะพูดถึงประเทศไทยอย่างภูมิใจมาก ขณะที่คนที่นี่สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่ไต้หวันได้ยังไม่กลับเลยอ่ะ ยังคงปักหลักถิ่นฐานอยู่ในแผ่นดินไทย เหมือนอย่างพี่ที่เฝ้าสุสานคนนี้แหละ เค้าเคยเป็นทหารของนายพลต้วนมาก่อน ไม่ยอมกลับประเทศยอมยืนเฝ้าและเล่าเรื่องราวของนายพลต้วนให้นักท่องเที่ยวได้ทราบความเป็นมาของท่าน แถมพูดได้หลายภาษาด้วยเหอะ
การมาไหว้นายพลต้วน พี่ทหารคนนี้ก็จะนำจุดธูปจุดเทียน แล้วก็ว่ากล่าวตามเขา พร้อมกับเล่าเรื่องต่างๆ ให้พวกเราได้ฟัง การบอกกล่าวเล่าเรื่องจากรุ่นต่อรุ่นของคนที่นี่ ทำให้ทุกคนเกิดความรักและสามัคคีในชุมชน
สำหรับดอยแม่สลองแห่งนี้อากาศจะเย็นตลอดปี จะอยู่ประมาณ 15-20 องศา ส่วนใหญ่คนจะมาเที่ยวตอนเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค จะเป็นช่วงที่ที่นี่งดงามที่สุดล่ะ พวกเราก็กะพอดีแล้วน้า แต่ดันมาปีนี้หนาวช้าซะงั้น แต่ก็ยังดีที่หนาวนะ
ระหว่างที่ยืนเม้าส์มอยกันอยู่นั้น ลมพัดมาก็มีเสียงอะไรหล่นมาใส่ ร้องโอ้ยกันเป็นแถวมันคืออะไรกัน
เจ้าเกาลัดน้อยหน้าตามันก็แบบนี้เลย เป็นเพราะมันมีหนามแหลมมาก เวลาพลัดตกลงมาโดยเนี่ยร้องโอ้ยกันเลยทีเดียว ซึ่งสามารถแกะเปลือกที่เป็นหนามออกแล้วก็ทุบให้เปลือกแตก มันรสชาติมันส์ๆ เหมือนถั่วเลยล่ะ เอาล่ะได้เวลาเดินทางกันต่อแล้ว จะพาไปฟินกินเค้กแม่สลองกันค่ะ
ร้านนี้หาไม่ยากค่ะอยู่เลยบ้านหอมหมื่นลี้ไปไม่ไกลนักร้านตกแต่งด้วยไม้สไตล์อารต์ๆ ชิลดีอ่ะ
ที่นี่มีเมนูผ่านจอด้วยโดยจะแสดงเมนูที่มีในแต่ละวัน มาแต่ละวันไม่เหมือนกันด้วยเหอะ
เสร็จแล้วก็ส่งออเดอร์ให้พี่คนนี้เลย เจ้าของร้านผู้ใจดีดีนะพี่เค้าจำไม่ได้ว่าพวกเราเนี่ยแหละ ที่มาเคาะประตูร้านเค้าเมื่อวาน ก็อร่อยอ่ะเลยต้องมาซ้ำอีกรอบ สั่งเสร็จก็ไปหาทำเลตามแต่สะดวกเลยว่าอยากนั่งมุมไหน
ไม่นานนักของที่สั่งก็เดินทางมา จขบ. จำชื่อเมนูไม่ได้จริงๆ เพราะเค้าสั่งกันทุกอย่างที่มีเลยจำไม่ได้อ่ะ
เต็มโต๊ะประหนึ่งว่าเมื่อกี้ไม่ได้กินข้าวเช้ามางั้นแหละ แถมไม่มีใครห้ามใครด้วยนะ เค้กที่นี่เค้าทำเองละมุนมากอ่ะ ใครมาดอยแม่สลองล้วนแต่ไม่พลาดที่จะเช็คอินร้านนี้ ด้วยบรรยากาศและรสชาติเริ่ดจ้า
มุมนี้ จขบ.ชอบนะไอเดียดีจังนั่งมองสีเขียวๆ บ้างสบายตาดี เนี่ยแหละที่สังคมเมืองไม่มี ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะมีเงินเยอะแค่ไหน ก็ล้วนแล้วแต่กลับสู่ธรรมชาติ
มื้อนี้จ่ายไปพันนิดๆ นะก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเพราะอร่อยกินกันเกลี้ยงเลยไม่มีเหลือ ไม่ได้กินกันง่ายๆ นะต้องตะกายมาถึงแม่สลองแนะ รสชาติที่อื่นอาจจะสู้ได้ แต่ จขบ.เชื่อว่าบรรยากาศมันฟินผิดกัน
พอเดินออกมาหน้าร้านพวกเราก็เจอคุณป้าหรือขายของเครื่องประดับเนี่ย ขายกันตรงหน้าร้านเลย พวกเราก็เลือกกันใหญ่ต่อไปต่อมา ทำไมยิ่งต่อมันยิ่งแพงวะ จนจับได้ว่าป้าแกขึ้นราคาซะงั้นอ่ะ ดีนะที่มากะไกด์ท้องถิ่นอู้ภาษาเหนือกันรู้เรื่องเลยได้ราคาเดิม เดี๋ยวนี้ชาวเขาเค้าพัฒนาแล้ว
ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวไร่ชานะจ๊ะ มาแม่สลองก็ต้องมาไร่ชาเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง ติดตามต่อตอนหน้านะจ๊ะ
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2558 0:51:42 น. |
|
3 comments
|
Counter : 4114 Pageviews. |
|
|
|