bloggang.com mainmenu search


ดู ไมค์ เฮอ ใน Love Contract แล้ว จะไม่หา เรนนี่ หยาง มาดูก็กระไรอยู่
เดี๋ยวไม่ยุติธรรม ในฐานะที่ต่างก็เป็นลูกรักแดนไต้หวัน จะให้น้อยหน้ากันได้อย่างไร

Superstar Express หรืออีกชื่อหนึ่งคือ To get her
เป็นละครที่ เรนนี่ หยาง (Rainnie Yang) เล่นเป็นนางเอก
อ่านพล็อตเรื่องย่อๆ ไม่กี่บรรทัดสั้นๆ เข้าใจว่า

คงจะเป็นเรื่องที่ดูง่ายๆ สบายสมอง

ไม่ได้อ่านความคิดเห็นใดๆ มาก่อน
ไม่ได้ให้ความสนใจกับหน้าตาของพระเอกในภาพแบรนด์ของละคร
และไม่ได้ใส่ใจรายชื่อนักแสดงอื่นๆ อีกด้วย (เพราะไม่รู้จัก)

หากว่านางเอกเป็น เรนนี่ ไม่ว่ายังไงเรื่องก็คงน่ารักดีเหมือนเรนนี่นั่นแหละ

แต่เมื่อเปิดขึ้นมาดูและเห็นหน้าพระเอก ก็ทำเอายิ้มซะแก้มปริ
เพราะเขาคือ "จินซิ่วหยิ่น" ไอ้บ้าหน้าทะเล้นตัวละครที่น่ารักสุดๆ จากเรื่อง
"ปิ๊งรักสลับขั้วขั้ว" ( Hanazakarino Kimitachihe )

สาเหตุที่ความหล่อหวานปานเทพของ อู๋จุน (Wu Chun) ไม่ทำให้รู้สึกอะไร
ไม่มีผลกระทบกระเทือนใดๆ ต่อภูมิแพ้ความหล่อ ก็เพราะเอาใจไปปักหลักติดตามดู
ความน่ารักและสุดฮาของจินซิ่วหยิ่นคนนี้แหละ

ในตอนนั้นถึงกับค้นหารูปในอินเตอร์เน็ต มาทำเป็น screen server อยู่พักใหญ่






นอกจากบุคลิกตลก ฮาๆ แล้ว จุดเด่นที่ทำให้จำ "ซิ่วหยิ่น" ได้ทันที
ทั้งที่ไม่ได้เห็นหน้าอีกเลยมาตั้ง 2 ปี นั่นก็คือ ปากสวย ริมฝีปากบาง
ยิ่งเวลายิ้มปากจะกว้างจนบางเฉียบ ปากหยักสวยยิ่งกว่าผู้หญิงสวยๆ หลายคนซะอีก
อั้ม ก็อั้มเหอะ หวังตงเฉิน หรือ จิโร่หวังคนนี้ ปากบางสู้อั้มได้ไม่มีแพ้
(หมายถึง อั้มพัชราภานะ ไม่ใช่อั้ม อธิชาติ)


มีกำลังใจในการดูขึ้นมาเป็นกอง ทั้งที่ไม่ได้ใช้ความพิถีพิถันในการเลือกนัก
แต่ก็ยังอุตส่าห์ฟลุ้คเจอนักแสดงถูกใจเข้าอีก
แบบนี้ต้องร้อง Hapy Hapy !


