ว่าจะไม่ จะไม่ เขียนบล็อกซีรีย์เรื่องนี้ กะดูจบแล้วจะไปเมาท์มอยเต็มที่ที่บล็อกของคุณ Chanpanakrit ซึ่งได้เขียนถึง Bloody Monday ทั้งสองซีซั่น ไว้แบบ "ได้ใจ" ในมุมความคิดเห็นที่อ่านแล้วชวนฮา แต่เพื่อแสดงความจริงใจต่อนักแสดง "ซาโต้ ทาเครุ" จึงต้องเขียนบล็อกนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการสารภาพ ( ฉันชอบเธอ )
ตั้งแต่แรกเริ่มซีซั่นแรก ใครๆ ก็บอกว่าเรื่องนี้สนุก พี่สาวคอหลีปุ่นท่านหนึ่งก็แนะนำให้รีบรับชม ด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา แต่เกี่ยวกันโดยตรงกับความหล่อของ "มิอุระ ฮารุมะ"
หารีวิวในอินเทอร์เน็ตก็เจอทั้งฝ่ายชื่นชม และฝ่ายติแต่ก็ชม ( ชมละคร ) ซึ่งอย่างเหลังค่อข้างมีอิทธิพลต่ออคติในใจ อีกทั้งมิอุระเป็นลูกเต้าเหล่าแม่ยกใดไม่เคยรู้จัก แต่ก็นั่นแหละ เมื่อมีทั้งคนชม และมีทั้งคนติ ซีรีย์เรื่องนี้จึงน่าศึกษาและพิจารณาด้วยต้นเอง
อย่างแรกเห็นกันกับตาจะๆ
โอ้ .... มิอุระ ฮารุมะ หล่อเหล่าสมคำร่ำรือ แต่ทำไม๊ ถึงได้ผอมกะหร่องเหมือนว่าลมพัดมาแล้วจะปลิว แต่ในซีซั่นสองเป็นหนุ่มแล้วนะคะ ค่อยดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาหน่อย
อย่างที่สองคือเนื้อเรื่องที่ได้ดูและตัดสินด้วยตนเอง การจะเขียนถึงคงต้องนึกย้อนไปยังเรื่องราวตั้งแต่ซีซั่นแรกที่ดูไปนานแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน ศัพท์แสงทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ก็มิค่อยสันทัด ถ้าเกิดความคลาดเคลื่อนไปบ้างประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้
BlOody MOnday SeasOn 1
ทาคากิ ฟูจิมารุ (มิอุระ ฮารุมะ) เป็นนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง แต่มีความสามารถไม่ธรรมดาในการเจาะระบบข้อมูลที่เรียกว่าเป็น แฮกเกอร์ และชื่อที่เขาใช้ในการทะลุทะลวงไปในโลกของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์นั้น เป็นที่รู้จักกันในนาม "ฟอลคอน" แฮกเกอร์อัจฉริยะผู้เป็นตำนานร่ำลือ เพราะเคยเจาะระบบเข้าไปได้แม้กระทั่งหน่วยงานระดับชาติที่มีระบบป้องกันแน่นหนาที่สุดอย่าง Third I (หน่วยรักษาความปลอดภัยนานาชาติพิเศษ)
เมื่อกลุ่มผู้ก่อร้ายได้นำอาวุธชีวภาพลักลอบเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นเพื่อเป้าหมายในการทำลายล้างโตเกียว โดยใช้ชื่อรหัสภารกิจนี้ว่า Bloody Monday ฟูจิมารุจึงถูกหน่วยงาน Third-I นำตัวมาช่วยสืบข้อมูลเพื่อหาทางหยุดยั้งการก่อการร้าย
เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอันตราย อันตรายย่อมเกิดกับตัวเองและลามไปยังบุคคลใกล้ชิด พ่อของฟูจิมารุเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ Third I แต่ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายและหัวใจที่ทุ่มเทให้ประเทศชาติ ทำให้พ่อไม่มีเวลามาเหลียวแลลูกชาย ฟูจิมารุจึงต้องดูแลตัวเองและน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคไตและตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในการใช้เธอเป็นเหยื่อคอยข่มขู่ฟูจิมารุ
เพราะ Bloody Monday ฟูจิมารุจึงถูกตามล่า และต้องสูญเสียใครต่อใครไปหลายคน
แต่ตัวเขาเอง เพื่อนสอง และน้องสาวหนึ่ง...รอดมาได้
BlOody MOnday SeasOn 2
2 ปีต่อมา ....
โอริฮาระ มายะ (คิจิเสะ มิจิโกะ) หนึ่งในอดีตสมาชิกขบวนการผู้ก่อการร้าย Bloody Monday ได้ยิงชายคนหนึ่งทิ้งเพื่อแย่งชิง "เขี้ยวจักพรรดิ์" สิ่งที่มีความสำคัญต่อการก่อการร้ายครั้งใหม่ เธอโทรศัพท์ถึงนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่น คุโจ อากิฮิโกะ พร้อมกับส่งผ่านข้อมความ
"คืนวันพรุ่งนี้ เวลา 20.00 น. โตเกียวจะโดนถล่มด้วยอาวุธนิวเคลียร์"
ในเครื่องบินลำนั้น มีนักโทษคนสำคัญโดยสารมา
J (นาริมิยะ ฮิโรกิ) หนึ่งในอดีตผู้นำการก่อการร้ายตัวเอ้ของเหตุการณ์ Bloody Monday ผู้มาพร้อมกับวัตถุโดยสารร้ายแรงที่เรียกกันว่า
"ระเบิดนิวเคลียร์"
เขาถูกควบคุมตัวมาโดย
คิริชิม่า (โยชิซาวะ ฮิซาชิ) เจ้าหน้าที่คนสำคัญของ Third I
นิวเคลียร์กำลังจะระเบิด การจะหยุดยั้งหายนะครั้งรายแรงอย่างนี้ เป็นที่รู้กันตั้งแต่ซีซั่นแรกว่าลำพัง Third I ความสามารถไม่ถึง จึงต้องพึ่งพา ทาคากิ ฟูจิมารุ อดีตนักเรียนมัธยมที่ที่ไม่ได้เรียนต่อและทำงานในร้านสะดวกซื้อ เขาถูกนำตัวมาเพื่อแบกรับภารกิจฮีโร่ในการกอบกู้วิกฤตของมวลมนุษยโตเกียว
หลงแหย่ขาเข้าไปเอี่ยวกับ Third I แล้วข้างหนึ่ง ขาอีกข้างก็ต้องถูกเกี่ยวติดตามไปด้วย
เมื่อฟอลคอนได้สะบัดปีกโบยบินอีกครั้ง แฮกเกอร์อัจฉริยะก็หวนคืนสู่วงการ
"ฟอลคอนออกบินแล้ว"
แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งเก่า เพราะครั้งนั้นแผนการของผู้ก่อการร้ายล่มแล้วล่มอีก ไม่ได้ตูมตามหรือตายเกลื่อนสนองอารมณ์ซาดิสก์ของคนดูสักเท่าไร เพราะแฮกเกอร์ของฝ่ายโน้นยังอ่อนหัด ไปทางไหนก็เจอปีกเหยี่ยวฟอลคอนตบตีกระเจิง แม้แต่ผู้ร้ายตัวเบ้ง ที่อารมณ์ดีอยู่เสมออย่าง J ยังเผลอออกอาการหัวเสีย
ครั้งนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิงเพราะไม่ว่าฟอลคอนจะโผบินไปทางไหน ก็ถูกแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า "ฮอร์เน็ต" คอยติดตาข่าย ดักกรงตามรายทางจนทำอะไรไม่ถนัด และคนที่หัวเสียอย่างหนักก็คือฟอลคอนเอง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือแฮกเกอร์อัจฉริยะอย่างฟอลคอน ยังมีแฮกเกอร์ฮอร์เน็ตและอีกหนึ่งแฮกเกอร์ลึกลับผู้อยู่เบื้องหลังฮอร์เน็ตในฐานะกุนซือ
ฟูริมารุ ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์กดดัน
ผู้คนจำนวนมากที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
หน่วยงาน Third I ที่ไว้ใจใครไม่ได้
เพื่อนและน้องสาว คนสำคัญที่ต้องปกป้อง
การเผชิญหน้ากับ J และข่าวใหม่ K ยังมีชีวิตอยู่
ฟอลคอนที่แพ้(ฮอร์เน็ต)ยับเยิน
การก่อการร้ายที่ไม่จบสิ้น
ด้วยเหตุเหล่านี้ ฮีโร่พันธุ์แฮกเกอร์ จึงต้องออกโรงปราบเหล่าร้าย
"ฟอลคอนกลับมาแล้ว"
ถ้าไม่คิดลึก การดู Bloody Monday ทั้งสองซีซั่นต่างก็ให้ความสนุกตื่นเต้นอยู่พอสมควร แต่ถ้าคิดลึกความสนุกตื่นเต้นที่ว่าก็หดตัวหายไปพอสมควรด้วยเช่นกัน
ถ้าไม่คิดลึก นั่นหมายถึง ไม่ต้องไปคิดเรื่องความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ หรือแม้แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในความจริง แต่ยังน่าเชื่อว่าเป็นไปได้ในละคร (ก็ยังอุตส่าห์เชื่อไม่ค่อยลงอีกเหมือนกัน) แต่ก็นั่นแหละ ของเขาติดประกาศอยู่แล้ว "สร้างจากการ์ตูน" ข้อดีของความเป็นการ์ตูนคือไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เว่อร์เท่าไหร่ก็ไม่น่าเกลียด
เพราะถ้าเมื่อไหร่คิดลึก จะพาลขัดใจขัดอารมณ์อยู่ไม่น้อย เหมือนที่ซีซั่นแรกทำเจ็บมาแล้วกับการเฉลยเจ้าลัทธิซึ่งทำเอาหงายเก๋งยิ่งกว่ามิอุระกับซาโต้ถูกสาวสวยเตะปลิวซะอีก (ผู้ชายสองคน สู้ผู้หญิงบอบบางเพียงคนเดียวไม่ได้ กระเด็นกระดอนไปคนละทาง ฉันล่ะเชื่อเขาเลย ... ช่างอ้อนแอ้น)
เคยคอมเมนท์ซีซั่นแรกไว้ในบล็อก Bloody Monday แฮกเกอร์ ..ฮีโร่พันธุ์ใหม่ ของคุณ Chanpanakirt เมื่อเมษายนปีที่แล้วไว้ดังนี้
(หุหุ ขออนุญาตผ่อนแรงด้วยการคัดลอกความเห็นเก่า)
"ทันทีที่เห็นสำนักงาน Third - i ความคิดก็ปราดไปที่ซีรีย์มะกันเรื่อง 24 แล้วจากนั้นก็ดูไปขำไป เพราะเปรียบเทียบดังนี้ว่า คุณลุงยูทากะ คือ แจ็ค บาวเออร์ คิริชิม่าคือ พี่โทนี่ แล้วก็คนที่คอยทำงานอยู่กับข้อมูลหน้าจอคอมฯ ก็เหมือนกับตัวละครในเรื่อง 24 เช่นกัน