เรื่องราวของหนุ่มเท่ห์ตกอับและสาวเชยตกโลก



มาร์ส ( Jiro Wang วง Fahrenheit หรือ หวังตงเฉิน) ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังที่เป็นทั้งนักร้องนักแสดง แต่ความดังได้กลายเป็นอดีตไปแล้วเมื่อนิสัยใจร้อนวู่วาม ทำให้เกิดแต่เรื่องแย่ๆ และมีแต่ข่าวแย่ๆ ออกมาในทางลบ งานตก เงินต่ำ และยังถูกบริษัทแช่แข็ง เพราะขืนยังลงทุนให้เงินให้งาน
ในระหว่างความนิยมตกต่ำ .. ทั้งศิลปินและบริษัทก็อาจจะพากันเจ๊งดิ่งลงเหวไปตามๆ กัน

พี่โทนี่ โปรดิวเซอร์มือทองของบริษัทจึงจัดการสั่งให้มาร์สไปเรียนหนังสือ ..
เรียนต่อให้จบ เพื่อปรับปรุงภาพพจน์ใหม่



เฉินโมโม่ ( Rainnie Yang ) สาวน้อย สุดเฉิ่ม แสนเชย ที่มีชีวิตอยู่เพียงในโลกแคบๆของตัวเอง
ไปเรียนหนังสือก็ไม่เคยคบหาสุงสิงกับใคร ชอบอยู่กับบ้าน ทำงานบ้าน ชอบอ่านการ์ตูน
"Casaba the Alien Prince" อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง และแน่นอน..ต้องชื่นชอบเจ้าชายจาก
ต่างดาวคาซาบะเป็นชีวิตจิตใจ

ไม่ว่าจะแก้วน้ำที่ใช้ เสื้อผ้าที่สวมใส่ ปลอกหมอนที่หนุนนอน ตลอดจน ตามผนังห้อง
ริมหน้าต่าง โต๊ะเครื่องแป้ง ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วย "เจ้าชายคาซาบะ"
(เหวอ.อออ...หล่อนบ้าไปแล้ว)



เฉินซูซู ( Linda Liao ) พี่สาวของโม่โม่ เป็นคนที่ต่างจากโมโม่โดยสิ้นเชิง เพราะซูซูเป็นคนพูดมาก และพูดจาไร้สาระ ชอบสังคม ชอบคบเพื่อน ชอบเมาท์ ชอบช็อบปิ้ง บ้าแบรนด์เนม และใช้เงินอย่างมือเติบ เงินประกันชีวิตที่พ่อแม่ทิ้งไว้เป็นค่าใช้จ่ายของสองพี่น้องให้ดำเนินชีวิตไปได้อย่างไม่ลำบากอะไร เป็นเงินที่ไม่พอใช้สำหรับซูซู เงินหมดก็รูดบัตรเครดิตต่อสิจ๊า รูดปรู๊ด รูดปรื๊ด



เข่ออี้จื่อ (Jin Qin ) เป็นผู้จัดการส่วนตัวของมาร์ส แม้จะเป็นคนใจร้อนวู่วาม แต่มาร์สก็เป็นคนมีน้ำใจดี มีความมุ่งมั่น และกตัญญูต่อแม่ อี้จื่อจึงรักและหวังต่อมาร์สด้วยใจจริง สนิทสนมเป็นเพื่อนกัน ถึงมาร์สจะตกอับและอี้จื่อถูกสั่งให้ไปดูแลนักแสดงดาวรุ่งดวงใหม่ แต่อี้จื่อก็ยังคอยเอาใจใส่ดูแลมาร์สอย่างดีเท่าที่จะทำได้ แม้จะไม่สะดวกนัก เนื่องจากนักร้องที่เป็นเจ้านายคนใหม่คือ อาเบน เป็นคู่อริกันกับมาร์ส และคอยระบายอารมณ์ด้วยการโขกสับอี้จื่ออยู่เสมอ



เว่ยเจียเซิน ( George Hu) เขาถูกเรียกว่า “Forrest Gump”เพราะเป็นเด็กเอ๋อ (ในเรื่องย่อภาษาอังกฤษใช้คำว่า dimwit ที่แปลว่าสมองทึบ หรือไม่ค่อยฉลาด บางเรื่องย่ออธิบายว่าเขามีไอคิวเท่ากับเด็กอายุ 8 ขวบ) แต่ที่เจียเซินได้เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัยก็เพราะพรสรรค์ในการว่ายน้ำ
เขาเป็นเจ้าสระ เป็นกัปตันทีมและเป็นนักล่าเหรียญ

เพราะมีแต่คนเรียกเขาว่า "คนโง่" ในตอนเด็กเจียเซินจึงมักถูกรังแก จนกระทั่งได้พบกับโมโม่ ชีวิต(บัดซบ) ของเจียเซินก็ได้พบกับความสุข เมื่อมีโมโม่เป็นเพื่อนมาโดยตลอด และโมโม่ก็เปรียบเสมือนนางฟ้าในดวงใจ

โลกใบน้อยของเจียเซิน มีเพียงพ่อแม่ โมโม่ การไปเรียนหนังสือ และการว่ายน้ำ

ส่วนโลกใบจิ๋วของโมโม่ ก็มีเพียง การอยู่กับบ้าน ไปเรียนที่มหา'ลัย และประชากรในโลกของโมโม่ก็มีเพียงพี่สาวเฉินซูซู และเจียเซิน เพื่อนเพียงคนเดียวที่มีอยู่ (อาการหนักพอกันเลยนะคะสองคนนี้)

แม้ไม่คิดจะก้าวขาออกจากโลกส่วนตัวไปที่ไหน แต่โมโม่ก็ยังอุตส่าห์ร่ำเรียนในเอกวิชาภาษาต่างประเทศ และเรียนเก่งซะด้วยแน่ะ

แต่โลกใบจิ๋วของโมโม่กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อพี่สาวซูซูหมุนเงินไม่ทันใช้
เลยแอบเอาห้องว่างที่พ่อแม่เคยอยู่ไปปล่อยเช่าให้กับอี้จื่อ

และไม่ใช่แต่โลกของโมโม่เท่านั้น มันจะกระทบกระเทือนไปถึงโลกของเจียเซินด้วย



แล้วอดีตซุปเปอร์สตาร์ก็ยอมโผล่หน้ามาเรียนหนังสือที่มหา'ลัย ด้วยมาดเก๊กล้นเหลือและอาการหลงตัวเองค่อนข้างโคม่า .. เพราะมาร์สยังเข้าใจอยู่นั่นเองว่าเขาเป็นดาราดังที่นักข่าวยังรุมล้อมและสาวๆ ยังรุมตอม

แต่ ยัยเฉิ่มหัวเห็ดฟางเชยๆ คนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า "เฉินโมโม่" กลับไม่รู้จักว่ามาร์สคือใคร และใครคือมาร์ส ไม่ว่าจะตอนโด่งดังหรือตอนตกอับชื่อของมาร์สไม่เคยเฉียดกรายมาเฉียดต่อมการรับรู้ของโมโม่สักนิด

เมื่อมาร์สยังคงหลงตัวเอง หลงเอาปากกาหมึกดำไปเขียนลายเซ็นต์ตัวเบ้งๆ ละเลงลงตรงหน้าเจ้าชายคาซาบะบนปกการ์ตูนของโมโม่...

ยัยโมโม่ คือคนที่กระตุ้นให้มาร์สเริ่มทำใจยอมรับความจริงว่า
ในโลกนี้ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะชอบมาร์ส และมาร์สไม่ใช่ดาราดังอีกต่อไปแล้ว

แต่เราก็ผูกกัน ( ผูกใจเจ็บ )

ยิ่งกว่านั้น .. สัญญาเช่าที่อี้จื่อส่งมาในนามผู้เช่า "จวงจุนหนาน" ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนอื่น ... ชื่อบ้านนอกๆ ถึงขนาดทำให้สาวเงียบเรียบร้อยยิ้มยากอย่างโมโม่หัวเราะคิกออกมาได้ ก็คือคนเดียวกันกับชื่อในวงการ
ที่ตั้งอย่างเท่ห์ๆ ว่า MARS