"ฟอลคอน ออกบินแล้ว" ความเท่ห์ของละครเรื่องนี้อยู่ตรงนี้ แค่นี้แหละ ชอบซะจริงๆ การทำภาพที่สื่อการแฮ็คข้อมูลด้วยเหยี่ยวที่ออกบินไปในระบบยึกยือที่สมมติขึ้น (ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนเลย)
J หัวหน้าผู้ก่อการร้ายดูดีเกินไป ทำบุคลิกออกมาซะเท่ห์ บทน่ารัก ขี้เล่นก็ดูดีอยู่แต่ยามต้องเปลี่ยนไปโหดและเหี้ยมเกรียมยังไม่โอเค
พระเอกหล่อดี แต่ชอบเพื่อนพระเอกที่เป็นลูกหลานรัฐมนตรีมากกว่า เพราะว่าชอบพอกันมาตั้งแต่เรื่อง Rookies
น้องสาวพระเอกและเพื่อนพระเอกน่ารัก
บทของผู้ก่อการร้ายสาวๆ ดู่กระโดกกระเดกอย่างไรชอบกล
ข้ออ้างของผู้ก่อการร้าย เป็นอะไรที่ไม่ค่อยเข้าใจ ว่ามันสมเหตุสมผลกับการใส่ใจจะเป็นผู้ก่อการร้ายด้วยเหรอ (เช่นพี่ชายของตำรวจสักคนที่ตาย แล้วหันมาเป็นผู้ก่อการร้ายทำลายประเทศ)
เหตุผลของเจ้าหน้าที่ Third- I ก็ไม่ค่อยเข้าใจ เช่นที่คิดว่า เด็กมัธยมปลายแท้จริงแล้วเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายเป็นอะไรที่รับไม่ได้ แล้วหัวหน้าผู้ก่อการร้ายตัวจริง ก็รับไม่ไหวเช่นกัน แต่ก็ดูจนจบนะ
สรุปแล้ว เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างขัดในความรู้สึก ก็เลยเป็นละครแนวสืบสวนสอบสวนเรื่องที่ 2 แล้ว ที่ไม่ปลื้ม ถัดจาก unfair"
สำหรับ Bloody Monday 2 ยังคงความไม่สมเหตุสมผลดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตัวละครนั้นค่อนข้างเปลี่ยนไป เช่น
ฟูจิมารุ ที่รับบทโดย มิอุระ ฮารุมะ สวยขึ้นผิดหูผิดตา ขอย้ำว่าเป็นความสวยนะคะ ที่ทำให้มิอุระหน้าตาดี แม้จะถูกผู้หญิงเตะปลิวแต่ก็ดูแข็งแรงขึ้นไม่หุ่นบางเจี๊ยบเหมือนตอนซีซั่นแรก ในส่วนของบทบาทที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้วทำให้ซีซั่นนี้ ฟูจิมารุ ดูนิ่งและเด็ดเดี่ยวขึ้น
คุโจ้ โอโตยะ ( ซาโต้ ทาเครุ) มากับหัวสีดำและทรงผมใหม่ เคยชอบหัวพังค์สีดำใน Rookies มากมายเลยล่ะ แต่ทรงหัวดำเรียบร้อยนี้ ถ้าเทียบกับหัวทองฟูฟ่องในซีซั่นแรก ชอบหัวทองมากกว่า ซีซั่นนี่ดูคล้ำและแก่ขึ้นนิดหน่อย (สามารถเล่นเป็นพี่ชายของมิอุระได้)
Bloody MOnday 2 ซาโต้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่องในฐานะหลานชายนายกรัฐมนตรี แต่ขนาดว่าซีซั่นนี้ได้ซาโต้มาเสริมพลัง มิอุระก็มิได้เกรงใจซาโต้เลยสักนิด ยังคงตั้งหน้าตั้งตาหล่อแบบมิแคร์ใคร
สำหรับการแสดง ถ้าสองคนนี้เข้าฉากด้วยกันในซีนอารมณ์ คิดว่าการแสดงของมิอุระค่อนข้างเหนือกว่า จะด้วยซาโต้ฝีมือยังอ่อนหรือเพราะต้องยึดติดอยู่กับการทำให้คนดูสงสัยก็ไม่รู้สินะ เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ขัดใจเหมือนกัน เพราะการจงใจทำให้ตัวละครดูน่าสงสัยนั้น บางทีก็ใส่ความจงใจมากเกินไป
หลายครั้งหลายหนที่ซาโต้ต้องทำหน้าตาแปลกๆ ซึ่งไม่เข้ากันกับความรู้สึกที่ควรเป็นในสถานการณ์ขณะนั้น ทำให้น่าสงสัยว่ามีอะไรซ่อนอยู่ หรือเปล่า? ซาโต้ก็เลยออกแนวทื่อๆ ชอบกล ถ้าเทียบกับซีซั่นแรกยังดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และไม่ใช่กับซาโต้แค่คนเดียว เพราะนี่คือความจงใจให้คนดูสงสัยคนโน้นคนนี้ ดูแรกๆ ก็คิดเลยว่าพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ของหัวหน้าหน่วยงาน Third I นั้นออกทางเลวแน่ คุณหมอหญิง คุณหมอชาย ไม้เว้นแม้แต่ลุงแจ็ค ( คาโน่ซัง แสดงโดย ลุงยูทากะ) ก็ยังแอบทำท่าทีน่าสงสัยกับเขาด้วยเหมือนกัน ก็พอเข้าใจนะคะว่าความสงสัยเป็นหนึ่งในขบวนการสร้างความสนุก แต่สงสัยแล้วไร้ความหมายก็ชวนหงุดหงิดเอาเรื่องอยู่
ในเรื่อง Unfair ลักษณะความจงใจนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้ไม่ปลื้มเอามากๆ เพราะการทำให้คนนั้นคนนี้น่าสงสัยแล้วก็ไม่มีอะไร เช่น อดีตสามีของนางเอกที่เป็นคนดี รักลูก เข้าใจอดีตภรรยา อยู่ดีๆ กลางๆ เรื่องท่านก็ทำหน้าตาแอบเลวตามมุมต่างๆ ขึ้นมาเฉยเลย ชวนให้เข้าใจผิด ขบคิดกันไปใหญ่ แล้วสุดท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ กลับมาทำหน้าตาเป็นปกติเอาซะดื้อๆ ขอบอกว่าแบบนี้มันเซ็งจับจิต จงใจทำให้สงสัยเพื่อจะทำการหักมุมก็หักไป แต่ทำให้สงสัยแล้วไม่มีอะไรในกอไผ่ ทำทำไม ?
ความจริงแล้วซาโต้ไม่ได้ทำหน้าตาเป็น X man ปริศนาคุณคิดอะไร (แอบร้ายหรือเปล่า) อะไรนักหรอกค่ะ แต่การทำสีหน้าเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมสักเท่าไรกับเรื่องที่เกิด ก็ชวนให้อดสงสัยไม่ได้ ดูประดักประเดิดไม่เข้ากันกับการเป็นเพื่อนรักคนเดียวของพระเอกที่เหลืออยู่สักเท่าไร ทั้งที่คิดแล้วคิดอีกก็ไม่มีเหตุผลอลวลใดที่จะทำให้ซาโต้แปรพักตร์ไปเป็นอื่น
สำหรับการคัดเลือกนักแสดง ตอนดูซีซั่นแรกแทบไม่รู้จักนักแสดงเหล่านี้สักคน ยกเว้นลุงยูทากะ และพวกนักแสดงรุ่นใหญ่รายอื่นที่มีฝีมือกันอยู่แล้วจากประสบการณ์อันโชกโชน ส่วนพวกเด็กๆ ก็เล่นสมตัวไปตามบทบาทของพวกเขา ซึ่งบทแฮกเกอร์ของฟูจิมารุก็ถือว่าแสดงโอเค
แต่บทท้าทายอย่างบทของ J กลับรู้สึกว่า ฮิโรกิ ยังเล่นไม่ถึงน้ำถึงเนื้อเท่าที่ควร คิดว่าบทนี้น่าจะเล่นได้เยอะกว่านั้นอีก กลุ่มสุดท้ายคือนักแสดงฝ่ายหญิงที่ไม่ว่าดูใครก็ดูจะขัดๆ ตา ไปซะหมด ดูไม่แล้วไม่ดึงดูด ดูแล้วมันไม่ใช่ ในซีซั่นสองก็ยังคงรู้สึกแบบนั้นอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าหน้าขาวๆ คิขุอาโนเนะของผู้หญิงญี่ปุ่นไม่อยู่ในความคุ้นชินกับซีรีย์แนวนี้
คิจิเสะ มิจิโกะที่แสดงเป็น โอริฮาระ มายะ ผู้มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินเรื่องตั้งซีซั่นแรกถึงซีซั่นสอง ยังดูไม่เล่ห์แรงพอที่จะตีบทนี้ให้แตกกระจุย ขนาดลงทุนเล่นมันทุกอย่าง ตั้งแต่วายร้ายสายสมรยันแม่พระผู้เมตตาแล้วนะ (ต้องเป็นเพราะอคติแน่ๆ 5555)
คุโรคาวะ โทโมกะ ที่รับบทมิทสึซาวะ ฮิบิคิ ก็ดูน่ารักจัง ไม่ค่อยเข้ากันกับท่าทางถือปืนและการเปลี่ยนแปลงสีหน้าสักเท่าไร
อาชินะ เซอิ รับบท มินามิ ผู้หญิงคนนี้สวยแปลก หน้าตาเก๋ดี ยิ่งถ้ารวบผมสวมเครื่องแบบตำรวจแล้วล่ะก็ เธอเท่สุดๆ แต่เสียทีบทไม่เด่นเท่าไรนัก และเหมือนเห็นหน้าเธอน้อยกว่าพวกผู้ก่อการร้ายสาวๆ ซะอีก
แต่ชอบสองนักแสดงหญิง Lady Bird กับ Hotaru นะคะ ลักษณะที่คุณ Chanpanakrit ใช้คำว่า "ไม่มีมิติความเป็นมนุษย์" 555 นั่นแหละค่ะ เป็นสาเหตุที่ชอบ คนแรกหน้าตาตายด้านไร้อารมณ์สักมังกรพาดอกซะน่าเกรงขาม คนที่สองสูงชะลูด ดู "ยาว" ตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้ายาวๆ ของเธอเก๋แปลกไม่เหมือนใครดีค่ะ
ความจริงทีมแคสติ้งคงเลือกกันมาอย่างดีแล้ว และนักแสดงเหล่านี้ก็ถือเป็นจุดขายที่ดีของ Bloody Monday ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของคนดูที่จะตัดสินจากสายตาและความรู้สึกของตัวเอง (ต้องรีบออกตัวก่อน เดี๋ยวแฟนคลับเคือง)
ชอบการแสดงของมิอุระนะคะ เรื่อง 14 No Haha (คุณแม่วัย 14) ก็แสดงได้ดี สิ่งที่จะบอกได้ว่านักแสดงแสดงได้สมบทบาทหรือไม่ ไม่รู้คิดเหมือนกันหรือเปล่านะคะ คิดว่าสิ่งนั้นคือสายตา ต่อให้ทำสีหน้าได้ แต่ถ้าตาไม่สื่อด้วยก็ยังไม่ถือว่าเป็นยอดฝีมือ เคยเจอไหมคะ อย่างบางตัวละครแสดงร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสาย ดูไปก็งั้น ๆ แต่บางตัวละครไม่มีน้ำตา แต่ดวงตาร้องไห้ (และเราร้องก่อน) ไม่งั้นเขาจะเรียกว่า "ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ" หรือคะ ดังนั้นคนที่แสดงสายตาได้ดี นั่นแหละจึงจะถือว่าเข้าถึงบทบาท และมิอุระก็โอเคมากเลย ฉากที่ชอบที่สุดคงเป็นตอนได้พบกับแฮกเกอร์ฮอเน็ต เพราะมิอุระได้แสดงออกหลายอารมณ์ โดยเฉพาะตอนข่มขู่ฮอร์เน็ต นิ้วจะจิ้มปุ่ม enter น่ะ ชอบเขามากเลย