เวลาจะทำอะไรสักอย่าง มาร์สชอบใช้ประโยคที่ภูมิใจในตัวเอง
"ฉันคือใคร"
ปกติ อี้จื่อลูกคู่ผู้ภักดีจะตอบเอาใจว่า "คุณคือ..มาร์ส"

ถ้าแม่ถามมาร์สด้วยอาการอย่างเดียวกัน
"ลูกคือใคร"
มาร์สจะตอบด้วยความภูมิใจไม่แพ้แม่
"ผมคือ MARS"

แต่ถ้ามาร์สถามโมโม่
"ฉันคือใคร"
โมโม่ตอบสั้นๆ
"จวง-จุน-หนาน"


ฮ่า ฮ่า ตลกดี



เมื่ออยู่บ้านเดียวกัน ก็มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น โกรธเคือง ห่วงใย เห็นอกเห็นใจกัน เป็นความผูกพันน่ารัก เช่นเดียวกับละครแนว "พระเอกนางเอกอยู่บ้านเดียวกัน" เหมือนเรื่องอื่นๆ นั่นแหละค่ะ

โมโม่เป็นคนเงียบ ขรึมๆ ไม่ยิ้ม และเจ้าระเบียบ ส่วนมาร์ส เป็นคนร่าเริง พูดมาก และขี้เก๊ก และเมื่อมีอาเจ้ซูซู เป็นตัวป่วน คอยสอดส่องสองหนุ่มสาวเพื่อจุ้นทุกเรื่อง แถมยังนำความเดือดร้อนมาให้
อีกต่างหาก เจ้ซูซูก็เป็นสีสันของที่สนุกดี

เนื้อเรื่องก็คงไม่ยากที่จะคาดเดา

มาร์ส ที่เพียรพยายามจะหวนกลับไปสู่วงการและความโด่งดังอีกครั้ง พร้อมคำสัญญาจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเอเชียให้ได้

โมโม่ ที่แม้จะเฉิ่มเชย นิ่งเงียบ เรียบร้อย อยู่แต่บ้าน และแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาตรงๆ มากนัก
แต่ก็กลายเป็นแรงผลักดันให้มาร์สมีกำลังใจฮึดสู้

มาร์ส ผู้ชายที่ดูทะลึ่ง ทะเล้น และหลงตัวเองอย่างหนัก แต่เวลาร้องไห้ก็น่าสงสาร เวลาจริงจังก็สุดจะเท่ห์ และที่สำคัญเป็นที่พึ่งพาได้ในยามยาก (ถ้าขาดข้อนี้ไป เดี๋ยวจะดูไม่แมน)

อี้จื่อ เป็นผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นเพื่อนแท้จึงพยายามอย่างหนักที่จะทำให้มาร์สมีโอกาสหวนคืนสู่วงการ

พี่โทนี่ (โปรดิวเซอร์) ที่ยังคงเชื่อในความสามารถและพรสวรรค์ของมาร์ส และจ้องรอคอยจังหวะอย่างใจจดใจจ่อเพื่อจะส่งมาร์สขึ้นเวทีอีกครั้ง เมื่อมีโอกาสให้ทำ พี่โทนี่จะทำทุกทาง

แต่...

มาร์สก็หวงศักดิ์ศรีสุดชีวิต ไม่ขายความรู้สึกเพื่อเงิน ไม่ก้มหัวเพื่องาน และไม่ยอมเกาะกระแสใครดัง

แต่

มาร์สมีมีอี้จื่อที่ต้องการจะหลุดพ้นจากการโขกสับของอาเบนคู่อริ มีแม่ที่คาดหวัง และมีคำสัญญาที่ให้ไว้กับยัยเฉิ่มเฉินโมโม่

เมื่อมาร์สผงาดคืนสู่วงการ

เป็นนักร้องนักแสดงหนุ่มยอดนิยม
และการกลับมาของแฟนเก่าที่เป็นนักร้องสาวชื่อดัง
กับสาวเงียบ เรียบสนิทที่ตกยุคอยู่แต่ในบ้าน