J ตอนซีซั่นแรกเป็นคนในลักษณะหนึ่งที่อยากจะเห็นความร้ายลึกแอบแฝงในสีหน้ามากกว่านั้นสักหน่อย แต่พอซีซั่นสอง J ที่เปลี่ยนไป ดูจะไม่ต้องการลักษณะแอบแฝงที่ว่าอีกแล้ว ก็เลยไม่มีอะไรให้อยากติ และชอบ J มากในซีซั่นสอง
ลุงคาโน่ซัง ภาคสนามของลุงอ่อนกว่าซีซั่นหนึ่งเยอะนะคะ และอยากบอกว่า ฉากที่ดราม่าของลุงกับเจ๊มายะ ทำเอาไม่ปลื้มจริงๆ อยากจะถามผู้เขียนบทเหลือเกินว่า อารมณ์ไหน ? และมาได้ไง ? ขอร้องเหอะ ฉากสบตาอาวรณ์ก่อนสิ้นใจ และฉากอุ้มผู้หญิงออกมาจากสมรภูมิปืนอย่างสง่าผ่าเผยอะไรทำนองนั้นน่ะ ช่วยสงวนลิขสิทธิ์ให้เป็นของตัวละครที่หนุ่มกว่า หล่อกว่า และดูแข็งแรงกว่านี้ซักหน่อยเถอะ เป็นเฮียฮากิวาระหัวหน้าหน่วยงาน Third I (Takashima Masahiro) ยังจะอดใจไว้ไม่ติให้เสียกำลังใจสักคำ นี่ก็คงเป็นเพราะติดภาพลุงยูทากะ กับบทขำๆ หรือลุกส์ที่ดูสบายๆ ซะมากกว่า พอลุงมาทำมาดเท่ใน Bloody Monday จึงไม่ค่อยชินกับความเท่ของลุง แต่ไม่รู้ทำไม ลุงแสดงเรื่องไหนมักทำให้รู้สึกว่าเรื่องนั่นน่าสนุก
เรื่องนี้ขอชม"ฟอลคอนออกบินแล้ว" ชอบจริงๆ ค่ะ สำหรับการสร้างฉากเทคโนโลยีเครื่องไม้เครื่องมือ การตั้งชื่อ เช่น Mosquito , LadyBird, Beast , Hotaruการใช้สัญลักษณ์ตัวแทน เหยี่ยว-ฟอลคอน แตน-ฮอร์เน็ต แมงมุม-สไปเดอร์ สื่อออกมาได้สนุก เหมือนเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างแฮกเกอร์กับแฮกเกอร์ด้วยกัน แล้วลุ้นว่าใครจะจนมุม รวมไปถึงภาพความไฮเทคต่างๆ ที่ทำออกมาเพื่อแสดงผลข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ในฐานะคนที่ชอบดูหนังแอคชั่นฮอลลีวู้ดคนหนึ่ง ขอบอกว่าซีรีย์เรื่องนี้ทำได้ไม่ถึงกับเทียบชั้นไหวแต่ก็ไม่ใช่จะน้อยหน้า วงการซีรีย์ญี่ปุ่นก็พัฒนาในด้านนี้ไปมากเหมือนกันนะคะ อย่างเรื่อง Mr.Brain (ที่ยังดูไม่จบ) เห็นฉากสถานที่ เทคโนโลยีล้ำสมัยในเรื่องนั้นแล้ว ถึงกับต้องชมเปาะ และขอปรบมือให้
แม้บ่อยครั้งการแฮกของฟูจิมารุ ช่างดูง่ายดายเหลือเกิน บางทีถึงกับนึก เฮ้ย! อะไรน่ะ แกเพิ่งเปิดเครื่องมาแหม่บๆ และเคาะแป้นไปห้าหกบรรทัดเองนะ แฮกได้แล้วเรอะ! ป๊าดดด คือไวแท้
แต่หักกลบลบกันกับความหล่อเท่ของมิอุระขณะอยู่หน้าจอคอมฯ ก็ถือว่าหยวนๆ มองข้ามไปบ้างก็แล้วกัน
ที่ตลกคือ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระเอกให้เหตุผลในการไม่ยอมกลับไปที่ Third I เพราะระบบเครื่องมือทางคอมพิวเตอร์ของ Third I ไม่เร็วพอ จึงขอกลับมาใช้ที่บ้านของตัวเอง สงสัยเหมือนที่คุณ Chanpanakrit ร่ายไว้เลยว่า พระเอกทำงานร้านชำ พ่อไม่อยู่เลี้ยงดูน้องสาวตามลำพัง แกไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อเครื่องไม้เครื่องมือที่มันเร็วกว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยนานาชาติอย่าง Third I ล่ะฟะ ถ้าเดาว่าพระเอกอาจได้รับมรดกมาโขอยู่ข้อนี้ก็พอทำลืมไปได้ แต่ที่วิ่งโร่ไปตามท้องถนนแล้วใช้โน๊ตบุ้คเครื่องเดียว(+แฟลชไดรฟ์) จัดการกับหลายสิ่งอย่างนั้น นั่นออกจะเหลือเชื่อ ผิดระดับความสามารถของเทคโนโลยีไปหน่อยไหม เว้นแต่ว่ามันจะเป็นโน๊ตบุ้ควิเศษที่ท่านฤาษีปลุกเสกมา
ก็ดูไปค่ะ ขำๆ ติแต่ก็ชม (ชมละคร) เขาเรียกว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง เกลียดความไม่สมเหตุสมผล แต่ก็รักในความตื่นเต้นชวนติดตาม
แต่ตามไปตามมาก็พาน็อคกลางอากาศ เพราะใช้คำว่า "รับไม่ได้" กับการเฉลยตัวตนเจ้าแห่งลัทธิผู้ก่อการ Bloody Monday ไปแล้ว จึงไม่รู้จะใช้คำไหนกับการเฉลยหัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้าย เจ้าแห่งแฮกเกอร์ที่ทำเอาฟอลคอนองค์ลงตั้งหลายหนเพราะสู้ไม่ไหว
เขียนบทลงเอยแบบนี้ต้องถือว่าเข้าข่าย "อาร์ตตัวพ่อ" ตามความหมายของโน๊ตอุดม (อาร์ตคือจินตนาการ อยู่เหนือเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจ) จะหักมุมอะไรกันขนาดนั้น จะแค้นคน หรือจะแค้นประเทศชาติก็ไม่ว่า แต่ช่วยให้มันดูคู่ควรกับการเป็นผู้ก่อการร้ายสักหน่อยจะได้ไหม ที่เคยสงสัยว่าพระเอกเอาเงินจากไหนมาซื้อคอมพิวเตอร์แพงๆ น่ะ เด็กๆ ไปเลย เพราะนี่ยิ่งน่าสงสัย ไปเอาเงินจากไหนมาซื้อนิวเคลียร์ ? หรือ "จักรพรรดิที่สาม" ที่หายไป และถูกลักลอบนำเข้ามาในญี่ปุ่นจะหมายถึง การปล้น การจารกรรม แต่เอ... พวกนี้ก็ต้องใช้งบลงมือมูลค่าสูงอยู่ดีนั่นแหละ มรดกไม่น่าจะเพียงพอแน่ คงต้องสันนิษฐานตามท่าน Chanpanakrit นั่นแหละ
หรือจะแฮกธนาคารมา ?
Bloody Monday น่าจะเป็นซีรีย์สนุกสำหรับใครหลายคนหากมองหาซีรีย์ญี่ปุ่นที่แหวกวงการไปจากแนวนักเรียน กีฬา หรือสัมมาอาชีพ ดูเอามันส์แบบไม่ต้องคิดอะไร เพราะถ้าคิดลึกเมื่อไร ความสนุกอาจหดหายไป แล้วที่เหลือก็ใจใครใจท่าน แล้วแต่คนชอบนะคะ
prysang ชอบค่ะ
ชอบ ซาโต้ ทาเครู
Bloody Monday กำกับโดย : Hirano Shunichi
จำนวนตอน : 11 ประเภท : Action
ผลิตโดย : Makita Mitsuharu
Written By : Bloody Monday by Ryumon Ryo , Makita Mitsuharu
ออกอากาศ : TBS 11 ต.ค. 2008 - 20 ธ.ค. 2008
Bloody Monday 2 : Pandora no Hako กำกับโดย : Hirano Shunichi
จำนวนตอน : 9 ประเภท : Action, suspense
ผลิตโดย : Kobe Akira
Written By : Ryumon Ryo , Watanabe Yusuke
ออกอากาศ : TBS 23 ม.ค. 2010 - 20 มี.ค. 2010
ภาพและข้อมูลจาก1. //Chanpanakrit.bloggang.com
Bloody Monday แฮกเกอร์..ฮีโร่พันธุ์ใหม่ Bloody Monday 2 Hacker VS Nuclear Maker 2. //www.tbs.co.jp
3. //www.Belike.net
4. Search at Google.com
ลุ้นตั้งแต่ต้นยันจบเลย
เรื่องพลิกไปพลิกมาจนเดาไม่ถูกเลย ภาคแรก ใครๆก็น่าสงสัยไปหมด แล้วมาภาคสองก็เล่นมุกเหมือนจะตายแต่ก็ไม่ตายเยอะมาก 555
โดย: Mewu IP: 110.164.36.218 17 พฤศจิกายน 2553 0:12:27 น.
แต่ก็ขอขอบคุณนะครับ
ข้อมูลกระผม โยกย้ายได้ตามสบาย
บางที ถ้าไม่ได้เขียนบล็อกสดๆตามลูกอารมณ์
ผมเองอาจจะจำอะไรไม่ได้สำหรับซีรีย์เรือ่งนี้เอาซะเลย
นอกจากลูกอารมณ์เพียงประการเดียว
(กับน้องพระเอก ฮารุกะ)
แต่ปากปลาไหล ก็ยังทานน้ำแกงนะครับ
เพราะยังเอาหวนกลับมาดูในส่วนของ
bloody monday สอง
อันนี้ก็ไม่รู้ถึงเสน่ห์ส่วนไหนเหมือนกัน
ที่ทำให้อยากจะหยิบมาดู ถ้าไม่เอาโลกทัศน์ตะวันตกมาเทียบ
bloody คือความเเปลกใหม่ที่กล้าฉีกกรอบ
ซีรีย์หาฝัน คลั่งรักและมิตรภาพในครัวเรือน
โดยเฉพาะดาราวัยรุ่น ถือ่วาเป็นจุดทำงาน
บางทีก็เกินหน้าเกินตา พล็อกเรือ่งของมันเองสักอีก
แต่ชอบอยู่นะ ตอนแรกที่เปิดตัว
ที่วางระเบิดโดยอาศัยจีพีอาร์เอส เออ คิดได้แหะ
เป็นความรำคาญต่อจากนั้นที่เหลือ
แต่ก็อยากจะดูต่อ
แต่อย่าเอาอะไรกับที่ผมคิดมาก
ก็เรือ่ยเปื่อย ไปกับเนื้อเรื่องที่เปื่อ่ยยุ่ยอะน้อ
เพราะมันไปได้ทุกทิศทาง
ถ้ามีภาคสาม ซึ่งคงยากก็อยากจะดูต่ออยู่ดี
แต่ถ้าชอบซาโต้คุงจริง อาจเป็นซีรีย์
ที่แกได้โชว์ของมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
และเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
เพียงแต่จังหวะของซีรีย์
มันไม่พาไปเท่านั้นเอง
และซีรีย์มันทีจริง ไม่มีทีเล่น ก็เลย
ปรับมูดเดิมๆได้ลำบาก
โดย: Mr.Chanpanakrit 17 พฤศจิกายน 2553 23:35:11 น.