โลกก็แยกกันคนละใบ


แต่เมื่อพระเอกนางเอกรักกัน และไม่มีมะเร็ง หรือโรคร้ายใดมาพรากไป .. ไม่ต้องบอกใบ้
ก็คงรู้ว่าต้องจบสดใสแบบ Happy Ending แน่นอน



////////////////////////////////////////


เรื่องนี้ดูเรนนี่ คนเดียวก็คุ้มแล้ว ยิ่งได้ดูจิโร่ ยิ่งคุ้มไปใหญ่ น่ารักทั้งสองคน โดยเฉพาะเรนนี่ ต่อให้ทำผมทรง "หัวเห็ดฟาง" ซึ่งเป็นคนปกติทั่วไปอาจไม่กล้าออกไปเดินตามท้องถนน แต่หัวเห็ดฟาง มิได้กระทบกระเทือนความน่ารักของเรนนี่ให้ลดน้อยลงไปแม้แต่นิด แม้ว่าบทของเรนนี่จะผิดคาดไป คิดว่าจะร่าเริงสดใสออกแนวคู่กัดคู่ฮาซะอีก ตรงกันข้ามเลยคือเรนนี่เงียบๆ ขรึมๆ และยิ้มน้อยมาก และถ้ายิ้มก็แค่ยิ้มนิดๆ เท่านั้นเอง


แต่เรนนี่ก็ยังสวยน่ารัก ตาใสปากสวย (ปากของเรนนี่ บางหยักสวยเหมือนกันเลยกับของจิโร่ สังเกตดีๆ จะเห็นว่าเป็นรูปปากที่เหมือนกัน) ชอบเรนนี่ตรงที่เป็นคนร้องไห้สวยด้วย ยิ่งตอนน้ำตาเริ่มคลอปริ่มๆ จะหยดไม่หยดแหล่ล่ะก็นะ เยี่ยมไปเลย

ชักอย่างจะเห็นเรนนี่ตอนแก่ .. จะยอมแก่มั้ยเนี่ย .. หน้าตาไม่เปลี่ยนเลย เคยดูเด็กยังไง ก็ยังเด็กอยู่อย่างนั้น และกำลังจะรอดูเรื่องใหม่ที่เรนนี่เล่นกับเสี่ยวจู

ตัวละครที่โดนใจที่สุดในเรื่องนี้คือ

พี่โทนี่ (Bao Wei Ming ) ทำผมใส่แว่นอย่างนั้น ไม่รู้ทำไมดูคล้ายพี่เบิร์ด ธงไชยจังเลย ชอบพี่โทนี่ที่สุด เพราะพี่โทนี่สามารถทำให้เครียดและทำให้ขำในเวลาเดียวกัน เป็นคนที่ห่วงผลประโยชน์ที่สุด แต่นั่นก็เป็นประโยชน์ของทุกๆ ฝ่าย นั่นคือผลประโยชน์ของบริษัท และผลดีต่อตัวมาร์สเอง มาร์สคิดในมุมของศิลปิน แต่พี่โทนี่คิดในมุมของโปรดิวเซอร์ ความใจร้อนวู่วามของมาร์สมักทำพี่โทนี่ของขึ้นและลมจะใส่ มาร์สทำเรื่องเดือดร้อนพี่โทนี่ก็ด่า ด่า ด่า แต่สุดท้ายพี่โทนี่ก็ช่วย เรื่องที่พี่โทนี่คัดค้าน และไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม แต่สุดท้ายพี่โทนี่ก็ใจอ่อน

อีตาพี่โทนี่ จึงน่ารักกว่าใคร ตลกดี

เนื้อเรื่องจัดให้เป็นเรื่องที่สนุกน่ารักเรื่องหนึ่ง และมีเพียง 12 ตอน สั้นสุดแล้วนะเท่าที่เคยดูซีรีย์ไต้หวันซึ่งปกติจะมี 20-24 ตอน ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นดูกันเหนื่อยก็ไม่จบซะที

เพลง ... มีทั้งเพลงที่จังหวะกลางๆ ฟังสบาย แต่ชอบเพลงที่ในเรื่องพระเอกเป็นคนแต่ง และใช้สร้างความสุดโรแมนติกในตอนจบ


แต่สำหรับสิ่งที่ประทับมากในเรื่องนี้ คือ "สี"

สี่เนี่ยนะ !?