แรงบันดาลใจชั้นสูงจริงๆ
สูตรของฟรีนี้ แม้แต่หนังที่ว่าเกลียดมาก
ก็รู้สึกคุ้มค่าการลงทุนที่จะฝืนดู
งั้น bloody ที่ผมร่ายก็คงเข้าสู่โลกดาร์กเวเดอร์
ส่วนของท่านพราย ก็เป็นภาคโลกแห่งเจได
เข้าข่ายอารมณ์คุ้มดีคุ้มร้ายพอๆกัน
โดย: Mr.Chanpanakrit 18 พฤศจิกายน 2553 20:15:04 น.
ซาโต้ (แสดงเป็น คุโจ โอโตยะ) ภาค 2 นี้แต่งเนื้อแต่งตัวดูเป็นคุณชายมากๆ ส่วนที่ชอบที่สุดก็ตอนเข้าพระเข้านางกับ มิอุระ (แสดงเป็น ฟูจิมารุ) นี่แหละคะ ชอบๆๆ
โดย: glorious 18 พฤศจิกายน 2553 20:26:15 น.
สนุก ตื่นเต้น ดูเป็นเรื่องที่แหวกแนวไปจากซีรีส์เรื่องอื่นๆที่ตัวเองเคยดูมา
ตอนได้มาครั้งแรกแผ่นไม่ครบ หงุดหงิดมากเลยค่ะ
ที่ดูๆไปแล้วต้องหยุดชะงัก
เรื่องนี้ชอบนางมารร้ายมายะค่ะ เธอดูsexyดี หน้าตาสวยด้วย
แล้วมีอีกคนหนึ่งที่มะนาวว่าหน้าตาเหมาะกับบทบู๊ๆคือ
อาชินะ เซอิ ที่รับบท มินามิ เธอแต่งเครื่องแบบตำรวจแล้วเท่ดีนะคะ
ชอบเหมือนกันค่ะที่บอกว่า"ฟอลคอนออกบินแล้ว"
มันมีความรู้สึกว่าเดี๋ยวเราจะต้องเจอเรื่องตื่นเต้นแน่ๆเลย
และจะบอกว่าชอบทั้งซาโต้ ทาเครุ และมิอุระ ฮารุมะค่ะ(แต่น้อยกว่าชุน)
แบบว่าหน้าตาหล่อคนละแบบ แต่ตอนดูชอบซาโต้ ทาเครุมากกว่านิ๊ดหนึ่งค่ะ
เสียดายไม่ได้ดูSeason2 คือเป็นคนประหลาดน่ะค่ะไม่ค่อยชอบดูซีรีส์ภาคต่อ
แต่ไม่แน่นะคะ คุณprysangบอกว่าSeason2มิอุระสวย
อาจอยากยลความสวยของมิอุระก็ได้ค่ะ อิอิ
ตอนแรกมะนาวก็แปลกใจว่าทำไมไม่เห็นคุณprysangอัพบล็อก
มะนาวจิ้มเข้ามาดูหน้าแรกของพันทิปช่วงเสาร์ อาทิตย์แล้วไม่เห็นน่ะค่ะ
ที่ไหนได้คุณprysangอัพบล็อกไปตั้งนานแล้ว 555หลังเขามาก
จะถามคุณprysangว่าได้ไปดูหรือเปล่าคะ โขนพระราชทานนางลอย
ฉากแสงสีเสียงสวยงามมากเลยว่าไหมคะ
กรกฎาคมปีหน้า เห็นว่าจะเป็นตอนศึกไมยราบ ไปดูกันอีกนะคะ
โดย: มะนาวเพคะ IP: 180.180.0.134 22 พฤศจิกายน 2553 21:39:13 น.
สำหรับ ภาพชุดนารีสโมสร
แต่ทว่า ทั้งฮิโรสุเอะ น้องยูและหนูอูมิกะ
ยังอยู่นอกวงโคจรความคลั่งด้วยแค่ระดับ
ความชอบ (แต่เจอะตัวจริงคงอยู่ไม่เฉย)
แต่จะให้สุดยอดจริงใจนะไอ้น้อง
ก็ต้อง โนโซมิ โอฮาชิ นางเดียวเท่านั้นขอรับ
โดย: Mr.Chanpanakrit 25 พฤศจิกายน 2553 23:07:52 น.
ที่ท่านไถ่เธอคืนมา
โดย: Mr.Chanpanakrit 29 พฤศจิกายน 2553 22:16:18 น.
ที่กู้กลับมาได้หมด
ไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่เลยนะคะ
โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.81.160 30 พฤศจิกายน 2553 7:23:00 น.
ไม่นับที่เริ่มแรกชอบนักแสดง ฮารุมะ, ทาเครุ, ฮิโรกิ และน้องเรียวโนะสุเกะ(ฮอร์เน็ต) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รวมถึงถ้าไม่คำนึกถึงเหตุผลความเป็นไปได้มากนัก (ฮารุมะเรื่องนี้อ่อนแอซะเหลือเกิน อยากกระโดดเข้าไปช่วยก็หลายตอน) ก็ถือว่าเรื่องนี้สนุกมาก แม้จะเดาถูกทุกตอนก็ตามว่าใครเป็นสปาย (สิ่งที่เดาก็เป็นสิ่งที่อยากให้เป็น พอใช่ เลยรู้สึกดีอ่ะนะ ฮ่าๆๆ)
โดย: dreaminem IP: 203.146.136.113 14 ธันวาคม 2553 19:07:26 น.
โดย: prysang 14 ธันวาคม 2553 21:11:06 น.
โดย: dreaminem IP: 203.146.136.113 15 ธันวาคม 2553 13:12:40 น.
^ ^ สิ่งที่ชอบอีกอย่างในเรื่องนี้ คือ
ความรักของพี่ชายกับน้องสาว
ฟูจิมารุคุงกับน้อง
หรือ J กับน้องสาว K
ทั้งสองคนเป็นพี่ชายที่รักน้องมากนะคะ
แอบอิจฉา
โดย: nobuta wo produce 1 ตุลาคม 2554 20:30:13 น.
เรารักรอยยิ้มของ J มากค่ะ
ถึงจะเป็นตัวร้ายก็เถอะ
โดย: nobuta wo produce 6 พฤศจิกายน 2554 20:27:07 น.
เรื่องการเล่นสมบทเราว่าก็ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าสะกดให้เราดูตั้งแต่ต้นจนจบภายในคืนเดียวละกัน
เราเป็นคนที่ดูหนังดูซี่รี่เยอะมาก แต่เราไม่มีอะไรจะวิจารณ์ ให้ 100 เต็ม 100 น่ะ
ทั้งเรื่องเราว่า มายะ สุดยอดล่ะ เธอร้าย เธอกลิ้ง เธอเจ๋ง เราชอบบทนี้มาก คนเล่นโอเคเลย
ส่วน โอโตยะ เราว่าทีมันดูน่าสงสัยเพราะเป็นนิสัยของตัวละครมากกว่า ลักษณะของโอโตยะ เป็นคนที่จะคิดก่อนพูด เหรอแสดงออก อันนี้เจอจากคนใกล้ตัว ไอ้พวกนี้แสดงผลทางอารมณ์ สีหนา คำพูดน้อยมาก มันเลยดูน่าสงสัย เวลาที่กล้องซูมหน้าโอโตยะเราไม่เคยสงสัยว่ามันเป็นคนก่อการร้าย แต่เรารู้สึกว่ามันกำลังคิด ประติดประต่อเรื่องราวในหัวมากกว่า
สังเกตจากซีซันแรก โอโตยะจะสังเกตอะไรพระเอกได้ตั้งแต่แรกๆ แต่จะไม่พูด แต่ก็พร้อมจะช่วย แบบไม่เกี่ยงด้วย
เราว่าเวลาโอโตยะอยู่กับฟูจิมารุ ฟูจิมารุ จะดูแบบประมาณว่าไม่ลนจนเกินกว่าเหตุ
คุณตำรวจผู้หญิงเท่มากจริงๆนั่นล่ะ
อีกเรื่องผู้หญิงคนเดียวสอยผู้ชายสองคนล่วงไม่แปลก อะนะ
ลองเอาหนุ่มสำอาง ออฟฟิศ ไปชกกับนักมวยหญิงดิ สภาพไม่ต่าง
ความแข็งแกร่งร่างกายอยู่ที่ความฝึกฝนค่ะ
สำหรับเรานะ หนังที่เจ๋งสำหรับเราคือหนังที่สะกดให้เราดูตั้งแต่ต้นจนจบได้ โดยไม่เบื่อ และที่สำคัญ เรื่อง Bloody Mondy ทำให้เราอดนอนเพราะดูตั้งแต่ต้นจนจบเบรกแค่สองช่วงคือกินข้าวกับเข้าห้องน้ำ
อีกเรื่องส่วนผู้ร้ายหน้าตาไม่ผู้ร้ายเลยน่ะ อันนี้เราเคยดูรายการที่เขาสัมภาษสปายของตำรวจที่เคยทำหน้าที่เป็นสปายในกลุ่มคนร้าย
เขาบอกว่าคนร้่ายจริงๆ (มืออาชีพ) คนพวกนี้ต่อใ้ห้นั่งกินก๊วยเตี๋ยวโต๊ะเดียวกันเราก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนร้าย
อีกเรื่องคือเหตุผลในการก่อการร้าย เราขอยกเรื่อง 60mm มั้ง จำชื่อเรื่องไม่ได้ ที่นิโคลัสเคจเป็นพระเอก
ฆาตกรบอกกับพระเอกว่า ที่มันทำไม่ได้เพราะมีแม่ที่เคร่งศาสนา หรือมันเคยถูกทำร้าย ไม่ได้โตในสังคมแย่ๆ กดดันอะไร แต่ที่ฆ่าคนเพราะแค่อยากทำ
ส่วน J เราไม่ได้สงสัยว่าสมบทเหรอเปล่า แต่เรารู้สึกว่าคนที่ยิ้มแบบนั้น เป็นคนที่ฆ่าคนได้แบบเลือดเย็นที่สุด
อันนี้คือมุมมองความคิดของเราน่ะ
60 % ในชีวิตประจำวันเราคือการดูหนัง
เราว่าการดูหนังให้สนุกคือการปล่อยอารมณ์ เปิดใจรับสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมา ให้อารมณืไหลไปเรื่อยๆกับหนังจนจบ
โดย: kai IP: 171.7.89.200 16 เมษายน 2556 18:19:28 น.