สีจริงๆ ค่ะคุณผู้อ่าน ถ้าลองหามาดู จะรู้ว่าเรื่องนี้ทำโทนสีสวย นอกจากสวยแล้วยังสว่างสดใสด้วย ปกติก็ดูแต่ละครไม่ได้มามัวนั่งพิจารณา ฉาก วิว สถานที่ สี แสง เงา กันหรอกค่ะ ถ้ามันไม่โดดเด่นเข้าตามาเอง และที่สำคัญสร้างความรู้สึกให้ด้วย

เวลาเปลี่ยนฉากเปลี่ยนตอน จะมีภาพท้องฟ้า เช้า สาย บ่าย เย็น ขึ้นมาบ่อย
และฟ้าเอย เมฆเอย เป็นภาพฟ้าสวย

สถานที่ทุกสถานสี สีสันจะสด ตึก อาคาร บันได กำแพง รั้วบ้าน สวนดอกไม้ ดูเรื่องนี้แล้วเกิดอารมณ์อยากจะรื้อวอลเปเปอร์บ้านตัวเองออก และลงวอลเปเปอร์ใหม่จะเอาลายดอกไม้สีเหลืองในห้องนั่งเล่นของนางเอกนั่นเลยทีเดียว ลายเหลี่ยมของบ้านบนชั้นสองก็น่าสน ลายดอกไม้สีชมพูที่ห้องนอนของนางเอกก็น่าลอง (แต่กิเลสทั้งหลายดับลงได้ง่ายๆ แค่ไม่มีตั้งค์ หุหุ ) ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ผ้าปูรองนั่ง หมอนอิง หมอนเล็ก หมอนน้อย หรือแม้แต่ห้องทำงานของพี่โทนี่ สิ่งของที่อยู่ในกล่องใส่เครื่องเขียนบนโต๊ะทำงาน ตลอดไปจนถึงการแต่งกายของตัวละคร มันดูสดใส ถ้าไม่ฉูดฉาดตัดกันสวยดี ก็ Matching กันกลมกลืนเกิน ดูให้ความสำคัญกับรายละเอียดสีสัน แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่ก็นั่นแหละภาพจึงออกมาสวยสดใส

การจัดภาพก็สวย ... ยกตัวอย่างเช่น จากดาดฟ้าบ้านของนางเอก ... ตัวละครจะอยู่กลางฉากทิวเขาในตอนกลางวัน และอยู่ท่ามกลางดวงดาวในตอนกลางคืน จากดาดฟ้าบ้านของอี่จื่อ...ก็จะเป็นวิวอีกแบบหนึ่ง

โดยเฉพาะฉากการพบกันครั้งแรก ของโมโม่กับมาร์ส บนถนนสันเขื่อนกั้นทะเลสาบ หลังจากที่มาร์สกลับไปดังอีกครั้ง การวางมุมภาพและให้สีเสื้อผ้าตัวละคร สีถนน สันเขื่อน มีท้องฟ้า ทำออกมาสวยถูกใจซะจริง

ชอบสีของเรื่องนี้เพราะสดสวย...สุโค่ย



ขอบคุณภาพสวยสดใสจาก

Boombin : //www.dvdtook.com/forum/showthread.php?t=16215

//www.mylovecd.com/catalog.php?idp=1506

//series-8.blogspot.com/2009/12/superstar-express-1.html


Create Date :11 มกราคม 2553 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:44:17 น. Counter : Pageviews. Comments :1